บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 524 การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของหม้อใบจิ๋ว

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 524 การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของหม้อใบจิ๋ว

บทที่ 524 การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของหม้อใบจิ๋ว

ครึ่งเดือนต่อมา

โอม!

เสียงอันแผ่วเบาของกระบี่แว่วออกมาจากภายในห้อง

ที่หว่างคิ้วของเฉินซีปรากฏความอ่อนล้าอย่างหนาแน่น สีหน้าซีดเซียว ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำ และคางที่เรียบเนียนของเขาถูกปกคลุมด้วยเคราที่หนา ทำให้เขาดูโทรมเป็นอย่างมาก

ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พละกำลังมากเกินไป

อันที่จริง เฉินซีก็เหนื่อยล้าจนสายตัวแทบขาด เนื่องจากการขัดเกลายันต์ศัสตราตลอดเวลาครึ่งเดือนโดยไม่ได้หลับไม่ได้นอน เป็นสิ่งที่แม้แต่ความแข็งแกร่งของร่างกายก็ไม่สามารถทานทนได้

ยิ่งกว่านั้น เพื่อรับประกันว่ายันต์ศัสตราจะขัดเกลาได้สำเร็จ จิตใจของเขาจึงจดจ่ออยู่กับยันต์ศัสตรามาโดยตลอด ราวกับเป็นคันธนูที่ง้างจนสุดแรง ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้าจนสุดจะพรรณนา เว้นแต่จะได้สัมผัสด้วยตนเอง

แต่เมื่อเขานึกถึงผลของการขัดเกลา แม้ว่าจะเหนื่อยจนถึงขีดสุด เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น

เฉินซีเงยหน้าขึ้นและมองไปยัง ‘คู่หู’ ที่ติดตามเคียงข้างเขามาหลายปีอย่างระมัดระวัง กระบี่ยาวสี่จั้ง ตัวกระบี่เรียวยาว แข็งแรงและดำสนิทเหมือนผืนน้ำใสในฤดูใบไม้ร่วง มีลักษณะเรียบง่ายไม่ซับซ้อน

ตัวกระบี่ที่ยาวกว่านั้นหนักและยื่นออกมา ในขณะที่ใบมีดนั้นคมกริบและบางเหมือนปีกจักจั่น เปล่งประกายแวววาวราวกับหิมะ

กระบี่ทั้งเล่มให้ความรู้สึกของการกลับคืนสู่ความเรียบง่าย อย่างไรก็ตาม เมื่อมองอย่างระมัดระวัง จะรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ใจสั่นไหว ความคมกริบของทอง ความมีชีวิตชีวาของพฤกษา ความนุ่มนวลของวารี ความเดือดดาลของอัคคี และความหนักแน่นของปฐพี ทั้งหมดนี้ถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวเพื่อสร้างการไหลเวียนของเบญจธาตุที่ไร้ที่ติและสมบูรณ์แบบ

ความรู้สึกเช่นนี้ราวกับว่าอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวมากมายในทางช้างเผือก ซึ่งมีพลังงานลึกลับไหลเวียนอยู่ภายในนั้นอย่างไม่รู้จบ จนทำให้หัวใจรู้สึกสั่นไหว

เฉินซีรู้สึกถึงความเจ็บปวดเย็นยะเยือกที่ทิ่มแทงปลายนิ้วของเขาในขณะที่ลูบกระบี่เบา ๆ และนั่นทำให้เขาอุทานออกมาด้วยความชื่นชม

เพราะการขัดเกลากายาของเขาได้บรรลุถึงขอบเขตจุติ และสมบัติวิเศษระดับสวรรค์ทั่วไปก็ไม่อาจทำลายร่างกายของเขาได้แม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม ยันต์ศัสตราที่ได้รับการขัดเกลาอีกครั้ง กลับอาศัยเพียงปราณกระบี่ที่ปล่อยออกมาทิ่มแทงเข้าสู่ผิวหนังจนเขารู้สึกเจ็บปวด ดังนั้นยันต์ศัสตราที่ได้รับการขัดเกลาอีกครั้งหนึ่งนั้นทรงพลังเพียงใด จึงสามารถเห็นได้ชัดจากสิ่งนี้

วูบ!

เฉินซีสะบัดมือขึ้น ทำให้สมบัติวิเศษระดับสวรรค์ขั้นสุดยอดลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า นี่คือค้อนทองเหลืองที่มีน้ำหนักกว่าสามแสนจิน และหนักมากเสียจนเขารู้สึกเหมือนกับกำลังถือภูเขาทั้งลูกอยู่ในมือ

เฉินซีมีสมบัติวิเศษระดับสวรรค์ขั้นสุดยอดมากกว่าร้อยชิ้น ซึ่งได้ยึดมาจากศัตรูของในสมรภูมิบรรพกาล

ฟุ่บ!

ทันใดนั้น แสงเยียบเย็นก็ปรากฏขึ้นราวกับสายฟ้าที่วาบผ่านอากาศและฟันไปทางค้อนทองเหลือง

ไม่มีเสียงปะทะหรือประกายไฟแม้แต่น้อย กระบี่ได้ตัดผ่านค้อนทองเหลืองเป็นสองส่วนอย่างเงียบ ๆ ราวกับตัดก้อนเต้าหู้!

แม้ว่าจะเตรียมใจมาเป็นอย่างดี แต่เมื่อเขาเห็นฉากที่แปลกประหลาดนี้และรู้สึกถึงกลิ่นอายที่ดุร้ายที่แฝงอยู่ภายในความเงียบนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึงอยู่ในใจ

“มันช่างทรงพลังยิ่งนัก!”

“พลังทำลายเช่นนี้ ช่างตรงกับคำที่ว่า ตัดผ่านเหล็กเหมือนผ่านโคลนจริง ๆ!”

“ท้ายที่สุดแล้ว นั่นคือสมบัติวิเศษระดับสวรรค์ขั้นสุดยอด แต่มันกลับไม่สามารถต้านทานการโจมตีเบา ๆ ของยันต์ศัสตราได้ และถูกผ่าออกเป็นสองท่อนอย่างง่ายดายราวกับฉีกกระดาษ พลังทำลายเช่นนี้อาจเป็นสิ่งที่แม้แต่สมบัติกึ่งอมตะก็ไม่สามารถบรรลุได้…”

เมื่อเฉินซีคิดมาถึงจุดนี้ ความอยากรู้อยากเห็นก็ปะทุขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากเขาอยากลองเปรียบเทียบยันต์ศัสตรากับพัดนกยูงเพลิงและดูว่าอาวุธใดแข็งแกร่งกว่ากัน

แต่ทันใดนั้นเขาก็ระงับความคิดของตัวเองไว้

หลังจากสมบัติวิเศษได้บรรลุระดับของสมบัติกึ่งอมตะแล้ว ความแข็งแกร่งของมันก็ไม่ได้ตัดสินจากความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญคือคนที่ใช้มัน

อย่างไรก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา ยังไม่สามารถใช้พลังที่แท้จริงของพัดนกยูงเพลิงได้ ดังนั้นจึงไม่มีความหมายที่จะเปรียบเทียบกับยันต์ศัสตรา

แต่เฉินซีก็ยังมั่นใจว่า พลังในตอนนี้ของยันต์ศัสตรานั้นเทียบได้กับสมบัติกึ่งอมตะอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องที่สิ่งใดแข็งแกร่งกว่ากันนั้น ก็คงจะรู้ได้จากการต่อสู้จริงเท่านั้น

โอม!

ปราณแท้หลั่งไหลเข้าสู่ยันต์ศัสตรา ทำให้กระบี่ส่งเสียงคำรามที่เย็นยะเยือกและลึกล้ำออกมา พร้อมกับเสียงนั้น กระแสพลังของเต๋ารู้แจ้งแห่งการสังหารที่ไร้รูปร่างก็แผ่ซ่านออกไป ทำให้โต๊ะ เก้าอี้ พื้น หน้าต่าง เตียง… ทุกสิ่งในห้องกลายเป็นผุยผงท่ามกลางเสียงอึกทึก จากนั้นก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง

โดยเฉพาะที่กำแพงโดยรอบ มีรอยกระบี่ละเอียดจำนวนนับไม่ถ้วนที่กระจายออกไปดุจใยแมงมุม

“ไม่ได้การ!” เฉินซีอุทานออกมาและรีบพุ่งออกจากห้อง

โครม!

ทันทีที่เขาพุ่งออกจากห้อง ทั้งห้องก็พังทลายลงจนเกิดเสียงโครมคราม บ้านที่สร้างจากหินขนาดมหึมาทั้งหลังกลับไม่เหลือเศษซากใด ๆ และแตกสลายเป็นผุยผง ก่อนที่จะฟุ้งกระจายไปทั่วท้องฟ้า

เฉินซีรีบขยับถอยหลังเพื่อหลีกเลี่ยงฝุ่นนี้

“เกิดอะไรขึ้น?” เสียงตะโกนด้วยความตื่นตระหนักดังขึ้นจากระยะไกล ในขณะที่หวงฝู่ฉิงอิงกับคนอื่น ๆ ก็สังเกตเห็นถึงความโกลาหลที่เกิดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เอ่ยถามอย่างต่อเนื่อง

“แค่ก แค่ก… ไม่มีอะไร ข้าแค่บังเอิญทำลายบ้าน…” เฉินซีรู้สึกอายมากและรีบอธิบาย

ทุกคนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้จากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่พวกเขาแยกย้ายกันไป เฉินซีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและมองไปที่ ‘ผู้ร้าย’ ในมือของเขา แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึงในใจ

หลังจากได้รับการขัดเกลาอีกครั้ง ยันต์เทวะทั้งห้าภายในยันต์ศัสตราได้ก่อให้เกิดผลบางอย่าง

ก่อนหน้านี้ เมื่อเฉินซีถ่ายปราณแท้ของเขาลงในยันต์ศัสตรา เขาก็เห็นภาพมายาของยันต์เทวะทั้งห้าปรากฏอยู่บนพื้นผิวของกระบี่อย่างชัดเจน และพวกมันทำให้เกิดการไหลเวียนของทั้งห้าธาตุ จากนั้นก็ผสานกันจนเป็นทะเลแห่งอักขระยันต์อันกว้างใหญ่

ยิ่งไปกว่านั้น ภายในทะเลแห่งอักขระยันต์ก็มีเงาร่างที่พร่ามัวอยู่สิบร่างและมันส่องแสงระยิบยับอยู่ตรงหน้าของเฉินซี เงาร่างเหล่านี้คือ จักรพรรดิคราม จักรพรรดิพิสุทธ์ จักรพรรดิชาด จักรพรรดิทมิฬ จักรพรรดิเหลือง จักรพรรดิพฤกษา จักรพรรดิทองคำ จักรพรรดิอัคคี จักรพรรดิวารีและจักรพรรดิปฐพี

พวกมันอาศัยอยู่ภายในทะเลอักขระยันต์อันกว้างใหญ่และควบคุมอักขระยันต์นับไม่ถ้วนด้วยพลังอำนาจที่ท่วมท้นของพวกมัน

ยิ่งกว่านั้น พลังอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ซ่านออกมาจากเงาร่างทั้งสิบ ก็หลั่งไหลเข้าสู่ยันต์ศัสตราที่สร้างจากเคียวแห่งการสังหาร ทำให้มันปลดปล่อยพลังของเต๋ารู้แจ้งแห่งการสังหารอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งทำลายบ้านจนสลายไม่เหลือแม้แต่ซาก

“ฮ่า ๆๆ! เจ้าหนู เจ้าอยากเรียนรู้จากข้าเหมือนกันหรือ?” วิปลาสหลิ่วนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป และชี้มายังเฉินซีซึ่งเปรอะไปด้วยฝุ่นผง จากนั้นก็หัวเราะเยาะด้วยความเย้าแหย่

“เรียนรู้จากท่านหรือ?” เฉินซีชำเลืองมองคนตรงหน้าที่เลอะเทอะและสกปรกมาก ก่อนจะส่ายศีรษะอย่างหนักแน่น แม้ว่าจะไม่ใช่คนบ้าสะอาด แต่เขาก็ไม่สามารถทนทำให้ตัวเองดูแย่ยิ่งกว่าขอทานได้

“แต่กระบี่ในมือเจ้าเป็นสมบัติชั้นเลิศจริง ๆ หากข้าเดาไม่ผิด มันน่าจะดัดแปลงมาจากสมบัติอมตะใช่หรือไม่? เจ้าต้องเก็บมันให้พ้นจากสายตาคนอื่น มิฉะนั้นอาจกระตุ้นความโลภของผู้คนได้” ดวงตาที่มึนเมาของวิปลาสหลิ่วพลันส่องประกายในขณะที่เขาเตือนอย่างจริงจัง

ด้วยการบ่มเพาะของชายหนุ่ม เขาสามารถแยกแยะได้ว่า ยันต์ศัสตรานั้นไม่ธรรมดา และเขาคงไม่ใส่ใจจะเตือนชายหนุ่ม ถ้ามันเป็นสมบัติกึ่งอมตะธรรมดา

เฉินซีพยักหน้า จากนั้นจึงกล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้อาวุโส อย่าได้กังวล ใครก็ตามที่ต้องการแย่งสมบัติของข้าไป จะต้องคิดให้ดีว่าพวกมันจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่”

“เจ้ากล้าได้กล้าเสีย ข้าชอบคนแบบเจ้าเป็นอย่างมาก ฮ่า ๆๆ” วิปลาสหลิ่วหัวเราะเสียงดังลั่น ก่อนจะยกน้ำเต้าขวดสีเหลืองขึ้นดื่มด้วยความยินดีอย่างยิ่ง

เหลืออีกเพียงครึ่งเดือนก่อนที่การทดสอบขั้นสุดท้ายของสมรภูมิบรรพกาลจะเริ่มขึ้น

บรรยากาศในเมืองบรรพกาลยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งตอนนี้แทบจะไม่เห็นผู้คนตามท้องถนน เนื่องจากคนทั้งหมดดูจะเข้าสู่การปิดด่านบ่มเพาะ และกำลังทุ่มเทอย่างหนักเพื่อเตรียมการสำหรับการทดสอบสุดท้าย

แม้แต่เฉินซีก็ไม่มีข้อยกเว้น

หลังจากขัดเกลายันต์ศัสตราสำเร็จแล้ว เขาก็พักผ่อนเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนจะเริ่มจัดเรียงสมบัติอื่น ๆ โดยไม่รอช้าแม้แต่น้อย

เขากำลังดูแผ่นหยกที่บันทึกวิธีการขัดเกลาพัดเทพอัคคี

การขัดเกลาพัดนี้จำเป็นต้องรวบรวมขนของวิหคศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ด อันได้แก่ นกเฟิงหวง นกยูงคราม คุนเผิง กระเรียนทมิฬ ราชานกยูงปรโลก ไก่ฟ้าวิญญาณ และอีกาทองคำเป็นวัตถุดิบหลัก จากนั้นมันจะถูกขัดเกลาด้วยวัตถุวิญญาณอื่น ๆ

ยิ่งกว่านั้น เปลวไฟที่ใช้ในการขัดเกลาพัดเทพอัคคีก็มีความเฉพาะเจาะจง พวกมันต้องเป็นเปลวเพลิงทองคำ เปลวเพลิงวิญญาณพฤกษา เปลวเพลิงวารีทมิฬ เปลวเพลิงสุริยัน และเปลวเพลิงศิลาหมื่นปี ซึ่งเป็นเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่กระจายอยู่ทั่วฟ้าดิน

เมื่อการขัดเกลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยามที่ใช้มันโบกสะบัดจะบังเกิดเป็นเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ลุกโชนด้วยพลังอันท่วมท้น อีกทั้งยังมีพลังมหาศาลที่สามารถเผามหาสมุทรให้แห้งเหือดและเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้อย่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ มันจึงเป็นอาวุธอมตะอย่างแท้จริง

ตามตำนานในสมัยโบราณ มีเทพเจ้าองค์หนึ่งได้ทำศึกไปทั่วฟ้าดินด้วยพัดเทพอัคคีในมือของเขา

และเขาได้เผาศัตรูที่น่าเกรงขามไปนับไม่ถ้วน ดังนั้นอานุภาพของมันจึงน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง

แต่สำหรับเฉินซี การขัดเกลาพัดเทพอัคคีนี้เป็นเรื่องที่ไกลเกินเอื้อม เพราะการรวบรวมวัตถุเหล่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาจะสามารถทำได้

ตัวอย่างเช่น พัดนกยูงเพลิงในมือของเขาได้รับการขัดเกลาจากขนนกของราชานกยูงปรโลก และคุณภาพของมันได้บรรลุถึงระดับของสมบัติกึ่งอมตะแล้ว ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่า การรวบรวมขนนกที่เหลือจากวิหคศักดิ์สิทธิ์นั้นยากเย็นเพียงใด

นอกจากนี้ เปลวไฟเหล่านั้นก็ยังน่าทึ่งเช่นเดียวกัน มันครอบคลุมทั้งธาตุทั้งห้าและทุกธาตุก็เป็นเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่หาได้ยากยิ่งในโลก ว่ากันว่าเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้มีจิตวิญญาณและสติปัญญา อีกทั้งยังรู้วิธีบ่มเพาะ ดังนั้นการจะสยบมันให้เชื่องจะต้องใช้พลังที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ พัดเทพอัคคีเป็นสมบัติอมตะที่แท้จริง ดังนั้นแม้ว่าเขาจะมีวิธีขัดเกลาอยู่ในมือ แต่ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา จึงทำให้เขาไม่สามารถขัดเกลามันได้

“ไม่แปลกใจเลยที่ปี้หลิงอวิ้นจะมอบแผ่นหยกนี้ให้อย่างง่ายดาย นางคงรู้สึกว่าการขัดเกลาพัดล้ำค่าเช่นนี้ให้สำเร็จนั้น คงมีความหวังที่น้อยมากใช่หรือไม่?” เฉินซีส่ายศีรษะขณะวางแผ่นหยกลงในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถขัดเกลามันได้ในปัจจุบัน แต่ด้วยการบ่มเพาะที่ก้าวหน้าและความพยายามในการตามหาวัตุดิบเหล่านั้น สักวันหนึ่งเขาจะสามารถขัดเกลามันได้

เขาดึงแผ่นศิลาขึ้นมาอีกแผ่นหนึ่ง มันดูธรรมดามากและปกคลุมไปด้วยรอยด่างดำ และดูเหมือนว่าจะผ่านประสบการณ์ในการล้างบาปมามากมายนับไม่ถ้วน ทำให้มันเปล่งกลิ่นอายเก่าแก่และหนักหน่วงได้อย่างน่าทึ่ง

หลังจากตรวจสอบโดยสังเขป ก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังแห่งการทำลายล้างที่มหาศาลและทรงพลังที่บรรจุอยู่ภายใน พลังงานนี้บริสุทธิ์อย่างไร้ที่เปรียบ ราวกับว่ามันเป็นสถานที่ที่มหาเต๋าแห่งการทำลายล้างถือกำเนิดขึ้น และมันสร้างความตกตะลึงอย่างมากให้กับใครก็ตามที่สัมผัสได้ถึงมัน

นี่คือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ชายหนุ่มแย่งชิงมาจากวานรวารีเพลิงในทะเลบรรพกาล …ศิลาจารึกแห่งการทำลายล้าง!

“ความเข้าใจของข้าที่มีต่อเพลงหมัดมหาทำลายล้างได้บรรลุถึงระดับที่เชี่ยวชาญแล้ว และเพียงแค่กระแสพลังของมันก็ทำให้ตกตะลึงถึงขีดสุดแล้ว ถ้าข้าสามารถเข้าใจเต๋ารู้แจ้งแห่งการทำลายล้างได้อย่างสมบูรณ์ อานุภาพของมันจะทรงพลังถึงเพียงใด?” เฉินซีรู้สึกคาดหวังอย่างมาก

“ส่งมาให้ข้า แล้วข้าจะถ่ายทอดความลึกล้ำของการทำลายล้างให้แก่เจ้า” ในขณะนี้ จู่ ๆ ความคิดก็ถูกส่งมาจากหม้อใบจิ๋วที่แขวนอยู่ตรงหน้าอก และทำให้คนที่กำลังครุ่นคิดอยู่ ตกตะลึงจนตื่นตระหนก

“หม้อจิ๋วลึกลับใบนี้… กลับมีชีวิตขึ้นมาแล้วจริงๆ!”

เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และถามอย่างละเอียด “แผ่นศิลานี้สำคัญต่อเจ้ามากหรือ?”

“เกือบจะสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของข้าได้หนึ่งในพันแล้ว ถึงแม้มันจะไม่สำคัญ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย” หม้อใบจิ๋วกล่าวได้อีกครั้งจริง ๆ และมันกล่าวคำที่ทำให้เฉินซีตกใจยิ่งกว่าเดิม

“หม้อใบนี้ทรงพลังเป็นอย่างมาก แต่มันกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส? แล้วใครล่ะที่เอาชนะมันได้??”

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท