บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 473 เอาชีวิตรอด

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 473 เอาชีวิตรอด

บทที่ 473 เอาชีวิตรอด

ปี้หลิงอวิ้นและฉินเซียวต่างแสดงความดูถูกเหยียดหยามผ่านสายตา จากนั้นพวกเขาก็โคจรพลังอย่างรวดเร็ว โดยตั้งใจที่จะใช้พลังเพื่อฉีกร่างของเฉินซีจากภายใน

“ดูดซับ!”

เฉินซีในขณะนี้คำรามเสียงดังกึกก้อง อีกทั้งยังไม่เพียงแต่ไม่ต้านทานพลังเหล่านี้เท่านั้น เขายังชักนำกระแสพลังทั้งสองเข้าสู่ร่างกายด้วยความตั้งใจ เนื่องจากเขาต้องการใช้มันผสานกับปราณแท้ เพื่อพิชิตเพลิงลงทัณฑ์ที่อยู่ภายในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขา

ในเวลาเดียวกัน จิตวิญญาณของเขาได้เชื่อมโยงเข้ากับฟ้าดิน โดยตั้งใจจะชักนำสายฟ้าลงทัณฑ์ที่อยู่บนท้องฟ้าลงมา

ครืนนน!

คลื่นความผันผวนที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่งได้แผ่ออกมาจากจุดที่เขายืนไปยังทุกทิศทุกทาง ทำให้ซากปรักหักพังโดยรอบราบเป็นหน้ากลอง ซึ่งมันไม่ต่างกับคลื่นยักษ์ที่ซัดสาดอย่างเกรี้ยวกราด จึงทำให้สีหน้าของผู้เยี่ยมยุทธ์ที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่ในระยะไกลดูตกตะลึงในทันที จากนั้นพวกเขาก็รีบล่าถอยอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเกรงว่าตนเองจะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ

ก้อนหินและภูเขาในระยะพันลี้ถูกคลื่นพลังจนสลายเป็นผุยผง ในขณะที่พื้นดินได้แยกออกจากกันจนเป็นรอยแยกขนาดใหญ่ที่เหมือนกับใยแมงมุมที่มีความยาวถึงหกลี้ นอกจากนั้น มิติยังแตกเป็นเสี่ยง ๆ แผ่นดินทรุดลงและโลกทั้งใบก็ดูจะบิดเบี้ยว

เฉินซีร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด ขณะที่ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว เขาเจ็บปวดราวกับถูกเฉือนด้วยใบมีดนับหมื่นเล่ม เช่นเดียวกับวิญญาณที่รู้สึกราวกับกำลังถูกแยกออกจากกันทีละนิด อีกทั้งยังรู้สึกถูกเผา ถูกทรมาน ถูกฟาดและถูกบดขยี้

ความรู้สึกต่าง ๆ ที่เขาเผชิญอยู่นั้น เหมือนกับทั้งร่างกายถูกเผาไหม้อยู่ในเตากลั่นแห่งการชำระล้าง ซึ่งมันยากที่จะทานทน!

และถึงแม้ว่าเฉินซีจะเผชิญกับความยากลำบากที่เกิดขึ้นในระหว่างบ่มเพาะจนกระทั่งถึงตอนนี้ แต่เขาก็สามารถผ่านพ้นมันมาได้เสมอ

แต่ความทรมานที่ได้รับในวันนี้ เกือบทำให้ชายหนุ่มพังทลาย เนื่องจากในแต่ละช่วงเวลาที่ผ่านพ้นไป เขาต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดและการทรมานที่ไม่มีใครเทียบได้

เพลิงลงทัณฑ์ลุกโชนขึ้นอยู่รอบตัวเขา จากนั้นก็โหมกระหน่ำไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และดูเหมือนว่าพวกมันกำลังจะควบแน่นเข้าด้วยกัน แต่กลับแยกออกจากกัน

ในขณะที่บนท้องฟ้าเหนือศีรษะ สายฟ้าลงทัณฑ์กำลังส่งเสียงคำรามดังกึกก้องและสายฟ้าสีแดงเข้มก็ส่องประกายเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งดูเหมือนว่าพวกมันใกล้จะผ่าลงมาในไม่ช้า

“เขาดูจะหยิบยืมพลังของคู่ต่อสู้เพื่อบดขยี้เพลิงลงทัณฑ์ ยิ่งไปกว่านั้น ยังชักนำสายฟ้าลงทัณฑ์เพื่อควบแน่นกงล้อสังสารวัฏในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขาและพิชิตทัณฑ์สวรรค์!”

ผู้ชมทั้งหมดอ้าปากค้าง

“เฉินซีคนนี้กล้าหาญจริง ๆ หรือว่าเขาจะไม่รู้ตัวว่าความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เขาเสียชีวิตได้!”

ซึ่งไม่ต้องกล่าวถึงปี้หลิงอวิ้นกับฉินเซียว ซึ่งจะไม่มีวันให้ความร่วมมืออย่างเชื่อฟังเลย!

ความเป็นจริงก็เป็นไปตามที่ทุกคนคาดไว้ ปี้หลิงอวิ้นและฉินเซียวไม่ต้องการสิ่งอื่นใด นอกจากอยากให้เฉินซีตายโดยเร็วที่สุด ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มมีโอกาสเอาชีวิตรอด จากนั้นพวกเขาก็ระดมพลังทั้งหมดเพื่อพุ่งเข้าใส่ร่างของเฉินซีอย่างรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเหมือนกับสัตว์ประหลาดดุร้ายสองตัวที่กำลังอาละวาดด้วยความตั้งใจที่จะแยกร่างชายหนุ่มออกจากกัน

ร่างกายของเฉินซีเจ็บปวดจนเขาครวญครางออกมาและไอเป็นเลือดไม่หยุด เส้นลมปราณทั่วร่างกายของเขารู้สึกราวกับถูกแผดเผา และมีรอยแตกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนเนื้อหนัง ทำให้ดูเหมือนกับว่าร่างของเขากำลังจะระเบิดในไม่ช้า

แต่ความรู้สึกเจ็บปวดที่รุนแรงอย่างมากนี้กลับกระตุ้นความดุร้ายของเฉินซีแทน

เขาคำรามออกมาด้วยความโกรธา ขณะที่พายุสายฟ้าก็ส่งเสียงดังก้องเหมือนเสียงฟ้าร้อง จากนั้นเขาก็ชักนำพลังของปี้หลิงอวิ้นและฉินเซียว ทะลวงเข้าสู่ท้องทะเลแห่งลมปราณของตน และใช้พลังของพวกเขาบดขยี้เพลิงลงทัณฑ์!!

ถูกต้อง! เฉินซีไม่ได้คิดที่จะยอมแพ้ แม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ได้ท้อถอยเลยและยังคงพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อจะใช้พลังของศัตรูในการพิชิตทัณฑ์สวรรค์แห่งการจุติที่แสนอันตรายนี้

ครืนน!

พายุสายฟ้าส่งเสียงคำรามดังกึกก้องและเมื่อมันมาถึงจุดสูงสุด มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมา และภายในนั้นได้มีปลาสีดำขนาดใหญ่กำลังแหวกว่ายก่อนจะกลายเป็นร่างเงาที่บดบังท้องฟ้าของคุนเผิง!

คุนเผิงได้เปลี่ยนร่างจากปลากลายเป็นวิหคเมื่อทะยานออกจากทะเล ปีกของมันลอยอยู่บนท้องฟ้าและปกคลุมพื้นที่นับหมื่นลี้ มันกำลังกระพือปีกเพื่อขึ้นสู่สวรรค์ทั้งเก้า ขณะท่องไปในจักรวาลอันไร้ขอบเขต และกลืนกินทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

ร่างเงาสีทองของคุนเผิงได้ปรากฏขึ้นในขณะนี้และได้กลืนกินพลังงานทั้งหมดที่อยู่รอบข้าง ซึ่งแท้จริงแล้ว มันได้กลืนกินและขัดเกลาพลังงานทั้งหมดที่เฉินซีชักนำเข้ามาโดยตรง

“บัดซบ!” ใบหน้าของปี้หลิงอวิ้นกับฉินเซียวดูเคร่งขรึมเมื่อพวกเขาพบว่าสถานการณ์นั้นเกินความคาดหมาย ปราณแท้ พลังชีวิต หรือแม้แต่แก่นโลหิตของพวกเขากำลังพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเฉินซีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งดูเหมือนว่ามันกำลังสนับหนุนชายหนุ่มในการระงับเพลิงลงทัณฑ์อยู่

“ทุ่มพลังออกไปให้หมด!” ทั้งคู่ตัดสินใจทันทีและใช้พลังทั้งหมดด้วยความตั้งใจที่จะพลิกสถานการณ์

ทว่าพวกเขากลับต้องประหลาดใจแทน เนื่องจากการต่อต้านและดิ้นรนของพวกเขาดูจะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ซึ่งมันถึงขั้นที่พวกเขารู้สึกราวกับตัวเองได้ตกลงไปในหนองน้ำอันไร้ก้นบึ้ง ทำให้พวกไม่สามารถเคลื่อนไหวและถูกขังอยู่ตรงนั้น

“อะไรกัน! เขากำลังจะสำเร็จแล้วจริง ๆ หรือ?”

“ไม่ ทัณฑ์สวรรค์ยังไม่จุติลงมา และยังมีโอกาสที่จะสังหารมันอยู่ เร็วเข้า! ฉวยโอกาสนี้หยุดมันซะ! อย่าปล่อยให้มันได้โอกาสและพิชิตทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จเป็นอันขาด!”

ในขณะนี้ เหวยคง เฉิงเฟิง และคนอื่น ๆ อีกสองสามคนที่ยังคงอยู่หลังจากเผชิญกับการต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัวก่อนหน้านี้ พวกเขาสังเกตเห็นว่าสถานการณ์ไม่ได้ราบรื่นนัก จึงพุ่งเข้าใส่ทันที

ซึ่งแม้แต่เผยอวี่ก็พุ่งเข้าหาเฉินซีโดยปราศจากความลังเล

เนื่องจากคนทั้งหมดไม่อาจทนได้หากเฉินซีจะมีโอกาสรอดชีวิต แล้วนับประสาอะไรกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เพราะเมื่อเฉินซีทำได้สำเร็จ มันจะเป็นหายนะครั้งใหญ่อย่างแน่นอน!!

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเข้าถึงตัวเฉินซี พวกเขากลับถูกคลื่นผันผวนอันน่าสะพรึงกลัวขัดขวางเอาไว้ ทำให้ร่างของพวกเขาสั่นสะเทือนจนกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ดังนั้นพวกเขาจึงกระจายตัวไปรอบ ๆ และพบว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะรุกเข้าไปใกล้กว่านี้

อาณาเขตที่น่าสะพรึงกลัวจนเกินจะพรรณาได้ก่อตัวขึ้นที่นี่!

เมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของเผยอวี่และคนอื่น ๆ พลันบิดเบี้ยวเหยเกทันที

“หรือว่าเราจะทำได้เพียงแต่เฝ้าดูมันระงับเพลิงลงทัณฑ์อย่างหมดหนทาง?

แม้ว่าเฉินซีในขณะนี้จะเจ็บปวดสาหัสและดูเหมือนร่างกายจะแตกสลาย แต่เขากลับรู้สึกตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาได้ทำลายเพลิงลงทัณฑ์ไปเกือบหมด โดยอาศัยพลังงานที่กลืนกินและขัดเกลาจากฉินเซียวและปี้หลิงอวิ้น

ทุกสิ่งดูเหมือนกับกำลังจะพลิกกลับ

เวลาผ่านไปทีละนิด ร่างของเฉินซีก็เปล่งประกายเจิดจ้ายิ่งขึ้น เพลิงลงทัณฑ์ที่อยู่ในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขาก็แทบจะเลือนราง ราวกับว่าพวกมันกำลังใกล้จะมอดดับ ยิ่งไปกว่านั้น แกนทองคำที่หลอมละลายไปของเขาดูเหมือนจะกลับมาควบแน่นอีกครั้ง และมันไม่ได้ควบแน่นเป็นแกนทองคำอย่างเคย แต่กลับกลายเป็นกงล้อสังสารวัฏแทน!

เมื่อเพลิงลงทัณฑ์ได้มอดดับลง แกนทองคำจะเปลี่ยนเป็นกงล้อสังสารวัฏแทน

เมื่อสายฟ้าลงทัณฑ์ถูกขจัดออกไป ดวงวิญญาณจะเกิดการเปลี่ยนแปลงและสร้างแกนวิญญาณขึ้นมา ซึ่งมันจะถูกหล่อเลี้ยงอยู่ภายในกงล้อสังสารวัฏ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เฉินซีต้องตึงเครียดนั้น เป็นเพราะสายฟ้าลงทัณฑ์ที่อยู่บนท้องฟ้ายังไม่ผ่าลงมา แต่กลับทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสายฟ้าบางส่วนได้กลายเป็นเงาภาพของพระราชวัง ภูเขา และแม่น้ำมากมาย!

ภาพที่เห็นนั้นกว้างใหญ่และน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง มันดูเหมือนกับโลกใบเล็ก ๆ ที่ถูกควบแน่นอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งมีทั้งท้องฟ้าและผืนดินอันกว้างใหญ่ที่เกิดจากพลังงานของสายฟ้าลงทัณฑ์ ในขณะที่อาวุธต่าง ๆ ภูเขา แม่น้ำ พระราชวัง เจดีย์ และอื่น ๆ ก็ถูกควบแน่นจนเป็นรูปเป็นร่างเช่นเดียวกัน ทำให้มันขาดเพียงสิ่งมีชีวิตเท่านั้น

ทุกสิ่งที่กำเนิดจากสายฟ้าลงทัณฑ์ ล้วนมีพลังที่สามารถบดขยี้ฟ้าดินได้ เพราะพวกมันคือการลงทัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากพลังแห่งเต๋าสวรรค์ ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังมีอานุภาพที่ยิ่งใหญ่จนถึงขั้นสั่นสะเทือนฟ้าดินได้

ดังนั้นทุกคนที่มองดูอยู่จึงตกตะลึงจนเป็นใบ้ และร่างกายของพวกเขาก็สั่นสะท้านหนัก

“สวรรค์! สายฟ้าลงทัณฑ์กำลังก่อตัวขึ้นและกลายเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ หรือว่าคนผู้นี้คืออัจฉริยะที่หาได้ยากในรอบหมื่นปีและต้องทนทุกข์ทรมานกับทัณฑ์สวรรค์อันน่าสะพรึงกลัวนี้!?”

ทุกคนแทบหายใจไม่ออกและไม่กล้าเชื่อสายตาตนเอง หากทัณฑ์สวรรค์เกิดขึ้นจริง พวกเขาต่างรู้สึกว่าตนเองย่อมไม่อาจต้านทานสายฟ้าลงทัณฑ์เช่นนี้ได้อย่างแน่นอน

ครืนนน!

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่เฉินซีกำลังจะควบแน่นกงล้อสังสารวัฏในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขา ก็มีเสียงดังกึกก้องที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งฟ้าดินเกิดขึ้น และส่องสว่างไปทั่วทั้งฟ้าดินก่อนที่จะกลายเป็นง้าวสายฟ้าสีแดงเข้มที่ฟันลงมาที่เฉินซี

ง้าวสายฟ้าในขณะนั้นได้ส่องแสงเจิดจ้าไปทั่วทั้งฟ้าดินและสว่างไสวเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างตกตะลึง

ตู้ม!

ง้าวสายฟ้าพุ่งเข้าใส่เฉินซีโดยตรงและระเบิดเขาจนกระเด็นออกไปเหมือนว่าวที่สายป่านขาด เลือดได้พุ่งออกจากปากและปรากฏบาดแผลอันน่าสะพรึงกลัวบนร่างกาย ซึ่งดูราวกับร่างของเขาเกือบจะถูกแยกออกจากกัน

และกงล้อสังสารวัฏที่อยู่ในร่างกายของเขาก็เลือนรางลง ก่อนจะกลับคืนสู่แกนทองคำในรูปแบบของเหลวอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น เพลิงลงทัณฑ์ก็เริ่มลุกโชนอยู่ในตัวเขาอีกครั้งเช่นกัน!

ตัวเฉินซีคลุกไปกับฝุ่นผง รอยแผลบนร่างกายของเขานั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่งและอาการบาดเจ็บของชายหนุ่มก็รุนแรงถึงขีดสุด ตราบใดที่สายฟ้าลงทัณฑ์ได้ผ่าลงมาหรือมีใครบางคนโจมตีอีกเพียงครั้งเดียว เขาจะระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ และกลายเป็นกองเนื้ออย่างแน่นอน

เขาฝืนกัดฟันแน่นและไม่กล่าวอะไร เนื่องจากชายหนุ่มกำลังโคจรปราณจ้าววิญญาณเพื่อซ่อมแซมร่างกายอย่างเงียบ ๆ และยังสงวนใบหน้าที่ไร้อารมณ์อย่างเช่นเคย

ในช่วงเวลาที่สำคัญ เขากลับถูกขัดจังหวะด้วยสายฟ้าลงทัณฑ์ และแม้แต่โอกาสอันน้อยนิดที่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้มันมาก็สูญเสียไป ทำให้เขาเกือบจะเสียชีวิต

…การระเบิดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ หากเป็นผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ ก็คงจะสิ้นหวังและเลิกขัดขืนไปตั้งนานแล้ว

แต่เฉินซีไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขาจ้องมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดและรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองอย่างเงียบ ๆ

หลังจากที่ปล่อยง้าวสายฟ้าออกมา โลกสายฟ้าที่พลุ่งพล่านบนท้องฟ้าดูจะตกอยู่ในความเงียบงัน และดูเหมือนว่ามันกำลังค่อย ๆ สะสมพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศที่เงียบสงัดได้กดดันทุกคนจนถึงจุดที่พวกเขาหายใจไม่ออก

ห่างออกไปไม่ไกลนัก ปี้หลิงอวิ้นและฉินเซียวก็ได้รับผลกระทบจากสายฟ้าลงทัณฑ์เช่นกัน ทำให้ร่างของพวกเขากระเด็นออกไปดั่งว่าวที่สายป่านขาดและกระอักเลือดออกมาจำนวนมาก ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว แต่อาการบาดเจ็บของพวกเขายังเบากว่าเฉินซีมาก

ทุกคนที่อยู่ในนั้นล้วนตกตะลึงหลังจากได้เห็นเหตุการณ์นี้ สายฟ้าที่ยิ่งใหญ่และทรงอานุภาพคือตัวแทนของพลังสวรรค์อันยิ่งใหญ่ ซึ่งไม่ได้ผ่าลงมานานแล้ว แต่จู่ ๆ กลับผ่าลงมายังเฉินซีซึ่งกำลังจะควบแน่นกงล้อสังสารวัฏได้สำเร็จ นี่อาจเป็นดังคำกล่าวที่ว่า พลังสวรรค์นั้นยากหยั่งถึงและไม่อาจต้านทานได้?

“แน่นอนว่าการพิชิตทัณฑ์สวรรค์ในระหว่างการต่อสู้นั้น มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะประสบความสำเร็จ เพราะแม้แต่เต๋าแห่งสวรรค์ก็ไม่อาจทนต่อสิ่งผิดปกติเช่นนี้ได้ และเฉินซีที่อยู่ตรงหน้าเราก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด”

ใครบางคนลอบถอนหายใจ เพราะต่อให้คนผู้นั้นจะมีพรสวรรค์และความแข็งแกร่งที่ไร้เทียมทานสักแค่ไหน หากเขาต่อต้านกฎแห่งสวรรค์แล้วละก็ คนผู้นั้นต้องทนทุกข์ทรมานผ่านการลงทัณฑ์และความยากลำบาก แม้กระทั่งชีวิตก็อาจจะดับสูญ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า… แม้แต่เต๋าแห่งสวรรค์ก็ไม่อาจปล่อยให้สิ่งผิดปกติเช่นเจ้าคงอยู่ได้ รีบชดใช้บาปของเจ้าด้วยความตายซะ!” หลังจากตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เผยอวี่และคนอื่น ๆ ก็เริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ขณะที่พูด ร่างของพวกเขาก็พุ่งเข้าหาเฉินซีอย่างรุนแรงด้วยเจตนาสังหาร เนื่องจากพวกเขาต้องการฉวยโอกาสที่จะฆ่าชายหนุ่มในยามที่อ่อนแอที่สุด!

ฟุ่บ!

เฉินซีกระโจนขึ้นจากพื้นก่อนจะหมุนตัวและจากไปด้วยความเร็วสูง ทำให้เขาหายลับไปในขอบฟ้าในพริบตา ในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนหน้านี้ เขาเพิ่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บสาหัสที่ถึงตาย ทำให้ไม่อาจปกป้องตัวเองได้

ซึ่งเมื่อเผชิญกับการตอบโต้ของคนเหล่านี้ในขณะนี้ เขาก็ไร้ซึ่งพลังที่จะต่อสู้กับคนพวกนี้จนถึงที่สุด ด้วยเหตุนี้ จึงทำได้เพียงแต่ต้องหลบหนีเป็นการชั่วคราวและพยายามฟื้นตัวต่อในระหว่างหลบหนีเท่านั้น

“ตามมันไป!” เผยอวี่และคนอื่น ๆ จะปล่อยโอกาสอันดีงามเช่นนี้ไปได้อย่างไร? เฉินซีบาดเจ็บสาหัสและใกล้จะตาย ซึ่งมันเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะฆ่าเขา หากพลาดโอกาสนี้ไป พวกเขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน!!

ในเวลาเดียวกัน ปี้หลิงอวิ้นและฉินเซียวก็ทะยานขึ้นเพื่อไล่ตามร่องรอยที่เฉินซีทิ้งไว้

อันที่จริง พวกเขาไม่จำเป็นต้องแยกแยะทิศทาง เพียงแค่เงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าเท่านั้น เพราะเมื่อเฉินซีจากไป มวลเมฆทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่บนท้องฟ้าก็เคลื่อนตัวไปพร้อมกับเขา และมันก็ไล่ตามชายหนุ่มดั่งเงาที่เห็นได้อย่างชัดเจนมาก

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่ว่าเฉินซีจะหนีหรือซ่อนตัวอยู่ที่ใด ตราบใดที่พวกเขาพบสายฟ้าลงทัณฑ์บนท้องฟ้า ก็จะสามารถพบร่องรอยของชายหนุ่มได้อย่างง่ายดาย

ในขณะเดียวกันกับที่พวกเขามองไปยังร่างโดดเดี่ยวที่หนีเอาชีวิตรอดพร้อมกับมวลเมฆทัณฑ์สวรรค์ที่ไล่ตามไป ความรู้สึกอันสยดสยองก็อดไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นในหัวใจของทุกคนที่ได้เฝ้าดูการต่อสู้

“ถ้าคนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ ในอนาคตเขาจะไปได้ไกลเพียงใดกัน??”

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท