บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 573 ทลายนิรันดร์

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 573 ทลายนิรันดร์

บทที่ 573 ทลายนิรันดร์

“ในเมื่อเราจะสู้กันแล้ว เช่นนั้นก็มาสู้กันให้สาแก่ใจไปเลย!” หลังจากออกท่าได้สำเร็จ เฉินซีก็ไล่ล่าไม่หยุด เขาใช้ปีกนภาดารกะ กลายร่างเป็นเกลียวแสงเคลื่อนผ่านฟ้า หมัดที่ซัดออกมาเป็นดั่งคลื่นยักษ์ เพลงหมัดมหาทำลายล้างถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มกำลัง

นับตั้งแต่ที่เข้าใจมหาเต๋าแห่งการทำลายล้าง พลังของเพลงหมัดมหาทำลายล้างก็มีคุณภาพขึ้น ทำให้พลังพุ่งขึ้นสูง ทุกกระบวนท่าเต็มไปด้วยพลังกดดัน หมายทำลายทุกสิ่งในใต้หล้า

เมื่อชายหนุ่มใช้มันออกมาอย่างสุดกำลังในตอนนี้ ก็ราวกับวันโลกาวินาศได้มาถึง ทั่วฟ้าเต็มไปด้วยความโกลาหลของพลังทำลายล้างและการพังทลาย แรงผันผวนทางอากาศ แสง และฝุ่นควันที่กระจายฟุ้งไปทั่วพื้นที่ล้วนถูกพลังทำลายล้างบดขยี้ไม่เหลือซาก

“หึ! ก็มีฝีมืออยู่นี่ แต่มีอยู่แค่ระดับนั้นยังกล้าคุยโวอีกอย่างนั้นหรือ!?” ตู้เซวียนหัวเราะเสียงเย็นเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของเฉินซี เงาร่างคนพุ่งออกมารวดเร็วดั่งหมอกทมิฬ ดั่งเซียนปีศาจพุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย

เขามีสีหน้าเย็นชาทว่าอำมหิต เผยกลิ่นอายดุดันกระหายเลือดออกมา ทุกฝ่ามือก่อให้เกิดแรงลมระเบิดออก ปลดปล่อยความน่าเกรงขามแห่งฟ้าดิน

ราวกับทั่วทั้งชั้นฟ้าและผืนดินแปรเปลี่ยนเป็นข้าทาสแห่งเขา ในขณะที่ตัวเขาตู้เซวียนเป็นผู้ถือครองทุกสิ่งเพียงหนึ่งเดียว

“สู้!” เสียงตะโกนก้องดังขึ้น คนทั้งสองพลันเข้าสู่การต่อสู้อันดุเดือด ปราณแท้สั่นสะเทือนและผสานรวมกัน ราวกับภูเขาไฟใกล้ระเบิด ส่งผลให้ฟ้าส่งเสียงร้องครวญ แรงอากาศด้านบนผันผวนอย่างรุนแรง เกิดความโกลาหลจนกลายเป็นสนามรบน่าสะพรึงกลัว

โชคดีที่พวกเขาอยู่บนฟ้า จึงไม่ได้นำพาความวิบัติมาสู่ยอดเขาจรัสตะวันตก

แต่มันแตกต่างจากในบริเวณสนามรบอย่างสิ้นเชิง ด้วยเกิดลมกระโชกแรง ปลดปล่อยเสียงหวีดหวิวสะท้านแก้วหู แรงปะทะระหว่างฝ่ามือและหมัดทำให้ทุกสิ่งในรัศมีหมื่นลี้ตกอยู่ในความโกลาหล ทั้งลมและเมฆพลุ่งพล่านทั่วทุกทิศ ลำแสงสว่างจ้าและแรงผันผวนทางอากาศกระจัดกระจาย

ครืน!

ปราณกระบี่รูปทรงดอกบัวสีฟ้าจำนวนมากระเบิดออกมา มันเปล่งแสงสว่างจ้า กลิ่นอายลึกล้ำแห่งโลหะกล้าคละเคล้าอยู่ภายใน ราวกับว่าสามารถแยกโลกออกจากกันได้ ทำลายตะวันและจันทรา ดูดุดันเป็นยิ่งนัก

“ปราณกระบี่นภาหมื่นปทุม!” ทุกคนตกตะลึง นี่เป็นวิชาขั้นสุดยอดของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากจนสามารถย้อนกลับไปเมื่อยุคหลายล้านปีก่อนได้ มันคือสิ่งที่ผู้ยิ่งใหญ่สร้างมันขึ้นมา และมันเกิดมาเพื่อสิ่งเดียวเท่านั้น!

ขณะนั้น ดอกบัวจำนวนมากได้ปรากฏออกมาจากท้องฟ้าที่ หนาแน่นไปด้วยปราณกระบี่ที่ใช้ทำลายศัตรู เหมือนตาข่ายสวรรค์ที่ทำอย่างไรก็ไม่อาจหลบเลี่ยงได้

อีกทั้งเมื่อบ่มเพาะวิชากระบี่เช่นนี้จนเชี่ยวชาญ ความรุนแรงก็ไม่ต่างจากศาสตร์เต๋าทีเดียว!

หึ่ง! หึ่ง! หึ่ง!

มันเป็นเสียงราวกับผึ้งนับพันกำลังบินหึ่งดังก้องไปทั่วฟ้าดิน ดอกบัวที่กระจายอยู่เต็มท้องฟ้าหมุนวนไปมาไม่หยุด มันเป็นเหมือนผู้บ่มเพาะกระบี่ผู้เก่งกล้าที่ปลดปล่อยปราณกระบี่เฉียบคมออกมา มันประสานเข้าด้วยกันจนเป็นดั่งฝนกระบี่ที่ปกคลุมโดยรอบ ก่อนจะทิ้งตัวลงมา เพียงมองจากที่ไกลก็ถึงกับหนังศีรษะชาด้าน รู้สึกอับจนหนทางเพราะไม่รู้จะหลบไปที่ใด

“ทลายโกลาหล!” เฉินซีหรี่ตาลง จากนั้นตะโกนลั่น ปราณแท้ทั่วร่างพวยพุ่งราวกับคลื่นกลับสู่ทะเล มันควบแน่นอยู่ที่หมัดขวา ก่อนจะกระแทกพลังอันน่าเกรงขามที่แค่เห็นก็เกือบกระอักเลือดออกมา

เมื่อมองจากที่ไกลแล้วราวกับมีสองโลกกำลังถือกำเนิดอยู่บนหมัดของชายหนุ่ม โลกหนึ่งฟ้าอยู่ที่ดิน ดินอยู่ที่ฟ้า เหมือนฟ้าดินกลับตาลปัตร อีกโลกหนึ่งฟ้าดินเป็นปกติ แต่สิ่งมีชีวิตกลับหัวกลับหาง หัวทิ่มดิน เท้าชี้ฟ้า

อีกทั้งยังมีเส้นสายพลังปั่นป่วนมากมายที่หลั่งไหลออกมาจากพลังทำลายล้าง ทำให้ทุกอย่างพลิกคว่ำ แค่มองท่าหมัดในครั้งนี้ก็ทำให้คนทั้งหลายรู้สึกไม่สบายใจ จนอยากกระอักเลือด ปราณและเลือดภายในร่างออกสัญญาณพลิกผันปั่นป่วน พากันไหลย้อนกลับอย่างบ้าคลั่ง

ตู้ม!

หมัดที่ภายในมีโลกกลับหัวกลับหางอยู่และเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างระเบิดออกมาในที่สุด ชั่วพริบตานั้น รอยแยกยาวหกลี้ก็กรีดผ่านฟ้า พลังชีวิตทั่วพื้นที่รอบรอยแยกพลันเหือดหาย ทุกสิ่งอย่างสลายไม่เหลือซาก เกิดเป็นความโกลาหล กฎเกณฑ์ถูกทำลายสิ้น

ปราณกระบี่นภาหมื่นปทุมถูกทำลายไม่เหลือซาก และหากเจ้าตัวหลบไม่ทัน ตู้เซวียนก็คงถูกดูดเข้าไปในพลังผันผวนของหมัดนั่นเช่นกัน

“ไม่เลว ไม่เลวเลย แต่ศิษย์น้องเฉินซี เจ้าคอยดู ศิษย์พี่จะไม่ยั้งมือแล้ว” ดวงตาเรียวยาวของตู้เซวียนเย็นเยียบดั่งคมกระบี่ กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกจากร่างพลันพวยพุ่ง หมอกดำลอยฟุ้งอยู่ทั่วกาย ก่อนจะแปรเปลี่ยนรูปร่างเป็นอีกาวิญญาณตาแดงน่าเกลียดน่ากลัวที่กรีดเสียง ‘ก๊า’ ในอากาศ

เห็นได้ชัดว่าถูกเฉินซีทำลายไปสองกระบวนท่าติดทำให้ในใจเขาเกิดจิตสังหาร พละกำลังที่เขาเผยออกมาทำให้เริ่มมองคู่ต่อสู้อย่างจริงจังขึ้น เจ้านี่เพิ่งเข้านิกายมาได้วันเดียว แต่กลับน่าเกรงกลัวเช่นนี้ ต่อไปจะเติบโตไปได้ถึงไหนกัน?

ครั้งนี้แม้ว่าเขาจะไม่อาจสังหารเฉินซีได้ แต่ก็อยากกดอีกฝ่ายไว้ ฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความกลัวไว้ในใจ อีกฝ่ายจะได้ไม่พัฒนาไปมากกว่านี้อีก!

“ศิษย์พี่ตู้ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำใดให้มากความ ลงมือเลยเถอะ!” เฉินซีสัมผัสจิตสังหารอันหนาแน่นได้จากดวงตาของตู้เซวียน แต่ในใจเขาเองก็มีไม่ใช่หรือ?

“ฮ่า ๆๆ!! ดี! ดียิ่ง!” ตู้เซวียนหัวเราะลั่น แต่นัยน์ตากลับไม่ยิ้มตาม มันเต็มไปด้วยความเย็นชาและจิตสังหาร หลังจากนั้นเจ้าตัวก็สูดลมหายใจเข้าลึก พลังผันผวนอันลึกล้ำค่อย ๆ ถูกปลดปล่อยออกมา

เมื่อพลังนี้พวยพุ่งออกมา พื้นที่รอบกายตู้เซวียนก็ส่งเสียงเหมือนถูกทำลายจนแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ราวกับห้วงอากาศถูกกรีดเป็นชั้น ๆ ด้วยกระบี่คม จนเกิดเป็นช่องว่างแห่งความโกลาหลขึ้นมา

เพียงชั่วพริบตาเดียว กลิ่นอายของชายหนุ่มก็ระเบิดขึ้นอีกครั้ง อีกาวิญญาณยักษ์ที่มีขนสีดำและมีกรงเล็บสีเงินปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ มันกางปีกออกหมายจะบิน ทั้งยังปลดปล่อยกลิ่นอายดุดัน คล้ายกับจะสามารถฉีกกระชากชั้นฟ้า อยู่เหนือทุกสรรพสิ่งได้!

นี่มัน…

เป็นตอนนั้นเองที่หลายสายตาพากันรวมอยู่จุดเดียว ตู้เซวียนกำลังจะใช้กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าแล้ว! นี่เป็นวิชาเฉพาะในตระกูลอีกาวิญญาณเท่านั้น!

เปรี๊ยะ!

เกิดรอยแยกมากมายขึ้นใต้เท้าของตู้เซวียน พื้นดินแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ อย่างรวดเร็วราวกับถูกพายุน้ำแข็งกัดกร่อน

กระบวนยุทธ์ระดับเต๋านี้เป็นพลังพิเศษที่สุดในตระกูลทั้งหลายเมื่อครั้งโบราณกาล แต่ละตระกูลจะมีอยู่วิชาหนึ่งเป็นวิชาที่สืบทอดกัน ในฐานะยอดอัจฉริยะประจำตระกูลอีกาวิญญาณ ตู้เซวียนย่อมมีพลังนี้

และกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าของตระกูลอีกาวิญญาณก็คืออีกากลืนวิญญาณ!

เมื่อบ่มเพาะจนถึงขีดสุด ก็จะสามารถเรียกเซียนอีกาวิญญาณผู้ชั่วร้ายตัวจริงที่เขย่าสวรรค์สะเทือนปฐพีออกมาได้ ใครเห็นเป็นต้องตกตะลึงไปถึงห้วงจิต ทั้งยังน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง

เฉินซีเคยเห็นน้องชายของตู้เซวียน ตู้กวนใช้ศาสตร์เต๋านี้มาก่อน แต่ครั้งนี้แตกต่างจากที่ตู้กวนเคยใช้ ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังหรือความน่าเกรงขาม ก็เหนือกว่าที่ตู้กวนใช้นับสิบเท่า

อีกาวิญญาณดูเหมือนจริงและมีขนาดใหญ่มาก ดวงตาของมันเป็นสีแดงก่ำดั่งเลือด มันกวาดตามองฟ้าดิน ราวกับเทพปีศาจที่ลงมายังโลก มีพลังอำนาจล้นเหลือ

ก๊า! ก๊า!

คลื่นเสียงแหลมแสบแก้วหูฟังดูไม่น่าอภิรมย์ที่ดังจนเหมือนจะจับต้องได้ถูกปล่อยออกมาจากปากของอีกาวิญญาณ ถึงกับขนาดที่เห็นคลื่นเสียงนั้นได้ มันกลายเป็นลูกศรนับไม่ถ้วนที่มีเปลวเพลิงสีดำลุกไหม้อยู่ ก่อนจะพุ่งออกมาอย่างรุนแรงราวกับลำแสงสีดำ สะท้านสะเทือนฟ้าดิน กรีดผ่านท้องฟ้าและพุ่งเข้ามาทางเฉินซี

“เวรแล้ว! รีบหนีเร็ว!”

“เจ้าบ้าตู้เซวียนกล้าไม่ไยดีคนอื่นเลย!”

หลังจากผู้อยู่โดยรอบยอดเขาจรัสตะวันตกเห็นภาพนี้แล้ว แทบทุกคนก็เผยสีหน้าตกใจ รีบถอยกรูดตาม ๆ กัน ด้วยกลัวว่าจะถูกศรสีดำที่เกิดจากคลื่นเสียงเหล่านั้นเข้าไป

พวกเขารู้ดีว่า คลื่นเสียงไม่เพียงแต่จะสามารถทำให้ร่างกายบาดเจ็บสาหัสได้ จุดที่น่ากลัวที่สุดคือความสามารถในการดูดกลืนวิญญาณของมัน ที่หากประมาทเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้วิญญาณถูกทำลายได้!

มีเพียงเหลิ่งชิว ผางโจว เซี่ยอี้ แล้วคนอื่นอีกไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังยืนนิ่งไม่ไหวติง

ฮึ่ม!

เมื่อเห็นดังนี้ สีหน้าของเฉินซีก็ดูจริงจังมาก เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเหินร่างขึ้นสูง ทั้งผมและชุดพลิ้วไหวไปตามแรงลม มือขวาราวกับกำลังกุมตะวันร้อนระอุที่ปลดปล่อยแสงจ้าสีขาวออกมาเอาไว้

ชั่วพริบตานั้นเอง ทั่วฟ้าดินก็เต็มไปด้วยแสงสีขาว ทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับดวงตาถูกเฉือน น้ำตาไหลพรากออกมา

“ทลายนิรันดร์!” น้ำเสียงเรียบเรื่อยของเฉินซีดังก้องฟ้า กลิ่นอายทำลายล้างสะท้านฟ้าดินระเบิดออกจากหมัดอย่างรวดเร็ว ราวกับคลื่นพลังโกลาหลที่พุ่งออกมาจากภายในจักรวาล หมายจะทำลายล้างโลกทั้งใบ!

นี่คืออำนาจของกระบวนท่าที่สามแห่งเพลงหมัดมหาทำลายล้าง และนับเป็นครั้งแรกที่เขาใช้กระบวนท่านี้เช่นกัน!

ในอดีต ด้วยความที่เขายังไม่ได้เข้าใจเต๋ารู้แจ้งแห่งการทำลายล้าง จึงไม่สามารถเข้าใจกระบวนท่านี้ได้อยู่นาน เขาเพียงแค่ใช้เป็นเท่านั้น แต่ไม่อาจนำแก่นพลังที่แท้จริงของมันออกมาได้

แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เมื่อครั้งที่เขาอยู่ในเมืองบรรพกาล พลังบ่มเพาะของชายหนุ่มพุ่งสูงขึ้นอย่างมั่นคงเพราะเขาดูดซับพลังเทวะไปเป็นจำนวนมาก จึงสามารถบรรลุจากขอบเขตจุติขั้นต้นไปสู่ขอบเขตจุติขั้นสมบูรณ์ภายในวันเดียว

อีกทั้งหม้อใบจิ๋วยังส่งต่อเต๋ารู้แจ้งแห่งการทำลายล้างเต็มขั้นมาให้เขาด้วย ทำให้ชายหนุ่มมีความสามารถที่จะใช้ ‘ทลายนิรันดร์’ ออกมาได้

ครืน!

ลำแสงแห่งการทำลายล้างปะทุขึ้นปกคลุมใต้หล้า ทุกคนรอบข้างเหมือนตาบอดไปชั่วขณะ ไม่อาจเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสมรภูมิการต่อสู้ได้

ได้ยินเพียงเสียงระเบิดสะท้านฟ้าดังครืนมาเท่านั้น และสัมผัสได้ถึงแรงดันอากาศรุนแรงที่พลุ่งพล่านออกมาทั่วทุกทิศ มันกดดันพวกเขาจนได้แต่ถอยหนีไปไม่หยุด

ผู้ที่อ่อนแอหน่อยก็ถูกแรงกดดันนี้บีบคั้นจนกระอักเลือด ร่างกระเด็นไป กรีดร้องเสียงแหลมออกมา เป็นภาพที่น่าตกใจยิ่งนัก

“พลังอำนาจของกระบวนท่านี้ไม่ต่างจากศาสตร์เต๋าทีเดียว” เหลิ่งชิวพึมพำ ยังคงมีใบหน้าเย็นชาเช่นเคย ทำให้ผู้อื่นไม่รู้ว่าแท้จริงเขาคิดอย่างไรกันแน่

“ใครจะไปคิดว่าศิษย์คนใหม่ที่เพิ่งเข้านิกายมาจะมีวิชาสะท้านฟ้าเช่นนี้กัน?” ผางโจวเองก็ตกตะลึงมากเช่นกัน กระบวนท่านี้ทำให้เขาไม่อาจประเมินอีกฝ่ายต่ำได้อีกต่อไป

“ดูท่าท่านพี่คงไม่ต้องยื่นมือเข้าช่วยแล้ว” ณ ที่ห่างไกลออกไป อันเคอในชุดกระโปรงสีแดงจัด เจ้าของใบหน้าและเรือนร่างงดงาม ร่างสูงและเย้ายวน เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไพเราะ

“ดูต่อไปเงียบ ๆ เถอะ มันยังไม่จบแค่นี้หรอก” หญิงสาวผู้มีท่วงท่าสูงส่งสง่างาม ราวกับผาสูงที่เพิ่งผ่านฝน เจ้าของร่างเย้ายวนใจซึ่งยืนอยู่ข้างกายอันเคอ เอ่ยออกมาหลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ นางก็คืออันเวยนั่นเอง

“โห?” อันเคอขมวดคิ้วงามเข้าหากัน ดูสับสนเล็กน้อย แต่ก็เชื่อในคำของพี่สาวตน นางจึงไม่คิดอะไรอีกและส่งสายตามองไปยังที่ห่างไกลอีกครั้ง

ผ่านไปชั่วครู่ เสียงระเบิดก็ค่อย ๆ เบาลง แรงดันอากาศดุดันค่อย ๆ คลายตัว

เมื่อทุกคนลืมตามองภาพให้ชัด พวกเขาก็เป็นต้องตกตะลึงอย่างมาก

พวกเขาเห็นเฉินซียืนหยัดอยู่ไกล ๆ หลังตรงดั่งกระบี่ ไร้ซึ่งบาดแผล แต่สีหน้าดูซีดเล็กน้อย กลิ่นอายดูอ่อนกำลังเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าการซัดกระบวนท่าเมื่อครู่ออกมาคงใช้พลังไปมาก

ตรงข้ามกับเฉินซีคือชายหนุ่มในชุดสภาพขาดวิ่น ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าเปื้อนฝุ่น ตัวดำไปหมด สีหน้าดูน่าสมเพชอยู่บ้าง ทำให้คนอื่นเห็นแล้วอดอยากหัวเราะออกมาไม่ได้

แต่จังหวะนี้ไม่มีใครกล้าหัวเราะออกมา กลับกันแล้ว ทุกคนได้แต่ใจสั่น แม้จะไม่เห็นใบหน้าของคนผู้นั้นได้ชัดเจน แต่หน้าประหลาดนักที่คนผู้นั้นคือตู้เซวียน!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท