บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 474 ความหมายที่แท้จริงของการจุติ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 474 ความหมายที่แท้จริงของการจุติ

บทที่ 474 ความหมายที่แท้จริงของการจุติ

อาณาเขตภายในเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นนั้นกว้างใหญ่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ราวกับทวีปที่ลอยอยู่เหนือทะเลบรรพกาล มันเต็มไปด้วยซากปรักหักพังและดินสีแดงเข้มที่แห้งแล้งอย่างสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้น สมบัติที่ส่องประกายเจิดจ้าจะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและคอยดึงดูดเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเป็นครั้งคราว

สมบัติเหล่านี้เป็นสมบัติที่ถูกทวยเทพทิ้งไว้หลังจากล้มตายจากการต่อสู้ในสมัยโบราณ และตราบใดที่สามารถสยบชิ้นใดชิ้นหนึ่งได้ มันก็เพียงพอที่จะส่งเสริมผู้บ่มเพาะอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แต่เฉินซีไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ เขาใช้ปีกนภาดารกะด้วยพลังทั้งหมดและทะยานไปยังฟ้าดินที่ไร้ขอบเขตด้วยความเร็วสูงสุด ราวกับสายฟ้าที่พุ่งผ่านความว่างเปล่า

ร่างกายของเขาอาบไปด้วยเลือดและเต็มไปด้วยบาดแผล อีกทั้งยังเจ็บปวดสาหัสจากการที่ร่างกายถูกเผาไหม้ แต่สีหน้าของเขากลับแข็งทื่อและเย็นชาสุดขีด ราวกับเป็นหุ่นเชิดที่ไม่รู้จักความเจ็บปวด

ลมเย็นยะเยือกพัดใส่ใบหน้าของเขาและรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกใบมีดกำลังเชือดเฉือน ซึ่งได้พัดกระหน่ำใส่เสื้อผ้าและเผ้าผมที่เปื้อนเลือดจนปลิวไสวไปตามสายลม แต่มันก็ไม่อาจพัดพาความดื้อรั้นและจิตใจมุ่งมั่นที่ส่องประกายอยู่ในดวงตาของเฉินซีออกไปได้

มวลเมฆทัณฑ์สวรรค์บนท้องฟ้ากำลังโอบล้อมรอบและไล่ตามเขาไปในระหว่างที่ชายหนุ่มทะยานไปยังท้องฟ้า และสายฟ้าพร่างพราวสีแดงเข้มกำลังกลายเป็นโลกใบเล็ก ๆ ที่แผ่กลิ่นอายแห่งการทำลายซึ่งปรารถนาจะบดขยี้ฟ้าดิน

มันคือพลังแห่งสวรรค์และการลงทัณฑ์ ซึ่งไม่อาจหยั่งถึงและคาดเดาได้

ในขณะนี้ มันลอยอยู่เหนือท้องฟ้าและสายฟ้าก็ไม่ได้ผ่าลงมานานแล้ว ทำให้มันดูเหมือนกับกระบี่แหลมที่กำลังจ่ออยู่ที่คอและห้อยมาจากท้องฟ้าที่อยู่เหนือศีรษะ ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวังและอึดอัดใจ

“ความลับของสวรรค์ เต๋าแห่งสวรรค์ เจตจำนงของสวรรค์ การลงทัณฑ์ของสวรรค์… ฮ่า ๆ” สายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ที่ส่องประกายอยู่บนท้องฟ้าสะท้อนอยู่ในดวงตาของเฉินซี ขณะที่ริมฝีปากของเขาก็เต็มไปด้วยการเยาะเย้ย ซึ่งดูราวกับชายหนุ่มกำลังเยาะเย้ยเต๋าแห่งสวรรค์ แต่ก็ดูเหมือนว่าเขากำลังเยาะเย้ยตัวเองเช่นกัน แต่ในไม่ช้า การเยาะเย้ยก็แปรเปลี่ยนเป็นความเด็ดเดี่ยวและความเหี้ยมโหด

ถึงแม้ต้องตาย เขาก็จะไม่ยอมแพ้!

เฉินซีได้รับบาดเจ็บสาหัสและใกล้จะตาย อีกทั้งยังมีภัยคุกคามจากทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่บนท้องฟ้าและศัตรูอันทรงพลังก็กำลังไล่ตามอยู่ทางด้านหลัง การไล่ล่าที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อนได้เริ่มต้นขึ้น ทำให้ทั้งเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วสมรภูมิบรรพกาล ซึ่งได้ก่อให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในทันทีเมื่อทุกคนได้ทราบข่าว

ประการแรก ผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะทั้งหมดของราชวงศ์เสวี่ยหง ราชวงศ์เทียนหลาง และราชวงศ์ตงเซี่ยที่เข้ามาในเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นในครั้งนี้ ล้วนถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น ซึ่งข่าวนี้น่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก แต่ผู้ทำให้เกิดสิ่งนี้กลับเป็นชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่ต่อสู้กับศัตรูมากมายและทำการเข่นฆ่าทุกคนด้วยพลังที่ไม่อาจหยุดยั้งได้

ยิ่งกว่านั้น เขายังทำลายประกาศิตเซียนสวรรค์ของเผยอวี่ลงเช่นกัน ซึ่งความสามารถที่ท้าทายสวรรค์อันร้ายกาจเช่นนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกงุนงงสับสนและไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น

เรื่องนี้ได้กลายเป็นหัวข้อโต้เถียงครั้งใหญ่ไปทั่วทั้งสมรภูมิบรรพกาล และทุกคนต่างก็พูดถึงเรื่องนี้ ทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะแห่งราชวงศ์ต้าจิ้นที่ไม่ได้เข้าไปในเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นรู้สึกละอายใจจนไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้

นอกจากนั้น เฉินซียังได้ชักนำทัณฑ์สวรรค์ในขณะที่ถูกผู้เยี่ยมยุทธ์จำนวนมากปิดล้อม และตั้งใจที่จะบรรลุสู่ขอบเขตจุติในระหว่างการต่อสู้ ซึ่งเขาก็เกือบจะทำสำเร็จเสียด้วยซ้ำ แม้ว่าจะล้มเหลวในท้ายที่สุด แต่ก็น่าตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน

ในวันนี้ ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่เป็นอัจฉริยะจากราชวงศ์ต่าง ๆ ในสมรภูมิบรรพกาลทั้งหมดล้วนได้ยินถึงเรื่องนี้ และทุกคนกำลังกล่าวคุยกันอย่างอึกทึกครึกโครม

“จงมุ่งหน้าไปยังเกาะสมบัติที่ร่วงหล่น เพื่อสังหารเฉินซีซะ!”

คำสั่งนี้ได้ปรากฏขึ้นในราชวงศ์ต่าง ๆ มากมาย เช่น ราชวงศ์ระดับสูงอย่างราชวงศ์ต้าฉิน ราชวงศ์ต้าจิ้น ราชวงศ์ต้าเสวียน และราชวงศ์ต้าเฉียน ส่วนราชวงศ์ระดับกลางอื่น ๆ ก็ได้แก่ราชวงศ์เสวี่ยหง ราชวงศ์เทียนหลาง และราชวงศ์ตงเซี่ย ท้ายที่สุด ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ล้มตายด้วยน้ำมือของเฉินซีต่างก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหมดจากราชวงศ์เหล่านี้ เมื่อได้ยินว่าสหายของพวกเขากำลังประสบปัญหาในขณะนี้ พวกเขาก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้

ที่เกาะสมบัติที่ร่วงหล่นเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทางเข้าสู่ทะเลบรรพกาลและเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นได้ถูกปิดตาย

หลายราชวงศ์ได้ร่วมมือกันเพื่อค้นหาและไล่ล่าเฉินซี เพราะพวกเขาตั้งใจที่จะฆ่าเขาบนเกาะสมบัติที่ร่วงหล่น โดยไม่ให้โอกาสชายหนุ่มรอดชีวิต

พวกเขาสาบานว่าจะไม่หยุดจนกว่าจะฆ่าเฉินซีได้ มิฉะนั้นคงจะไม่อาจกินหรือนอนได้อย่างสงบ

นี่เป็นเหตุนองเลือดและกลียุคครั้งใหญ่ ทำให้พื้นที่ซากปรักหักพังทั้งหมดของเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นตกอยู่ในความโกลาหล

อีกด้าน เฉินซีไม่ได้นอนหรือพักผ่อนมาติดต่อกันหลายวัน เนื่องจากเขาต้องหลบหนีอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะไปที่ใด ศัตรูของเขาก็จะไล่ล่ามาอย่างรวดเร็ว เพราะมวลเมฆทัณฑ์สวรรค์มักจะปกคลุมท้องฟ้าเหนือศีรษะและตามติดดั่งเงาอยู่เสมอ ซึ่งสะดุดตาเป็นอย่างมาก

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ เขาได้เผชิญกับการปิดล้อมนับครั้งไม่ถ้วนและต่อสู้โดยไม่หยุดหย่อน ทำให้ร่างกายอาบไปด้วยเลือด และในระหว่างการเผชิญหน้าที่รุนแรงที่สุด เขาได้พบกับฉินเซียวและปี้หลิงอวิ้นอีกครั้ง!

ในการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าได้ทำให้อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสและร้ายแรงยิ่งขึ้น อีกทั้งพลังชีวิตในร่างกายก็ใกล้จะเสื่อมถอย

แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ทางออกของเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นได้ถูกปิดตาย และได้รับการปกป้องจากผู้เยี่ยมยุทธ์มากมาย ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางหนีออกจากที่แห่งนี้ได้อย่างสิ้นเชิง

สถานการณ์นี้ดำเนินต่อไปเป็นเวลาครึ่งเดือน ซึ่งในช่วงเวลานี้ ปราณจ้าววิญญาณของเฉินซีใกล้จะเหือดแห้งหมดแล้ว และเขาก็ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะฟื้นฟูอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นทั่วร่างกายไหว ดังนั้นร่างกายของชายหนุ่มจึงมีสภาพย่ำแย่และเต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บนับไม่ถ้วนในตอนนี้ ทำให้เขาสามารถตายได้ทุกเมื่อ และได้แต่พึ่งพาลมหายใจเฮือกสุดท้ายเพื่อประคองตัวเอง

ในที่สุดเขาก็หนีการตามล่าอีกครั้งและซ่อนตัวอยู่ในถ้ำบนเทือกเขาก่อนที่จะรักษาอาการบาดเจ็บอย่างเงียบ ๆ เนื่องจากเวลาของเขามีจำกัดและต้องใช้เวลาให้ดีที่สุด มิฉะนั้น ศัตรูของเขาจะไล่ตามมาถึงอีกครั้ง

รูปลักษณ์ของชายหนุ่มในตอนนี้ ดูคล้ายกับหมาป่าเดียวดายที่ได้รับบาดเจ็บและกำลังเลียบาดแผลของตัวเองอยู่ ซึ่งแสดงถึงความดุร้าย ไม่ยอมใคร และจะไม่ละทิ้งความหวังที่จะมีชีวิตรอด

เทือกเขาแห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยหมอก ท้องฟ้ามีพายุฝนฟ้าคะนองตลอดทั้งปี ดังนั้นการซ่อนตัวอยู่ภายในถ้ำจะทำให้เขาสามารถปกปิดตัวตนจากมวลเมฆทัณฑ์สวรรค์ที่ชักนำมาด้วยได้ในระดับหนึ่ง

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ เขามักจะครุ่นคิดอยู่เสมอว่าเหตุใดสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ถึงไม่ผ่าลงมาตลอดเวลา ชายหนุ่มคาดเดาและไตร่ตรองอย่างจริงจัง แต่ก็ไม่อาจหาข้อสรุปได้ และถึงขั้นที่เริ่มสงสัยว่าทัณฑ์สวรรค์นั้นจงใจต่อต้านเขา มิฉะนั้นทำไมมันถึงไม่ผ่าลงมาจนถึงตอนนี้?

หากเป็นคนอื่น ๆ ก็คงจะได้รับการทดสอบจากสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์และเกิดการเปลี่ยนแปลงในวันนั้นไปแล้วใช่หรือไม่? แต่สถานการณ์เช่นนี้ก็น่าแปลกเกินไป

เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และเริ่มตรวจสอบอาการบาดเจ็บของตน อาการบาดเจ็บที่ร่างกายของชายหนุ่มได้รับนั้นรุนแรงถึงขีดสุดและแทบจะรักษาไม่ได้ ร่างกายของเขาจึงทรุดโทรม กอปรกับการต่อสู้เสี่ยงตายนับไม่ถ้วนที่ได้พบเจอในช่วงเวลาครึ่งเดือนนี้ จึงทำให้พลังชีวิตในร่างกายของเขานั้นอ่อนแอลงจนเกือบเหือดแห้ง

“ข้าไม่มีวันยอมแพ้ต่อชะตากรรมเช่นนี้” เฉินซีพึมพำกับตัวเอง เนื่องจากเขาไม่เชื่อว่าตนเองจะถูกฆ่า และแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่เขาก็จะไม่ยอมแพ้และยังคงรักษาอาการบาดเจ็บของตน พร้อมกับวิเคราะห์เกี่ยวกับทัณฑ์สวรรค์ไปด้วย

ตู้ม!

การต่อสู้ได้เกิดขึ้นอีกครั้งในอีกหนึ่งชั่วยามต่อมา ศัตรูของเขาไล่ตามทันแล้ว เฉินซีจึงต้องต่อสู้อย่างสิ้นหวังจนร่างกายอาบไปด้วยเลือด จากนั้นเขาก็หลบหนีไปอีกครั้ง

หลังจากที่ชายหนุ่มหนีไปในคราวนี้ เขาได้มาถึงหนองน้ำที่เต็มไปด้วยแมลงมีพิษในที่สุด ร่างกายของเขาฉีกขาดเหมือนใยฝ้าย และดูเหมือนว่าลมกระโชกจะสามารถพัดเขาออกจากกันได้

เลือดสดได้ไหลออกมาและถูกกลืนกินโดยหนองน้ำที่มีกลิ่นเหม็นข้างใต้ และร่างกายทั้งหมดของชายหนุ่มก็ดูเหมือนกำลังใกล้จะถูกฝังอยู่ในหนองน้ำ

เฉินซีนอนหงายอยู่ในหนองน้ำ เขาจ้องมองไปที่มวลเมฆทัณฑ์สวรรค์ที่แผ่ขยายออกไปบนท้องฟ้าและส่งเสียงร้องหวีดหวิวออกมาอย่างแน่วแน่ สายฟ้าได้สั่นสะเทือนไปทั่วทุกทิศทาง เสมือนกับเป็นการเยาะเย้ยและถากถางจากเต๋าแห่งสวรรค์ จึงทำให้เขาโกรธเกรี้ยวและสั่นสะท้านเป็นอย่างมาก

“เจ้าคิดจะฆ่าข้าเหรอ? ไม่มีวันเสียหรอก!” เฉินซีเปล่งเสียงคำรามแหบแห้งออกมาจากลำคอ ราวกับสัตว์ร้ายใกล้ตายที่ติดกับดัก เขาได้ใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายเพื่อต่อสู้ดิ้นรนและพุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง!

ตราบใดที่ชีวิตยังคงอยู่ การต่อสู้จะไม่มีวันสิ้นสุด

ถ้ายังไม่อาจจุติได้ แล้วเขาจะยอมตายได้อย่างไร?

เขาเปิดใจอย่างสมบูรณ์และไม่สนใจว่าศัตรูจะเข้ามาใกล้หรือไม่ เขาไม่สนใจต่อภยันตรายที่อาจเกิดขึ้นในหนองน้ำซึ่งมีกลิ่นเหม็นที่ตนเองอยู่ในขณะนี้ จิตใจของชายหนุ่มกลายเป็นว่างเปล่า และดูจะลืมเลือนทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวไป

ร่างกายของเขาทรุดโทรมลงอย่างมาก จิตวิญญาณ พลังงาน และแก่นแท้ของเขาแทบหมดสิ้น ของเหลวสีทองภายในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขานั้นหมองคล้ำ มีรอยด่างและไม่มีพลังชีวิตแม้แต่น้อย อีกทั้งปราณจ้าววิญญาณภายในร่างกายก็เหือดแห้งจนแทบหมดสิ้น

ทั้งหมดนี้ทำให้เขาดูเหมือนกับตะเกียงที่เปลวไฟใกล้มอด

เป็นเพราะสิ่งนี้เองที่ทำให้การบรรลุขอบเขตจุติของเขานั้นยากเย็นแสนเข็ญ และความพยายามของเขาก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะพินาศลงกลางทาง

เวลาค่อย ๆ ผ่านไป เฉินซียังคงพยายามต่อไป เนื่องจากความพากเพียรและจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ของเขาเป็นดั่งดวงอาทิตย์ที่คอยชี้นำทาง จึงทำให้เขาไม่มีทางยอมแพ้

แต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่สำเร็จ ชายหนุ่มได้ใช้แรงเฮือกสุดท้ายและหมดสิ้นพลังทั้งหมด ทำให้พลังชีวิตในร่างกายเหือดแห้งและไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่นิดเดียว

ในขณะนี้ เขาไม่ต่างอะไรกับซากศพที่มีเพียงสติสัมปชัญญะ แต่ร่างกายกลับอ่อนแรง และถ้าไม่มีพลังชีวิตคอยหล่อเลี้ยง เขาก็จะพินาศในบั้นปลายและสลายหายไปในฟ้าดิน!

ตู้ม!!

ทันใดนั้น เมื่อเขาหมดสิ้นทุกสิ่ง กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังได้แผ่ซ่านออกมา พลังที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายได้ถูกปลดปล่อยออกมา และถาโถมออกมาราวกับคลื่นยักษ์ในมหาสมุทร!!!

ร่างกายของชายหนุ่มเปล่งประกาย ในขณะที่อาการบาดเจ็บอันน่าสะพรึงกลัวของเขากำลังได้รับรักษาอย่างรวดเร็ว ลำแสงพร่างพรายกำลังสาดส่องและปกคลุมพื้นที่ภายในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขาอย่างหนาแน่น

ครืน!

ลำแสงสายนั้นได้ควบแน่นกับของเหลวสีทองของเขา ซึ่งได้กลายเป็นกงล้อสังสารวัฏสีแดงเลือดหมูที่พร่างพราวและเจิดจรัสเป็นอย่างยิ่ง

ภายในท้องทะเลแห่งลมปราณ ปราณหยินและหยางพรั่งพรูออกมาเหมือนกับปราณมงคล และพัฒนาความล้ำลึกอย่างไร้ขอบเขต ในขณะที่แสงสีแดงเข้มสาดส่องไปรอบ ๆ ราวกับภูตอัคคีที่กำลังเต้นรำอย่างสง่างาม ซึ่งทำให้กงล้อสังสารวัฏดูเหมือนกับพระอาทิตย์!

“ต้องเฉียดตายเสียก่อนจึงจะได้จุติ ร่างกายของข้านั้นพังทลายและพลังชีวิตของข้าก็เหือดแห้ง ตอนนี้ข้าได้ฟื้นคืนจากความตาย นี่คือความลึกซึ้งที่แท้จริงของการจุติ! มันคือการเกิดใหม่ มันคือชีวิตใหม่ มันคือการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง!”

เฉินซีในขณะนี้ได้รู้แจ้งอย่างถ่องแท้แล้ว

ผู้บ่มเพาะทุกคนจะพิชิตทัณฑ์สวรรค์ในลักษณะที่แตกต่างกัน และสถานการณ์ที่พวกเขาเผชิญก็ไม่เหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่จะพลิกชีวิตและความตายเพื่อพัฒนากงล้อสังสารวัฏเช่นเฉินซี

“ใหม่แทนที่เก่า หากไม่สูญเสียพลัง ก็จะไม่สามารถประสบกับความทุกข์ยากได้ และแนวคิดเกี่ยวกับการเกิดใหม่ก็น่าจะเป็นเช่นนี้” เฉินซีพึมพำกับตัวเอง

กงล้อสังสารวัฏภายในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขาพลันเปล่งแสงสีแดงเข้มมากมายที่ลุกโชนราวกับกงล้อแห่งเปลวเพลิงและหล่อเลี้ยงพลังชีวิตในร่างกายทั้งหมด

อาการบาดเจ็บของเขาในครั้งนี้มาถึงจุดที่เกือบจะตาย ซึ่งหากอยู่ในสถานการณ์ปกติ ชายหนุ่มคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยและเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีชีวิตรอด แต่ในทันทีที่เขากำลังจะตาย พลังชีวิตกลับปรากฏขึ้นมาอีกครั้งและสถานการณ์ก็พลิกผัน ทำให้สามารถดำเนินกระบวนการเกิดใหม่ได้อย่างสมบูรณ์และสัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงของชีวิตที่ทำให้เขามีชีวิตรอด!

กงล้อสังสารวัฏหมุนวนอยู่ภายในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขาและสาดส่องแสงสีแดงเข้มจำนวนมากออกมา ลำแสงทุกสายทำให้พลังแฝงในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นและกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ทำให้ร่างกายที่ดูเหมือนกับดินแดนรกร้างได้รับการหล่อเลี้ยงและเจริญงอกงามอย่างสมบูรณ์

ร่างที่ทรุดโทรมของเขาเองก็ได้รับฟื้นฟูเช่นเดียวกัน ซึ่งมันดูเหมือนกับผืนดินที่แตกระแหงและได้รับน้ำฝนหลังจากผ่านความแห้งแล้ง ทำให้มันเปล่งประกายด้วยพละกำลังและพลังชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น จิตวิญญาณและปราณแท้ของชายหนุ่มก็พวยพุ่งราวกับสายรุ้งและส่องประกายพร่างพราวราวกับเป็นเทพผู้สูงส่ง

ครืนนน!

พลังแฝงภายในร่างกายของเฉินซีที่เกิดจากการประสบกับความตายและการได้ชีวิตใหม่ ได้ถาโถมราวกับแม่น้ำสายใหญ่ก่อนที่จะพุ่งเข้าสู่กงล้อสังสารวัฏ ทำให้มันเปล่งแสงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งเขาก็ได้ฟื้นคืนสู่สภาพสูงสุดด้วยการหายใจเพียงไม่กี่ครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของเขาได้ปล่อยพลังดาราจักรอันร้ายกาจซึ่งทำให้โลกสั่นสะเทือน!

ทันใดนั้น เขาก็ลุกยืนขึ้นและเอามือไพล่หลังในขณะที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า มวลเมฆทัณฑ์สวรรค์ขนาดใหญ่กำลังลอยอยู่บนท้องฟ้าและส่งเสียงโครมครามด้วยสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ที่พลุ่งพล่าน ซึ่งในขณะนี้มันได้กลายเป็นโลกแห่งสายฟ้าไปแล้ว!!!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท