บทที่ 560 การทดสอบแห่งยอดเขาจรัส
บทที่ 560 การทดสอบแห่งยอดเขาจรัส
มีชายหนุ่มสองคนยืนอยู่ในทะเลเมฆซึ่งห่างไกลจากยอดเขาจรัสตะวันตกอย่างมาก
เมฆและหมอกรวมตัวกันอยู่รอบตัวพวกเขา ทำให้แขนเสื้อของพวกเขากระพือไปมา และทำให้คนทั้งสองดูไม่ธรรมดาราวกับชาวสวรรค์
มีผู้บ่มเพาะจำนวนมากยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา จากนั้นร่างเหล่านี้ก็ได้ก่อตัวเป็นวงกลมสองวงที่แตกต่างกัน และล้อมรอบชายหนุ่มสองคนนี้ตามลำดับ ราวกับหมู่ดาวที่ล้อมรอบพระจันทร์ที่สว่างไสว ในขณะที่สายตาก็แสดงความเคารพออกมา
เพราะชายหนุ่มสองคนนี้คือศิษย์ชั้นสูงที่โดดเด่นที่สุดของยอดเขาจรัสตะวันออก พวกเขาคือเหลิ่งชิวกับผางโจว ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในห้าศิษย์ชั้นสูงของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองเช่นเดียวกับตู้เซวียน!
“ศิษย์พี่เหลิ่ง ท่านคิดว่าอย่างไรบ้าง” ผางโจวถามพร้อมด้วยรอยยิ้ม เขาสวมชุดเกราะต่อสู้ที่ปิดทองด้วยใบไม้นับร้อยใบ ในขณะที่ผมหนาของเขาถูกมัดไว้ด้านหลังศีรษะด้วยด้ายสีทอง ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายด้วยพลังและมักจะมีประกายสายฟ้าแปลบปลาบ แม้ว่าจะมีศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกมากมายที่ติดตามอยู่ที่ด้านหลัง แต่กลิ่นอายของพวกเขายังห่างไกลที่จะเปรียบเทียบกับคนผู้นี้ได้
“ศิษย์ใหม่คนนี้มีฝีมือไม่ธรรมดา” เมื่อได้ยินคำถามนี้ เหลิ่งชิวก็นิ่งเงียบไปนาน จากนั้นจึงกล่าวอย่างเฉยเมย เขาสวมชุดคลุมยาวสีขาวราวกับหิมะ รูปร่างหน้าตาของเขางดงามราวกับหยก กลิ่นอายเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง และมีท่าทางที่สำรวมยิ่ง
“โอ้?” เมื่อได้ยินการวิจารณ์เช่นนี้ ประกายแสงก็วูบไหวผ่านดวงตาของผางโจวอย่างเงียบ ๆ และดูเหมือนว่าเขาจะตกอยู่ในภวังค์กับความคิด
ในบรรดาศิษย์ชั้นสูงทั้งห้าคนของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองนั้น ยอดเขาจรัสตะวันออกของพวกเขาได้ครอบครองถึงสามตำแหน่ง ซึ่งในหมู่พวกเขา ความแข็งแกร่งของเหลิ่งชิวเป็นสิ่งที่ยากจะหยั่งถึงที่สุด อีกทั้งเหลิ่งชิวยังเป็นคนที่สำรวมกิริยา และมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำให้เขาจริงจังได้ ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายกลับแสดงความคิดเห็นต่อศิษย์ใหม่ที่เพิ่งร่วมนิกายคนนี้ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่น่าจะตกใจเป็นอย่างยิ่ง
อย่างน้อยเท่าที่ผางโจวทราบมา มีเพียงไม่กี่คนในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองที่สามารถได้รับการประเมินเช่นนี้จากเหลิ่งชิวได้
“หากเป็นเช่นนั้น เฉินซีก็เป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมเช่นกันหรือ?” ผางโจวหัวเราะและหันไปมองคนที่อยู่ข้าง ๆ ซึ่งแท้จริงแล้ว คนผู้นั้นคือหมิงเหยียน และเช่นเดียวกับเฉินซี เขาเพิ่งได้ผู้อาวุโสเยว่ฉือรับเป็นศิษย์
“การที่ศิษย์น้องเฉิงเซียวพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว งั้นพลังของเขาจึง… มิอาจประเมินต่ำไปได้” หมิงเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แม้ว่าในใจของเขาจะไม่มั่นใจในความแข็งแกร่งของเฉินซี แต่ก็ต้องยอมรับว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายนั้น ทำให้เขาหวาดกลัวอย่างมาก!
“แล้วเจ้าคิดว่าใครแข็งแกร่งกว่ากันระหว่างเขากับตู้เซวียน?” ผางโจวยังคงถามด้วยรอยยิ้ม
“ย่อมเป็นศิษย์พี่ตู้เซวียนอย่างแน่นอน” หมิงเหยียนตอบโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ช่างเป็นเรื่องตลก! ตู้เซวียนเป็นหนึ่งในห้าศิษย์ชั้นสูงที่ยิ่งใหญ่ ผู้สามารถทำลายล้างผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตสถิตกายา แล้วศิษย์คนใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมนิกายจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร?
“เด็กคนนี้ไม่ได้อ่อนแออย่างที่พวกเจ้าคิด บางทีตู้เซวียนอาจต้องใช้กำลังทั้งหมดเพื่อเอาชนะเขา” เหลิ่งชิวกล่าวออกมาทันที
“ศิษย์พี่เหลิ่ง ท่านแน่ใจหรือ?” ผางโจวรู้สึกวิตกและกล่าวด้วยความประหลาดใจ จู่ ๆ เขาก็สังเกตเห็นว่า วันนี้เหลิ่งชิวนั้นผิดปกติ เนื่องจากอีกฝ่ายกล่าวถึงศิษย์คนใหม่นี้เยอะกว่าปกติ
“หรือว่าเฉินซีจะแข็งแกร่งจริง ๆ?”
หมิงเหยียนรู้สึกตกตะลึงและรู้สึกไม่เชื่อเล็กน้อย เดิมทีเขาตั้งใจหาโอกาสทุบตีเฉินซีอย่างดุเดือด ทว่าคำพูดของเหลิ่งชิวเป็นเหมือนใบมีดคมกริบที่ลบล้างความคิดนี้โดยสิ้นเชิง
“เจ้าจะได้รู้ในไม่ช้า” เหลิ่งชิวกล่าว จากนั้นเขาก็หันไปมองในระยะไกล มุมปากของเขาพลันโค้งเป็นรอยยิ้มในเวลานี้ “เซี่ยอี้แห่งยอดเขาจรัสใต้ก็มาแล้วเช่นกัน”
“เซี่ยอี้?” ดวงแสงเย็นยะเยือกระเบิดออกมาจากดวงตาของผางโจว จากนั้นเจ้าตัวพลันหันกลับไปอย่างรวดเร็ว และได้เห็นชายหนุ่มที่สวมชุดหนังสัตว์ร้ายปรากฏตัวขึ้นในทะเลเมฆ
รูปร่างของชายหนุ่มนั้นผอมบางแต่กลับสง่าผ่าเผย ใบหน้าของเขาดูแข็งทื่อราวกับหินผา และภายใต้ผิวหนังที่หยาบกร้าน กล้ามเนื้อเป็นมัดก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ด้วยแม้ตัวคนยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง แต่กลับให้ความรู้สึกที่ไม่อาจสั่นคลอน ราวกับภูเขาที่ไม่อาจเคลื่อนซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางทะเลเมฆ ไม่ว่าสายลมและสายฝนจะโหมกระหน่ำสักเพียงใด แต่มันก็ไม่อาจสั่นคลอนเขาได้แม้แต่น้อย
ศิษย์ทั้งหมดของยอดเขาจรัสใต้ ล้วนบ่มเพาะทักษะขัดเกลากายาเทพอสูร แม้ว่าจะมีเพียงไม่กี่ร้อยคน แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่มองข้ามได้ เพราะอย่างไรแล้ว ผู้ขัดเกลากายาก็เหนือกว่าผู้บ่มเพาะปราณแท้โดยสิ้นเชิง
นอกจากนี้ เซี่ยอี้ยังเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญในบรรดาศิษย์ของยอดเขาจรัสใต้ และเขาเป็นหนึ่งในห้าศิษย์ชั้นสูงที่ยิ่งใหญ่ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง! ซึ่งในเวลาเดียวกัน เขาก็เป็นผู้ขัดเกลากายาเพียงหนึ่งเดียวในบรรดาศิษย์ชั้นสูงผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้า!
“ข้าไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าชายคนนี้จะมาด้วย ข้าคิดว่าเขาจะไม่ก้าวออกจากยอดเขาจรัสใต้ไปตลอดชีวิตแล้วซะอีก…” ดวงตาของผางโจวเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันแรงกล้า ในขณะที่ผมยาวสีขิงของเขาก็ปลิวไสว ให้ความรู้สึกเหมือนกระบี่คมกริบที่ยังไม่ได้ปลดออกจากฝักและปรารถนาจะดื่มเลือดสดให้สาแก่ใจ
“เรามาเพื่อดูการต่อสู้” เหลิ่งชิวมองไปที่ผางโจวอย่างเฉยเมย สายตาของเขาสงบนิ่งและไม่ได้กล่าวอะไรต่อ แต่มันกลับทำให้คนมองรู้สึกกังวลอยู่ในใจ
“เอาล่ะ มาดูการต่อสู้กัน” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ผางโจวก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ในขณะที่จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่เขาปล่อยออกมานั้นสลายหายไปเหมือนกระแสน้ำ จากนั้นเจ้าตัวก็พูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ช่างมันเถิด ยังไม่สายเกินไปที่จะต่อสู้กับเขาในการทดสอบแห่งยอดเขาจรัสอีกสามเดือนนับจากนี้”
การสนทนาระหว่างทั้งสองไม่ได้ปิดบังเลยแม้แต่น้อย และด้วยการบ่มเพาะของเซี่ยอี้ เขาย่อมได้ยินได้อย่างชัดเจน แต่อีกฝ่ายกลับนิ่งเฉยตั้งแต่ต้นจนจบ และสายตาก็เอาแต่จับจ้องไปที่ระยะไกลเสมอ
ณ สถานที่ที่เขาจ้องมอง เฉินซีกำลังเผชิญหน้ากับตู้เซวียน
“เมื่อพูดถึงเรื่องนั้น เฉินซีคนนี้เพิ่งเข้าร่วมนิกาย แต่กลับทำให้เกิดความวุ่นวายได้ เขาถือได้ว่าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ” ผางโจวส่ายศีรษะและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่ทันใดนั้นเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในระยะไกล
บนท้องฟ้าเหนือยอดเขาจรัสตะวันตก เฉินซีกับตู้เซวียนกำลังจะต่อสู้กัน ทว่ามิติที่อยู่ระหว่างทั้งสองคนในขณะนี้กลับขาดออกจากกันในทันที จากนั้นก็มีชายชราไว้เคราแพะ เคล้าด้วยกลิ่นสุราและแต่งตัวซอมซ่อ ก้าวออกมาจากรอยแยก …ปรากฏว่าชายชราคนนั้นคือวิปลาสหลิ่ว!
“อาจารย์ลุงหลิ่ว?” ผางโจวตกตะลึง
“ดูเหมือนการต่อสู้ครั้งนี้คงไม่อาจเกิดขึ้น” เหลิ่งชิวกล่าวด้วยความเสียใจเล็กน้อย
…
“ท่านอาจารย์มาแล้ว!” เมื่อเห็นวิปลาสหลิ่วปรากฏตัวขึ้น หั่วโม่เลยกับคนอื่น ๆ ต่างแสดงสีหน้ามีความสุขและถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะศิษย์น้องเล็กของพวกเขาก็ไม่ต้องต่อสู้เสี่ยงชีวิตกับตู้เซวียนอีกต่อไป
หลังจากเห็นวิปลาสหลิ่ว ตู้เซวียนก็ตกตะลึงเช่นกัน แต่เขาไม่ได้แสดงความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย และเพียงแค่จ้องมองอีกฝ่าย จากนั้นจึงกล่าวว่า “ท่านอาจารย์หลิ่ว ข้ากำลังจะประลองกับศิษย์น้องเฉินซี ท่านคงไม่ขัดขวางการท้าประลองใช่หรือไม่? โปรดอย่าได้กังวล ข้ารู้ว่าควรหยุดมือเมื่อใดและยังรู้ถึงความสามารถของศิษย์น้องเฉินซีเป็นอย่างดี ดังนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม ‘ตู้เซวียนผู้นี้ถือว่าเป็นคนที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินอย่างแท้จริง เพียงเพื่อแก้แค้นให้กับน้องชายของเขา แต่เขากลับเผชิญหน้ากับวิปลาสหลิ่วและยังกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ออกมา การที่เขาถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งในห้าศิษย์ชั้นสูงนั้นก็ไม่ได้เปล่าประโยชน์เลย’
เมื่อได้ยินเช่นนี้ วิปลาสหลิ่วก็ขมวดคิ้ว จากนั้นเจ้าตัวก็กล่าวด้วยความไม่พอใจว่า “ไอ้หนู เจ้าเหยียบย่ำยอดเขาจรัสตะวันตกของข้าและประพฤติตนชั่วร้าย แต่ยังกล้ากล่าวด้วยความมั่นใจและมากด้วยเหตุผล นี่เจ้าคิดว่าข้าจะไม่กล้าลงมือกับเจ้าเพียงเพราะสถานะของข้าหรือ?”
เฉินซีรู้สึกขบขัน ‘อาจารย์ของข้าคนนี้เป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เขาไม่มีท่าทีเหมือนผู้อาวุโสของนิกาย และเขาไม่เคยให้ความสำคัญกับสถานะหรือศักดิ์ฐานะใด ๆ ดังนั้นคงมีแต่เขาเท่านั้นที่กล้ากล่าวเช่นนี้’
ใบหน้าของตู้เซวียนกลับมืดมนลง จากนั้นจึงกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ลุงหลิ่ว นี่ท่านกำลังเข้าไปยุ่งเรื่องบาดหมางระหว่างศิษย์หรือ? ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป มันอาจทำให้ชื่อเสียงของท่านเสียหาย”
“หึ ชื่อเสียงหรือ? มารดามันสิ! มันกินได้ไหมเล่า!?” วิปลาสหลิ่วจ้องเขม็งใส่ตู้เซวียนและกล่าวว่า “ไอ้หนู ถ้ายังไม่จากไปตอนนี้ ข้าจะตบสั่งสอนเจ้าเสีย!”
ใบหน้าของตู้เซวียนพลันแข็งทื่อ และเขาโกรธจัดจนเกือบได้รับบาดเจ็บภายใน เมื่อเผชิญหน้ากับอาจารย์ลุงผู้ไร้เหตุผล เขาต้องพิจารณาผลที่ตามมาอย่างรอบคอบ เพราะเขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า วิปลาสหลิ่วกล้าทำตามที่กล่าวจริง ๆ!
เพราะถ้าพูดถึงอารมณ์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้และเป็นผู้อาวุโสที่ทำให้ปวดหัวมากที่สุดในนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ก็คงไม่มีใครอื่นนอกจากวิปลาสหลิ่วที่นับเป็นอันดับหนึ่ง!
“ช่างมันเถิด อาจารย์ลุงจะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบาก ว่าแต่เจ้าไม่อยากประลองกับศิษย์ของข้าคนนี้หรือ? คงไม่สายเกินไปที่พวกเจ้าทั้งคู่จะต่อสู้กันในการทดสอบแห่งยอดเขาจรัสอีกสามเดือนนับจากนี้ เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ก็อย่าได้ถูกทุบตีจนร่ำไห้ก็แล้วกัน” ชายชรายับยั้งท่าทางของเขาและโบกมือขณะที่พูด
เพราะเขาตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า หลังจากที่ตนจากไป หากต้องการให้เฉินซีรับตำแหน่งปรมาจารย์สูงสุดของยอดเขาจรัสตะวันตกได้อย่างราบรื่น การเอาชนะตู้เซวียนก็เป็นสิ่งจำเป็น
“ถูกทุบตีจนร่ำไห้…” มุมปากของตู้เซวียนกระตุก เขาโกรธจนแทบระเบิด ก่อนมองไปยังเฉินซีด้วยสีหน้ามืดมนและกล่าวอย่างเย็นชา “ศิษย์น้องเฉินซี ในเมื่อท่านอาจารย์ลุงกล่าวเช่นนี้ ดังนั้นจงใช้ช่วงเวลานี้ให้ดีที่สุด สามเดือนนับจากนี้ เราจะตัดสินผู้ชนะในการทดสอบแห่งยอดเขาจรัส!”
ทันทีที่พูดจบ ตู้เซวียนก็จากไปทันที
เฉินซีแย้มยิ้มบางออกมาและไม่มีท่าทางเกรงกลัวแม้แต่น้อย เขาเพียงรู้สึกงุนงงอยู่ในใจเท่านั้น ‘การทดสอบแห่งยอดเขาจรัสรึ? หรือว่ามันเป็นการแข่งขันระหว่างศิษย์จากยอดเขาต่าง ๆ?’
เมื่อตู้เซวียนจากไป เหลิ่งชิว ผางโจวและคนอื่น ๆ ก็จากไปเช่นกัน ซึ่งพวกเขาพลันพบว่าเซี่ยอี้จากยอดเขาจรัสใต้ได้จากไปแล้ว
ทั่วทั้งนิกายกระบี่เก้าเรืองรองในวันนี้ก็ได้รู้ว่า ยอดเขาจรัสตะวันตกมีศิษย์คนใหม่ที่น่าอัศจรรย์ซึ่งมีนามว่า …เฉินซี!
เขาทุบตีตู้กวนผู้เป็นน้องชายของตู้เซวียน และบังคับให้สหายของตู้กวนขอโทษ จากนั้นก็ขับไล่ศิษย์คนอื่น ๆ ให้ออกไปจากยอดเขาจรัสตะวันตก การเคลื่อนไหวอย่างแข็งกร้าวและต่อเนื่องนี้ ทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่ศิษย์ชั้นสูงของยอดเขาต่าง ๆ เป็นอย่างมาก
ศิษย์คนใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมนิกายไม่ถึงวัน กลับกระทำตามอำเภอใจและแข็งกร้าวเช่นนี้ จะไม่ทำให้คนอื่นอุทานด้วยความตกใจได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือ เฉินซีได้ยอมรับคำท้าจากตู้เซวียนที่เป็นหนึ่งในห้าศิษย์ชั้นสูง… เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป แม้แต่ผู้อาวุโสบางคนก็ยังประหลาดใจเป็นอย่างมาก “ศิษย์คนใหม่ที่ชื่อเฉินซีนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ เขาเพิ่งจะเข้าร่วมนิกาย แต่กลับทำสิ่งที่อัศจรรย์ติดต่อกัน”
ในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองแห่งนี้ มีพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนอยู่มากมาย อีกทั้งยังไม่เคยขาดแคลนเหล่าอัจฉริยะ แต่กลับมีไม่กี่คนเท่านั้นซึ่งกล้าเผชิญหน้ากับศิษย์ชั้นสูงในวันแรกที่เข้าร่วมนิกายแบบเฉินซี เพราะทุกคนล้วนรับรู้ว่าช่องว่างระหว่างศิษย์ชั้นสูงกับศิษย์ใหม่นั้นยิ่งใหญ่เพียงใด!
และความแข็งแกร่งของตู้เซวียนก็เป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคน แม้ว่าการบ่มเพาะของเขาจะอยู่ที่ขอบเขตจุติขั้นสมบูรณ์เท่านั้น แต่ครั้งหนึ่งอีกฝ่ายเคยกวาดล้างผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายา ดังนั้นอัจฉริยะทั่วไปจึงไม่ใช่คู่มือของเขา
ในทางกลับกัน เฉินซีที่เพิ่งเข้าร่วมนิกาย แม้ว่าเขาจะมีการบ่มเพาะที่ขอบเขตจุติขั้นสมบูรณ์เช่นเดียวกัน แต่ชายหนุ่มก็เป็นศิษย์ใหม่ที่มาจากโลกใบเล็ก ไม่ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะทรงพลังเพียงใด มันก็มีช่องว่างระหว่างเขากับตู้เซวียนอยู่มาก
“อีกสามเดือนนับจากนี้ จะมีการต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้น…”
นอกจากความประหลาดใจแล้ว ความคาดหวังก็ผุดขึ้นมาในใจของทุกคนอย่างช่วยไม่ได้ เพราะพวกเขาต้องการเห็นจริง ๆ ว่า เมื่อเผชิญหน้ากับบุคคลที่มีชื่อเสียงในหมู่ศิษย์ชั้นสูงทั้งห้าอย่างตู้เซวียน ศิษย์ใหม่เช่นเฉินซีจะสามารถแสดงปาฏิหารย์อันน่าตกตะลึงได้อีกครั้งหรือไม่!
“ในที่สุด ศิษย์พี่หลิ่วก็ได้ศิษย์ที่ดีแล้ว” บนยอดเขาสัประยุทธ์ เวินหัวถิงถอนหายใจด้วยความชื่นชม จากนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันขณะที่เศษเสี้ยวแห่งความอ้างว้างผุดขึ้นบนใบหน้า “น่าเสียดายที่พี่หลิ่วกำลังจะจากไป และเขาไม่อาจเห็นสิ่งเหล่านี้ได้อีกต่อไป…”
ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างกายเวินหัวถิงก็เงียบเช่นกัน แม้ว่าวิปลาสหลิ่วจะไม่เป็นที่ยอมรับ แต่เขาก็มีคุณงามความดีต่อนิกายเป็นอย่างมาก การจากไปของเขาในฐานะผู้ละทิ้งสวรรค์ จะทำให้ความแข็งแกร่งของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองลดลงไประดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครเต็มใจให้เกิดขึ้นและพวกเขาก็ไม่ต้องการเห็นมัน!