บทที่ 605 การทดสอบแห่งยอดเขาจรัส… ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
บทที่ 605 การทดสอบแห่งยอดเขาจรัส… ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
ณ นิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ยอดเขาจรัสตะวันออก
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในที่พำนักซึ่งปกคลุมไปด้วยปราณวิญญาณ
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำคนนี้ มีลักษณะท่าทางเหมือนอสูรร้ายหรือปีศาจ โกรธเกรี้ยวและหยิ่งยโส ดวงตาของเขาแคบและยาวเหมือนใบมีด ซึ่งเขาก็คือตู้เซวียน ผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะของตระกูลอีกาวิญญาณที่พ่ายแพ้ให้แก่น้ำมือของเฉินซีก่อนหน้านี้
เมื่อพ่ายแพ้ให้กับเฉินซีในครั้งล่าสุด ตู้เซวียนเป็นเพียงผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติขั้นสมบูรณ์ ทว่าในตอนนี้ เมื่อพิจารณาจากความผันผวนของปราณแท้อันน่าสะพรึงกลัวที่ได้แผ่กระจายออกมา คาดว่าเขาคงได้บรรลุขอบเขตสถิตกายาแล้ว ยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนว่าจะบรรลุมาสักระยะหนึ่ง และการบ่มเพาะของเขาก็ไม่ได้ตื้นเขินเลยแม้แต่น้อย!
เมื่อลืมตาขึ้น ดวงตาที่ยาวและแคบของตู้เซวียนก็ฉายแสงสีแดงอย่างรุนแรงออกมา
“ขอบเขตสถิตกายา! อีกเพียงสองส่วน สายเลือดของตระกูลอีกาวิญญาณในร่างกายของข้าจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้น และแดนฮุ่นตุ้นภายในร่างกายของข้าก็ได้การส่งเสริมจากมหาเต๋าอันลึกล้ำทั้งเจ็ด ทำให้มันแข็งแกร่งและทรงพลังขึ้น ส่วนปราณแท้ของข้าก็ยิ่งใหญ่กว่าเมื่อก่อนถึงสามเท่า!”
“ไม่เพียงแค่นั้น ข้าได้เชี่ยวชาญในเคล็ดสังหารฉับพลันที่ได้บ่มเพาะแล้ว ดังนั้นเมื่อเทียบกับสามเดือนก่อน พลังต่อสู้ของข้าอยู่ในระดับที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ข้าจะบดขยี้เฉินซีให้สิ้นซากในการทดสอบแห่งยอดเขาจรัสครั้งนี้ และกลายเป็นศิษย์ชั้นยอดในคราวเดียว!”
ตู้เซวียนเป็นคนหยิ่งทะนง และด้วยความหยิ่งทะนงที่มี เขาย่อมไม่ให้เกิดความล้มเหลวแม้แต่ครั้งเดียว การพ่ายแพ้ต่อเฉินซีเป็นความอัปยศอดสูที่สุดในชีวิต โดยเฉพาะเมื่อหวนนึกถึงตอนที่ถูกบังคับให้คุกเข่าต่อหน้าทุกคนในวันนั้น หัวใจของเขาก็พลันเจ็บปวดราวกับถูกใบมีดเชือดเฉือน ความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวงนี้ทรมานเขาจนถึงขั้นเสียสติ
และเขาก็ต้องการทวงคืนทุกสิ่งและล้างความอัปยศทั้งหมดที่เขาได้รับในการทดสอบแห่งยอดเขาจรัสครั้งนี้!
ฟิ้ว!
ทันใดนั้น แผ่นหยกกระแสจิตได้พุ่งเข้ามา “เซวียนเอ๋อร์ รีบกลับมาที่ศาลาคลังดาราเป็นการด่วน!”
ตู้เซวียนวางแผ่นหยกและขมวดคิ้วแน่น “การทดสอบแห่งยอดเขาจรัสคือวันพรุ่งนี้ แล้วเหตุใดท่านอาจารย์ถึงเรียกหาข้าในเวลานี้?”
ฟิ้ว!
ในช่วงเวลาต่อมา ตู้เซวียนได้ออกจากที่พำนัก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาก้าวออกจากที่พำนักหลังจากพ่ายแพ้ให้กับเฉินซี และครั้งนี้ เขาจะทวงคืนทุกอย่างภายใต้สายตาของทุกคน!
…
ภายในดินแดนเร้นลับที่เต็มไปด้วยพายุหิมะไร้ขอบเขตของยอดเขาจรัสตะวันออก เหลิ่งชิวยืนอย่างภาคภูมิท่ามกลางหิมะ ในขณะที่เสื้อผ้าของเขาพลิ้วไหวไปตามสายลม ลมหายใจของเขาเย็น เมื่อรวมกับกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกและไม่แยแส มันก็ทำให้เขาดูเหมือนจักรพรรดิแห่งน้ำแข็งผู้ปกครองเหนือโลก
ฟุ่บ! ฟิ้ว! ฟึ่บ!
พายุหิมะพัดผ่านฟ้าดินอย่างต่อเนื่องไม่หยุด มันพัดพามาจากทุกทิศทุกทางจนก่อตัวเป็นกำแพงหิมะทรงกลมที่ห่อหุ้มเหลิ่งชิวเอาไว้ภายใน ทำให้ผมยาวสลวยที่ปลิวไสวของเขา ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ในขณะที่เจ้าตัวได้ปล่อยกลิ่นอายคุกคามออกมา
ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด เหลิ่งชิวก็ลืมตาขึ้น จากนั้นสายฟ้าเย็นเยียบสองสายก็พุ่งออกมาอย่างดุดันและฉีกม่านแสงที่ปกคลุมด้วยหิมะออกจากกัน
“จักรพรรดิวิญญาณวายุ!” จู่ ๆ พายุไร้รูปร่างก็เริ่มกวาดออกไป จากนั้นเหลิ่งชิวก็ชกหมัดออกไป ทำให้เกิดเสียงลมขึ้นในอากาศ พลังหมัดได้กลายร่างเป็นจักรพรรดิผู้สวมมงกุฎที่มีพายุหมุนวนอยู่รอบตัว มันเหยียบย่ำโลกเอาไว้และฉีกมิติออกจากกัน อีกทั้งยังแผ่คลื่นความหนาวเย็นที่เสียดแทงและเจตจำนงที่เกรี้ยวกราดไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
ครืนนน!
หิมะที่แผ่ขยายออกไปได้กลายเป็นพลังงานหิมะที่บริสุทธิ์ซึ่งกระจายตัวออกไปรอบ ๆ
ทุกที่ที่จักรพรรดิคนนั้นผ่านไป ภูเขาจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ในขณะที่แม่น้ำจะถูกระเบิดจนหายไป
“สมแล้วกับที่เป็นศาสตร์เต๋าขั้นสูง!!”
“เคล็ดจักรพรรดิวิญญาณวายุที่ได้มาจากชั้นที่แปดของแท่นดอกบัวนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ เมื่อรวมกับมหาเต๋าวายุขั้นสมบูรณ์และการบ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาของข้า ก็เพียงพอที่จะทำให้พลังต่อสู้ของข้าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!” ใบหน้าที่มักจะมีสีหน้าเฉยเมยของเหลิ่งชิว อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความสุขที่พบเห็นได้ยากและหายไปในพริบตา
เมื่อบ่มเพาะไปจนถึงระดับเดียวกับเขา เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า ศาสตร์เต๋าในโลกนี้ถูกแบ่งออกเป็นสี่ระดับตามพลัง อันได้แก่ ระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับสูง และระดับสูงสุด
ศาสตร์เต๋าระดับต่ำมีพลังที่อ่อนแอและธรรมดาที่สุด ถึงแม้มันจะธรรมดาเมื่อเทียบกับศาสตร์เต๋าชนิดอื่น แต่ไม่ว่าศาสตร์เต๋าจะมีระดับที่ต่ำเพียงใด ทว่ามันก็คือศาสตร์เต๋าอยู่วันยังค่ำ และไม่ใช่สิ่งที่นิกายทั่วไปจะสามารถครอบครองได้อย่างแน่นอน
พลังของศาสตร์เต๋าระดับสูงสุดนั้นแข็งแกร่งที่สุดและหายากที่สุด แม้ว่าจะเป็นสิบนิกายเซียนที่ยิ่งใหญ่ แต่ศาสตร์เต๋าระดับสูงสุดก็เป็นดั่งเขากิเลนและขนปักษาเพลิง ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นมรดกของนิกาย
“การทดสอบแห่งยอดเขาจรัสในครั้งนี้ ตำแหน่งของศิษย์ชั้นยอดย่อมเป็นของข้าอย่างแน่นอน!” เหลิ่งชิวยืนเอามือไพล่หลัง ความมั่นใจและความเย่อหยิ่งพวยพุ่งออกมาจากท่าทางนั้นของเขา
ฟิ้ว!
ในขณะนี้ แผ่นหยกกระแสจิตก็พุ่งเข้ามาและเนื้อหาของมันก็คล้ายคลึงกับแผ่นหยกกระแสจิตของตู้เซวียน
…
ในเวลาเดียวกัน ผางโจวซึ่งอยู่ในการปิดด่านบ่มเพาะภายในที่พำนักอื่นก็ได้รับแผ่นหยกกระแสจิตเช่นกัน และเขาก็ออกจากการปิดด่านบ่มเพาะไป
ในช่วงสามเดือนแห่งการปิดด่านบ่มเพาะ ทำให้กลิ่นอายของเขาดูแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และทุกอิริยาบถของเขาก็กลมกลืนกับฟ้าดิน ทำให้อีกฝ่ายมีกลิ่นอายพิเศษที่เป็นของผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายา!
…
ณ ศาลาคลังดารา
เยว่ฉือนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ ขณะมองไปยังเหลิ่งชิว ผางโจว และตู้เซวียนที่กำลังยืนอย่างเคารพอยู่ในระยะไกล แล้วอดไม่ได้ที่จะแสดงความพึงพอใจออกมา
นี่คือศิษย์สามคนที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด ด้วยความสามารถที่โดดเด่นและพรสวรรค์ที่ฟ้าประทานมาให้ พวกเขาจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในห้าศิษย์ชั้นสูงที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว ดังนั้นในฐานะอาจารย์ของคนทั้งสาม ตัวเขาย่อมรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากเช่นกัน
โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาได้พัฒนาขึ้นในช่วงเวลาสามเดือนนี้ อีกทั้งยังบรรลุสู่ขอบเขตสถิตกายาและกลายเป็นผู้บ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง เขาจึงรู้สึกภูมิใจและพึงพอใจต่อความสำเร็จของคนทั้งสาม และกระทั่งเต็มไปด้วยความคาดหวังที่มากขึ้นต่อการทดสอบแห่งยอดเขาจรัสที่กำลังจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้
“ศิษย์ชั้นสูงของยอดเขาจรัสตะวันออกของข้า รวมทั้งศิษย์ชั้นสูงของยอดเขาจรัสใต้ ยอดเขาจรัสเหนือ และยอดเขาจรัสตะวันตกจะร่วมการทดสอบในวันพรุ่งนี้ ในเวลานั้น เหล่าผู้อาวุโสของนิกาย รวมทั้งศิษย์สายในและศิษย์สายนอกจะมาชมการแสดงฝีมือของพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าทุกคนต้องเปิดเผยด้านที่แข็งแกร่งที่สุดและแสดงพลังของยอดเขาจรัสตะวันออกท่ามกลางสายตาของทุกคน!” เยว่ฉือกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำและเต็มไปด้วยความสุขอย่างสุดจะพรรณา
“ยิ่งไปกว่านั้น การทดสอบแห่งยอดเขาจรัสครั้งนี้ ข้ากับผู้อาวุโสเลี่ยเผิงของยอดเขาสัประยุทธ์จะเป็นผู้ดูแล ดังนั้นพวกเจ้าไม่ต้องกังวลและจงสู้ด้วยพลังที่มีทั้งหมดซะ!”
“ข้าเชื่อว่าด้วยความแข็งแกร่งของพวกเจ้าในตอนนี้ ย่อมแสดงความสามารถพิเศษในระหว่างการทดสอบแห่งยอดเขาจรัสได้อย่างแน่นอน และย่อมได้รับเลือกให้เป็นศิษย์ชั้นยอด!”
“ท่านอาจารย์โปรดอย่าได้กังวล ศิษย์จะทำทุกอย่างเพื่อนำเกียรติยศมาสู่ยอดเขาจรัสตะวันออกของเราอย่างแน่นอน!” เหลิ่งชิว ผางโจว และตู้เซวียนตอบรับอย่างขึงขัง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! วิเศษมาก!” เยว่ฉือหัวเราะออกมาดัง ๆ ด้วยน้ำเสียงดุดัน และกล่าวด้วยสายตาที่เร่าร้อนว่า “ข้าไม่กลัวที่จะบอกพวกเจ้าทุกคนว่า ผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นศิษย์ชั้นยอดในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สามารถเข้าสู่ยอดเขาจรัสเทวะเพื่อบ่มเพาะเท่านั้น แต่ศิษย์ทุกคนจะได้รับมรดกศาสตร์เต๋าระดับสูงสุด!”
“มรดกศาสตร์เต๋าระดับสูงสุด!”
แม้ว่าจะเป็นคนที่สุขุมและไม่แยแสเหมือนเหลิ่งชิว แต่เมื่อได้ยินสิ่งนี้ การหายใจของเขาก็เร็วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“ท่านอาจารย์ มรดกศาสตร์เต๋าระดับสูงสุดเหล่านั้น คงไม่ใช่ศาสตร์เต๋าทั้งสี่สิบเก้าที่เฉินซีมอบให้ในวันนั้นใช่หรือไม่” ในขณะนี้ ตู้เซวียนก็กล่าวออกมาทันที
เมื่อเอ่ยถึงชื่อของเฉินซี บรรยากาศในศาลาคลังดาราก็เงียบกริบลงอย่างน่าประหลาด
ดวงตาของเยว่ฉือเผยความเกลียดชังและความชิงชังออกมา เขานิ่งเงียบไปชั่วขณะ แต่ไม่รู้ว่าจะตอบอีกฝ่ายอย่างไรดี เนื่องจากข้อเท็จจริงก็เป็นไปตามที่เขากล่าว ศาสตร์เต๋าระดับสูงสุดเหล่านั้นมาจากเฉินซี!
“ศิษย์น้องตู้เสวียน เจ้ากล่าวเช่นนั้นผิดแล้ว มรดกศาสตร์เต๋าเหล่านั้นที่เฉินซีได้รับ เดิมทีเป็นของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองของข้าเสมอ และมันผ่านมือของเฉินซีเพื่อส่งมอบให้แก่ท่านประมุขเท่านั้น” ผางโจวส่ายศีรษะและกล่าวจากด้านข้าง
คำพูดนี้ทำให้อารมณ์ของเยว่ฉือเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นทันที และมองไปที่ผางโจวด้วยสายตาชื่นชม
“ถ้าเช่นนั้นก็คงไม่มีสิ่งใดจะดีไปกว่านี้แล้ว ข้าจะเอาชนะเฉินซีในระหว่างการทดสอบแห่งยอดเขาจรัสในวันพรุ่งนี้ และจะทำให้มันคุกเข่าลงบนพื้นต่อหน้าทุกคนเพื่อล้างความอัปยศของข้า!” ตู้เซวียนกัดฟันขณะที่กล่าว และสายตาของเขาก็เย็นเยียบเหมือนใบมีด
“เอาชนะเฉินซีหรือ?” เยว่ฉือตกตะลึง และเขาดูจะนึกถึงบางสิ่งที่น่าสนใจ ทำให้ไม่สามารถหยุดหัวเราะได้ “เขาคงไม่สามารถเข้าร่วมการทดสอบแห่งยอดเขาจรัสได้ เซวียนเอ๋อร์ อนาคตย่อมมีโอกาสอยู่เสมอ หากเจ้าต้องการแก้แค้น ดังนั้นก็อย่าได้ใจร้อน”
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้หรือขอรับ…?” ชายหนุ่มไม่พอใจเล็กน้อยและกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“เพราะเจ้าไม่ใช่คนเดียวในโลกนี้ที่ต้องการจัดการเฉินซี” เยว่ฉือยิ้มขณะที่กล่าว จากนั้นก็โบกมือ “ลืมไปเถอะ อย่าได้กล่าวถึงเรื่องนี้อีกเลย พวกเจ้าทุกคนจะเข้าใจเมื่อถึงเวลา”
เหลิ่งชิว ผางโจว และตู้เซวียนต่างเหลือบมองกันและกัน ซึ่งพวกเขาก็คาดเดาในใจได้อย่างคลุมเครือว่า อาจารย์ของพวกเขาอาจเคลื่อนไหวและเริ่มดำเนินการล้างแค้นเฉินซีแล้ว…
เมื่อไตร่ตรองดูแล้วมันก็ยิ่งชัดเจน เพราะเมื่อสามเดือนก่อน เฉินซีกล่าวหาอาจารย์ของพวกเขาว่าเป็นคนที่แข็งข้อและละเมิดกฎของนิกาย
หากเป็นพวกเขา ก็คงไม่อาจกล้ำกลืนฝืนทนได้เช่นกัน
“แน่นอน เผื่อว่าเจ้าเด็กคนนั้นจะปรากฏตัวในการทดสอบแห่งยอดเขาจรัสในวันพรุ่งนี้ พวกเจ้าทั้งสามคงตระหนักได้ว่าพวกเจ้าควรทำอย่างไรนะ?” เยว่ฉือเหลือบมองพวกเขาและถามอย่างเฉยเมย
“ศิษย์เข้าใจขอรับ!”เหลิ่งชิวกับคนอื่น ๆ ตอบโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“ท่านอาจารย์ หากข้าเผลอฆ่าเขาเล่า?” ตู้เซวียนอดไม่ได้ที่จะถาม
เยว่ฉือหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะกล่าวอย่างไม่เร่งรีบ “อันตรายมีอยู่ในทุกการต่อสู้ เนื่องจากเป็นการทดสอบแห่งยอดเขาจรัส อุบัติเหตุบางอย่างจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จริงหรือไม่?”
“แต่ถ้าท่านประมุขกับผู้อาวุโสคนอื่นรู้ล่ะขอรับ?” เหลิ่งชิวลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมา
“ไม่ต้องกังวล หรือว่าพวกเจ้าทั้งหมดลืมไปแล้วว่า การทดสอบแห่งยอดเขาจรัสในวันพรุ่งนี้มีข้าเป็นประธาน?” เยว่ฉือชำเลืองมองศิษย์ทั้งสามของเขาด้วยสายตาที่มีความหมายลึกซึ้ง และกล่าวเพียงว่า ‘จงฆ่าให้สาแก่ใจ แม้ว่าพวกเจ้าจะฆ่าใครสักคน แต่ข้าก็จะจัดการเอง’
เหลิ่งชิวและคนอื่น ๆ รู้สึกโล่งอกในทันทีเมื่อรับรู้เช่นนั้น
…
ณ ยอดเขาจรัสตะวันตก
หั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ รวมตัวกันอยู่ตรงหน้าบ้านไม้ที่ปลูกอยู่หน้าสระชำระกระบี่ด้วยสีหน้ากังวล ขณะกวาดสายตามองรอบ ๆ ราวกับว่ากำลังรอใครบางคนอยู่เสมอ
โดยไม่รู้ตัว เวลาก็ล่วงเลยจนดึกมากแล้ว
ชิงอวี่อดไม่ได้ที่จะกล่าว “การทดสอบแห่งยอดเขาจรัสจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ แต่ศิษย์น้องเล็กยังไม่กลับมา เขาคงไม่ประสบกับเหตุร้ายใช่หรือไม่?”
“เจ้าปากอีกานี่!” หั่วโม่เลยตำหนิ “ด้วยการบ่มเพาะของศิษย์น้องเล็ก กอปรกับภารกิจทดสอบที่เขาได้รับ แล้วเหตุร้ายใดจะเกิดขึ้นได้?”
“บางทีเขาอาจจะล่าช้าเล็กน้อยในระหว่างทาง เพราะถึงอย่างไร ศิษย์น้องเล็กก็ได้ทำภารกิจทดสอบทั้งหมดในคราวเดียว และการทำทั้งหมดนั้นให้สำเร็จภายในระยะเวลาอันสั้นก็เป็นเรื่องยากสำหรับเขาอยู่ดี”
“ใช่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเราไร้ประโยชน์ ศิษย์น้องเล็กก็คงไม่ต้องวิ่งวุ่นไปมากับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ก่อนการทดสอบแห่งยอดเขาจรัสและถ่วงเวลาการบ่มเพาะของเขา”
“เฮ้อ เป็นเพราะเราเองที่ทำผิดต่อศิษย์น้องเล็ก”
คนอื่น ๆ ก็กล่าวออกมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน และน้ำเสียงของพวกเขาก็เผยให้เห็นถึงความรู้สึกผิด เพราะอย่างไร ภารกิจทดสอบทั้งหมดนั้นก็เป็นของพวกเขา แต่ตอนนี้เฉินซีกลับทำเพียงคนเดียว และสิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก
“อย่าได้กังวลไป เฉินซีจะต้องกลับมาแน่นอน!” ในขณะนี้ หลิงไป๋ที่ขี่หลังของไป๋คุยซึ่งบินไปมาอย่างไม่มั่นคงและกล่าวด้วยท่าทางผ่อนคลาย น้ำเสียงของเขาเผยให้เห็นความรู้สึกที่แน่วแน่และไม่อาจโต้แย้งได้
แต่แม้ว่าจะกล่าวเช่นนี้ จนกระทั่งรุ่งสางในวันรุ่งขึ้น พวกเขาก็ไม่เห็นวี่แววของเฉินซี ซึ่งในเวลานี้ บรรยากาศทั่วนิกายกระบี่เก้าเรืองรองก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี
เพราะวันนี้การทดสอบแห่งยอดเขาจรัสได้เปิดฉากขึ้นแล้ว!