บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 477 อำนาจไร้เทียมทาน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 477 อำนาจไร้เทียมทาน

บทที่ 477 อำนาจไร้เทียมทาน

กลุ่มของหลานสวินกับฉินเซียวเข้าเผชิญหน้ากัน บรรยากาศพลันกดดันขึ้นทันใด

“อย่างนี้เป็นไร? เราร่วมมือกันฆ่าเฉินซีก่อน แล้วค่อยมาคุยกันว่าจะแบ่งสมบัติกันอย่างไรดีหรือไม่?” ในที่สุดเผยอวี่ก็ถามขึ้นมา เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นหากยืดเยื้อนานกว่านี้

เพราะอย่างไรตอนนี้ก็มีแค่กลุ่มของพวกเขาสองคน พวกคนอื่นก็กำลังเร่งรุดตามมาเช่นกัน หากผ่านไปสักระยะแล้วกลุ่มอื่นมาถึงที่ พวกนั้นก็คงเข้ามาแบ่งส่วนสมบัติไปอีก เช่นนั้นก็ยิ่งเกิดเหตุคาดเดาไม่ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ

“เอาล่ะ เช่นนั้นเราก็สังหารเฉินซีก่อน แล้วค่อยคุยเรื่องแบ่งสมบัติก็แล้วกัน” ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีเงินข้างกายหลานสวินพยักหน้าให้

“เช่นนั้นก็ดี” เผยอวี่ยิ้มตอบ แต่ในใจกลับยิ้มเยาะ เพราะเขาได้ส่งกระแสปราณไปหาฉินเซียวกับปี้หลิงอวิ้นแล้ว “คนจากราชวงศ์ระดับกลางกล้ามาแข่งขันกับพวกเรา นับว่ารนหาที่ตาย เราจะอดทนไว้ก่อน แล้วค่อยจัดการพวกมันภายหลัง!”

ฉินเซียวกับปี้หลิงอวิ้นเองก็รู้สึกโกรธอยู่ในใจเช่นกัน จึงเห็นด้วยกับแผนการของเผยอวี่ทันที

“ไม่ต้องห่วง เมื่อปล้นของเสร็จ เราจะรีบหนีทันที สมรภูมิบรรพกาลกว้างใหญ่นัก พวกนั้นคงไล่ล่าเราไม่ได้หรอก” ชายหนุ่มชุดสีเงินเองก็มีประสบการณ์มาก เขาได้ส่งกระแสปราณไปหาหลานสวินและคนอื่น ๆ เช่นกัน

แล้วทั้งสองกลุ่มที่มีความคิดแอบแฝงจึงเข้าล้อมเขาไว้ ขณะมุ่งหน้าเข้าไปด้วยจิตสังหารที่ลุกโชน

ทว่าเฉินซีกลับยังคงดูสงบนิ่ง ขณะจ้องมองมาด้วยความขบขันเยาะเย้ย ทำให้เหล่านักล่ายิ่งโกรธเคือง

มองอะไรของมัน!?

ไม่ว่าจะดูอย่างไร ก็เหมือนสายตาสมเพชที่มองหนอนแมลง ไม่มีความกังวลอยู่สักนิด หรือจะคิดว่าตนสามารถหนีไปได้เหมือนคราวก่อน? รนหาที่ตายจริง!

ทุกคนกัดฟันแน่น เผยสีหน้ามืดมนออกมา

“อะไรกัน? รู้ว่าตนถึงคราวซวยแล้ว ก็เลยทำกล้า ทำเย่อหยิ่งขึ้นมาอย่างนั้นหรือ? ข้าจะบอกอะไรให้! ครั้งนี้เจ้าคงตายยากแม้อยากสิ้นใจ เพราะข้าจะทำให้เจ้ารู้ซึ้งถึงผลลัพธ์ของการท้าทายราชวงศ์เทียนหลางนั้นว่าน่ากลัวขนาดไหนเอง!” คนจากราชวงศ์เทียนหลางคำรามด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม

“น่ากลัวขนาดไหนหรือ?” เฉินซีถามกลับ

“ยิ่งกว่าอะไรดี!” คนผู้นั้นชี้ไปทางชายหนุ่มพลางเผยยิ้มสยอง

“อ้อ? ดูท่าครั้งนี้ข้าคงจะหลบภัยพิบัติไม่พ้นแล้วสินะ?” เฉินซีพลันยกมือขึ้น ทำท่าตบอากาศตรงหน้า

ตู้ม!

คนจากราชวงศ์เทียนหลางผู้นั้นพลันระเบิดเป็นชิ้น ถูกตบจนเหลือแต่กองเนื้อ

“อะไรกัน!?” ทุกคนตื่นตะลึง สะบัดมือคราวเดียวก็พรากชีวิตได้แล้วหรือ? นั่นคือผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งราชวงศ์เทียนหลางเชียวนะ

“ทุกคนอย่าได้ตกใจไป! คนบัดซบผู้นี้ก็เหมือนศรยามใกล้จบศึก ไม่อาจรั้งอยู่ได้นานอีกต่อไปแล้ว ไม่เห็นสภาพเขาในการต่อสู้ครั้งล่าสุดหรือ? พลังชีวิตของเขาเหือดแห้งหมดแล้ว คงอยู่ได้อีกไม่นานหรอก” มีคนตะโกนขึ้นเสียงดัง

“อ้อ รู้ถึงขนาดนั้นเลยหรือ? เช่นนั้นอยากลองดูหรือไม่เล่า?” เฉินซียังคงถามต่อ

“หึ! คิดจะเล่นเล่ห์หรือ? หยุดฝืนได้แล้ว พลังชีวิตในร่างเจ้าได้ถูกทำลายย่อยยับ ยาเซียนก็ยังช่วยอะไรไม่ได้! หากยังแสดงท่าทีเช่นนี้ต่อมีแต่จะทำให้พวกข้าดูถูกเจ้า สายฟ้าลงทัณฑ์ยังไม่สลายไปด้วยซ้ำ ถึงข้าจะไม่ฆ่าเจ้า เจ้าก็คงอยู่ได้อีกไม่นานกระมัง?” เผยอวี่เอ่ยเยาะขึ้นจากด้านข้าง

เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนจึงมีกำลังใจขึ้นมา ใช่แล้ว สายฟ้าลงทัณฑ์ยังลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้า คนผู้นี้ทำทีว่าแข็งแกร่งไปอย่างนั้น ไม่แน่ว่าการโจมตีเมื่อครู่อาจใช้กำลังไปทั้งหมดแล้วก็เป็นได้

“ข้าไม่อยากทำให้เจ้าต้องลำบาก ส่งพัดนกยูงเพลิงมา แล้วข้าจะให้เจ้าได้ตายสบาย เช่นนี้ฟังดูเป็นอย่างไร?” นัยน์ตาใสกระจ่างของปี้หลิงอวิ้นส่องประกาย ก่อนจะจ้องมองเฉินซี และเอ่ยเสียงเรียบขึ้นมา

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะคิดเช่นนี้

หลานสวินหันมองชายหนุ่มในชุดสีเงินที่อยู่ข้างกายแล้วถามว่า “หานไป๋ เดิมพันของเรายังมีผลหรือไม่?”

“ย่อมมีอยู่ ใครฆ่าได้ก็เอาสมบัติไป” ชายหนุ่มในชุดสีเงินที่มีนามว่าหานไป๋ตอบอย่างไม่ลังเล นัยน์ตาลุกโชนด้วยจิตสังหาร แล้วเริ่มลงมือบ้าง

แต่เพื่อเป็นการป้องกันเหตุไม่คาดฝัน เขาจึงไม่ลงมือเอง ปล่อยให้คนอื่นโจมตีไปก่อน จากนั้นค่อยหาจังหวะสังหารเฉินซี

พร้อมกันนั้น ฉินเซียว เผยอวี่ และคนอื่น ๆ ก็ลงมือ เก็บสมบัติและใช้เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาเพื่อจัดการชายหนุ่มในคราวเดียว

“ทนรอไม่ได้แล้วหรือ? แต่เช่นนี้ก็ดี พอได้เห็นความน่ารังเกียจของพวกเจ้าแล้ว ข้าจะเป็นคนส่งพวกเจ้าไปเอง!” จังหวะนั้นเอง เฉินซีพลันเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง นัยน์ตาสว่างกระจ่างแจ้งดั่งสายฟ้า กงล้อศักดิ์สิทธิ์สว่างเหมือนดวงตะวันค่อย ๆ ปรากฏขึ้นเบื้องหลัง ปลดปล่อยแสงสีแดงออกมา ทั้งยังมีกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่ทำเอาใจคนสะดุ้ง

ทุกคนรู้สึกหายใจไม่ออก ใจสั่นสะท้านไปหมด เรากำลังเผชิญหน้ากับขุนเขาสูงขนาดมหึมาที่ไม่อาจข้ามผ่านไปได้

“เกิดอะไรขึ้น!? เขาเอาชนะทัณฑ์สวรรค์ได้แล้วหรือ?” มีคนร้องขึ้นด้วยความหวาดกลัว สายฟ้าลงทัณฑ์ยังคงลอยเด่นอยู่บนฟ้าเห็น ๆ แล้วเหตุใดอีกฝ่ายถึงปลดปล่อยกลิ่นอายที่มีแต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติเท่านั้นที่ทำได้ออกมากัน?

ตู้ม!

รอบกายของเฉินซีพลันเกิดพลังลุกโชนขึ้นมา ปราณดาราจักรพุ่งกระจายจนสะเทือนฟ้าดิน

ตู้ม!

เพียงชั่วพริบตาเดียว พวกคนที่พุ่งเข้ามาก็ระเบิดเป็นชิ้น ๆ ทำให้เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทิศทาง ก่อนที่ร่างจะสลายหายไปด้วยลำแสงสีเลือด จนไม่อาจมีใครเข้าใกล้ได้!

พลังอำนาจเช่นนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงไปในพลัน ใจสั่นสะท้านหวาดหวั่น จิตวิญญาณแตกกระเจิง และไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่สองตาเห็น

กระบวนยุทธ์และพลังอิทธิฤทธิ์ทั้งหลาย ซึ่งซัดเข้าใส่เฉินซีถูกตีจนแตกพ่าย สมบัติวิเศษนับไม่ถ้วนถึงขั้นกรีดเสียงร้องคร่ำครวญ พากันหม่นแสงลงแล้วร่วงลงจากฟ้า

ภายในเปลวเพลิงสีแดงเข้มที่ลุกโชน ผมดำของเฉินซีคลอเคลียอยู่ที่หัวไหล่ นัยน์ตาลึกล้ำ กงล้อศักดิ์สิทธิ์ดั่งดวงตะวันที่อยู่เบื้องหลังหมุนวนไปช้า ๆ เป็นพลังเกินหยั่ง เผยให้เห็นความยิ่งใหญ่สุดจะพรรณนา

เขายืนอยู่บนยอดเขาเพียงผู้เดียว อาภรณ์สะบัดพลิ้วไปตามแรงลม ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่ได้ขยับเลยสักนิด สายฟ้าลงทัณฑ์สีเลือดเหนือหัวกำลังเริงระบำอย่างบ้าคลั่งเหมือนทะเลเจอพายุ แสงสีมากมายสะท้อนกันอยู่เบื้องบน ทำให้เขาเหมือนเซียนปีศาจก็มิปาน

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ได้? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!” ทุกคนริมฝีปากสั่น รู้สึกเสียววาบไปทั่วร่าง ในใจรู้สึกกลัวจนถึงที่สุด พลังอำนาจเช่นนี้มีหรือจะต่อกรได้?

“ทุกคนโจมตีพร้อมกันเลย ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะสังหารมันไม่ได้!” หลานสวินจากราชวงศ์เทียนหลางส่งเสียงคำราม

ทว่าก่อนที่เสียงจะได้ดังก้องไปในอากาศ ทั่วทั้งร่างของเฉินซีก็เกิดพลังลุกโชนขึ้นมา เขาขยับมือคราหนึ่ง หลานสวินก็ลอยละลิ่วเข้าไปหาเขา

“อ๊าก! นี่มันอะไรกัน?” หลานสวินร้องเสียงผวา เขาเป็นใคร? เป็นยอดฝีมือจากราชวงศ์เทียนหลางที่แกร่งกว่าตี๋ว่านโหลวด้วยซ้ำ แต่ในตอนนี้กลับไม่อาจควบคุมร่างกายตัวเองได้เลย

เฉินซีมีสีหน้าเรียบเฉย เอื้อมมือออกไปคว้าร่างหลานสวินไว้ดั่งเซียนปีศาจ!

ร่างของหลานสวินดิ้นพล่านอยู่กลางอากาศ ทว่าก็ไร้ผล ในสายตาของเฉินซี อีกฝ่ายอ่อนแอเกินไป แม้จะเป็นช่วงก่อนที่ชายหนุ่มจะหลอมกงล้อสังสารวัฏขึ้น เขาก็สามารถสังหารคนเช่นนี้ได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เลย

ทุกคนตื่นตะลึงไป นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว แม้หลานสวินจะมาจากราชวงศ์ระดับกลาง แต่อย่างไรก็เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์คนหนึ่ง ทว่ากลับอ่อนแอเช่นนี้ เมื่อเทียบกับเฉินซีแล้ว หลานสวินนับว่าไร้ค่าอย่างน่าสมเพช!

“ได้ยินมาว่าเจ้าแข่งขันกับคนอื่นว่าใครจะเป็นคนสังหารข้าได้คนแรก คนที่ไม่รู้ก็ช่างไร้ความหวาดกลัวเสียเหลือเกิน” เฉินซียกมือขึ้นคว้าคอหลานสวินไว้ จากนั้นเสียงดังกร๊อบก็ดังขึ้น ชายหนุ่มหักคออีกฝ่ายไปเช่นนั้น ทั้งเฉียบขาดไร้ความเมตตา จบชีวิตหลานสวินลงอย่างรวดเร็ว ท่าทางสบาย ๆ เหมือนกับหักคอไก่ตัวหนึ่ง

“อ๊าก!! ไม่!!” คนจากราชวงศ์เทียนหลางร้องลั่นออกมาเพราะรับภาพเช่นนี้ไม่ได้ หลานสวินเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์คนสำคัญในกลุ่ม มีฝีมือยอดเยี่ยม มีอนาคตไกล แต่กลับต้องมาตายเช่นนี้ ทั้งยังตายอย่างไร้ค่าเสียด้วย

ฟิ้ว!

กระบี่บินเล่มหนึ่งพลันซัดเข้าหา ทว่าเฉินซีกลับยกมือขึ้นคว้ามันไว้ได้อย่างง่ายดาย เหมือนหยิบของจากกระเป๋า นี่คือสิ่งที่น่ากลัวของร่างเซียนจุติ กระบี่บินธรรมดาย่อมไม่สามารถทำร้ายชายหนุ่มได้อีกต่อไป!!!

กระบี่บินเล่มนี้ถูกซัดออกมาโดยชายหนุ่มในชุดสีเงินที่มีนามว่าหานไป๋ ซึ่งเคลื่อนกายหลบหนีออกไปไกลแล้ว เฉินซีน่ากลัวเกินไป กระทั่งหลานสวินที่มีฝีมือเท่าเทียมกับเขายังตายอย่างน่าอนาถเช่นนั้น เขาจะยังกล้าอยู่อีกหรือ?

“พวกพ้องของเจ้าตายแล้ว พวกเจ้าที่เหลือยังจะอยู่ไปอีกทำไม?” เฉินซีตะโกนเสียงเย็น เสียงนั้นก้องกังวานดั่งลั่นระฆัง สง่างามทว่าดุดัน เขาพลิกฝ่ามือแล้วก็ซัดกระบี่บินออกมา

ฟิ้ว!

เมื่อกระบี่ถูกเฉินซีซัดออกมา มันก็แกร่งขึ้นมากกว่าสองเท่า ถึงขนาดที่ตัวกระบี่ไม่สามารถทนแรงจากชายหนุ่มได้ จนเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ายกำลังจะหลอมละลาย

ฉึก!

มันทะลวงอกหานไป๋ ตำแหน่งหัวใจเกิดเป็นรูขนาดใหญ่เท่าหมัดหนึ่ง เลือดสาดกระเซ็นออกมาพร้อมกับเขาที่ร้องลั่นแล้วล้มลงไป

ทุกคนใจสั่นสะท้านวิญญาณแทบออกจากร่าง นี่มันพลังอันใดกัน? แค่พลิกฝ่ามือซัดกระบี่ออกมาคราเดียวกลับสามารถไล่ล่าและสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์ได้!

“อ๊าก!!” ทุกคนขวัญผวาและร้องลั่นออกมาด้วยความหวาดกลัว ขณะที่พากันหนีออกไปรอบทิศ หมายจะแยกกันหนี คราวนี้พวกเขากลัวจากใจจริง ทั่วร่างรู้สึกเย็นเยียบเพราะพลังอันน่าตกตะลึงของเฉินซี ซึ่งไม่อาจต้านทานได้ และไม่อาจต่อกรได้เลย

“ไหน ๆ มาแล้วก็รั้งอยู่กันสักหน่อยสิ!” เฉินซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยสบายอารมณ์ ทว่ากลับให้ความรู้สึกถึงความสูงสง่าอันน่าหวาดกลัว เหมือนเซียนปีศาจกำลังอ่านประกาศิต

ตู้ม!

เกิดกระแสพลังนับไม่ถ้วนระเบิดออกมาโดยมีตัวเขาเป็นจุดศูนย์กลาง พวกมันช่างงดงาม แพรวพราว และเจิดจ้า ปกคลุมฟ้าดินเหมือนคลื่นสมุทร กวาดล้างออกไปโดยรอบ และกักขังทุกคนในระยะพันลี้เอาไว้ด้านใน

แรงดันขนาดใหญ่ของพลังนี้ทำเอาทุกคนคิดว่าสายฟ้าลงทัณฑ์บนฟากฟ้าพลันฟาดลงมา แม้แต่มวลอากาศก็ยังเฉื่อยช้าลง

เมื่อถูกพายุพลังกักขังไว้เช่นนี้ ทุกคนก็รู้สึกเหมือนย่ำอยู่ในหนองโคลน ถูกแรงดูดฉุดรั้งร่างเอาไว้ ทำท่าเหมือนจะล้มคว่ำ จากนั้นจึงลดความเร็วลงทันที

“พลังอิทธิฤทธิ์บัดซบอะไรกัน!? ทำไมถึงมีแรงดึงดูดที่น่าเกรงกลัวเช่นนี้ได้!?” ทุกคนหวาดกลัวกันสุดขีด ขณะร้องโหยหวนออกมาด้วยความตกใจ และพยายามดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง

แต่ทั้งหมดถูกลิขิตไว้แล้วว่ามันไร้ประโยชน์ เพราะในพริบตาต่อมานั้น…

ตู้ม!

พายุพลังจำนวนมากก็กวาดลงมา บดขยี้ร่างพวกเขาจนเหลือเพียงเศษเนื้อ จากนั้นก็ระเบิดออกส่งโลหิตสาดทั่วทิศ กลิ่นเหม็นคาวของเลือดกำจายไปทั่ว

เพียงกระบวนท่าเดียว นอกจากคนไม่กี่คนที่ใช้วิชาลับเพื่อหลบหนีไปได้แล้ว คนอื่น ๆ ก็ถูกทำลายสิ้น!

ทว่าเฉินซีกลับไม่มองภาพนองเลือดนั้นสักนิด ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย เขาเหินร่างออกไปนอกหนองน้ำในขณะที่แสงสีแดงจ้าติดตามเขาไป เขาอยากแก้แค้น ส่วนสายฟ้าลงทัณฑ์บนฟ้านั่น… ให้มันตามข้าไปก็แล้วกัน ข้าจะไปสนมันทำบ้าอะไร?

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท