บทที่ 579 ไล่ล่าดุเดือด
บทที่ 579 ไล่ล่าดุเดือด
ตอนนี้เฉินซีเอาชีวิตตู้เซวียนมาใช้ขู่ผู้อาวุโสเยว่ฉือเข้าจริง ๆ แล้ว!
คนรอบข้างตกตะลึงจนใจร่วงหล่น พวกเขารู้สึกว่าเฉินซีคงเสียสติไปแล้ว จึงได้มีทีท่าจองหองเกินใครเช่นนี้
กระทั่งเวินหัวถิงและคนอื่น ๆ ยังมุ่นคิ้วด้วยความรู้สึกไม่พอใจ หากไม่ใช่เพราะรู้ว่าเฉินซีเป็นศิษย์คนแรกในเวลานับพันปีที่ขึ้นสู่แท่นดอกบัวได้ พวกเขาก็คงลงมือลงโทษไปนานแล้ว
ในฐานะศิษย์ เขากลับกล้าใช้ชีวิตศิษย์คนอื่นมาขู่ผู้อาวุโสในนิกายเช่นนี้ นับเป็นความผิดร้ายแรงยิ่งนัก!
“สหายผู้นี้ดูอาฆาตแค้นกว่าท่านอาจารย์ลุงหลิ่วเสียอีก…” อันเคอพึมพำ คิดสงสัยว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงไม่รู้จักหยุดแล้วใช้หนทางอื่นแทน
“เขาคล้ายไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักยั้งตัวเองเท่าใดนัก เราดูกันก่อนจะตัดสินดีกว่า” อันเวยมองไม่ออกว่าเฉินซีคิดจะทำอะไร หรืออีกฝ่ายจะไม่รู้ว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ตนเองตกที่นั่งลำบาก?
“ดี! ดีเลย! ข่มขู่ศิษย์พี่ทั้งที่เพิ่งเข้านิกายมาได้ เช่นนี้จะไปได้สักเท่าใดกัน!?” เยว่ฉือโกรธจนตัวสั่น
ศิษย์คนโปรดถูกบังคับให้ต้องคุกเข่าต่อหน้าฝูงชนและถูกนำมาข่มขู่เช่นนี้ มันก็เหมือนมีดคมกรีดลงกลางใจจนแสนเจ็บปวด โกรธจนถึงที่สุดทีเดียว
“ประมุขนิกาย ตอนนี้ท่านยังอยากปกป้องศิษย์น่าชังเช่นนี้หรือไม่เล่า!?” เยว่ฉือหันไปถามท่านประมุขนิกายและเหล่าผู้อาวุโส
น้ำเสียงเขาเผยความโหดเหี้ยมและจิตสังหารออกมาแล้ว เห็นได้ชัดว่าหากประมุขนิกายยอม เขาก็จะจับตัวเฉินซีในทันที
“ผู้อาวุโสเยว่ฉือกล่าวผิดแล้ว นิกายได้ตั้งกฎไว้นานแล้วว่าเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องเบาะแว้งระหว่างศิษย์ ในขณะที่ก่อนหน้านี้ตู้เซวียนยุแหย่ข้า เช่นนั้นเขาก็จำต้องมีบทลงโทษ!” เวินหัวถิงและคนอื่น ๆ ยังไม่ทันเอ่ยปาก เฉินซีกลับเอ่ยเสียงเย็นขึ้นมาแล้ว “อีกทั้งทุกคนในที่นี้ต่างก็เห็นว่าตู้เซวียนนำพวกมาถล่มยอดเขาจรัสตะวันตกของข้า ทั้งยังรังแกศิษย์พี่ทั้งชายหญิงของข้า การกระทำเช่นนี้ไม่สมควรถูกลงโทษหรือไร?”
ชายหนุ่มพูดได้มีเหตุผล ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่นเลย ตอนนี้ทุกคนได้เห็นสภาพโดยรอบของยอดเขาจรัสตะวันตก สวนวิญญาณทั้งหลายถูกเหยียบย่ำ สวนสมุนไพรถูกปล้น ทุกสิ่งอย่างไม่เหลือชิ้นดี แม้แต่บรรยากาศโดยรอบยังดูสกปรกไปหมด
และช่างน่าตกใจนัก ที่ศิษย์ยอดเขาจรัสตะวันออกทั้งหลายต่างยืนล้อมรอบไปทั่วทั้งยอดเขา กระทั่งคนตาบอดยังรู้ว่าเป็นฝีมือคนเหล่านี้
อีกทั้งเมื่อตอนที่ตู้เซวียนต่อสู้กับเฉินซีก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายก็ดูถูกเฉินซีในทุกด้าน หากไม่ใช่เพราะชายหนุ่มใช้แสงแห่งการทำลายล้างขึ้นมา คนที่ต้องคุกเข่าตอนนี้คงเป็นเขา!
ดังนั้นเมื่อได้ยินเช่นนี้ คนรอบข้างจึงค่อนข้างเข้าใจความรู้สึกเฉินซี เหมือนอย่างที่เขาว่ากรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมคืนสนอง!
แต่ถึงจะเข้าใจอย่างไร พวกเขาก็ไม่กล้าออกหน้าสนับสนุนชายหนุ่มอย่างเปิดเผย
เพราะอย่างไรเฉินซีก็เป็นศิษย์ที่เพิ่งเข้านิกายมา แต่กลับแสดงอำนาจได้เช่นนี้ ถึงขั้นที่เอาชีวิตตู้เซวียนมาข่มขู่ผู้อาวุโสเยว่ฉือนับว่าเกินไปเล็กน้อย ทุกคนจึงคิดว่าเขาคงต้องประสบภัยพิบัติแน่แล้ว
ตอนนี้เวินหัวถิงกับเหล่าผู้อาวุโสเองก็คล้ายกับกำลังสื่อสารกันผ่านกระแสปราณเช่นกัน
“เจ้าเด็กเฉินซีผู้นี้มีนิสัยดุดัน เรื่องเล็กน้อยยังต้องตามล้างแค้น หากยังปล่อยให้ทำตัวเช่นนี้ ตู้เซวียนคงโกรธจนตายเป็นแน่ พวกเราควรหยุดเขาหรือไม่?”
“ข้าไม่เห็นด้วย ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินซีไม่ได้ละเมิดกฎของนิกายเลย แม้การกระทำจะดูแข็งกระด้างไปสักหน่อย แต่ก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ อย่างไรศิษย์พี่หลิ่วก็เพิ่งจากยอดเขาจรัสตะวันตกไป แต่กลับถูกถล่มเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงไม่ปล่อยเรื่องนี้เอาไว้ง่าย ๆ”
“ช่างมันเถิด อาจเป็นเรื่องดีต่อตัวตู้เซวียนก็ได้ หากสามารถรับแรงกระแทกเช่นนี้ ย่อมสามารถแปรเปลี่ยนความอับอายเป็นความมุ่งมั่นได้ ซึ่งมันจะนับเป็นความก้าวหน้ายิ่งใหญ่ เป็นประโยชน์ต่ออนาคตยิ่งนัก”
“เช่นนี้จะไม่ใช่การให้ท้ายเฉินซีมากเกินไปหน่อยหรือ? เขาเพิ่งเข้านิกายมาได้วันเดียว แต่กลับเอาชีวิตตู้เซวียนมาข่มขู่ศิษย์พี่เยว่ฉือ การกระทำเช่นนี้ไม่เย่อหยิ่งเอาแต่ใจเกินไปหน่อยหรือไร?”
“ปัญหาคือศิษย์พี่เยว่ฉือเป็นฝ่ายผิด หากก่อนหน้านี้เขาไม่ลงมือกับเฉินซี เหตุการณ์ก็คงไม่ดำเนินมาถึงจุดนี้”
“ไอหยา น่าปวดหัวจริง ๆ หากไม่ยื่นมือเข้าหยุดเจ้าหนุ่มไว้ ก็จะทำให้ศิษย์พี่เยว่ฉือไม่พอใจ ในขณะที่หากลงมือหยุดก็จะทำให้เฉินซีไม่พอใจ เพราะเขาเองก็ทำเพื่อยอดเขาจรัสตะวันตก”
“สหายผู้อาวุโสทั้งหลาย พวกท่านได้เห็นพลังอิทธิฤทธิ์ที่เฉินซีใช้เมื่อก่อนหน้านี้หรือไม่?” เวินหัวถิงเห็นทุกคนคุยกันแต่ยังหาบทสรุปไม่ได้ เขาจึงเอ่ยถามขึ้นทันที
“พลังอิทธิฤทธิ์?” ผู้อาวุโสทั้งหลายตกตะลึงไป และเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง จากนั้นก็เผยแววตกใจอยู่เล็กน้อย
“พวกท่านก็เห็นเช่นกันใช่หรือไม่?” ผู้เป็นประมุขนิกายถอนหายใจเสียงเบา “เนตรเทวะแห่งความจริง พลังอิทธิฤทธิ์อันน่าเกรงขามที่ถูกกาลเวลาลบเลือนหายไปแล้ว เป็นวิชาเลื่องชื่อเมื่อครั้งเทพอสูรโบราณยังท่องอยู่ในโลกา มีอำนาจเหนือใต้หล้า เฉินซีมีความสามารถที่จะได้รับพลังอิทธิฤทธิ์นี้มา ย่อมเป็นศิษย์อีกคนที่มีอนาคตไกล”
“ท่านว่ามาเช่นนี้ก็ถูก เจ้าหนูนี่ประเมินต่ำไม่ได้ทีเดียว ก่อนหน้าสามารถขึ้นแท่นดอกบัวได้ ได้รับศาสตร์เต๋าที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งนิกายกระบี่เก้าเรืองรองทิ้งไว้ มีโชคสะท้านสวรรค์เช่นนั้นนับว่าหาได้ยากในโอกาสล้านปีมีเพียงหน”
“เช่นนั้น… ท่านประมุขนิกายก็ไม่คิดจะลงโทษเฉินซีหรือ?”
“เราจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์”
เหล่าผู้บ่มเพาะที่มีฐานะสูงส่งเหล่านี้สื่อสารกันเพียงชั่วครู่เท่านั้น
ในขณะที่ตู้เซวียนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเฉินซี ปราณแท้ถูกผนึกเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้แม้จะพยายามฝืนเท่าไรก็ตาม
ถึงจะคุกเข่าอยู่เพียงชั่วครู่ แต่ก็เหมือนนานนับศตวรรษสำหรับเจ้าตัว รู้สึกราวกับทุกคนกำลังมองสภาพที่น่าสมเพชของตน ชี้นิ้วแล้วพูดคุยกันอย่างออกรส เป็นดั่งเพลิงที่แผดเผาจิตใจ โกรธจนถึงขั้นควันไฟแผ่ออกจากเจ็ดชีพจร ใบหน้าบิดเบี้ยว โกรธจนตัวแทบระเบิด
ทว่าเฉินซีกลับไม่คิดเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยซ้ำ สายตามองเพียงท่านประมุขนิกายและคนอื่น ๆ
ตอนนี้ทุกคนส่งสายตามองไปทางเวินหัวถิงและคนอื่น ๆ พวกเขากำลังรอว่าผู้อาวุโสและประมุขนิกายจะได้บทสรุปออกมาว่าอย่างไร
“เฉินซี เจ้าลงโทษตู้เซวียนแล้วก็จะหยุดมือใช่หรือไม่?” ภายใต้สายตาทุกคู่ เวินหัวถิงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเนิบช้าพร้อมกับสายตาที่ลากไปทางเฉินซี
แม้จะกำลังพูดอยู่กับชายหนุ่ม แต่เสียงนี้ก็เหมือนเสียงฟ้าลั่นเข้าหูทุกผู้ทุกคน ทำให้ในใจสะดุ้งเฮือกขึ้นมาทีเดียว
พวกเขามีหรือจะไม่เข้าใจความหมายของท่านประมุขนิกาย? เห็นได้ชัดว่าเขากำลังกล่าวว่า ในเมื่อเจ้าลงโทษตู้เซวียนไปแล้วก็ควรหยุดไม่ใช่หรือ? หากหยุดแล้ว เรื่องทุกอย่างก็อาจจบลงได้
นี่มันเป็นเรื่องน่าตกใจเกินไปแล้ว!
อย่างไรก่อนหน้านี้เฉินซีก็เอาชีวิตตู้เซวียนมาใช้ข่มขู่ผู้อาวุโสเยว่ฉือ หากว่าเป็นศิษย์คนอื่นก็คงถูกลงโทษสถานหนักไปนานแล้ว แต่คนผู้นี้กลับรอดพ้นภัยพิบัติไปได้อย่างง่ายดาย!
แต่ที่น่าตกใจกว่าคือเหตุการณ์ต่อมา!
หลังจากถูกเวินหัวถิงถามเช่นนี้ เฉินซีกลับตอบอย่างไม่ลังเล “ไม่ ศิษย์ที่จงใจเหยียบย่ำยอดเขาจรัสตะวันตกของข้าเหล่านี้ก็ต้องถูกลงโทษเช่นกัน ไม่เช่นนั้นยอดเขาจรัสตะวันตกก็คงไม่เหลืออำนาจหรือเกียรติใดไว้อีก”
ช่างเอาแต่ใจเสียจริง!
เอาแต่ใจเกินไปแล้ว!
ทุกคนตกตะลึงจนพูดไม่ออก ประมุขนิกายไม่คิดเอาเรื่องแล้ว แต่เขากลับไม่ยอมให้อภัย หมายจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ต้องมีความกล้ามากขนาดไหนถึงจะกล้าพูดเช่นนี้ออกมาได้!?
“ท่านประมุขนิกาย เด็กคนนี้เย่อหยิ่งจองหองถึงขนาดนี้ ท่านจะให้ท้ายเขาไปถึงเมื่อไรกันขอรับ?” เยว่ฉือเอ่ยคำเหมือนเค้นออกมาจากในอก ทั้งแหบต่ำและเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองไม่พอใจ
สิ่งที่ท่านประมุขนิกายและคนอื่น ๆ ตัดสินใจกันเป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง ทำให้โกรธเคืองยิ่งนัก ส่วนการกระทำของเฉินซีก็ทำให้จิตสังหารพลุ่งพล่านขึ้นในใจ เขากัดฟันแน่นด้วยความเคียดแค้น อยากกระชากเส้นเอ็นชายหนุ่มออกมา ก่อนจะเผากระดูกแล้วซัดเถ้าของอีกฝ่ายให้กระจายหายไปเสีย
ใช่แล้ว เขาโกรธมาก คล้ายกับภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุทุกเมื่อ
เวินหัวถิงมุ่นคิ้วแต่ยังว่าต่อ “คิดจะลงมืออย่างไร?”
“ท่านประมุขนิกาย แท้จริงแล้วทุกอย่างเรียบง่ายมาก ตู้เซวียนต้องคุกเข่าขอโทษศิษย์พี่ทั้งชายหญิงของข้า ส่วนศิษย์พวกนั้นที่เข้ามาย่ำยียอดเขาจรัสตะวันตกของข้าก็ต้องเอาสมบัติที่มีค่ามากกว่าสิบเท่ามาชดเชยความเสียหายเท่านั้นเอง!” เฉินซีตอบเสียงเรียบ
“อย่าได้คิดฝัน! เจ้าอยากให้ข้าขอโทษพวกขยะเช่นนั้นหรือ? ข้าขอตายเสียยังดีกว่า!” ตู้เซวียนร้องลั่น คำพูดของอีกฝ่ายได้สะบั้นเส้นความอดทนและศักดิ์ศรีสุดท้ายในใจของเขาไปแล้ว ด้วยการกระทำเช่นนั้นมันเจ็บเสียยิ่งกว่าตาย แล้วเขาจะยอมรับมันได้อย่างไร?
ส่วนพวกศิษย์ยอดเขาจรัสตะวันออกทั้งหลายที่ล้อมรอบยอดเขาจรัสตะวันตกอยู่ต่างก็มีสีหน้าไม่น่ามอง ให้คืนเป็นสิบเท่าอย่างนั้นหรือ? ถึงพวกเขาเอาของทั้งหมดไปขายก็คงยังไม่ได้สมบัติมากมายเช่นนั้นเลยกระมัง!
ปีศาจ!
สหายผู้นี้มันปีศาจชัด ๆ!
ตอนนี้เฉินซีได้กลายร่างเป็นปีศาจร้ายในใจพวกเขาไปแล้ว พวกเขาทั้งโกรธ กลัว และไม่สบายใจไปพร้อมกัน
ใครจะไปคิดว่าการติดตามตู้เซวียนมาปล้นของบนยอดเขาจรัสตะวันตกจะส่งผลกระทบเช่นนี้ได้กันเล่า? หากรู้ ถึงตีให้ตายพวกเขาก็คงไม่เข้ามาเหยียบยอดเขาจรัสตะวันตกหรอก!
กระทั่งศิษย์คนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่รอบข้างยังรู้สึกว่าคำขอของเฉินซีนั้นยากเกินจะรับไหว
เริ่มแรกเลย เขายิงคำถามใส่ผู้อาวุโสเยว่ฉือไม่หยุด จากนั้นบีบบังคับให้ตู้เซวียนคุกเข่า ตอนนี้ยังมาร้องขอเช่นนี้ เหมือนคลื่นซัดเข้าใส่ไม่ยั้ง ไม่รู้ว่าเฉินซีไปเอาความกล้ามาจากไหน หรือในใจไร้ซึ่งความเคารพแม้สักนิดกัน?
แต่ชายหนุ่มนั้นไม่ได้สนใจใครอื่นเลย สายตามองเพียงเวินหัวถิงเท่านั้น สีหน้ายังคงสุขุมและท่าทางนิ่งสงบนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกว่า การใช้คำว่ายโสโอหังเรียกเขาคงไม่เหมาะ
“ท่านประมุขนิกาย!” เยว่ฉือคำรามลั่น สองตาแดงก่ำ หากเฉินซีชนะไป ไม่เพียงแต่ตู้เซวียนเท่านั้น แต่ศิษย์คนอื่น ๆ ก็จะเสียหน้าเช่นกัน และตัวเขาที่เป็นอาจารย์ก็ด้วย!
“เอาเถิด ยอดเขาจรัสตะวันออกจะเป็นคนชดใช้ความเสียหายของยอดเขาจรัสตะวันตกเอง ส่วนตู้เซวียน…” เวินหัวถิงมุ่นคิ้วอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยขึ้นช้า ๆ
“ท่านประมุขนิกาย ตระกูลอีกาวิญญาณของข้ามีเกียรติยศสูงส่ง สายเลือดหนึ่งเดียวของตระกูลอีกาวิญญาณไหลเวียนอยู่ในตัวข้า ข้าขอยอมตายเสียดีกว่าต้องได้รับความอัปยศเช่นนี้!” เวินหัวถิงพูดยังไม่ทันจบ ตู้เซวียนก็คำรามลั่นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดซึ่งไร้ความเกรงกลัว คล้ายกับเจือแววข่มขู่อันลึกล้ำเอาไว้