บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 572 โลกในกำมือ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 572 โลกในกำมือ

บทที่ 572 โลกในกำมือ

ฟิ้ว!

เส้นแสงพุ่งผ่านท้องฟ้าด้วยความเร็วที่มากเกินไปของมัน จึงส่งผลให้เกิดแรงเสียดทานขึ้นเหนืออากาศเป็นระลอกคลื่นรุนแรง ส่งเสียงเสียดแทงแก้วหูดังสนั่น

เพียงชั่วครู่เดียว ร่างสูงก็ปรากฏตัวขึ้นเหนือยอดเขาจรัสตะวันตก

ในที่สุดเขาก็มาถึงเสียที

ตู้เซวียนแหงนหน้าขึ้น นัยน์ตาเรียวยาวดังใบมีดฉายจิตสังหารเข้มข้น เขามาที่ยอดเขาจรัสตะวันตกก็เพื่อรอจะได้พบกับเฉินซี!

ตอนนี้เอง บรรดาศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกซึ่งกำลังยึดครองที่พำนักต่างละมือจากสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่ แล้วจ้องมองไปยังร่างสูงที่อยู่กลางอากาศ

พวกเขารู้ดีว่า ศิษย์พี่ตู้เสวียนบอกกับพวกเขาว่าจะพาพวกตนมาที่นี่เพื่อยึดครองยอดเขาจรัสตะวันตกก็จริง หากแต่เป้าหมายที่แท้จริง มันก็เป็นไปเพื่อการแก้แค้นให้แก่ตู้กวนผู้เป็นน้องชาย!

ดังนั้นเมื่อได้เห็นเฉินซีปรากฏตัว คนทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความตื่นเต้นผ่านสายตาเย้ยหยัน ประหนึ่งนักล่าที่เฝ้ารอวันเวลาให้เหยื่อเผยตัวออกมาและตกหลุมพรางด้วยตนเอง

“ศิษย์น้องเล็ก!” หั่วโม่เลยและสมาชิกคนอื่น ๆ ต่างมีท่าทีเป็นกังวลและวิตกยิ่งเมื่อเห็นเฉินซี ด้วยอย่างไรตู้เซวียนก็เป็นหนึ่งในห้าศิษย์ชั้นสูง เป็นคนจิตใจเหี้ยมโหดซึ่งครั้งหนึ่งเคยจัดการผู้บ่มเพาะที่อยู่ในขอบเขตสถิตกายา แล้วอย่างนี้ จะไม่ได้เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของชายหนุ่มได้อย่างไร

“พี่น้องทั้งหลาย ข้าทำให้พวกท่านต้องทนทุกข์กับความอยุติธรรมแล้ว” เฉินซีพูดพร้อมกับคิ้วขมวด น้ำเสียงของเขาหาได้ปกปิดจิตสังหารที่มีแม้แต่น้อย

เขาในยามนี้โกรธถึงขีดสุด เนื่องจากชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าทั้งหั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ ต่างตกอยู่ในความสิ้นหวัง มีเพียงความหม่นหมองฉายอยู่บนใบหน้า ไร้ซึ่งจิตใจจะสู้ต่อ เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ก่อน พวกเขาต้องได้รับความอัปยศอดสูมาเป็นแน่

เขายังเห็นอีกว่ายอดเขาจรัสตะวันตกในขณะนี้กำลังอยู่ภายใต้ความวุ่นวายอย่างหนัก ที่พักอาศัยมากมายถูกยื้อแย่งปล้นชิง ในขณะที่พืชสวนสมุนไพรหลายแห่งถูกเหยียบย่ำ กลิ่นสาบเหม็นคลุ้งไปทั่วบรรยากาศคล้ายว่ามีกลุ่มโจรเข้าบุกรุก ช่างเป็นภาพที่น่าปวดใจยิ่ง

และคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือตู้เซวียน!

เฉินซีในยามนี้มีเพียงความมุ่งมั่นที่จะปลิดชีวิตอีกฝ่าย ความโกรธที่เขามีในใจเกือบจะทะลุเส้นซึ่งขีดไว้ ทว่าการแสดงออกของชายหนุ่มนั้นกลับสงบนิ่งและเย็นชา แน่นอนว่าผู้คนซึ่งรู้จักมักคุ้นกับเขาต่างรู้ดีว่านี่เป็นท่าทางเวลาที่เฉินซีโกรธจัด!

“ฮ่า ๆ ทำใหญ่ทำโตเสียจริงนะ หากเจ้าแตะพืชพรรณบนยอดเขาจรัสตะวันตกของข้าแม้เพียงปลายใบละก็ ข้าจะไม่เว้นชีวิตเจ้าแน่? แหม ๆ ช่างเป็นน้ำเสียงที่เย่อหยิ่งเกินใครจริง ๆ” ตู้เซวียนหัวเราะเบา ๆ เขาเหลือบมองเฉินซีด้วยดวงตาหยามหยันระคนเยือกเย็นและดุร้าย

เฉินซีเป็นศิษย์ใหม่คนแรกที่กล้าเอ่ยกับเขาเช่นนี้หลังจากที่อีกฝ่ายเพิ่งเข้านิกายมาได้ไม่นาน นับเป็นเรื่องที่น่าขันอยู่ไม่น้อย

“ตู้เซวียน เจ้ากล้าสู้กับข้าหรือไม่เล่า!” สายตาที่จับจ้องอีกฝ่ายของเฉินซีเย็นยะเยือก เขาตะโกนด้วยเสียงกึกก้องราวฟ้าคำราม สร้างความสั่นสะเทือนให้โดยรอบ

เขารู้อยู่แล้วว่าที่อีกฝ่ายมาเยือนในครั้งนี้ก็เพราะต้องการล้างแค้นแทนน้องชาย และในเมื่อเป็นเช่นนี้ ชายหนุ่มก็ไม่ต้องการเสียเวลาเล่นลิ้นกับคนอย่างตู้เซวียนอีกต่อไป!

“ฮ่า ๆ เจ้าหนุ่มนี่มันอยากตายถึงเพียงนี้เลยรึ?”

“ยิ่งตายเร็วเท่าไรก็ได้เกิดใหม่เร็วเท่านั้น เจ้านี่คงมีแผนจะแลกชีวิตกันเป็นแน่”

“ข้าเห็นเขาเป็นดั่งคนโง่งมผู้หนึ่ง หากเขายอมจำนนแต่โดยดี ศิษย์พี่ตู้เซวียนก็คงไม่คิดจะทำให้เขาเสียหน้า อย่างไรก็เถอะ ศิษย์พี่ตู้เป็นคนรักษาสัญญา เขาตั้งใจจะถ่ายทอดบทเรียนสำหรับการทดสอบในอีกสามเดือนนับจากนี้ให้เจ้านั่น น่าเสียดายจริง ๆ ไม่น่าไปหาเรื่องศิษย์พี่เยี่ยงนั้นเลย นี่มันไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ?”

“ไอ้เรื่องถ่ายทอดวิชาอะไรนั่น ตอนนี้ลืมมันไปได้เลย”

ศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกหัวเราะเยาะเมื่อได้ยินสารท้ารบอันไร้สาระของเฉินซี ท่าทีเหยียดหยันระคนน่าหัวร่อของเขาก็เกินจะกล่าวออกมาได้

“อะไรกัน เจ้าอยากสู้กับข้าตอนนี้หรือ? หากอาจารย์ลุงหลิ่วรู้เข้า เขาคงจะตำหนิข้าที่รังแกผู้อ่อนแอกว่าเป็นแน่” ตู้เซวียนกอดอกก่อนจะระเบิดหัวเราะเสียงเย็น

“ข้าถามว่าเจ้ากล้าสู้กับข้าหรือไม่!” เฉินซียังคงมีท่าทีนิ่งสงบ น้ำเสียงของเขาเย็นชาขณะที่ยืนอยู่กลางอากาศ

“เป็นการท้าที่น่าเบื่อเสียจริง หากเจ้ามั่นใจว่าจะเอาชนะข้าได้ เช่นนั้นเจ้าก็คงเริ่มเคลื่อนไหวไปนานแล้ว เอาแต่ส่งเสียงเห่าหอนรังแต่ทำให้คนเขาคิดว่าเจ้ามีดีแค่ปากเท่านั้น” ตู้เซวียนยังคงไม่ขยับเขยื้อน มีเพียงเสียงหัวเราะที่เปล่งออกมาอย่างไม่สิ้นสุด

“ผิดแล้ว ข้าเลือกที่จะต่อสู้บนฟ้าต่างหาก เพราะข้าทนไม่ได้หากยอดเขาจรัสตะวันตกของข้าจะต้องแปดเปื้อนด้วยเศษเดนอย่างพวกเจ้า” เฉินซียังคงใจเย็น

“มาถึงตอนนี้ เจ้าก็ยังคงเหยียดหยามข้าไม่หยุด ช่างวอนหาที่ตายเสียแล้ว!” ดวงตาของตู้เซวียนฉายแววเยือกเย็น ร่างกายของเขาประหนึ่งอินทรียามโฉบขึ้นเหนือท้องฟ้า และหยุดการเคลื่อนไหวลงเบื้องหน้าเฉินซีด้วยคิ้วขมวด พลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ปกคลุมรอบกาย ก่อนจะพวยพุ่งออกมาไม่ต่างกับคลื่นยักษ์!

ทันใดนั้น ร่างกายของเขาก็คล้ายจะกลายเป็นภูเขาสูงตระหง่านที่ทอดยาวไปถึงแดนสวรรค์ สร้างแรงกดดันต่อผู้คนรอบข้างให้รู้สึกว่าพวกตนก็เป็นแต่เพียงมดตัวหนึ่งเท่านั้น ช่างเป็นภาพที่น่าพรั่นพรึงยิ่ง

หัวใจของชายหนุ่มสั่นไหวเมื่อสัมผัสได้ถึงกำลังภายในที่เปลี่ยนแปลงไปของตู้เซวียน กระนั้น เขาก็หาได้มีความหวาดหวั่นไม่ ตั้งแต่ชายหนุ่มได้บรรลุสู่ขอบเขตจุติขั้นสมบูรณ์ เขาก็แทบไม่ได้ประมือกับคนในขอบเขตเดียวกันเลย ส่วนตู้กวน ตงฉี่ รวมไปถึงศิษย์คนอื่นนั้นอ่อนแอเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถออกแรงได้อย่างเต็มที่

แม้ว่าตู้เซวียนจะอยู่ในขอบเขตจุติขั้นสมบูรณ์ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่ตู้กวนจะสามารถเทียบเทียมได้ นี่ยังไม่รวมถึงว่าความสามารถของคนคนนี้จัดอยู่ในกลุ่มของศิษย์ชั้นสูงทั้งห้าของนิกาย ดังนั้นความแข็งแกร่งที่อีกฝ่ายมีจึงไม่ใช่สิ่งที่จะดูแคลนได้!

นอกจากนี้วิปลาสหลิ่วยังเคยกล่าวไว้ว่า ตู้เซวียนเชี่ยวชาญศาสตร์เต๋าที่เรียกว่าเคล็ดสังหารฉับพลัน การโจมตีด้วยกระบี่เพียงครั้งเดียวของเขาเสมือนกับการโจมตีอย่างฉับพลับซึ่งเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเหนือเสียงถึงสิบเท่า การจะปัดป้องการโจมตีจึงเป็นไปได้ยาก ด้วยกระบวนยุทธ์นี้ อีกฝ่ายจึงสามารถสังหารผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาได้ขณะที่เกิดการเบาะแว้งภายนอกสำนัก

ด้วยเหตุนี้ เฉินซีจึงไม่อาจประมาทเมื่อต้องเผชิญหน้ากับตู้เซวียน

ตอนนี้เอง ผู้คนจำนวนมากได้เริ่มปรากฏตัวขึ้นรอบยอดเขาจรัสตะวันตก เงาร่างของฝูงชนกระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่ง พวกเขาทั้งหมดเป็นศิษย์จากยอดเขาจรัสตะวันออก ยอดเขาจรัสใต้ และยอดเขาจรัสเหนือ

ทั้งเหลิ่งชิวและผางโจวแห่งยอดเขาจรัสตะวันออก รวมถึงเซี่ยอี้แห่งยอดเขาจรัสใต้ก็ยืนท่ามกลางฝูงชนด้วยความสง่างามยิ่ง พวกเขาทั้งสามถูกห้อมล้อมด้วยบรรดาศิษย์ประหนึ่งดาวล้อมแสงเดือน ซึ่งเป็นภาพที่สะดุดตายิ่ง

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดมาที่นี่ทันทีหลังจากรู้ข่าว ด้วยหวังจะได้ชมการต่อสู้ระหว่างเฉินซีกับตู้เซวียน

ถึงแม้เฉินซีจะเพิ่งเข้ามาในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองเพียงวันเดียว แต่ชื่อเสียงของชายหนุ่มนั้นขจรไกลจนกลายเป็นที่รู้จักของทุกคนอยู่แล้ว แม้แต่ศิษย์ระดับสูงของของยอดเขาอื่น ๆ ก็รู้จักบุรุษผู้มีนามว่าเฉินซี หากทว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยเห็นตัวจริงของเขา

“นี่นะหรือเฉินซี? เขาเพิ่งจะเข้าร่วมนิกายมา แต่กลับกล้ามีเรื่องกับหนึ่งในห้าศิษย์ชั้นสูงอย่างศิษย์พี่ตู้เซวียน ไม่รักตัวกลัวตายเลยนะ”

“เจ้าไม่รู้อะไรเลยสินะ ว่ากันว่าเด็กคนนี้มาจากสมรภูมิบรรพกาล ทั้งยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่หนึ่งบนศิลาจารึกวิญญาณ ทั้งความแข็งแกร่ง ทั้งพรสวรรค์ของเขานั้นเยี่ยมยอดยากหาใครเทียบได้ ข้าว่าแม้แต่ศิษย์ชั้นสูงทั่วไปก็ไม่เก่งกาจเท่าเขา”

“สมรภูมิบรรพกาลรึ? นั่นมันลานประลองของเซียนนี่ เฉินซีช่างโดดเด่นเกินกว่าจะมองข้ามได้จริงเชียว”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ศิษย์พี่ตู้เซวียนเป็นยอดฝีมือจากเผ่าอีกาวิญญาณ และเป็นหนึ่งในห้าศิษย์ชั้นสูงของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ไม่น่าจะใช่คนที่เฉินซีเคี้ยวลงได้ง่าย”

“โอ้ ให้ตายเถิด ศิษย์น้องเฉินซีนี่รูปงามทีเดียว หากเขาพ่ายแพ้ โลกทั้งใบคงถึงคราวหม่นหมอง…”

“ถุ้ย! บ้าผู้ชาย!”

เสียงสนทนาอื้ออึงรอบยอดเขาจรัสตะวันตกดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ศิษย์ทั้งหลายจากยอดเขาต่าง ๆ พากันจับจ้องไปยังเฉินซีกับตู้เซวียนพร้อมทั้งพูดคุยกันด้วยความครึกครื้น

ในหมู่พวกเขายังมีศิษย์หญิงรูปงามจากยอดเขาจรัสเหนือปะปนอยู่ในฝูงชน พวกนางกระซิบกระซาบพลางส่งเสียงหัวเราะซุกซนบ้างเป็นคราว ชวนให้บรรยากาศร้อนระอุยิ่งขึ้น

กระนั้น เฉินซีก็เลือกที่จะทำหูทวนลมกับเรื่องทั้งหมด จิตใจของเขาเยือกเย็นดังหิมะ สงบนิ่งดั่งเงาจันทราฉายลงบนผืนนที สมาธิของชายหนุ่มจดจ่อแต่เพียงตู้เซวียนเท่านั้น ความคิดหนึ่งเดียวที่คำนึงก็คือต้องบดขยี้คนผู้นี้ให้สิ้นซาก!

“ศิษย์น้องเฉินซี ในเมื่อเจ้าต้องการสู้กับข้า ข้าก็ไม่อาจปฏิเสธความปรารถนา แต่อย่าได้โทษว่าศิษย์พี่ผู้นี้ไม่รักษาสัญญาก็แล้วกัน” ตู้เซวียนเหยียดร่างกายของตนขณะที่กวาดสายตามองยังกลุ่มคน ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ

การที่มีผู้คนจำนวนมากเข้ามาชมการประลองครั้งนี้ สำหรับเขาถือเป็นข้อได้เปรียบ ด้วยหากเขาเป็นฝ่ายได้ชัย เฉินซีก็จะต้องเผชิญกับความอัปยศอย่างรุนแรง แค่เพียงวันเดียว ผู้คนทั้งนิกายกระบี่เก้าเรืองรองก็จะรู้ว่าใครก็ตามที่กล้าหือกับตู้เซวียนผู้นี้จะมีจุดจบอย่างไร!

“คนอย่างเจ้ามีเกียรติใดให้กล่าวถึงหรือ?” เฉินซีพูดอย่างใจเย็น ร่างกายของเขาหาได้ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด

“ฮ่า ๆ ความแข็งแกร่งคือคำตอบของทุกสิ่งบนโลกใบนี้ศิษย์น้องเฉินซีเอ๋ย ใช้แค่น้ำลายอย่างเดียวหาได้เพียงพอหรอกนะ!” ตู้เซวียนระเบิดเสียงหัวเราะทั้งดวงตาเย็นเยียบ ชายหนุ่มสาวเท้าไปยังเบื้องหน้าก่อนจะผายมือออก

ฝ่ามือนี้เคลื่อนไหวดั่งมังกรที่เลื้อยไปทุกสารทิศด้วยวิถีตรงและเส้นโค้ง ดูเหมือนรวดเร็วแต่คลับคล้ายจะเชื่องช้า เฉกเช่นการโจมตีทั่วไปด้วยฝ่ามือที่แสนธรรมดา แต่หากเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดความเป็นไปได้อย่างไร้ที่สิ้นสุดและเปี่ยมด้วยเต๋ารู้แจ้ง ราวกับว่ามันสามารถโต้ตอบกระบวนยุทธ์ใด ๆ บนโลกได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะตอบสนองเช่นไร มันก็สามารถยับยั้งอีกฝ่ายได้อย่างมั่นคง

อาจกล่าวได้ว่าฝ่ามือนี้สามารถโอบล้อมทุกสรรพสิ่งและสกัดกั้นโลกเอาไว้ได้

แม้ฝ่ามือจะยังไม่ได้เคลื่อนเข้าใกล้ ทว่าพลังอันน่าหวั่นผวาซึ่งบรรจุอยู่ภายในก็ได้สร้างความป่วนปั่นให้แก่อากาศโดยรอบทีละนิดขณะที่ชั้นเมฆเริ่มกระจายตัว พวกมันสลายเป็นเศษเสี้ยวดังกระแสน้ำเชี่ยวกรากที่ส่งเสียงหวีดหวิวไม่รู้จบ

“ฝ่ามือแปดทิศ!” สายตาของศิษย์ทั้งหลายจับจ้องภาพเบื้องหน้าเป็นตาเดียว กระบวนท่าฝ่ามือแปดทิศนี้ ถือเป็นกระบวนท่าโจมตีลับที่เป็นของตู้เซวียนเพียงผู้เดียว นับเป็นสิ่งที่ทำให้ใครหลายคนต้องสะท้านกลัวแม้เพียงได้ยินชื่อ เมื่อออกกระบวนยุทธ์ถึงขั้นสูงสุด มันจะสามารถสยบฟ้าดินและทำลายทุกสรรพสิ่ง

ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าในการโจมตีแรก ตู้เซวียนจะใช้ไพ่ตายในทันที เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจที่จะเอาชนะเฉินซีในระยะเวลาอันสั้น

“ทลายพิภพ!” ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับฝ่ามือที่เหมือนจะปรากฏอยู่ทั่วทุกหนแห่งนี้ เฉินซีก็ไม่ได้หลบหรือพยายามหลีกเลี่ยงแต่อย่างใด ร่างกายของชายหนุ่มเปล่งประกายประหนึ่งมังกรตื่นจากการหลับใหล และขึ้นไปว่ายเวียนเหนือแผ่นฟ้า โดยในเวลาเดียวกันนั้น หมัดขวาของเขาก็ทุบผืนอากาศอย่างรุนแรงราวค้อนขนาดยักษ์ที่ตกลงมาจากสวรรค์!

โครม!

เสียงคำรามดังขึ้นจากหมัดซึ่งปกคลุมไปด้วยรัศมีสีดำเงาระยับอันแสนสะพรึงขวัญ มันเหมือนกับสัตว์ร้ายจากนรกที่ปรากฏตัวบนพื้นโลก ทุกที่ที่หมัดนี้เคลื่อนผ่านไป อากาศ แสง ห้วงมิติ แม้แต่การไหลเวียนของอากาศ… ล้วนถูกทำลายสิ้นเหลือเพียงความว่างเปล่า

“นี่มันวิชาหมัดประเภทใดกัน?” ภาพเบื้องหน้าช่างเป็นปรากฏการณ์ที่ชวนให้ตกตะลึงไม่น้อย ดังว่าหมัดขวาของเฉินซีเป็นยมทูตผู้นำทางสู่ความตาย ยิ่งใหญ่และลบล้างทุกสรรพสิ่ง!

“มหาเต๋าแห่งการทำลายล้าง! นี่เป็นมหาเต๋าที่หายากไม่ผิดแน่! ตามที่ลือกัน ทุกสิ่งที่ถูกสัมผัสจะกลายเป็นเพียงความว่างเปล่าและถูกทำลายไปชั่วนิรันดร์ก่อนจะถูกขจัดสิ้น!”

“นี่คือเต๋ารู้แจ้งไม่ผิดแน่ ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเฉินซีจะเข้าใจเกี่ยวกับเต๋ารู้แจ้งที่เยี่ยมยอดเช่นนี้ได้ ไม่แปลกใจแล้วว่าเหตุใดเขาถึงกล้าต่อสู้กับศิษย์พี่ตู้เซวียน” เสียงสนทนาเริ่มหนาหูอีกครั้งด้วยรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นพลังโจมตีที่รุนแรงจากหมัดของเขา

ตึ้ง!

ด้วยกระบวนท่าหมัดทลายพิภพของเฉินซี ฝ่ามือของตู้เซวียนจึงถูกซัดออกไปในทันที ปราณแท้และเต๋ารู้แจ้งถูกทำลายล้างอย่างสมบูรณ์

พลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวและรุนแรงพุ่งตรงเข้าสู่คู่ต่อสู้ ทำให้ตู้เซวียนผู้สง่างามดั่งภูเขาตระหง่านต้องตาค้าง ฝีเท้าของเขาถอยร่นอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยื่นฝ่ามือออกไปเพื่อทำลายพลังแห่งการทำลายล้างที่มาจากหมัดของอีกฝ่าย

หากในยามนี้เอง ตัวคนก็ได้ถูกบีบให้ต้องถอยร่นมาแล้วหกลี้ แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้รับบาดเจ็บ ทว่าสีหน้าของตู้เซวียนนั้นไม่สู้ดีนัก เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้านิกายมาจะไม่เพียงสามารถต้านทานสุดยอดวิชาของตนได้ แต่ยังสามารถบีบให้เขาต้องล่าถอยได้อีกด้วย!!!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท