บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 530 ทหารม้ามรณะเกราะทองคำ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 530 ทหารม้ามรณะเกราะทองคำ

บทที่ 530 ทหารม้ามรณะเกราะทองคำ

เป็นไปตามที่อวิ๋นหลานเซิงกล่าวเอาไว้ กองทัพมรณะนี้มีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันออกไป

ตัวอย่างเช่น ทหารม้ามรณะที่มีสีดำสนิท จะมีความแข็งแกร่งที่เทียบได้กับผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติทั่วไป และเหนือกว่านั้นคือทหารม้าเพลิงนรก ทหารม้ามรณะเกราะทองคำ ทหารช้างมรณะและขุนพลมรณะ!

ทหารม้าเพลิงนรกเทียบได้กับผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติระดับห้า

ทหารม้ามรณะเกราะทองคำนั้นเทียบได้กับผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติระดับหก

ทหารช้างมรณะอยู่ในระดับเดียวกับผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติขั้นสมบูรณ์

ท้ายที่สุด ขุนพลมรณะที่เป็นหัวใจของกองทัพมรณะ มีความแข็งแกร่งที่สามารถเทียบได้กับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี!

หากเทียบกันแล้ว จำนวนของทหารม้ามรณะมีมากที่สุด พวกมันมีอยู่ทุกหนทุกแห่งเหมือนกับมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในทางกลับกัน ทหารม้าเพลิงนรกกลับมีจำนวนน้อยกว่า แต่พวกมันก็ปะปนอยู่ภายในกองทัพมรณะดุจนายกองของกองทัพมนุษย์ และจำนวนของมันก็ถือว่าไม่น้อยเช่นกัน

เหนือพวกมันไปขึ้นไปก็คือ ทหารม้ามรณะเกราะทองคำและทหารช้างมรณะ พวกมันเป็นกองกำลังชั้นยอดในกองทัพและมีจำนวนที่น้อยมาก โดยปกติแล้ว พวกมันจะประจำอยู่แนวหลังของกองทัพ และจะไม่บุกขึ้นหน้าถ้าไม่จำเป็น

ส่วนขุนพลมรณะนั้น แทบจะไม่ปรากฏตัว เว้นเสียแต่ว่าพวกมันจะประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันครั้งใหญ่

ดังเช่นเหตุผลที่อวิ๋นหลานเซิงและเหล่าทูตคนอื่น ๆ ที่ตั้งหลักอยู่ในเมืองโดยไม่ลงมือนั้น ก็เพื่อสะกดขุนพลมรณะ เพื่อที่พวกมันจะได้ระวังและไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

ห่างออกไป กลุ่มทหารม้าเพลิงนรกกำลังปิดล้อมผู้บ่มเพาะหลายคนราวกับกระแสน้ำวน

ทหารม้าเพลิงนรกเหล่านี้สวมชุดเกราะ หมวก อาวุธและม้าศึกที่มีสีแดงเข้มเหมือนเปลวเพลิง ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังแผ่กลิ่นอายอันน่ากลัวและคุกคามออกมา

ทหารม้าเพลิงนรกทุกตัวดูจะถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิงแห่งนรกที่โหดร้าย รุนแรง และนองเลือด

นอกจากนี้ยังแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก พวกมันได้ใช้วิชากระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่หลากหลายซึ่งฉีกทะลุท้องฟ้า พร้อมกับระเบิดอานุภาพที่ทรงพลังและยิ่งใหญ่ออกมา

“อ๊า!” เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นท่ามกลางกลุ่มผู้บ่มเพาะที่ถูกปิดล้อม ผู้บ่มเพาะหญิงที่มีปฏิกิริยาตอบสนองช้า ถูกหอกของทหารม้าเพลิงนรกแทงเข้าที่ช่องท้องโดยตรงจากทางด้านข้าง จากนั้นมันก็สะบัดนางกระเด็นขึ้นไปบนฟ้า ทำให้เลือดสีแดงสดสาดกระจายไปทั่ว เพียงชั่วพริบตา ร่างกายของนางถูกแทงทะลุพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่น่าสังเวชของนาง ก่อนที่หญิงสาวจะสูญเสียสัญญาณชีพไป

วูบ!

ทหารม้าเพลิงนรกทำท่าจะคว้าอะไรบางอย่าง ก่อนจะปรากฏเป็นเปลวเพลิงอันเจิดจ้าพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับเผาศพของผู้บ่มเพาะหญิงคนนั้น จากนั้นศพของนางก็กลายเป็นดวงวิญญาณอาฆาต ซึ่งพุ่งเข้าสู่ร่างของทหารม้าเพลิงนรก

ทันใดนั้น ความแข็งแกร่งของทหารม้าเพลิงนรกตัวนี้ก็เพิ่มขึ้น!

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ผู้บ่มเพาะสามารถเพิ่มฐานการบ่มเพาะของพวกเขาผ่านการกลืนกินเศษเสี้ยวของพลังเทวะที่ได้จากการสังหารกองทัพมรณะเหล่านี้ และพวกมันก็สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งโดยการสังหารผู้บ่มเพาะเช่นเดียวกัน!

“บัดซบ! ไอ้สารเลว!”

ผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ โกรธแค้นอย่างมาก ซึ่งบางคนก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปและตั้งใจที่จะฝ่าออกจากวงล้อม ทว่าพวกเขาก็ถูกสังหารจากการประสานการโจมตีของทหารม้าเพลิงนรกกว่าสิบตัว และกลายเป็นวิญญาณอาฆาตที่ถูกพวกมันกลืนกิน

“พวกเรา ถอยก่อน! ทหารม้าเพลิงนรกเหล่านี้แข็งแกร่งเกินกว่าที่เราจะต่อกรได้ เราต้องหนีกลับเข้าเมืองก่อน แล้วเราจะได้รับการปกป้องจากสมบัติแห่งทวยเทพที่อยู่ที่นั่น” ผู้บ่มเพาะคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง

“ฮึ่ม! ปกป้องหรือ? ครั้งนี้สมบัติของทวยเทพก็จักถูกทำลายเช่นกัน!”

ในขณะนี้ แสงสีทองเจิดจ้าส่องลงมาอย่างท่วมท้น มันคือนักรบที่สวมชุดเกราะสีทองและอาบด้วยแสงสีทอง ซึ่งมีกลิ่นอายที่น่าเกรงขามและดุร้ายเสมือนเป็นวัตถุ อีกทั้งยังทำให้สุญญะโดยรอบสั่นสะเทือนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แท้จริงแล้ว มันคือทหารม้ามรณะเกราะทองคำและความแข็งแกร่งของมันก็เทียบได้กับผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติขั้นสมบูรณ์!

แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือ มันสามารถพูดได้ เห็นได้ชัดว่ามันมีสติปัญญาและมีสถานะค่อนข้างสูง

“อย่าปล่อยให้พวกมันรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว จงฆ่าและทรมานผู้บ่มเพาะเหล่านี้ทั้งหมด แล้วค่อยสกัดวิญญาณของพวกมันเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับพวกเจ้า คราวนี้เราจักต้องยึดเมืองบรรพกาลให้จงได้!”

ทหารม้าเพลิงนรกทั้งหมดคำรามอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง

“บัดซบ! หนีเร็ว!” ผู้บ่มเพาะคำรามอย่างบ้าคลั่งและหลบหนีอย่างสุดกำลัง

“พวกเจ้าคิดว่าจะหนีได้หรือ?” ทหารม้ามรณะเกราะทองคำรามขณะที่ประกายเยือกเย็นและโหดร้ายฉายอยู่ในดวงตาสีทองของมัน จากนั้นมันก็ตวัดหอกทองคำในมือ ทำให้มันกลายเป็นเมฆสีทองที่มีขนาดใหญ่ราวร้อยยี่สิบจั้งและปกคลุมไปทั่วทั้งฟ้าดินทันที

ครืนนนน!

เมฆสีทองที่แหลมคมอย่างไม่มีใครเทียบได้ อีกทั้งยังสูงส่งดุจขุนเขาที่ตั้งตระหง่านและแฝงไปด้วยความลึกล้ำของมหาเต๋าแห่งโลหะที่น่าสะพรึงกลัว ทันใดนั้นมันก็ถาโถมลงมาจากฟากฟ้า ทำให้ผู้บ่มเพาะเหล่านั้นถูกห่อหุ้มอยู่ภายในก่อนที่พวกเขาจะหลบหนีได้ทัน

แตก!

เมื่อผู้บ่มเพาะเหล่านี้กำลังจะถูกทำลายล้างจนสูญสิ้น จู่ ๆ สายฟ้าก็ฟาดลงมาจากท้องฟ้าและฉีกเมฆสีทองออกจากกันโดยตรง จากนั้นมันก็หอหุ้มผู้บ่มเพาะทั้งหมดไว้ข้างในและช่วยชีวิตพวกเขาไว้ได้

หลังจากนั้น ร่างที่มีกลิ่นอายสูงส่งดุจขุนเขาก็ร่อนลงมาจากท้องฟ้า ร่างนี้มีสามเศียรหกกร อีกทั้งยังมีเสียงฟ้าร้องคำรามอยู่ทั่วตัวเขา ทำให้ดูเหมือนกับเทพมารที่จุติมาจากฟากฟ้า และร่างนี้ก็คือเฉินซีที่รีบรุดมาหลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น!

“ที่แท้มันก็คือทหารม้ามรณะเกราะทองคำ ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามันจะมาปรากฏตัวที่นี่…” เฉินซีรู้สึกประหลาดใจ เพราะเท่าที่ทราบมา ทหารม้ามรณะเกราะทองคำและทหารช้างมรณะส่วนใหญ่จะรักษาแนวหลังของกองทัพ และจะไม่บุกมาที่แนวหน้าถ้าจำไม่เป็น ดังนั้นเขาจึงไม่เคยคิดว่าจะเจอมันที่นี่

“เขาคือเฉินซีแห่งราชวงศ์ซ่ง!” ผู้บ่มเพาะเริ่มโห่ร้องด้วยความยินดีเมื่อเห็นอีกฝ่าย เพราะขณะนี้ผู้กอบกู้ของพวกเขาได้มาถึงแล้ว!!!

อีกอย่าง พวกเขาทั้งหมดสวมเสื้อผ้าหลากสีและเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์ต่าง ๆ ที่พุ่งออกมาจากประตูเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือพร้อมกับศิษย์ของราชวงศ์ซ่ง แล้วพวกเขาจะไม่รู้จักชื่อเสียงของเฉินซีได้อย่างไร?

เฉินซีเป็นผู้ทรงพลังซึ่งได้อันดับที่หนึ่งของศิลาจารึกวิญญาณแห่งการต่อสู้ของจักรพรรดิสงคราม อีกทั้งยังเกือบจะถอนรากถอนโคนตระกูลซางซึ่งเป็นตระกูลอันทรงเกียรติของอาณาจักรโบราณด้วยมือตัวเอง!

เมื่อเห็นชายหนุ่มปรากฏตัว พวกเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที เพราะพวกเขารู้ตัวว่าตนเองนั้นมีโอกาสรอดชีวิตแล้ว!

“ที่นี่ไม่ปลอดภัย พวกเจ้าทุกคนควรกลับไปต่อสู้ที่หน้าประตูเมืองเถอะ” เฉินซีเหลือบมองคนเหล่านี้และพบว่าคนส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ จึงทำให้เขารู้ว่า หากตนมาไม่ทันเวลา คนเหล่านี้อาจเสียชีวิตนานไปแล้ว

“ฮึ! ผู้ขัดเกลากายาขอบเขตจุติขั้นต้นหรือ? เจ้ามาได้ถูกเวลาพอดี เนื้อของผู้ขัดเกลากายาเป็นอาหารอันโอชะชั้นเลิศ และการกลืนกินเจ้าก็พอจะทำให้ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มระดับขึ้นได้ ครั้งนี้พวกเจ้าอย่าได้หวังว่าจะจากไปได้!!” ทันใดนั้น เสียงคำรามก้องก็ดังขึ้น

ทหารม้ามรณะเกราะทองคำชี้หอกทองคำในมือของมันไปที่เฉินซี พร้อมกับมองอย่างเย่อหยิ่งไปที่ชายหนุ่ม จากนั้นแสงสีทองอันน่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของมันราวกับเป็นภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ ปลดปล่อยแรงกดดันออกมาอย่างท้วมท้น!!

กลุ่มทหารม้าเพลิงนรกที่กำลังโจมตีก็หยุดมือเช่นกัน สายตาของพวกมันเผยให้เห็นถึงความโลภที่โหดร้ายและกระหายเลือด ในขณะที่จ้องมองไปยังร่างที่สูงตระหง่านดุจขุนเขาของเฉินซี

“สหายเต๋าเฉินซี ระวังตัวด้วย ความแข็งแกร่งของทหารม้ามรณะเกราะทองคำนี้เทียบได้กับขอบเขตจุติระดับหก เหตุใดเราถึงไม่ล่าถอยกลับไปที่เมืองก่อน แล้วค่อยหาทางรับมือกับมันในภายหลัง?” ผู้บ่มเพาะคนหนึ่งกล่าวผ่านกระแสปราณ

“ถูกต้องแล้ว เพียงสองหมัดยากจะต้านทานสี่ฝ่ามือ ทหารม้าเพลิงนรกกว่าสามสิบตัวที่อยู่ใกล้เคียงก็เป็นปัญหาอย่างมากเช่นกัน เพราะพวกมันทั้งหมดมีฐานการบ่มเพาะขอบเขตจุติระดับห้า เราไม่สามารถต่อกรกับพวกมันได้” ผู้บ่มเพาะอีกคนก็กล่าวผ่านกระแสปราณด้วยความกังวลเช่นกัน

ความแข็งแกร่งของชาายหนุ่มนั้นเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคน แต่ตอนนี้พวกเขาถูกปิดล้อมอยู่ภายในกองทัพทหารมรณะ ยิ่งไปกว่านั้น ศัตรูของพวกเขาก็มีจำนวนมากมายและมีความแข็งแกร่งที่ทรงพลัง หากยังติดอยู่ในวงล้อมนี้ต่อไป แม้ว่าจะสามารถทำลายศัตรูที่อยู่ตรงหน้าไปได้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะฝ่าวงล้อมออกไปในตอนนั้น

แล้วมีใครจะรับประกันได้ว่า ทหารม้ามรณะเกราะทองคำตัวอื่นจะไม่ปรากฏตัวขึ้นมาอีก?

“พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล จงล่าถอยกลับไปก่อน ข้าจะเปิดเส้นทางที่ปลอดภัยให้แก่พวกเจ้าเอง” เฉินซีโบกมือขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า และทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน

“อันใดนะ? นี่เจ้าคิดต่อสู้เพียงลำพังหรือ?” ทหารม้ามรณะเกราะทองคำคำรามด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

ทว่าสีหน้าของเฉินซียังคงไม่เปลี่ยนแปลง ชายหนุ่มเพียงยกมือขึ้นและฟาดฝ่ามือออกไป!

ครืนน!

ฝ่ามือมหาดาราพุ่งผ่านท้องฟ้าและปกคลุมโดยรอบ

ฝ่ามือมหาดาราในครั้งนี้ ไม่เหมือนกับครั้งก่อน ๆ

ทันทีที่ฝ่ามือมหาดาราปรากฏขึ้น ดวงดาวนับไม่ถ้วนที่โคจรไปตามเส้นลายมือและอัสนีศักดิ์สิทธิ์ของเบญจธาตุได้ผสานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ พวกมันหมุนวนอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นกระแสวังวนที่หนาแน่นมาก

กระแสวังวนนี้ดูเหมือนกับหลุมดำที่พวยพุ่งออกจากภายในจักรวาล มันลึกจนไร้ก้นบึ้งและเงียบสนิทจนแม้แต่เข็มที่หล่นลงพื้นยังได้ยิน ซึ่งในขณะที่มันหมุนก็ไม่มีเสียงเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม เพราะมันเงียบสนิทเกินไป จึงทำให้รู้สึกน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่งแทน

ในทันใดที่มันปรากฏขึ้น ดูราวกับว่ามันจะกลืนกินฟ้าดินภายในพื้นที่ที่มันปกคลุม ซึ่งแม้แต่แสง กระแสลม หรือฝุ่นละอองก็สลายหายไปในทันที ทำให้โลกตกสู่ความมืดมิด

มันมืดสนิทจนไม่เห็นแม้แต่ปลายนิ้ว!

ทุกคนรู้สึกว่าการมองเห็นของพวกเขากลายเป็นสีดำราวกับว่าได้ตกลงไปในเหวลึกที่ไร้ก้นบึ้ง และมองไม่เห็นสิ่งใดเลย ทำให้คนกลุ่มนั้นรู้สึกราวกับกลายเป็นคนตาบอดและไม่สามารถมองเห็นสีสันต่าง ๆ ได้อีกต่อไป

สีหน้าของทหารม้ามรณะเกราะทองคำพลันกลายเป็นหวาดกลัว เพราะมันสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามที่เป็นอันตรายอย่างมาก ดังนั้นจึงคิดที่จะหลบเลี่ยง แต่พลังอันท่วมท้นได้กักขังมันเอาไว้และบดขยี้มันจนสลายกลายเป็นผุยผงเสียก่อน!

หลังจากนั้น ฝ่ามือมหาดาราก็พุ่งผ่านท้องฟ้าและโถมเข้าใส่เหล่ากองทหารม้าเพลิงนรกทันที ทำให้พวกมันทั้งหมดถูกบดขยี้และสลายกลายเป็นปราณปีศาจ

การโจมตีเพียงครั้งเดียว เฉินซีได้บดขยี้ทหารม้ามรณะเกราะทองคำให้เป็นผุยผง ในขณะที่กองทหารม้าเพลิงนรกที่เหลืออยู่ ก็ถูกกระแสวังวนกวาดใส่และบดขยี้จนสลายกลายเป็นปราณปีศาจ!

พลังทำลายล้างดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงอานุภาพที่ทรงพลังและสามารถกวาดล้างทุกสิ่งที่ขวางตรงหน้า

เมื่อเหล่าผู้บ่มเพาะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็ตกตะลึงจนแทบลืมหายใจ

เพราะพวกเขาต่างก็รู้ดีว่า ทหารม้าเพลิงนรกเหล่านี้ทรงพลังเพียงใด พวกมันได้ไล่ล่าและปิดล้อมพวกเขาเอาไว้ราวกับแมวที่หยอกเย้าหนู ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังมีความสุขที่ได้ทรมานพวกเขา เพราะถ้าพวกมันคิดลงมือสังหารจริง ๆ ชีวิตของพวกเขาก็คงดับสูญไปนานแล้ว

โดยเฉพาะทหารม้ามรณะเกราะทองคำ มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าทหารม้าเพลิงนรกและยังมีสติปัญญาอยู่ในระดับสูง ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่า มันคือผู้เยี่ยมยุทธ์ของกองทัพมรณะ!

ทว่าพวกมันทั้งหมดกลับถูกชายหนุ่มกวาดล้างด้วยฝ่ามือเดียว และสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงนี้ ทำให้พวกเขาตกใจจนดวงตาแทบจะหลุดออกจากเบ้า

“ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!”

ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง พวกเขาย่อมไม่มีทางเชื่อว่า ผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติจะสามารถโจมตีอย่างน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้ แม้ว่าพวกเขาจะต้องถูกทุบตีจนตายก็ตาม

แน่นอนว่า พลังเทวะที่อยู่ในร่างของทหารม้าเพลิงนรกเหล่านี้ ก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าทหารม้ามรณะทั่วไปถึงสิบเท่าเช่นกัน!

หลังจากทหารม้าเพลิงนรกทั้งสามสิบตัวถูกบดขยี้ พวกมันก็สลายกลายเป็นกระแสพลังเทวะและถูกเฉินซีกลืนกินในที่สุด

กระแสพลังเทวะทุกสายนั้นบริสุทธ์ เข้มข้น และพลุ่งพล่านไปด้วยพลังงาน

ทันทีที่กระแสพลังเทวะเหล่านี้หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเฉินซี มันก็ทำให้ฐานการบ่มเพาะของเขาก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก

โดยเฉพาะพลังเทวะจากร่างของทหารม้ามรณะเกราะทองคำ ที่เต็มไปด้วยรัศมีสีทองที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นนิรันดร์ ทันทีที่มันพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเฉินซี มันก็ทำให้แขนขา กระดูก กล้ามเนื้อและจุดชีพจรของเขาถูกอาบไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์อันเป็นนิรันดร์

ทำให้ฐานการบ่มเพาะของชายหนุ่มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในเวลาเพียงไม่กี่อึดลมหายใจ ฐานการบ่มเพาะของเฉินซีก็แสดงสัญญาณของการใกล้บรรลุอีกครั้ง!

เพราะก่อนที่เฉินซีจะมาช่วยผู้บ่มเพาะเหล่านี้ การขัดเกลากายาและการบ่มเพาะปราณแท้ของเขา เพิ่งจะบรรลุขอบเขตจุติระดับสองไป แต่ตอนนี้มันกลับแสดงสัญญาณของการบรรลุอีกครั้ง จึงทำให้เฉินซีก็แทบจะไม่กล้าเชื่อตนเอง!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท