บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 482 วิหคอมตะแห่งการจุติ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 482 วิหคอมตะแห่งการจุติ

บทที่ 482 วิหคอมตะแห่งการจุติ

หลังจากเฉินซีใช้กระบวนท่าที่สองของเพลงหมัดมหาทำลายล้าง หมัดทลายโกลาหล เพื่อซัดสายฟ้าที่โหมกระหน่ำลงมา สายอัสนีแห่งเต๋าสวรรค์ก็กระจายตัวออก พุ่งเข้าสู่ห้วงจิตสำนึกระหว่างคิ้วเขาทันที

เมื่อเต๋าแห่งสวรรค์พุ่งเข้าไปแล้ว พายุหมุนพลันก่อตัวขึ้นในห้วงจิตสำนึก กระทั่งชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่ล่องลอยอยู่ยังได้รับผลกระทบจนสั่นสะท้านไม่หยุด

‘ช่างเป็นพลังของเต๋าแห่งสวรรค์ที่น่ากลัวจริง ๆ!’ เฉินซีบังคับจิตให้ต่อต้านอย่างสุดกำลัง ทำให้ภาพรูปปั้นเทพเจ้าฝูซีปรากฏขึ้น มันคือรูปปั้นที่ถูกขัดเกลาในศึกนับไม่ถ้วน จนแกร่งเหนือใครมานานแล้ว ซึ่งเทียบได้กับจิตวิญญาณของผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายา และแม้ว่าเจตจำนงแห่งเต๋าแห่งสวรรค์ภายในสายฟ้าเหล่านี้จะน่ากลัว แต่เขาก็ต้านมันไว้ได้ โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ

พริบตาถัดมา จิตวิญญาณของเขาก็แข็งแกร่งขึ้น มันควบแน่นท่ามกลางการขัดเกลาจากเจตจำนงของเต๋าแห่งสวรรค์ ทำให้หว่างคิ้วรู้สึกปวดหนึบขึ้นด้วยความกระจ่างแจ้ง เดี๋ยวหดเดี๋ยวขยายเหมือนกับหายใจได้ คล้ายกับจะเปิดออกอย่างไรอย่างนั้น

พร้อมกันนั้น เฉินซีก็พบว่าความลึกล้ำของเต๋าสายฟ้ายิ่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สูงจนถึงระดับเก้าของขอบเขตขั้นสูง และทะลวงไปถึงระดับสิบสองของขอบเขตสมบูรณ์!

สี่ขอบเขตสิบสองระดับแห่งเต๋ารู้แจ้งคือระดับความเชี่ยวชาญของการบ่มเพาะเต๋ารู้แจ้ง โดยแบ่งเป็นขอบเขตแรกรู้ ขอบเขตเริ่มต้น ขอบเขตขั้นสูง และขอบเขตสมบูรณ์ แต่ละขอบเขตแบ่งเป็นสามระดับ

เดิมทีเฉินซีมีระดับความลึกล้ำของเต๋ารู้แจ้งแห่งสายฟ้าอยู่ที่ขอบเขตเริ่มต้นเท่ากับเต๋ารู้แจ้งอื่น ๆ แต่ต่ำกว่าขอบเขตขั้นสูง ทว่าตอนนี้เต๋ารู้แจ้งแห่งสายฟ้ากลับพุ่งขึ้นสูง ราวกับกำลังจะบรรลุสู่ขอบเขตสมบูรณ์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าได้รับประโยชน์มากมายจากเจตจำนงเต๋าแห่งสวรรค์ที่อยู่ภายในทัณฑ์สวรรค์

แท้จริงแล้ว ปรากฏการณ์ทัณฑ์สวรรค์อย่างสายฟ้าลงทัณฑ์นี้นับเป็นหนึ่งในล้าน แม้ว่าในระหว่างผู้เยี่ยมยุทธ์ด้วยกัน ผู้ที่สามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ระหว่างข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้ก็น้อยดั่งขนหงส์เขากิเลน*[1] และแม้จะอันตรายยิ่ง แต่หากมันมาถึงแล้ว ก็ได้ประโยชน์เกินจะจินตนาการได้เช่นกัน!

เหมือนที่เขาว่ากันว่า ไร้ซึ่งอันตราย แล้วจะได้โชคมาหรือไร?

เปรี๊ยะ!

ระดับความลึกล้ำของเต๋าแห่งสายฟ้าถึงระดับที่สิบเอ็ดแล้ว อีกแค่นิดเดียวก็จะบรรลุถึงระดับสมบูรณ์ แต่ก่อนที่เฉินซีจะเริ่มรู้สึกเสียใจ เขาก็รู้สึกว่าห้วงจิตสำนึกที่อยู่ตรงหว่างคิ้วได้เปิดออก ปลดปล่อยเสียงครืนออกมา ทำให้สั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง

พริบตาต่อมา แก่นวิญญาณลวงตาก็ลอยขึ้นเหนือศีรษะ มันมีหน้าตาหล่อเหลา ตัวสูงหลังตรง มีนัยน์ตาลึกล้ำเหมือนมหาสมุทร ทำให้ดูเหมือนเขาไม่มีผิด

แม้ว่าภาพแก่นวิญญาณนี้จะไม่ชัดเจนเท่าไร แต่มันก็ปลดปล่อยแสงเรืองออกมาทันทีที่ปรากฏขึ้น ความลึกล้ำของมหาเต๋ากระจายออกมา ในขณะที่เสียงเต๋าทั้งหลายที่เหมือนเซียนร้องทำนองดังขึ้น ปลดปล่อยกลิ่นอายอันไร้ขอบเขตออกมา

ทันใดนั้น เฉินซีก็เหมือนมองเห็นห้วงอวกาศ เห็นช่วงอายุ กวาดตามองคราเดียวก็สามารถมองออกไปได้ไกลถึงหมื่นลี้…

เขา ‘เห็น’ ผากว้างที่ไม่อาจข้ามผ่านอยู่ภายในเกาะสมบัติที่ร่วงหล่น

เขา ‘เห็น’ แสงเรืองรองของสมบัติทั้งหลายเปล่งออกมาจากทั่วทุกมุมในซากโบราณบนเกาะสมบัติที่ร่วงหล่น ก่อนที่มันจะหายไปในพริบตา

เขา ‘เห็น’ กระทั่งว่าเผยอวี่ ฉินเซียว ปี้หลิงอวิ้น และคนอื่น ๆ หนีออกไปยังนอกเขตซากโบราณที่อยู่ห่างไปหลายหมื่นลี้ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ และกำลังปรึกษาหารือกันด้วยเสียงเบาหวิว

ภาพทั้งหลายที่เหมือนกับภาพลวงตาผ่านเข้ามาในจิตใจของเขาเหมือนเป็นความจริง มองเห็นชัดเจนทุกรูขุมขนไม่ต่างจากสิ่งที่สองตาเห็นด้วยซ้ำ แต่กลับมองเห็นได้ไกลออกไปนับหลายหมื่นลี้ ครอบคลุมรอบเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นอันกว้างใหญ่ มองเห็นทุกสิ่งอย่างได้ภายในสองตานี้

จังหวะนั้นเอง เฉินซีพลันรู้สึกเหมือนตัวเองได้กลายร่างเป็นเซียนที่กำลังมองลงมาเห็นฟ้า เห็นดิน และทุกอย่างภายในใต้หล้า ไม่มีสิ่งใดหลุดรอดสายตาของเขาไปได้

ทันใดนั้นเฉินซีก็เปล่งเสียงคำรามอื้ออึงออกมา ทุกภาพที่อยู่ตรงหน้าหายไปพร้อมกับภาพเรืองรองของแก่นวิญญาณเหนือศีรษะ มันหดกลับเข้าสู่ห้วงจิตสำนึก เขาหลับตาลง นั่งขัดสมาธิ เงาร่างเริ่มจางและรางเลือนเหมือนเมฆหมอก จากนั้นก็หายไปในพริบตา

‘หรือว่าจะยังไม่สำเร็จ?’ เฉินซีประหลาดใจ ทุกสิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้เขาได้รู้ซึ้งถึงคุณประโยชน์จากการครอบครองแก่นวิญญาณ แต่เห็นได้ชัดว่าเขายังหลอมมันขึ้นมาได้ไม่สมบูรณ์

อึดใจถัดมา ชายหนุ่มก็เข้าใจทุกอย่าง หลังจากสายฟ้าลงทัณฑ์แตกสลายไปแล้ว เมฆทัณฑ์สวรรค์ก็ยังไม่หายไป แต่กลับหนาแน่นขึ้น ราวกับสวรรค์จะไม่ยอมให้ผู้มีฝีมือแก่กล้าเช่นเขาเอาชนะทัณฑ์สวรรค์และก้าวขึ้นสู่ขอบเขตจุติไปได้

เพราะการกระทำเช่นนี้ไม่ต่างจากการท้าทายสวรรค์เลย

ใครที่กล้าท้าทายสวรรค์ย่อมต้องถูกสวรรค์ลงโทษ กฎแห่งเต๋าสวรรค์ย่อมต้องส่งทัณฑ์สวรรค์ที่น่ากลัวและดุร้ายที่สุดลงมาให้คนอย่างเฉินซีเป็นแน่

ผู้บ่มเพาะธรรมดาจะถูกสายฟ้าลงทัณฑ์อย่างมากก็แค่สามระลอกเท่านั้นเมื่อต้องเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์แห่งการจุติ อีกทั้งยังมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์ทัณฑ์สวรรค์อย่างอาวุธสายฟ้า จิตสายฟ้า และวิญญาณสายฟ้าลงทัณฑ์เช่นนี้ได้

แล้วถึงจะมีคนเช่นนั้นอยู่ หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ก็คงสลายหายไปหลังจากพวกเขาเอาชนะสายฟ้าลงทัณฑ์ทั้งสามระลอกเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่พวกประหลาดอย่างเฉินซีกลับต้องเผชิญกับระลอกที่สี่ ซึ่งนับว่าหายากยิ่ง

ด้วยเหตุนี้ เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายจากหลากราชวงศ์ที่กำลังพุ่งเข้ามาจึงหยุดอยู่กลางคัน พวกเขาต่างเผยสีหน้าตกตะลึงดั่งเห็นผี ไม่คิดจะเข้าไปสังหารเฉินซีอีกต่อไป กลับหันหลังวิ่งหนีแทน

นี่มันเรื่องน่าขันอะไรกัน! นั่นมันสายฟ้าลงทัณฑ์ระลอกที่สี่แล้ว กระทั่งวิญญาณสายฟ้าลงทัณฑ์ก็น่ากลัวมากแล้ว มีหรือที่สายฟ้าลงทัณฑ์ระลอกที่สี่จะด้อยกว่า? หากถูกมันสักเล็กน้อยพวกเขาต้องถูกบดขยี้เป็นผุยผงแน่!

ครืน!

หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์พลันพุ่งขึ้นสูง ก่อนจะหวีดเสียงร้องออกมา สายฟ้าสีแดงเลือดสว่างจ้าจนคล้ายกับมีโลหิตหยดลงมา มันควบแน่นเป็นร่างวิหคอมตะจำนวนมาก บินวนบนท้องฟ้า แสงจ้ามากมายส่องสะท้อน แผดเผาทั้งฟ้าดิน กรีดเสียงร้องกระจ่างใสเสนาะหูที่ฟังแล้วสะท้านถึงวิญญาณ ชั้นฟ้า และหน้าดิน

“ทัณฑ์สวรรค์วิหคอมตะแห่งการจุติ! นี่คือทัณฑ์สวรรค์วิหคอมตะแห่งการจุติ! เป็นไปได้อย่างไรกัน? ตามตำนานแล้ว บันทึกเกี่ยวกับทัณฑ์สวรรค์วิหคอมตะแห่งการจุติมีอยู่แต่ในตำราโบราณที่เก่าแก่ที่สุดเมื่อครั้งกำเนิดโลก เป็นทัณฑ์สวรรค์เมื่อตอนกำเนิดโลกเชียวนะ!” เมื่อกลุ่มคนที่อยู่ไกลได้เห็นภาพนี้ พวกเขาก็หวาดกลัวจนล่าถอยไม่หยุด สหายรอบกายต่างเผยสีหน้าตกตะลึงเช่นกัน

“สวรรค์โปรด! ทัณฑ์สวรรค์วิหคอมตะแห่งการจุติมีอยู่จริง! ไม่ใช่แค่ตำนานหรอกหรือ?” ซวีเหลิ่งเยี่ยถึงกับอื้ออึง จากนั้นจึงล่าถอยไปเช่นกัน เพราะเกรงว่าจะถูกผลกระทบ “หากเฉินซีถูกมันซัดจนถึงแก่ความตาย เช่นนั้นพัดนกยูงเพลิงของข้าจะไม่ถูกทำลายไปด้วยหรือ?”

“ตามตำนานแล้ว ผู้ที่สามารถทำให้เกิดทัณฑ์สวรรค์วิหคอมตะแห่งการจุติได้คือผู้มีความสามารถในระดับสูง แม้จะเป็นในตอนที่กำเนิดโลก ในยุคบรรพกาลที่มีผู้เยี่ยมยุทธ์อยู่มากมาย แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะทัณฑ์สวรรค์ได้ ไม่ต้องกล่าวถึงเฉินซี หากเราเข้าใกล้ทัณฑ์สวรรค์สักนิดและถูกดึงเข้าไป ก็คงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย” มีคนกลัวมากถึงขนาดที่พูดไปปากสั่นไป

“ใจเย็นลงก่อนทุกคน แม้ว่าเฉินซีจะเก่งกล้าสามารถ แต่ก็อาจพ่ายแพ้แก่ทัณฑ์สวรรค์วิหคอมตะแห่งการจุติก็เป็นได้ ถึงแม้เราจะถอยไปเท่าไรแล้วเขาเกิดเอาชนะมันได้ขึ้นมา เขาก็คงได้รับบาดเจ็บหนัก เมื่อถึงตอนนั้นเราก็จะมีโอกาสสังหารเขา”

คนหนึ่งยับยั้งความกลัวในใจไว้ได้และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “ทุกคนก็ได้เห็นพร้อมกันแล้ว คนผู้นี้มีแววจะได้ก้าวขึ้นเป็นตัวตนสูงส่ง ฉะนั้นเราจึงต้องจัดการเขาภายในวันนี้ ไม่เช่นนั้นไม่ใช่แค่พวกเราหรอก กระทั่งพวกพ้องและนิกายของเราต่อไปต้องถูกเขาตามแก้แค้นแน่!”

“ถูกต้อง! ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องจัดการเขาให้ได้!” จิตใจของทุกคนพลันเย็นเยียบเมื่อได้ยินเช่นนี้ ล้วนมีความคิดเห็นตรงกันอย่างน่าประหลาด ผู้คนจากหลากราชวงศ์ที่มีเรื่องบาดหมางระหว่างกันกลับเลือกที่จะอดทนและเป็นพันธมิตรกันชั่วคราว เพื่อจัดการกับเฉินซีให้ได้

ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังเริ่มเผชิญกับสายฟ้าลงทัณฑ์ระลอกที่สี่ของจริงแล้ว

ตู้ม!

ทั่วทั้งร่างของวิหคอมตะนั้นอาบด้วยเพลิงสว่างจ้า ทั้งยังมีสายฟ้าลั่นเปรี๊ยะอยู่รอบกาย มันส่งเสียงร้องสะเทือนฟ้าดินออกมา ก่อนจะโฉบลงมา ขณะดูดกลืนปราณวิญญาณจากสรรพสิ่งเข้าไป

ถึงขนาดที่เขารู้สึกได้ว่าวิญญาณ พลังงาน และแก่นพลังภายในร่างเหมือนจะถูกวิหคอมตะช่วงชิงออกไป ในใจเกิดความรู้สึกกลัวลึกล้ำราวกับว่าจะถูกบดขยี้ก็มิปาน

เขาซัดเพลงหมัดมหาทำลายล้างออกไป พุ่งเข้าเผชิญหน้ากับวิหคอมตะ และเพียงหนึ่งกระบวนท่าก็สามารถจัดการกับมันได้ ทว่าพลังสายฟ้าที่มันนำพามากลับไหลเข้าสู่ร่าง ทำให้ร่างครึ่งหนึ่งของเขาระเบิดออก ดูน่ากลัวเหมือนเนื้อไหม้

“ร่างเซียนจุติ ฟื้นคืนร่างให้ข้า!” เฉินซีตะโกนออกมาเสียงดัง ปราณจ้าววิญญาณภายในร่างพวยพุ่ง ก่อนจะฟื้นฟูส่วนที่ระเบิดออกไปให้กลับคืนมา พร้อมกันนั้นเขาก็เริ่มใช้ผลึกโลหิตจ้าววิญญาณที่มีอย่างบ้าคลั่งเหมือนมันไร้ราคาเพื่อเติมปราณจ้าววิญญาณ หลังจากเผชิญหน้ากับสายฟ้าลงทัณฑ์ระลอกที่สามไปก่อนหน้านี้ เขาก็ใช้ปราณจ้าววิญญาณไปเป็นจำนวนมาก

พลังของทัณฑ์สวรรค์วิหคอมตะแห่งการจุตินั้นน่าสะพรึงกลัวยิ่ง นี่ยังเป็นแค่การโจมตีครั้งแรกเท่านั้น แต่กลับระเบิดเขาไปเสียครึ่งร่าง หากตอนนี้ยังไม่เติมปราณจ้าววิญญาณ เขาคงตายไปพร้อมกับใจเคียดแค้นแม้ว่าตนเองจะมีร่างเซียนจุติก็ตาม!

ทว่าก่อนที่ชายหนุ่มจะทันฟื้นฟูจนสมบูรณ์ วิหคอมตะอีกตัวที่ร่างอาบไปด้วยเพลิงก็พุ่งลงมาจากหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ มันปล่อยแสงจ้า โฉบลงมาอย่างดุร้าย ใช้สองปีกต้อนเฉินซีไว้ตรงกลาง ก่อนที่มันจะหมุนตัว เปลวเพลิงพลันปะทุขึ้นมา หมายจะย่างสดเฉินซี

เฉินซีกัดฟันใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อผลักตัวเองออก และสามารถเอาชนะวิหคอมตะไปได้ แต่ตนเองกลับต้องบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง เนื้อตัวไหม้เกรียม มีรูเหวอะหวะทั่วร่าง ลึกถึงขั้นเห็นกระดูกขาว

กิ๊! กิ๊! กิ๊!

เสียงร้องของวิหคอมตะดังสะท้อนไปทั้งสวรรค์เก้าชั้น สะเทือนทั้งโลกา จากนั้นพวกมันอีกหลายสิบตัวก็โฉบลงมาจากหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ ร่างอาบด้วยเปลวเพลิงส่องสว่าง ทั้งยังมีสายฟ้ากระจายอยู่รอบกาย มันโฉบลงมาล้อมเฉินซีไว้ทันใด

วิหคอมตะพวกนี้แปลงร่างมาจากความลึกล้ำของเต๋าแห่งสายฟ้า แต่ละตัวแกร่งกล้ากว่าอาวุธสายฟ้าและจิตวิญญาณสายฟ้าที่เขาเจอมาก่อนหน้าเสียอีก ถึงขนาดที่สามารถสังหารตัวตนขอบเขตจุติได้

ตอนนี้วิหคอมตะกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมเฉินซีไว้ มันกระพือปีกสร้างเพลิงโหมขึ้นมา ก่อนที่เพลิงนั้นจะเข้าปะทะกัน ราวกับมีตัวตนบนฟากฟ้ากดพลังลงมา หมายจะหลอมละลายทุกอย่างในใต้หล้าก็มิปาน

ชั่วพริบตานั้น ทั้งเนื้อและกระดูกในร่างของเฉินซีก็ถูกบดขยี้จนกลายเป็นผุยผง เหลือแค่ไม่กี่อย่างที่ล่องลอยอยู่บนฟากฟ้า นั่นคือชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก เตาหลอมขนาดเล็กอันลึกลับ เจดีย์บำเพ็ญทุกข์… และเส้นสายแก่นวิญญาณ!

“ช่างเป็นทัณฑ์สวรรค์ที่น่ากลัวแท้! เฉินซีนั่นคงไม่รอดแล้วใช่หรือไม่?” ทุกคนที่อยู่ไกล ๆ ไม่สามารถเห็นภาพเบื้องหน้าได้ชัดเจน แต่กลับสัมผัสถึงความรู้สึกผวาที่ไร้สิ่งใดยับยั้งได้ ทัณฑ์สวรรค์วิหคอมตะแห่งการจุติน่ากลัวมากจริง ๆ แม้จะมองดูอยู่ไกล ๆ ก็ทำเอากำลังใจสู้หดหาย ความหวังทั้งหลายถูกทำลายสิ้น

[1] ขนหงส์เขากิเลน (凤毛麟角) หมายถึงหายาก

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท