บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 625 ถูกฟาดจนลอยละลิ่ว

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 625 ถูกฟาดจนลอยละลิ่ว

บทที่ 625 ถูกฟาดจนลอยละลิ่ว

ปีกคู่หนึ่งที่อาบไปด้วยประกายสีเทามัว ขอบปีกคมกริบ และส่วนโค้งของมันก็เหมือนกับเครื่องหมายของสวรรค์หรือตราของมหาเต๋า มันเหมือนกับผลงานชิ้นเอกของสวรรค์ซึ่งไร้ที่ติที่สุด อีกทั้งยังเผยให้เห็นถึงความรู้สึกลี้ลับที่ไม่มีใครเทียบได้

อักขระยันต์ที่หนาแน่น ลึกซึ้ง และมิอาจหยั่งถึงต่างวูบวาบออกมา และดูเหมือนว่ามันจะบรรยายถึงความลึกซึ้งของโลกา

ฟิ้ว!

ก่อนที่ทุกคนจะล่วงรู้ความลึกล้ำที่แท้จริงของปีกคู่นั้น พวกเขาต่างรู้สึกว่ามีบางอย่างวูบไหวขึ้นมาต่อหน้าต่อตา ในชั่วพริบตาต่อมา ปีกสีเทาก็กระพืออย่างรุนแรงทันทีที่กางออก และมันก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายยิ่งใหญ่ที่เชื่อมโยงกับพื้นที่อันไร้ขอบเขตปกคลุมไปทั่วทั้งฟ้าดิน

เพียงชั่วพริบตา ร่างกายของเฉินซีก็หายไปต่อหน้าต่อตาของทุกคน!

“นี่มัน…”

บนท้องฟ้าอันไกลโพ้น หัวใจของหวังจ้งฮ่วนพลันกระตุกวูบ ในขณะที่เขาค้นพบว่าตนเองไม่สามารถระบุร่องรอยของเฉินซีได้ ราวกับเจ้าเด็กนี้หายวับไปในอากาศ!

เหตุการณ์ที่เกิดอย่างฉับพลันนี้ทำให้เขาไม่มีเวลาได้คิดถึงเรื่องอื่น จึงพลันตะโกนออกมาตามสัญชาตญาณ ก่อนจะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นจึงง้างคันธนูเบญจธาตุ และทำให้สายธนูสั่นไหวซ้ำ ๆ

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

ลูกธนูแสงแพรวพราวจำนวนมากพุ่งผ่านท้องฟ้าราวกับสายรุ้งที่ทอดยาว พวกมันพุ่งออกไปราวกับพายุที่ปกคลุมฟ้าดินและห่อหุ้มโลกเอาไว้

มันไม่ใช่แค่การโจมตีที่รุนแรงและดุร้ายเท่านั้น แต่ยังเป็นการป้องกันที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน เนื่องจากมันสามารถป้องกันจุดบอดรอบตัวเขาได้อย่างแน่นหนาและไม่มีช่องโหว่

“เฉินซี เจ้ามีดีแค่นี้หรือ? ถ้าเช่นนั้นก็ไปตายซะ!” ผมสีทองดกหนาของหวังจ้งฮ่วนพลิ้วไหวในอากาศ ในขณะที่เขาตะโกนออกมา และทั่วทั้งร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายคุกคามและดุร้าย

ฟิ้ว!

ทันใดนั้น ประกายกระบี่ดุร้ายอย่างไร้ที่เปรียบพลันปรากฏขึ้นขึ้นที่ข้างหูของหวังจ้งฮ่วนอย่างไม่ตั้งตัว

ประกายกระบี่สายนี้ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันเสมือนการเคลื่อนย้ายมิติ ทำให้หวังจ้งฮ่วนไม่อาจตอบสนองต่อมันได้อย่างเต็มที่ ก่อนจะเฉือนหนังศีรษะของเขาออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ โดยตรง ทำให้ผมสีทองร่วงหล่นสู่พื้น ในขณะที่เลือดก็สาดกระเซ็นราวกับน้ำพุ ซึ่งยิ่งขับเน้นใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาให้ดูดุร้ายและโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิม

“บัดซบ เจ้าทำให้ข้าหลั่งเลือด!” หวังจ้งฮ่วนลูบศีรษะของเขา ในขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาก็บิดเบี้ยวไม่น่าดู คล้ายว่าเขาจะไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็บเข้าจริง ๆ!

ในขณะเดียวกัน เขาก็สังเกตเห็นร่องรอยของเฉินซีแล้ว และอีกฝ่ายก็ยืนห่างออกไปบนท้องฟ้า ร่างของชายหนุ่มเป็นเหมือนกระสวยที่ถูกปกคลุมด้วยปีกสีเทาคู่หนึ่ง ซึ่งดูพร่ามัวและคลุมเครือจนแทบจะหลอมรวมกับมิติ และหากจิตสัมผัสเทพของหวังจ้งฮ่วนไม่แข็งแกร่งพอ …เขาก็คงจะไม่สามารถตรวจจับอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน

ตู้ม!

หวังจ้งฮ่วนเคลื่อนไหวไปตามรูปแบบที่ลึกล้ำ ซึ่งดูเหมือนกับวิถีโคจรของดวงดาว และทะยานออกไปราวกับเสียงฟ้าร้อง ซึ่งอาบไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่พร่างพราว จากนั้นเจ้าตัวก็ง้างคันธนูจนสุดแรง ก่อนจะควบแน่นลูกธนูแสงที่งดงามดั่งผลึกแก้วและน่าใจหายออกมา

เขาโกรธเกรี้ยวอย่างแท้จริง เพราะตั้งแต่เริ่มบ่มเพาะมาจนถึงบัดนี้ เขาได้พึ่งพาวาสนาอันยิ่งใหญ่ โชคลาภมหาศาล และพรสวรรค์ที่สูงส่ง จนแทบไม่เคยพบกับคนที่สามารถเทียบเคียงกับตนเองได้เลย และเขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะต้องขายหน้าเช่นนี้ด้วยน้ำมือของศิษย์ใหม่อย่างเฉินซี!

นี่เป็นความอัปยศอดสูอย่างมาก สำหรับหวังจ้งฮ่วนที่หยิ่งผยองและยโสโอหัง!

ถึงอย่างไร ชายหนุ่มที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์อย่างเขานั้นเป็นคนที่ใส่ใจเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของตัวเองมากที่สุด แม้แต่เศษหนังศีรษะของเขาที่ถูกเฉือนออก ก็เป็นเรื่องน่าละอายเกินกว่าจะเผยแพร่ออกไปได้!

“ไปตายซะ!” หวังจ้งฮ่วนตะโกนออกมาอย่างดุเดือด ในขณะที่แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีก็ปรากฏขึ้นที่ข้างหลัง ราวกับธาตุทั้งห้ากำลังหมุนเวียนอยู่ภายในนั้น ทำให้เขามีกลิ่นอายที่ดุดันมากขึ้น

ผึง!

ในเวลาเดียวกัน เจ้าตัวก็ปล่อยสายธนูที่ง้างสุดสายและสะสมพลังมานาน จากนั้นลูกธนูแสงที่งดงามราวกับผลึกแก้ว พลันพุ่งออกไปดั่งสายรุ้งที่ทะลุผ่านเก้าชั้นฟ้า ทำให้มิติแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ตามมาด้วยคลื่นเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหว!

กลิ่นอายที่ดุดันของลูกธนูนี้ทำให้ทุกคนบนยอดเขาจรัสเทวะตกใจจนหยุดสนทนา พวกเขาทั้งหมดต่างรับรู้ได้ว่า หวังจ้งฮ่วนโกรธมากในครั้งนี้ ดังนั้นคนที่มีการบ่มเพาะเพียงขอบเขตสถิตกายาจะสามารถต้านทานลูกธนูที่สะท้านไปทั้งจักรวาลและทำให้เทพเจ้าตกตะลึงได้อย่างไร?

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับลูกธนูนี้ เฉินซีกลับไม่หลบอีกต่อไป

แม้ว่าการโจมตีของเขาก่อนหน้านี้จะเฉือนหนังศีรษะของหวังจ้งฮ่วนได้เพียงชิ้นเดียว แต่มันก็ทำให้ชายหนุ่มเข้าใจความเร็วของปีกกำราบผกผันได้ลึกซึ้งขึ้น

ความเร็วของเคล็ดวิชาสุดยอดแห่งเผ่าวิหคเพลิงนภานั้นไม่ได้ด้อยกว่าปีกนภาดารกะเลย และมันก็มีความสามารถเทียบเท่ากับการเคลื่อนย้ายมิติอย่างแท้จริง

ส่วนที่วิเศษที่สุดก็คือ ปีกกำราบผกผันนั้นเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบราวกับเงาตามตัว และมันเป็นสุดยอดศัสตราสำหรับการลอบสังหารและการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวที่ประสบความสำเร็จตลอดกาล!

เวลานี้เขาได้ลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ ในขณะที่ปีกกำราบผกผันที่อยู่ข้างหลังก็ดูเหมือนจะปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความโกลาหลออกมา แผ่ปราณสีเทาขุ่นมัว ซึ่งปกคลุมร่างกายของเขาไว้อย่างสมบูรณ์!

“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? เขาจะไม่หลบจริง ๆ หรือ?”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่า เขารู้ตัวว่าไม่สามารถหลบเลี่ยงมันได้ ดังนั้นจึงตั้งใจที่จะยอมจำนนและยอมรับความพ่ายแพ้?”

“เป็นไปได้! ลูกธนูนี้น่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน และเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของหวังจ้งฮ่วน อีกทั้งยังแฝงด้วยเจตนาฆ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งไม่ว่าใครก็คงเป็นต้องรู้สึกหมดสิ้นหนทางและทำได้เพียงแต่รอความตายเท่านั้น”

“เฮ้อ ศิษย์ใหม่อีกคนกำลังจะถูกสยบ เดิมทีข้าคิดว่าสหายคนนี้จะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้…”

จิตใจของทุกคนปั่นป่วนด้วยความคิด และต่างแสดงท่าทางที่ไม่อาจทนดูต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ถึงขนาดที่บางคนหลับตาลงเพราะทนไม่ได้ที่จะเห็นเฉินซีถูกทุบตีเหมือนกระสอบทรายที่มีชีวิต

ความคิดทั้งหมดเหล่านี้ผ่านไปเพียงชั่วพริบตา และก่อนที่ทุกคนจะยับยั้งความคิดได้ ลูกธนูแสงที่งดงามอย่างน่าตกตะลึงก็พุ่งออกไปอย่างดุเดือดและมาถึงตรงหน้าเฉินซีแล้ว!

ตู้ม!!!

ลูกธนูแสงปะทะเข้ากับปีกที่ชายหนุ่มหุบตัวอยู่ข้างหน้า จนเกิดเสียงดังสนั่นราวกับตั้งใจจะทำลายสิ่งกีดขวางให้พ้นทาง จากนั้นมันก็ระเบิดแสงเจิดจ้าไปทั่วทุกหนทุกแห่ง จนดูเหมือนกับฟ้าดินกำลังพังทลาย

“ผู้ใดแพ้ ผู้ใดชนะกันแน่?!”

“เฉินซีจะไม่ถูกระเบิดจนตายโดยตรงใช่หรือไม่?”

“ดูเหมือนจะไม่ ด้วยหากมันอันตรายถึงชีวิต ผู้อาวุโสที่ซ่อนตัวจากโลกอย่างสันโดษก็คงจะหยุดพวกมันไปนานแล้ว แลัไม่ว่าพวกเราศิษย์ชั้นยอดจะต่อสู้กันอย่างไรก็ตาม เมื่อมันเกี่ยวข้องกับชีวิตและความตาย ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นจะไม่นิ่งดูดายอย่างแน่นอน”

“แม้ว่าเฉินซีจะไม่ตาย แต่ข้าเกรงว่าเขาจะบาดเจ็บสาหัส และหลังจากการต่อสู้ในครั้งนี้ มันจะกลายเป็นเงาที่กัดกินหัวใจของเขา ซึ่งจะไม่มีวันขจัดออกไปได้ อีกทั้งยังส่งผลร้ายแรง ทำให้เขามิอาจก้าวหน้าไปตลอดชีวิต!”

ความคิดนับไม่ถ้วนต่างผสมปนเปกันในทันที

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงพร่างพราย และไม่มีใครเห็นว่าเกิดอันใดขึ้น แต่ตอนนี้ทุกคนต่างเข้าใจแล้วว่า บางทีการต่อสู้ระหว่างเฉินซีกับหวังจ้งฮ่วนอาจถูกตัดสินด้วยการโจมตีครั้งนี้

“เอ๊ะ! นั่นคือ…” หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ควันที่ปกคลุมท้องฟ้าก็กระจายออกไปและฝุ่นก็ร่วงลงสู่พื้น อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเห็นเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน มันก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงและรู้สึกไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ร่างที่สูงเหมือนกระบี่ของเฉินซียังคงยืนไม่ไหวติง ในขณะที่ปีกสีเทาที่หุบตัวอยู่ข้างหน้าเขาก็เป็นดั่งปราการที่ไม่อาจสั่นคลอนได้ และมันสามารถยับยั้งลูกธนูแสงที่ราวกับผลึกแก้วดอกนั้นได้!

ท่าทางของเขาแปลกมาก มันดูเหมือนกับหินบนหน้าผา ไม่ว่าฝนจะตกหรือพายุจะโหมกระหน่ำ มันก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย

“เขายับยั้งมันได้!”

“ลูกธนูแห่งการทำลายล้างของหวังจ้งฮ่วนถูกยับยั้งเอาไว้จริง ๆ…”

“เฉินซีคนนี้ไม่เพียงจะไม่ขยับเลยสักนิด แต่เขายังไร้รอยขีดข่วนด้วยซ้ำ!”

ทุกคนต่างอ้าปากค้าง เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้พวกเขารู้สึกทึ่ง และภาพตรงหน้านี้ก็จะตราตรึงอยู่ในใจพวกเขาไปอีกนานแสนนาน

“เขาหยุดมันได้หรือ?” ภายในพำนักที่ห่างออกไปไกลโพ้น อวิ๋นเยี่ยผู้ครอบครองเนตรทองคำขาวของจักรพรรดิพิสุทธ์ก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทำให้ใบหน้าของเขากระตุกและเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

หากเขาเป็นคนที่ต้องต้านทานลูกธนูนี้ เขายังต้องใช้พลังเป็นอย่างมาก ในขณะที่เฉินซียืนนิ่งและยับยั้งมันโดยไม่ขยับเลยสักนิดเดียว อีกทั้งยังไม่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย แล้วเขาจะไม่ตกตะลึงได้อย่างไร?

“ไม่น่าแปลกใจที่เหลิ่งชิวกับคนอื่น ๆ จะพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของเขา ความแข็งแกร่งเท่านี้มีคุณสมบัติที่จะยืนหยัดอยู่บนยอดเขาจรัสเทวะได้อย่างแท้จริง… น่าเสียดาย เขาเป็นศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันตก ดังนั้นเขาจึงเป็นศัตรู…” อวิ๋นเยี่ยพึมพำในใจ จากนั้นสีหน้าของเขาก็สงบลง

“เป็นไปได้อย่างไรกัน!?” หวังจ้งฮ่วนซึ่งอยู่ห่างออกไปไกลก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน และสีหน้าของเจ้าตัวก็ดูราวกับเห็นภูตผี เนื่องจากเขาไม่ได้ยั้งมือในการโจมตีครั้งนี้เลยและได้กระตุ้นเจตนาฆ่าที่แท้จริง ทว่าลูกธนูที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของเขากลับไร้ผล!

ปัง!

ในขณะนี้ ลูกธนูแสงที่ถูกยับยั้งได้อ่อนกำลังลงและแตกเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสายฝนปกคลุมท้องฟ้าและหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ในเวลาเดียวกัน เฉินซีก็กระพือปีกของเขาและพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด ในขณะที่เต๋ารู้แจ้งสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งร่างกายของเขา ชายหนุ่มก็ต้องการที่จะต่อสู้กับหวังจ้งฮ่วนในระยะประชิดและบดขยี้อีกฝ่าย โดยไม่ให้โอกาสเขาได้ยิงธนูอีกครั้ง!

“คิดจะสู้กับข้าในระยะประชิดหรือ? ฝันไปเถอะ!!” ประกายแสงเย็นเยียบได้วูบผ่านดวงตาของหวังจ้งฮ่วน แม้จะรู้ว่าตนเองกำลังประสบกับปัญหา แต่เขาก็ไม่ได้กังวล นิ้วขยับไหวไปมา และดึงสายธนูอย่างต่อเนื่อง

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

ลูกธนูแสงนับไม่ถ้วนพุ่งทะลุท้องฟ้าราวกับพายุฝนที่โปรยปราย และพลังของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าลูกธนูก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าการบ่มเพาะในเต๋าแห่งคันศรของหวังจ้งฮ่วนได้บรรลุถึงระดับที่สูงมากแล้ว!

หากเป็นคนอื่นที่กำลังเผชิญกับภาวะเช่นนี้ คนผู้นั้นคงจะละทิ้งธนูไปนานแล้ว

ปัง! ปัง! ปัง!

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สร้างความตกตะลึงให้แก่ทุกคนรวมถึงหวังจ้งฮ่วนก็คือ เมื่อเผชิญกับห่าฝนลูกธนูที่ปกคลุมฟ้าดิน เฉินซีกลับไม่หลบเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ลูกธนูทุกดอกซึ่งพุ่งเข้าใส่ร่างของเขาจู่ ๆ ก็ถูกบดขยี้อย่างรุนแรง ทำให้มันไม่สามารถทำร้ายเขาได้เลยแม้แต่น้อย

“ปีกกำราบผกผัน! ข้ารู้แล้ว! นั่นเป็นเคล็ดวิชาขั้นสุดยอดของเผ่าวิหคเพลิงนภา ซึ่งสามารถสยบธาตุทั้งห้าโดยกำเนิด และสามารถกำจัดแก่นแท้ของสมบัติวิเศษใด ๆ ที่มีธาตุทั้งห้าได้!” มีคนอุทานด้วยความตกใจ

ทุกคนในเวลานี้พลันเข้าใจทุกอย่างในทันที และสายตาที่จ้องมองเฉินซีก็พลันเปลี่ยนไปอีกครั้ง มันแสดงถึงความตกใจ ความตระหนัก และความเหลือเชื่อ

ปีกกำราบผกผันเป็นพลังอิทธิฤทธิ์ที่ทรงพลัง ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในสามสิบอันดับแรกของเทียบพลังอิทธิฤทธิ์ทองคำของทั้งสามภพ และครั้งหนึ่งมันเคยทำให้ยุคบรรพกาลต้องตื่นตระหนกด้วยอานุภาพของมัน มันเป็นพลังอิทธิฤทธิ์โดยกำเนิดของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์วิหคเพลิงนภา แต่เนื่องจากการหายไปของภูเขากำราบธาตุ พลังอิทธิฤทธิ์นี้จึงหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์นานแล้ว และไม่เคยปรากฏในโลกนี้อย่างเนิ่นนาน

ด้วยเหตุนี้ จะมีใครจินตนการได้ว่า พลังอิทธิฤทธิ์ที่มีอำนาจสะท้านฟ้าสะเทือนดินจะอยู่ในความครอบครองของเฉินซีในตอนนี้?

ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็เข้าใจว่า ทำไมการโจมตีด้วยลูกธนูแสงของหวังจ้งฮ่วนจึงถูกอีกฝ่ายยับยั้งเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย และเหตุผลก็คือ ปีกกำราบผกผัน!

ถึงอย่างไร แสงศักดิ์สิทธิ์กำราบธาตุก็สามารถกำจัดแก่นแท้ของธาตุทั้งห้าในโลกได้ แม้ว่าธนูเบญจธาตุของหวังจ้งฮ่วนจะเป็นสมบัติกึ่งอมตะ แต่ชายหนุ่มก็สามารถสยบได้อย่างสิ้นเชิง

“ปีกกำราบผกผัน?” ใบหน้าของหวังจ้งฮ่วนกลายเป็นสะพรึงกลัว เพราะเขาก็เข้าใจพร้อมกับทุกคนในทันที ซึ่งตัวเขาก็จำต้องทิ้งธนูและเปลี่ยนวิธีการต่อสู้ ก่อนที่จะต่อสู้กับเฉินซีต่อไป

ในขณะนี้ จิตใจที่สงบเหมือนน้ำในทะเลสาบของเขา อดไม่ได้ที่จะเผยความตื่นตระหนกออกมา เนื่องจากเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้

ฟิ้ว!

ทว่าก่อนที่จะทันลงมือ เฉินซีพลันคว้าโอกาสนี้ไว้ เพียงชั่วพริบตา เขาได้ปรากฏตัวต่อหน้าเขาแล้ว และฝ่ามือของชายหนุ่มก็ควบแน่นเป็นรูปผนึกก่อนจะกระแทกเข้ากับหน้าอกของหวังจ้งฮ่วน!!

ผัวะ!

หน้าอกของหวังจ้งฮ่วนยุบลง ในขณะที่ร่างกายของเขาถูกฟาดจนลอยละลิ่ว ตัวคนกระอักเลือดออกมาคำใหญ่อย่างไม่รู้จบ และสีหน้าของเจ้าตัวก็ซีดเผือดจนโปร่งแสงในทันที

เห็นได้ชัดว่าการโจมตีครั้งนี้ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท