บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 571 กลับกลอก

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 571 กลับกลอก

บทที่ 571 กลับกลอก

ณ ด้านบนของแท่นดอกบัว

ลำแสงสว่างวาบไปทั่วทั้งฟ้าดิน ก่อนที่ร่างของเฉินซีจะปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาได้สติก็ส่ายศีรษะเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก

กลีบดอกไม้ที่ดูเหมือนหยกแต่ไม่ใช่หยกในมือของเขา ทำให้ชายหนุ่มตระหนักได้ว่า ทุกสิ่งที่ตนพบเจอก่อนหน้านี้ไม่ใช่ภาพลวงตา แต่มันคือเรื่องจริง!

ฟึ่บ!

กองใบไผ่เขียวขจีหล่นลงมาจากท้องฟ้าและกระจัดกระจายอยู่ตรงหน้าเฉินซี นับว่าน่าตกใจนัก ด้วยพวกมันคือศาสตร์เต๋าทั้งสี่สิบเก้าเคล็ด

เมื่อเห็นเช่นนี้ เฉินซีรีบหันมองไปรอบ ๆ แต่แท้จริงแล้ว เขาสังเกตเห็นว่าทั้งเก้าชั้นของแท่นดอกบัวนั้นกลับว่างเปล่า และไม่มีใครนอกจากเขาแม้แต่คนเดียว

“เกิดอันใดขึ้น?”

เฉินซีครุ่นคิดอยู่นาน แต่ก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ดังนั้นเขาจึงเก็บม้วนใบไผ่บนพื้นอย่างระมัดระวังและวางพวกมันในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์พร้อมกับกลีบดอกไม้สีทองที่ได้บันทึกสัจธรรมสวรรค์เอาไว้ จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและจากไป

ทุกสิ่งที่เฉินซีพบในวันนี้สามารถอธิบายได้อย่างง่าย ๆ ว่า เป็นเรื่องมหัศจรรย์ เขาขึ้นไปบนแท่นดอกบัว และไม่เพียงแต่ได้เห็น ‘ปีศาจคัมภีร์’ จำนวนมากที่ดูจะมีสติปัญญาเท่านั้น เขายังได้สนทนากับเต๋าบงกช ซึ่งเป็นเจตจำนงอันศักดิ์สิทธิ์ของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหล จนถึงตอนนี้เขายังคงรู้สึกราวกับว่ามันเป็นความฝัน

แต่หลังจากที่เฉินซีคิดถึงเรื่องนี้อย่างรอบคอบแล้วว่า ในครั้งนี้เขาขึ้นไปบนแท่นดอกบัวก็เพื่อรับศาสตร์เต๋า และตอนนี้เขาก็ได้รับศาสตร์เต๋ามามากมายอย่างไม่คาดคิด จึงทำให้ชายหนุ่มพอใจเป็นอย่างมาก

ในเวลาไม่นาน เฉินซีก็เดินลงมาจากแท่นดอกบัวและเดินไปตามทางเดินเล็ก ๆ บนภูเขาคัมภีร์ จากนั้นเขาก็เดินผ่านริมทะเลการรู้แจ้งแห่งเต๋า และมุ่งหน้าไปที่หอหมื่นคัมภีร์

แต่สิ่งที่ทำให้เฉินซีต้องแปลกใจก็คือ ทั้งหอหมื่นคัมภีร์กลับเงียบสนิท และไม่มีใครอยู่เลยสักคนเดียว!

เขายังคงจำได้อย่างชัดเจนว่า ตอนที่ตนเข้าไปในช่องเขาก่อนหน้านี้ มีศิษย์ไม่น้อยกว่าหลายพันคนในหอหมื่นคัมภีร์ แต่เวลาผ่านไปเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม กลับไม่มีร่องรอยของเหล่าศิษย์เลยแม้แต่คนเดียว

สิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวนั้นนับว่าผิดปกติเกินไป!

หลังจากเดินออกมาจากหอหมื่นคัมภีร์ และเห็นชายชราที่นอนอยู่บนเก้าอี้โยกยังคงอยู่ เฉินซีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที อย่างน้อยที่สุด สิ่งนี้ก็พิสูจน์ได้ว่าทุกสิ่งที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ไม่ใช่ภาพลวงตา

ส่วนศิษย์เหล่านั้นที่หายไป เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้

จิตใจของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยวิธีการทำความเข้าใจศาสตร์เต๋า วิธีการบรรลุสู่ขอบเขตสถิตกายา วิธีการใช้เต๋าแห่งยันต์อักขระเพื่อควบคุมเต๋ารู้แจ้งอื่น ๆ และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นชายหนุ่มย่อมไม่ต้องการสิ่งอื่นใด นอกจากการปิดด่านบ่มเพาะ ดังนั้นเขาจะมีอารมณ์สนใจรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้ได้อย่างไร

“เฉินซี” เมื่อเขากำลังจะจากไป ชายชราที่นอนอยู่บนเก้าอี้โยกก็โพล่งขึ้นมา “อาจารย์ของเจ้าได้จากไปแล้ว”

ร่างของเฉินซีแข็งทื่อ ขณะความเศร้าหมองแวบผ่านดวงตาของเขา จากนั้นชายหนุ่มก็พยักหน้า “ขอบคุณผู้อาวุโสที่แจ้งให้ข้าทราบ ข้าเข้าใจแล้วขอรับ”

“จงทุ่มเทบ่มเพาะอย่างเหมาะสม เพราะในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมานี้ เจ้าเป็นศิษย์คนแรกที่สามารถขึ้นไปถึงด้านบนของแท่นดอกบัวได้ ฉะนั้นอย่าได้ละทิ้งมรดกของศาสตร์เต๋าที่เจ้าได้รับมา หากเจ้าพบสิ่งใดที่มิอาจเข้าใจในระหว่างการบ่มเพาะ เจ้าสามารถเข้าไปในหอหมื่นคัมภีร์เพื่อค้นคว้าได้ตลอดเวลา” ชายชราแนะนำด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส” เฉินซีประสานมือเชิงแสดงความเคารพ

“ส่วนเรื่องที่เจ้าได้ขึ้นไปถึงด้านบนของแท่นดอกบัวนั้นถูกปกปิดแล้ว และศิษย์ทุกคนที่เข้ามาในหอหมื่นคัมภีร์ในวันนี้ ก็ได้รับคำสั่งให้ปิดปากเงียบเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน นั่นก็เพื่อปกป้องเจ้า” ชายชรากล่าวช้า ๆ “แต่กระดาษย่อมไม่อาจห่อไฟได้ ดังนั้นจงคว้าโอกาสในช่วงเวลานี้ เพื่อพัฒนาการบ่มเพาะของเจ้าอย่างหมั่นเพียร เพราะหากเจ้าต้องการเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ เจ้าก็ต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น”

ในตอนนี้เอง เฉินซีก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดหอหมื่นคัมภีร์จึงว่างเปล่า ที่แท้มันก็เพราะศิษย์เหล่านั้นถูกคนระดับสูงของนิกายเรียกตัวไปและกำชับให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ

หลังจากกล่าวอำลากับชายชราแล้ว ชาายหนุ่มก็ออกจากยอดเขาจรัสสสารทันที และมุ่งตรงไปยังยอดเขาจรัสตะวันตก

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่เขากำลังเดินทาง จู่ ๆ ลำแสงสายหนึ่งก็พุ่งตรงมาที่เขา และร้องออกมาทันทีที่เห็น “ศิษย์น้องเฉิน รีบกลับไปที่ยอดเขาจรัสตะวันตกเร็วเข้า ตู้เซวียนได้นำศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันไปที่นั่นและขู่ว่าจะยึดครองยอดเขาจรัสตะวันตกของเจ้า”

คนผู้นี้สวมชุดยาวสีแดงดุจเปลวเพลิง มีผมยาวสลวยสวยราวกับน้ำตก มีรูปโฉมที่งดงามและผ่องใส ในขณะที่ผิวของนางก็เป็นสีขาวหยก รูปร่างของนางสง่าและเพรียวบาง นางคืออันเคอ ศิษย์หญิงของยอดเขาจรัสใต้

ในขณะนี้ คิ้วที่งดงามของนางได้ขมวดเข้าหากัน ซึ่งเผยให้เห็นความโกรธอยู่เล็กน้อย ท่าทีของนางคล้ายดั่งลูกแมวน้อยขี้โมโห ซึ่งกำลังวิตกกังวลและโกรธเกรี้ยว

“อันใดนะ!? ตู้เซวียนกล้าฝ่าฝืนข้อตกลงจริง ๆ หรือ?” คิ้วของเฉินซีเลิกขึ้น เขาจำได้ชัดเจนว่า วิปลาสหลิ่วได้ตำหนิตู้เซวียนอย่างดุเดือดก่อนที่จะจากไป ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังตกลงกันว่า ตู้เซวียนจะต่อสู้กับเฉินซีที่งานประลองยอดเขาจรัสในอีกสามเดือนนับจากนี้!

แต่ชายหนุ่มไม่เคยคิดมาก่อนว่า วิปลาสหลิ่วเพิ่งจากไปได้ไม่นานนัก แต่คนผู้นี้ก็กลับมาแล้ว และยังพาเหล่าศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกมาด้วย อีกทั้งยังขู่ว่าจะยึดครองยอดเขาจรัสตะวันตกด้วยกำลัง!

“ไม่รักษาคำพูด กระทำตามอำเภอใจ และไร้ซึ่งเหตุผล ศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกเหล่านี้ช่างหยิ่งผยองเสียจริง ๆ!” ดวงตาของเฉินซีส่องประกายด้วยเจตนาฆ่าที่สามารถมองเห็นได้ และเขาก็มีความกังวลเล็กน้อยในใจ แต่ชายหนุ่มไม่ได้กังวลว่ายอดเขาจรัสตะวันตกจะถูกยึดครองด้วยกำลัง เขากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของศิษย์พี่ใหญ่และคนอื่น ๆ ต่างหาก!

เพราะเขารู้เป็นอย่างดีว่า ศิษย์เหล่านี้ล้วนเป็นคนดี โอบอ้อมอารีและเป็นอิสระจากทางโลก พวกเขาหลงใหลในเส้นทางแห่งเต๋าที่พวกเขาเชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะต่อกรกับตู้เซวียนและคนอื่น ๆ ได้ ดังนั้นหากพวกเขาต้องได้รับบาดเจ็บ มันจะเป็นผลลัพธ์ที่เฉินซีไม่สามารถทนได้อย่างแน่นอน!

“เจ้ารีบกลับไปดูเถอะ ข้าจะไปหาศิษย์พี่หญิงข้าก่อน” อันเคอบอกกล่าวอย่างเร่งรีบ ก่อนที่นางจะหันหลังกลับและพุ่งทะยานจากไป

“เจ้า…” เฉินซีอ้าปากเตรียมจะพูด แต่ก็หุบลงเช่นเคย เดิมทีเขาตั้งใจที่จะบอกว่ามันเป็นปัญหาของยอดเขาจรัสตะวันตก และเขาควรแก้ไขมันด้วยตนเอง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องสร้างปัญหาให้กับคนอื่น

แต่อันเคอกลับรีบจากไปก่อนที่เขาจะทันได้เปิดปากพูด และนางไม่เปิดโอกาสให้ชายหนุ่มได้ปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย

“ช่างเถอะ เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้คือการกลับไปที่ยอดเขาจรัสตะวันตกก่อน” เฉินซีส่ายศีรษะและใช้ปีกนภาดารกะด้วยพละกำลังทั้งหมดของเขาทันที ทำให้ทั้งร่างกายของเฉินซีเปลี่ยนเป็นลำแสงหายไปในพริบตา

ณ ยอดเขาจรัสตะวันตก

หั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ ไม่เคยคาดคิดเลยว่าหลังจากนั้นเพียงไม่กี่ชั่วยาม ตู้เซวียนจะหวนกลับมาอีกครั้งและยังนำเหล่าศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกเข้ามาเพื่อหวังยึดครองที่พำนักทั้งหมดของยอดเขาจรัสตะวันตก!

“ฮ่า ๆ! ที่พำนักแห่งนี้ไม่เลวเลย! มันมีน้ำพุวิญญาณสามสิบหกแห่งและเปลวไฟจากแกนกลางของโลก”

“อย่าได้มาคิดแย่งชิงกับข้า ที่พำนักแห่งนี้เป็นของข้า!”

“สวรรค์! เหล่าศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันตกช่างโง่เขลาเสียจริง ทั้งที่สวรรค์ได้ประทานสมบัติล้ำค่าเหล่านี้มาให้ มีทั้งสวนสมุนไพรวิญญาณและวัตถุวิญญาณมากมาย แต่กลับไม่มีใครเหลือบแลพวกมัน!”

“เมื่อศิษย์พี่ใหญ่ตู้เซวียนจัดการกับเฉินซีแล้ว ยอดเขาจรัสตะวันตกแห่งนี้จะเป็นดินแดนของพวกเราในอนาคต!”

ห่างออกไป คลื่นเสียงโห่ร้องดังขึ้นอยู่เป็นระยะ บางคนกำลังยึดที่พำนัก บางคนจงใจยึดสมุนไพรวิญญาณ และบางคนถึงกับคุยกันถึงวิธีการแบ่งสันปันส่วนยอดเขาจรัสตะวันตกทั้งหมด

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สีหน้าของหั่วโม่เลยกับคนอื่น ๆ ไม่น่าดูอย่างยิ่ง พวกเขาเดือดดาลจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง และดวงตาของพวกเขาก็แทบจะพ่นเปลวไฟออกมา หากแต่พวกเขาก็ไม่อาจขยับเขยื้อนได้

เนื่องจากเมื่อครู่ที่ผ่านมา ตู้เซวียนได้มาถึงที่นี่อย่างกะทันหันและสกัดจุดพวกเขาทั้งเจ็ดคนไว้ ทำให้ร่างกายของพวกเขาอ่อนแรงจนไม่สามารถใช้กำลังได้

“ตู้เซวียน เจ้ามันคนกลับกลอกและน่ารังเกียจยิ่งนัก เจ้าไม่คู่ควรกับตำแหน่งหนึ่งในห้าศิษย์ชั้นสูงอย่างแท้จริง!” หั่วโม่เลยกัดฟันแน่นและตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

“ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อสู้กับเฉินซี ข้าแค่พาศิษย์พี่และศิษย์น้องมาหาสถานที่บ่มเพาะเท่านั้น” ตู้เซวียนที่ยืนอยู่ตรงข้ามพวกเขาส่ายศีรษะ ในขณะที่ยิ้มบางและกล่าวอย่างสบายอารมณ์

“เจ้า… ทำเกินไปแล้ว!”

“ยอดเขาจรัสตะวันตกแห่งนี้ไม่ใช่อาณาเขตของยอดเขาจรัสตะวันออกของเจ้า เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสร้างปัญหาและหาสถานที่บ่มเพาะในอาณาเขตของพวกข้า?”

“หากท่านประมุขนิกายล่วงรู้การกระทำของพวกเจ้า พวกเจ้าไม่เกรงกลัวว่าจะถูกลงโทษเลยหรือ!?”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายหลีกเลี่ยงประเด็นสำคัญด้วยความตั้งใจอันน่ารังเกียจ มันก็ทำให้หั่วโม่เลย หลูเซิง อี้เฉินจื่อ ต้วนอี้และคนอื่น ๆ โกรธอย่างสุดขีด จากนั้นพวกเขาก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธอย่างต่อเนื่อง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ตู้เซวียนก็ยืนกอดอกและหัวเราะอย่างเย็นชา สายตาของเขาดูเหมือนกับกำลังมองกลุ่มคนโง่เขลา ซึ่งเผยให้เห็นการดูถูกเหยียดหยามและสมเพช

หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อหั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ สาปแช่งเสร็จแล้ว เจ้าตัวก็กล่าวออกมาช้า ๆ ว่า “ข้าลืมบอกพวกเจ้าทุกคนไป เหล่าผู้อาวุโสในนิกายจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างเราอีกต่อไปในอนาคต กล่าวอีกนัยหนึ่งจะไม่มีใครสนใจพวกเจ้า แม้ว่าพวกเจ้าจะร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือดก็ตามที!”

“อันใดนะ!?”

สีหน้าของหั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในทันที และพวกเขาไม่กล้าเชื่อว่านี่เป็นความจริง ทว่าเมื่อพวกเขาเห็นท่าทางที่ไร้กังวลของตู้เซวียน พวกเขาจึงคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก

หัวใจของพวกเขาในขณะนี้ได้ตกลงสู่ก้นบึ้งโดยไม่รู้ตัว ด้วยวิปลาสหลิ่ว อาจารย์ของพวกเขาได้จากไปแล้ว และมีเพียงพวกเขาเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในยอดเขาจรัสตะวันตก …และตอนนี้พวกผู้อาวุโสระดับสูงของนิกายก็ไม่สนใจพวกเขาอีก เช่นนี้พวกเขาจะทำอย่างไรในอนาคต?

ห่างไกลออกไป เหล่าศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกกำลังหัวเราะอย่างอิ่มอกอิ่มใจ พวกเขาต่างกำลังยึดที่พำนัก ทุ่งบ่มเพาะวิญญาณ และสวนสมุนไพรวิญญาณไปมากมาย ราวกับว่าพวกเขาได้ยึดยอดเขาจรัสตะวันตกเป็นสวนหลังบ้านของตนเอง

เมื่อเสียงหัวเราะเหล่านี้ได้ลอดผ่านเข้าหูของหั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ มันก็เสียดหูเป็นอย่างมาก ซึ่งนอกจากจะทำให้โกรธแค้นแล้ว พวกเขายังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง เหตุใดเหล่าผู้อาวุโสถึงตัดสินใจอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้?

“ศิษย์พี่ตู้ สระชำระกระบี่นั้นเต็มไปด้วยปราณวิญญาณมากมายและเป็นพื้นที่บ่มเพาะที่ดีที่สุดในยอดเขาจรัสตะวันตก พวกเราได้เก็บมันไว้ให้เป็นที่พำนักของท่านโดยเฉพาะในอนาคต” ในขณะนี้ ศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกวิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น

“โอ้? ข้าเคยได้ยินมานานแล้วว่า สระชำระกระบี่เป็นสถานที่ที่เซียนหัวคงพำนักเพื่อทำความเข้าใจเต๋า มันช่างน่าอัศจรรย์และไม่ธรรมดา การปล่อยมันไว้กับพวกขยะเหล่านี้ได้ใช้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการทำให้สิ่งที่ฟ้าประทานมาต้องสูญเปล่า” ตู้เซวียนยิ้มบางขณะที่กล่าว

“ศิษย์พี่ตู้กล่าวได้ถูกต้อง มีเพียงท่านเท่านั้นที่คู่ควรกับสถานที่ที่ล้ำค่าเช่นนี้” ศิษย์คนนั้นชำเลืองมองที่หั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ ด้วยความดูถูกเหยียดหยาม จากนั้นเขาก็หันกลับไปมองตู้เซวียนด้วยความประจบสอพลอ ก่อนจะกล่าวว่า “ศิษย์พี่ตู้ โปรดรอสักครู่ ข้าจะช่วยทำความสะอาดสระชำระกระบี่ให้แก่ท่านและสร้างลานเล็กโดยเฉพาะ เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ข้าจะต้อนรับท่านด้วยความเคารพ”

หลังจากกล่าวจบแล้ว ศิษย์คนนั้นก็หันหลังกลับมาและจากไปอย่างรวดเร็ว

“คนผู้นี้ช่างรู้หน้าที่เสียจริง” ตู้เซวียนส่ายศีรษะไปมา เขาค่อนข้างมีความสุขกับสิ่งนี้อยู่ในใจ เพราะการที่ทำให้ศิษย์คนอื่นๆ ประจบประแจงเขาได้นั้น มันก็ย่อมแสดงถึงความแข็งแกร่งของเขาใช่หรือไม่?

“สระชำระกระบี่นั้นเป็นพื้นที่บ่มเพาะที่ข้าสงวนไว้ให้แก่ศิษย์น้องตัวน้อยของข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์จะที่ยึดครองมัน มิฉะนั้น ข้าจะเสี่ยงชีวิตกับเจ้าให้ตกตายไปตามกัน!” เมื่อเห็นเช่นนี้ ดวงตาของหั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ เกือบจะแยกออกจากกัน ซึ่งพวกเขาก็คำรามด้วยความโกรธ

“หึ เฉินซีน่ะหรือ? ต่อให้มันมาด้วยตัวเอง มันก็ไม่สามารถปกป้องสระชำระกระบี่นี่ได้หรอก!” เมื่อกล่าวถึงเฉินซี ดวงตาของตู้เซวียนก็ส่องประกายด้วยเจตนาฆ่าอันเยือกเย็น เพราะเขาหวนนึกถึงตู้กวนผู้เป็นน้องชายของตน ซึ่งถูกเฉินซีทุบตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเขาก็ไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากบดขยี้อีกฝ่ายในตอนนี้ เพราะหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เขาคงไม่หวนกลับมาทันทีที่วิปลาสหลิ่วได้จากไป

“ตู้เซวียน หากเจ้าแตะพืชพรรณบนยอดเขาจรัสตะวันตกของข้าแม้เพียงปลายใบละก็ ข้าจะไม่เว้นชีวิตเจ้าแน่!” ในขณะนี้ เสียงอันเยือกเย็นและเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าได้ดังขึ้นอย่างฉับพลัน และมันก็ดังก้องกังวานไปทั่วทั้งยอดเขาจรัสตะวันตก!!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท