บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 651 เจอสิ่งยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 651 เจอสิ่งยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า

บทที่ 651 เจอสิ่งยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ที่บนฟากฟ้า สัตว์อสูรบินได้ตนนั้นพลันหยุดเคลื่อนไหว ทุกคนหุบปากเงียบพร้อมกันและตกตะลึงยิ่ง

ชายหนุ่มที่ถากถางเฉินซีเมื่อครู่นี้กำลังนอนคว่ำอยู่บนพื้น ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ทั่วร่างกระตุกไม่หยุด โดยมีชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า

เมื่อเห็นดังนี้แล้ว มีหรือที่พวกเขาจะไม่รู้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือคนผู้นั้น?

“บอกมาว่าที่นี่ที่ไหนแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” เฉินซีหลุบตามองไปยังชายหนุ่มผู้นอนอยู่กับพื้น พลางถามด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

“เจ้า…” ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปากด่า แต่เมื่อสบตากับอีกฝ่ายเข้าก็อดสะท้านไม่ได้

ตาคู่นี้ไร้อารมณ์อย่างยิ่ง แต่ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟัน ราวกับว่าหากมีใครกล้าขัดขวาง คนผู้นั้นก็จะถูกความพิโรธจากสวรรค์ลงโทษ

ถึงตอนนี้ ชายหนุ่มจึงเข้าใจแล้วว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนโง่ที่ไม่รู้เรื่องอะไร แต่เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์คนหนึ่ง เป็นพวกที่ฆ่าได้โดยไม่กะพริบตา!

เพราะมีแต่ต้องผ่านศึกมานับไม่ถ้วนเท่านั้นถึงจะมีสายตาเช่นนี้ได้!

เมื่อคิดถึงจุดนี้ สายตาที่ชายหนุ่มใช้มองเฉินซีก็แฝงไปด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่เจ้าตัวจะเลิกลังเลและรีบเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคารพนบน้อมว่า “ผู้กล้าหนุ่ม ที่นี่คือเขตทองแห่งอาณาจักรเร้นลับเงาทมิฬ เท่าที่ข้ารู้ ที่นี่ต้องมีชิ้นส่วนมหาเต๋าที่มีความลึกล้ำแห่งทองอยู่เป็นแน่ ที่พวกเรามาก็เพราะสิ่งนี้”

สหายคนอื่นล้วนตกใจที่เห็นอีกฝ่ายให้ความร่วมมืออย่างง่ายดายเช่นนั้น จึงต่างเผยสีหน้าไม่อยากเชื่อ ด้วยพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากชายหนุ่มถูกหักหน้าเช่นนั้นแล้ว อีกฝ่ายไม่เพียงไม่โกรธ แต่ยังเชื่อฟังและทำตัวเหมือนเด็กว่าง่ายคนหนึ่งเสียด้วย!

“อาณาจักรเร้นลับเงาทมิฬ เขตทอง…” นัยน์ตาของเฉินซีเป็นประกาย ไม่คิดเลยว่าเขาจะบังเอิญมาถึงที่นี่ได้!

“ตอนมาถึง พวกเจ้าได้เจอใครที่มาจากนิกายกระบี่เก้าเรืองรองบ้างหรือไม่?”

นิกายกระบี่เก้าเรืองรอง? ไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่มที่ยังนอนอยู่กับพื้นหรือเป็นคนอื่นที่ยังอยู่บนหลังของอสูรบิน ล้วนเผยสีหน้าตกตะลึงยิ่ง และเข้าใจขึ้นมาเมื่อได้ยินประโยคนี้ อีกฝ่ายเป็นศิษย์จากหนึ่งในสิบนิกายเซียน นิกายกระบี่เก้าเรืองรองนี่เอง ไม่แปลกใจเลย!!

สายตาที่ส่งไปทางเฉินซีเปลี่ยนเป็นเคารพทันที เพราะถึงจะไม่สนใจพลังบ่มเพาะของอีกฝ่าย แต่แค่ตัวตนเช่นนั้นก็เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจล่วงเกินได้แล้ว

“ผู้กล้าหนุ่ม พวกข้าไม่เคยพบศิษย์จากนิกายกระบี่เก้าเรืองรองเลยระหว่างทาง” ชายหนุ่มคนนั้นสูดลมหายใจเข้าลึก และเผยสีหน้าที่นอบน้อบยิ่งกว่าเก่า ก่อนเอ่ยออกมา

“อ้อ?” เฉินซีผิดหวังอยู่เล็กน้อย จากนั้นจึงถามคำถามอีกเล็กน้อยแล้วปล่อยอีกฝ่ายไป

แต่ขณะที่ถามคำถามเหล่านั้น เขาก็ได้รู้ว่ามีจิตสังหารที่มีอยู่ทั่วทั้งเขตทอง อีกทั้งยังอันตรายเป็นอย่างยิ่ง มีแต่เหินร่างอยู่บนฟ้าเท่านั้นจึงจะปลอดภัยขึ้นอีกหน่อย

เพราะหากเดินบนพื้นก็อาจถูกพายุทองมากมายโจมตีได้ ซึ่งพายุนี้แปลกประหลาดยิ่ง จู่ ๆ ก็ผุดขึ้นจากพื้น เมื่อถูกมันพัดพาไปแล้วก็ไร้ทางรอดอีก

กลุ่มของชายหนุ่มพวกนี้เคยเห็นคนหลายคนที่ไม่ทันระวังจนถูกมันพัดพามาก่อน ไม่ต้องพูดถึงศพ แม้แต่ซากยังไม่เหลือ น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

‘ตามที่คนพวกนั้นกล่าวมา สิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่เข้ามาในเขตทองย่อมมาเพื่อหาชิ้นส่วนมหาเต๋า ดังนั้นจึงไม่แน่ว่าข้าอาจสามารถสอบถามที่อยู่ของศิษย์พี่หญิงอันกับหลงเจิ้นเป่ยหลังจากไปถึงที่นั่นแล้วได้’ เฉินซีคิดชั่วครู่ จากนั้นไม่รั้งรออีก เขาเหินร่างขึ้นฟ้า แปรเปลี่ยนเป็นเส้นแสงแล้วพุ่งไปยังสุดฟ้าไกลทันที

อาณาจักรเร้นลับเงาทมิฬเป็นหนึ่งในสามขุมสมบัติแห่งเหวเงาทมิฬ มันมีชิ้นส่วนมหาเต๋าอยู่มากมายนับไม่ถ้วน เป็นสิ่งที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬเมื่อสมัยบรรพกาลทิ้งเอาไว้ก่อนที่มันจะร่วงโรยไป

ตามคำร่ำลือนั้น ชิ้นส่วนมหาเต๋าเหล่านี้กำเนิดขึ้นมาจากกฎแห่งเต๋าสวรรค์ ทุกชิ้นส่วนมหาเต๋ามีความลึกล้ำแห่งมหหาเต๋าที่แตกต่างกัน

หากได้มาสักชิ้นหนึ่งแล้วนำมาหลอมได้ ก็จะสามารถทำความเข้าใจความลึกล้ำของมหาเต๋าจนได้ครบสิบส่วนได้เลยทีเดียว!

โอสถทิพย์กำเนิดเต๋านั้นหลอมได้ด้วยการใช้ของล้ำค่าจากธรรมชาติที่อยู่ภายในฟ้าดินและดึงแก่นโลหิตของเซียนสวรรค์ออกมา จึงทำให้มันแตกต่างจากโอสถทิพย์กำเนิดเต๋า เพราะแม้จะกินเข้าไป แต่ก็เข้าใจความลึกล้ำแห่งมหาเต๋าได้เพียงขั้นพื้นฐานเท่านั้น หากอยากทำความเข้าใจให้ถ่องแท้จะต้องบ่มเพาะสั่งสมความเข้าใจไปอีกนาน

กลับกันแล้ว แค่หลอมชิ้นส่วนมหาเต๋าให้สมบูรณ์ก็จะสามารถเข้าถึงมาหาเต๋าที่อยู่ภายในชิ้นส่วนขั้นขอบเขตสมบูรณ์ได้แล้ว ดังนั้นจึงมีมูลค่าสูงมาก ไม่ใช่สิ่งที่จะนำมาเทียบกับโอสถทิพย์กำเนิดเต๋าได้

และชิ้นส่วนมหาเต๋าที่มีมหาเต๋าแห่งทอง มันก็ซุกซ่อนอยู่ในเขตทองแห่งนี้นี่เอง!

อีกทั้งยังมีพื้นที่เช่นนี้อีกหลายแห่งภายในอาณาจักรเร้นลับเงาทมิฬ นำพาให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายจากหลากหลายกองกำลังให้เข้ามาค้นหา

เฉินซีเหินร่างมาราวหนึ่งเค่อ เขาก็เห็นแสงจำนวนมากฉีกผ่านฟ้าไปไกล พุ่งออกไปข้างหน้า ทั้งยังมีคนจากตระกูลแห่งอาณาจักรโบราณที่เคลื่อนตัวไปพร้อมกัน ส่งเสียงดังครึกโครมยิ่ง

เขารู้ว่าในที่สุดก็จะถึงจุดหมายแล้ว และเป็นไปได้สูงว่าชิ้นส่วนมหาเต๋าของมหาเต๋าแห่งทองจะซ่อนอยู่ที่นั่น …แค่คิดก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้นได้แล้ว!

หากเขาได้มันมาผสานกับพลังที่มีอยู่ ย่อมสามารถซัดพลังโจมตีออกไปได้อย่างทวีคูณ ถึงตอนนั้นจะต้องกลัวสิ่งใดยามต่อสู้อีก?

หลังจากทะยานไปอีกราวร้อยลี้ เขาก็เริ่มได้กลิ่นเลือดโชยออกมาจากทางข้างหน้า นอกจากนั้นยังมีชิ้นส่วนสมบัติ มีซากแขนขา ซากศพผิดรูป เห็นได้ชัดว่ากำลังเข้าสู่พื้นที่อันตราย

กระทั่งเฉินซียังต้องคอยระวังตัวเมื่อมาถึง

หลังจากนั้นไม่นาน ที่เบื้องหน้าก็ปรากฏภาพทะเลสาบขนาดใหญ่ขึ้นสู่สายตา น้ำในทะเลสาบทองคำพลุ่งพล่าน มีสีกระจ่างสว่างใส แต้มไปด้วยสีทองทั่วฟ้าและดิน

และที่น่าเกรงขามที่สุดคือทะเลสาบทองคำแห่งนี้สามารถแผ่กลิ่นอายอันเฉียบคมสะท้านฟ้า ส่งเสียงขู่คำรามออกมาได้

หากเข้าไปใกล้ จะรู้สึกเจ็บราวกับถูกกระบี่เฉือน รู้สึกเจ็บตาจนแทบลืมไม่ขึ้น

ในตอนนั้นเอง ทะเลสาบทองคำมีหลายร่างยืนล้อมรอบอยู่ คนทั้งหมดล้วนเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ราวกับว่าทะเลสาบทองคำมีสมบัติล้ำค่าซ่อนอยู่

“ข้าเตร็ดเตร่อยู่ในเขตนี้มาเป็นเวลานาน มีเพียงกลิ่นอายแห่งทองของที่นี่เท่านั้นที่มีแรงกดดันยิ่ง ชิ้นส่วนมหาเต๋านั่นต้องซ่อนอยู่ที่นี่เป็นแน่!” มีคนพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ

“หึ! ไม่ใช่เจ้าคนเดียวที่รู้หรอก มีใครในที่นี้ไม่รู้บ้าง? แต่หากอยากได้ชิ้นส่วนมหาเต๋านั่นก็ต้องพึ่งกำลังของตนเอง ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาได้” อีกคนเอ่ยขึ้นเสียงขรึม

“ไอหยา ข้าได้แต่หวังว่าชิ้นส่วนมหาเต๋าจะปรากฏขึ้นเร็ว ๆ หากเรายังรีรออยู่ มีแต่คนจะมามากขึ้นเท่านั้น” คนหนึ่งมุ่นคิ้ว เต็มไปด้วยความกังวลใจ

“มันจะยากอะไรนัก? หาคนลองเข้าไปในทะเลสาบนั่นก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ?” คนที่พูดขึ้นคือชายหนุ่มผู้มีหน้าตาหล่อเหลา สีหน้าเย่อหยิ่ง มีเขาหนึ่งซึ่งอาบไล้ด้วยเปลวไฟสีแดงเข้มงอกออกมาจากหน้าผากเรียบเนียน

ชายหนุ่มผู้นั้นกวาดสายตามองรอบกาย เห็นเฉินซีที่เพิ่งมาถึงพอดีเข้า จึงตัดสินใจทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมาตัวคนเดียว เขาชี้ไปที่เฉินซีแล้วกล่าว “เจ้าน่ะ เข้าไปในทะเลสาบไปตรวจดูซิ!”

เฉินซีสังเกตดูก็รู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้คงมาจากเผ่ากระทิงอัคคี นับว่าอีกฝ่ายมีชาติกำเนิดสูงส่ง

แต่เขากลับไม่ได้สนใจอีกฝ่าย เพียงมองไปทางทะเลสาบทองคำ และสัมผัสได้ว่าทะเลสาบแห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายมหาเต๋าแห่งทองอันน่าตกใจยิ่ง เพราะมันหนาแน่นจนแทบจะสัมผัสได้เลย!

เมื่อถูกเฉินซีเมินต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ มันก็ทำให้ชายหนุ่มเผ่ากระทิงอัคคีหน้าบึ้งทันใด นัยน์ตามีเพลิงลุก คำรามลั่นออกมา “บัดซบ ไม่ได้ยินหรือ!?”

“เหตุใดต้องใจร้อนเช่นนั้นด้วย?” เฉินซีถอนหายใจออกมาเมื่อพบว่าตนเองโชคร้ายเสียจริง ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีแต่คนอยากหาเรื่อง หรือเพราะข้าวางตัวต่ำต้อยไปอย่างนั้นหรือ?

“หมายความว่าอย่างไร?” ชายหนุ่มผู้นั้นขมวดคิ้ว ท่าทียิ่งเย่อหยิ่งมากขึ้น

“เปล่าหรอก ข้าแค่อยากให้เจ้าเข้าไปตรวจดูก็เท่านั้น” เฉินซีเอ่ยเสียงเรียบเรื่อย ย้อนการกระทำของอีกฝ่ายใส่เจ้าตัวเสียเอง

“เจ้า…เจ้ามันรนหาที่ตาย! รีบเข้าไปในนั้นแต่โดยดีได้แล้ว!” ชายหนุ่มเผ่ากระทิงอัคคีโกรธอย่างยิ่ง จากนั้นเขาก็หายตัวไปแล้วซัดฝ่ามือออกมา หมายบีบให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายเข้าไปแทน

…เห็นได้ชัดว่าคงไม่อาจหลีกเลี่ยงการปะทะกันได้

แต่เฉินซีก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าพละกำลังของชายหนุ่มเผ่ากระทิงอัคคีผู้นี้ไม่เลวเลยทีเดียว คนธรรมดาไม่อาจรับมือได้ ทุกกระบวนท่าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยคลื่นเพลิงคลั่งหาใครเทียม

เห็นได้ชัดว่าเป็นศาสตร์เต๋าที่แกร่งเหนือใคร คงจะเป็นศาสตร์เต๋าโดยกำเนิดของเผ่ากระทิงอัคคีเป็นแน่!

แต่หากต้องเผชิญหน้ากับคนประหลาดที่มีความสามารถเกินจินตนาการเช่นเฉินซี อีกฝ่ายก็ถูกลิขิตไว้แล้วว่าต้องพ่ายแพ้!!

…หลังการต่อสู้ดำเนินไปไม่ถึงสิบกระบวนท่า ชายหนุ่มเผ่ากระทิงอัคคีก็ถูกซัดปลิวไป

ทุกคนรอบข้างล้วนตกตะลึงเมื่อเห็นภาพนี้

“เข้าไปเสีย ไปตรวจสอบทะเลสาบซะ แค่ยังมีชีวิตรอดอยู่ก็โชคดีมากแล้ว หากพบภัยใดก็ได้แต่โทษตนเองว่าโชคร้ายก็แล้วกัน” เฉินซีโยนร่างชายหนุ่มเผ่ากระทิงอัคคีเข้าไป

“กล้าปฏิบัติกับข้าเช่นนี้หรือ? ศิษย์พี่ของข้าจะต้องจัดการเจ้าแน่!!” ชายหนุ่มคนนั้นทั้งโกรธทั้งกลัว ร้องตะโกนออกมาไม่หยุด ท่าทีเย่อหยิ่งเช่นแต่ก่อนกลายเป็นความหวาดผวา เขาไม่เคยคิดเลยว่าแค่จะหาแพะเมื่อครู่กลับส่งผลกระทบย้อนหาตนเองได้มากเช่นนี้

เฉินซีชะงักไปเล็กน้อย และนึกขึ้นได้ว่าเผ่ากระทิงอัคคีมีผู้เยี่ยมยุทธ์อยู่คนหนึ่ง เป็นคนที่เขาเห็นก่อนจะเข้าหมู่เมฆไป เขาเป็นผู้ที่นำเผ่าของตนพุ่งเข้าทะเลเมฆาเป็นฝ่ายแรกได้

หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ส่ายหน้า ไม่คิดอะไรอีก ชายหนุ่มเผ่ากระทิงอัคคีผู้นี้เป็นเพียงคนของเผ่ากระทิงอัคคี คำขู่เช่นนั้นไม่นับเป็นอะไรหรอก หากเป็นเรื่องฐานะ ตัวเขาก็นับเป็นศิษย์ชั้นยอดของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่กองกำลังอย่างเผ่ากระทิงอัคคีจะเทียบเคียงได้

ตุ้บ!

ร่างของชายหนุ่มผู้นั้นปลิวไปในอากาศ ไม่อาจใช้แรงพลิกตัวกลับได้ทัน ทว่าสิ่งที่ทำให้ต้องตกใจมากที่สุดคือเมื่อมาถึงท้องฟ้าเหนือทะเลสาบแล้ว มันก็พลันเกิดกระแสน้ำวนสีทองพุ่งขึ้นมา พัดพาร่างของเขาลงไปในทะเลสาบ ทำให้อีกฝ่ายกรีดร้องเสียงลั่นก่อนจะหายไปทันที

“นั่นมันอะไรน่ะ?”

“สวรรค์โปรด! หรือจะมีอสูรดุร้ายอยู่ใต้ทะเลสาบนั่น?”

“มัน…กลืนกินผู้เยี่ยมยุทธ์จากเผ่ากระทิงอัคคีลงไปทันที น่ากลัวกว่าพายุทองเสียอีก!”

หลังจากทุกคนรอบกายได้เห็นภาพนองเลือดนั่นแล้วก็อดร้องตกใจขึ้นมาไม่ได้

ครืน!

ทว่าชั่วพริบตาต่อมา เสียงของเหลวเดือดที่คล้ายกับเสียงฟ้าคำรามก็ดังก้องออกมาจากใต้ทะเลสาบ สะเทือนไปทั่วทั้งฟ้าดิน ในขณะที่ทะเลสาบทองคำทั้งสายพลันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ราวกับกำลังมีบางสิ่งน่าผวากำลังผุดขึ้นมา จนเกิดเป็นเสียงดังกึกก้องกลบเสียงรอบข้างไปจนสิ้น

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท