บทที่ 476 ผู้เยี่ยมยุทธ์บุกล้อม
บทที่ 476 ผู้เยี่ยมยุทธ์บุกล้อม
ตอนนี้ทุกคนบนเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นรู้แล้วว่าเฉินซีบาดเจ็บหนัก พลังชีวิตเหือดแห้งจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ถึงขนาดที่อสูรธรรมดายังสามารถสังหารเขาได้ หากพวกเขาไม่สามารถทำได้ ก็นับว่าน่าอับอายเป็นอย่างมาก
คนกลุ่มหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วอยู่ภายในหนองน้ำที่ดูรกร้างว่างเปล่า เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะจากกลุ่มอำนาจสามแห่ง คือราชวงศ์ต้าฉิน ราชวงศ์ต้าจิ้น และราชวงศ์ไป่เจ๋อ
แม้ชุยซิวหง เว่ยมู่อวิ๋น และเหลิ่งเชี่ยนชิวจะตายอย่างอนาถด้วยเงื้อมมือของเฉินซี และเหลือเพียงแค่เผยอวี่ ในเวลาครึ่งเดือนนี้ เขาส่งข้อความออกไปนอกเกาะสมบัติที่ร่วงหล่น รวบรวมผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์ต้าจิ้นมาได้อีกสี่คน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตัวคนเดียว
แท้จริงแล้วไม่ใช่เพียงเผยอวี่ กระทั่งฉินเซียวกับปี้หลิงอวิ้นก็เรียกคนจากราชวงศ์ตนเองมาเช่นกัน ตอนนี้ทุกคนรวมตัวกัน เหมือนกับกองกำลังชั้นยอด ซึ่งมีความแข็งแกร่งมหาศาล
“หลังจากสังหารเฉินซีในครั้งนี้ได้ สมบัติกึ่งอมตะอย่างพัดนกยูงเพลิงก็จะเป็นของข้า พวกเจ้าสองคนเอาอย่างอื่นไปได้เลย” ปี้หลิงอวิ้นส่งสายตาหาคนอื่น ๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ เหมือนจะมีเพียงพัดนกยูงเพลิงที่ต้องตานาง
“ได้เลย! ข้าอยากได้กระบี่ของเขา คนอื่นคงไม่แย้งอะไรใช่หรือไม่?” ฉินเซียวตอบตกลงรวดเร็ว พร้อมกันนั้นก็บอกว่าอยากได้ยันต์ศัสตราของเฉินซี
“กระบี่นั่นนับเป็นสมบัติล้ำค่าทีเดียว” ปี้หลิงอวิ้นเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ นางย่อมรู้ว่ายันต์ศัสตราเล่มนั้นมีความพิเศษแค่ไหนเมื่อเผชิญหน้ากับเฉินซีครั้งก่อน
“น้องเผยคิดว่าอย่างไร?” ฉินเซียวเหลือบมองพลางเอ่ยถามเผยอวี่ที่เงียบมาโดยตลอด น้ำเสียงเหมือนกดดันอยู่กลาย ๆ
ในตอนนี้กองกำลังของเผยอวี่เป็นกลุ่มที่อ่อนแอที่สุด อีกทั้งไพ่ตายประกาศิตเซียนสวรรค์ของเขายังถูกทำลายไปแล้ว ฉินเซียวจึงไม่คิดไว้หน้าอีกฝ่ายเท่าไร
“ย่อมไม่เป็นปัญหา แต่ในเมื่อทั้งสองคนได้เลือกสมบัติแล้ว ของที่เหลือต้องเป็นของข้า” เผยอวี่ครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะตอบออกมา ทำท่าเหมือนยอมให้ทั้งสอง แต่ในใจกำลังหัวเราะเสียงเย็น เพราะเท่าที่เขารู้ เฉินซีมีสมบัติที่ล้ำค่ายิ่งกว่านั้นคือ จารึกหินศักดิ์สิทธิ์จากวานรวารีเพลิงคลั่ง ซึ่งมีมูลค่าไม่น้อยกว่าสมบัติกึ่งอมตะทีเดียว!
แต่แน่นอนว่าเขาย่อมไม่บอกคนอื่น
“ก็ได้ เมื่อเราพบเฉินซีแล้ว พัดนกยูงเพลิงตกเป็นของแม่นางปี้ กระบี่เป็นของข้า ส่วนที่เหลือเป็นของน้องเผย” ฉินเซียวหัวเราะเสียงเย็น
จากที่เขารู้มา เฉินซีเป็นเหมือนหมูรอเชือด ซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงความตายได้อีก อีกฝ่ายคงไม่รอดเป็นแน่
ที่อีกด้านหนึ่ง ผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์ต้าเสวียนและราชวงศ์ต้าเฉียนก็กำลังรุดหน้ามาเช่นกัน พวกเขามีความแค้นกับราชวงศ์ซ่ง กอปรกับการที่เฉินซีสังหารพวกพ้องตนไปมากมาย ทำให้พวกเขาอับอายเป็นอย่างมาก จึงหมายจะไปทรมานชายหนุ่มให้ถึงตาย ไม่เช่นนั้นความอับอายก็คงไม่อาจลบล้างไปได้
ผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์ระดับสูงไม่สามารถเอาชนะมดปลวกจากราชวงศ์ระดับกลางได้ มีอะไรน่าขายหน้าไปมากกว่านี้ไหมเล่า?
“หวังว่ามันจะยังรอด และไม่ตายไปโดยง่ายนะ!” คนจากราชวงศ์ต้าเสวียนกับราชวงศ์ต้าเฉียนมีสีหน้านิ่งสงบ ขณะจิตสังหารปกคลุมทั่วร่าง
“เร่งฝีเท้าหน่อย! เราจะปล่อยให้คนอื่นไปถึงตัวเขาก่อนไม่ได้!” ที่ไกล ๆ ยังมีผู้เยี่ยมยุทธ์อีกกลุ่มหนึ่งจากแคว้นเยว่หลุนที่กำลังเร่งฝีเท้าเข้ามา น่าแปลกนักที่ซวีเหลิ่งเยี่ยเป็นคนนำกลุ่มมา
สีหน้าของเขาเคร่งขรึมนัก เห็นได้ชัดว่ารู้แล้วว่าผู้ที่ชิงพัดนกยูงเพลิงไปคือเฉินซี ดังนั้นจึงเขานำกลุ่มคนเข้าไล่ล่าชายหนุ่ม
นอกจากนี้ยังมีคนกลุ่มใหญ่จากหลากหลายราชวงศ์ที่เข้ามาเพราะต้องการสังหารเฉินซีเท่านั้น แต่ก็มีความเป็นปฏิปักษ์ต่อราชวงศ์ซ่งเช่นกัน พวกเขาจึงไม่อาจทนได้หากยอดอัจฉริยะอย่างเฉินซีรอดพ้นไปได้ ไม่เช่นนั้นหากอีกฝ่ายก้าวหน้าขึ้นอีก ก็คงเป็นภัยพิบัติต่อพวกเขาแน่
…
“ดูนั่น คนจากหลายราชวงศ์กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ทั้งยังเร่งฝีเท้าเข้ามาด้วย เราต้องรีบแล้ว! ไม่เพียงแต่ต้องฆ่าเฉินซีในครั้งนี้ให้ได้ ยังต้องชิงสมบัติที่เขาครอบครองมาให้หมด!” หลานสวินแห่งราชวงศ์เทียนหลางมีสีหน้าสุขุมพลางเอ่ยเสียงทุ้มต่ำออกมา
กลิ่นอายของคนจากราชวงศ์อื่นที่อยู่ภายในหนองน้ำแห่งนี้ไม่ใช่สัญญาณที่ดี ทุกคนรู้ดีว่าเฉินซีมีสมบัติกึ่งอมตะพัดนกยูงเพลิงอยู่ อีกทั้งยังมีความแข็งแกร่งดั่งปีศาจนั่นอีก ฉะนั้นเขาต้องมีสมบัติหายากชิ้นอื่นอีกเป็นแน่ ทำให้คนทั้งหลายอยากได้พวกมันมาครอบครอง
“หืม? ตรงนั้นก็มีคนเช่นกัน สถานการณ์ไม่สู้ดีแล้วสิ” ฉินเซียวและคนอื่น ๆ ชะงักไปเมื่อเห็นกลุ่มของหลานสวิน นอกจากนี้ยังเห็นคนจากราชวงศ์ต้าเสวียนกับราชวงศ์ต้าเฉียนที่กำลังเร่งรุดมาทางนี้ด้วย
ทันใดนั้น ผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์ทั้งหลายก็พากันพุ่งเข้ามาภายในหนองน้ำแห่งนั้นกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า เส้นแสงหลากสีสันกระจายออกมายามเหินร่างเหนือพื้นที่ ทำให้หนองน้ำเกิดเสียงอึกทึกครึกโครมขึ้นมา
หลายคนเผยร่องรอยยามรุดหน้าเข้าไปภายในหนองน้ำ หมายจะเป็นคนแรกที่เข้าสังหารเฉินซี และชิงเอาสมบัติทั้งหมดมาให้ได้
“ดูเหมือนว่าเฉินซีจะอยู่ในหนองน้ำนี่ รีบส่งข่าวแจ้งคนของเราให้รีบมาที่นี่เสีย!” มีหลายคนเช่นกันที่ไม่ได้เข้ามาทันที แต่หันจากไปแทน แล้วพุ่งตัวออกไปหลากหลายทิศรอบเกาะสมบัติที่ร่วงหล่น เพื่อหมายจะพาพวกของตนให้เข้ามาร่วมด้วย
เส้นแสงส่องระยิบระยับขึ้นสู่ฟ้า เหมือนดาวตกมากมายที่วาดผ่าน คล้ายเป็นลางบอกว่าภัยพิบัติกำลังจะปะทุขึ้นในหนองน้ำอันเงียบสงบแห่งนี้
ในขณะนั้น ผู้เยี่ยมยุทธ์จากหลากหลายราชวงศ์ก็เริ่มเข้าประจันหน้ากันแล้ว หลานสวินแห่งราชวงศ์เทียนหลางเป็นผู้โดดเด่นที่สุด เพราะกลุ่มของเขาเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ลอบโจมตีเฉินซี จึงรู้แน่ชัดว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ใด
แต่กลุ่มของฉินเซียว ปี้หลิงอวิ้น และเผยอวี่เองก็ไม่ได้ช้า เนื่องจากเฉินซีต่อสู้ดุดันหลากหลายครั้ง พวกเขาจึงพอรู้เส้นทางการหลบหนีของอีกฝ่าย
ใช้เวลาไม่นาน พวกเขาก็เป็นกลุ่มแรกที่พุ่งเข้าไปในหนองน้ำที่มีหุบเขาสูงล้อมรอบ
“ทัณฑ์สวรรค์อยู่ตรงนั้น!” มีบางคนตาดี กวาดตามองครั้งเดียวก็สังเกตเห็นเมฆสีดำที่ลอยเด่นอยู่ไกล แล้วเผยสีหน้าตื่นเต้นออกมา เพราะนี่ไม่เพียงแต่หมายความว่าจะสามารถสังหารเฉินซีได้ ยังจะได้สมบัติทั้งหมดที่เขามีอีกด้วย
เท่าที่พวกเขารู้ ในเมื่อมีหมู่เมฆดำลอยเด่นอยู่บนฟ้า ก็เป็นเครื่องหมายว่าเฉินซียังไม่อาจเอาชนะมันได้สำเร็จ หรือก็คือต้องตายดั่งพยัคฆ์เสียเขี้ยวเล็บที่ไร้พิษภัยตัวหนึ่ง
ถึงกับพูดได้เลยว่าแม้ไม่มีใครสามารถสังหารเฉินซี อีกฝ่ายก็คงตายได้ทุกเวลาอยู่แล้ว
ที่โคลนในหนองน้ำยังมีรอยเลือดขนาดใหญ่อยู่ จึงเห็นน้ำโคลนขุ่นเปื้อนสีแดงได้ชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเป็นเฉินซีที่เสียเลือดมาก ใกล้จะสิ้นใจอยู่รอมร่อ
หลานสวินและคนอื่น ๆ ตื่นเต้นยินดีนัก รีบกระจายแยกย้ายกันออกไปล้อมรอบหนองน้ำ กันไม่ให้เฉินซีหนีไปได้อีกครั้ง
ฉินเซียวและคนอื่น ๆ ต่างขมวดคิ้ว ก่อนจะพุ่งเข้าไปจากด้านข้าง พวกเขาต้องยื่นมือเข้าแทรก เฉินซีอยู่ตรงหน้าเช่นนี้แล้ว จะปล่อยให้คนอื่นชิงไปได้อย่างไร?
“จะตายอยู่ไม่เท่าไรแล้ว ยังฝันหวานอยู่อีก ดูท่าจะเอาชนะทัณฑ์สวรรค์ไม่สำเร็จ ความตายจึงทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน เศร้าโศกเสียใจปฏิเสธทุกสิ่งอย่าง ฮ่า ๆ! ข้าชอบนักที่ได้เห็นสีหน้าสิ้นหวังเช่นนี้จากคนที่กำลังจะตาย” เมื่อมองร่างสูงที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขา หลานสวินแห่งราชวงศ์เทียนหลางก็หัวเราะเย็นชาออกมา รู้สึกยินดีอยู่ภายในใจ ทว่าแววตากลับโหดเหี้ยมถึงขีดสุด
คนอื่นก็เริ่มหัวเราะออกมาเช่นกัน ไม่มีอะไรจะดีไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว
นอกจากหัวเราะแล้ว ฉินเซียวและพวกก็ยังกัดฟันแน่น ระหว่างพวกเขากับเฉินซีมีความเป็นศัตรูลึกล้ำ เนื่องจากเมื่อครึ่งเดือนก่อน อีกฝ่ายสังหารพวกพ้องของพวกเขานับไม่ถ้วน ทำพวกเขาโกรธแค้นขั้นสุด
เฉินซีกำลังฝันกลางวันอยู่จริง ๆ ในใจกำลังคาดเดาว่าเหตุใดการลงทัณฑ์จึงยังไม่มาสักที
ก่อนจะเข้ามาในสมรภูมิบรรพกาล เขาเคยปรึกษาเรื่องทัณฑ์สวรรค์กับจักรพรรดิซ่งมาแล้ว ตามหลักแล้ว แม้ทัณฑ์สวรรค์แห่งการขัดเกลากายาและปราณแท้จะมาพร้อมกัน ก็น่าจะต้องเผชิญกับสายฟ้าลงทัณฑ์ตั้งนานแล้ว
ทว่าตอนนี้ทัณฑ์สวรรค์บนท้องฟ้าเหนือศีรษะยังคงลอยเด่นไม่ฟาดสายฟ้าลงมา ทั้งที่มีสายฟ้าซัดเปรี้ยงอยู่หลายครั้งหลายหน มีแรงกดดันแต่ไม่มากนัก อีกทั้งยังไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหว ทว่าพลังทำลายล้างที่ปลดปล่อยออกมากลับยิ่งน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ
‘หรือว่าต้องให้ข้าไม่ทันระวังตัวมันถึงจะฟาดลงมา?’ เฉินซีก็ขมวดคิ้วแน่น พลันลุกขึ้นยืนก่อนแหงนหน้ามองฟ้า ตะโกนเสียงดังลั่นออกมา “ลังเลหวาดกลัว ไม่กล้าฟาดลงมาอยู่นาน นี่น่ะหรือทัณฑ์สวรรค์?”
ทุกคนชะงักไป หรือว่าอีกฝ่ายเสียสติไปแล้ว? จึงได้กล้าสงสัยเต๋าแห่งสวรรค์ หรือไม่ก็คงหมดหนทางแล้วจริง ๆ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่สิ้นสติจนถึงกับตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้…
“ระวังด้วย! ระวังเล่ห์กลเขาไว้ให้ดี เด็กคนนี้เจ้าเล่ห์นัก ทั้งยังโหดเหี้ยม ไม่ว่าอย่างไร ในครั้งนี้ก็จะปล่อยให้เขาหนีไปไม่ได้!” เผยอวี่เอ่ยเสียงเย็น เขาอุตส่าห์ดั้นด้นมาจากทะเลบรรพกาลเพื่อมายังเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นกับเฉินซี อาจกล่าวได้ว่าเป็นคนที่เข้าใจชายหนุ่มมากที่สุด รู้ดีว่าสหายผู้นี้จะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ จนกว่าจะถึงจังหวะสุดท้าย การกระทำของเฉินซีต้องเป็นแผนหลอกแน่
หากไม่เช่นนั้น เขาคงรุดเข้าไปสังหารเฉินซีตั้งแต่จังหวะแรกแล้ว
“เจ้าโง่! กล่าวหาว่าเต๋าแห่งสวรรค์ไม่ยุติธรรมทั้งที่ตัวเองจะตายอยู่แล้วน่ะหรือ? เต๋าแห่งสวรรค์ไม่อาจทนคนนอกรีตอย่างเจ้าได้อย่างไรเล่า! เชือดคอตัวเองแล้วตายไปพร้อมกับความเสียใจให้จบ ๆ ไปเถอะ!” หลานสวินแห่งราชวงศ์เทียนหลางหัวร่อเสียงเย็นยะเยือก
ว่าจบเขาก็ส่งสัญญาณให้ทุกคนที่อยู่รอบกายลงมือพร้อมกัน เมื่อเขาเริ่ม จะต้องไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นฉวยโอกาสไปได้
เฉินซีเคลื่อนสายตาลงมองด้านล่าง ราวกับเพิ่งสังเกตเห็นคนจำนวนมากที่กำลังบุกเข้ามา มุมปากอดยกยิ้มเย็นไม่ได้ แววตาเจือความขบขัน
นี่มันสายตาอะไรกัน!?
คนทั้งหลายโกรธเคืองนัก กำลังจะตายแล้วยังกล้าทำเช่นนี้อีกหรือ? กล้ามาเยาะเย้ยกันเช่นนี้!
หลานสวินกับคนอื่น ๆ กำลังจะลงมือ แต่สุดท้ายก็ถูกกลุ่มของฉินเซียวหยุดเอาไว้ จนเกิดข้อพิพาทขึ้นเพราะทุกคนหมายจะสังหารเฉินซีและชิงสมบัติที่เขามี
“ทุกคน พวกข้าเห็นเจ้านี่ก่อน มาก่อนก็ต้องได้ก่อนไม่ใช่หรือ?” หลานสวินกวาดสายตามองฉินเซียวและพวก แม้จะรู้ว่าคนพวกนี้มาจากราชวงศ์ระดับสูง หรือไม่ก็มีพละกำลังแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่กลัว
เพราะคนจากราชวงศ์เสวี่ยหงและราชวงศ์ตงเซี่ยล้วนอยู่ฝั่งเดียวกับเขากลาย ๆ อีกทั้งจำนวนยังมากกว่าเกือบคนของฉินเซียวถึงสองเท่า
“หึ! จะพูดกับข้าหรือ? ตี๋ว่านโหลวแห่งราชวงศ์เทียนหลางและคนอื่น ๆ ยังได้รับความคุ้มครองจากองค์รัชทายาท เจ้าเป็นใครคิดจะมาท้าทายข้า? รีบถอยไปเสีย เฉินซีต้องตายด้วยน้ำมือพวกเราในวันนี้ หากไม่ซาบซึ้งถึงความเมตตาที่มีให้ ก็อย่าหาว่าพวกข้าลงมือหนักก็แล้วกัน!” ฉินเซียวคำรามเสียงเย็น ขณะกวาดสายตามองคนดั่งสายฟ้าฟาด ดูเอาแต่ใจเป็นอย่างยิ่ง
ในจังหวะนั้นคนทั้งสองกลุ่มยังไม่ลงมือสังหารเฉินซีทันที กลับหันมาเผชิญหน้ากันเอง แทบจะขย้ำคอกันอยู่แล้ว
ทั้งหมดเหมือนจะคิดว่าเฉินซีหมดสิ้นเรี่ยวแรง เป็นเหมือนเนื้อนุ่มไร้พิษภัยนอนรอบนจานก็มิปาน ดังนั้นจึงเริ่มกระโจนเข้าต่อสู้กันอย่างไม่เกรงกลัวอะไร