บทที่ 661 การต่อสู้ระหว่างผู้บ่มเพาะอัจฉริยะ
บทที่ 661 การต่อสู้ระหว่างผู้บ่มเพาะอัจฉริยะ
ตู้ม!
เมื่อทุกคนคิดว่าเฉินซีกำลังจะถูกฆ่า เสียงอึกทึกก็ดังก้องออกมาจากภายในมืออันใหญ่โต และสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งฟ้าดิน ทำให้เกิดแสงสาดส่องออกมาอย่างท่วมท้น ยิ่งไปกว่านั้น มือยักษ์ก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง
แต่แล้วทุกคนก็พบว่า เฉินซีที่อยู่ภายในโลกแห่งเปลวเพลิงบนฝ่ามือนั้นกลับมีสีหน้าสงบนิ่ง กระบี่เปื้อนเลือดในมือของเขาพุ่งออกไปดั่งคลื่นยักษ์ที่ถาโถม ฟันออกไปทุกทิศทุกทาง
ชายหนุ่มฟาดฟันกระบี่ในมือครั้งแล้วครั้งเล่า และฟันต่อไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกือบจะทำลายโลกแห่งเปลวเพลิงจนแยกออกจากกันได้สำเร็จ
“ช่างโง่เขลา! เผาผลาญโลกาและหลอมมันลงในเตาหลอมเสีย!” เยี่ยนสือซานไม่มีทีท่าว่าจะตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย เขาตะโกนเสียงดังลั่น และโลกแห่งเปลวเพลิงภายในฝ่ามือก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทันที เปลวเพลิงที่แผดเผาและลุกโชนได้รวมตัวกันเป็นเตาหลอมภายในฝ่ามือข้างนั้น ทำให้เปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และมันก็เริ่มหลอมร่างของเฉินซีทันที
ใบหน้าของทุกคนต่างเต็มไปด้วยความตกใจ เพราะเตาหลอมนั้นเป็นสมบัติวิเศษที่น่าสะพรึงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งตอนนี้มันได้หลอมรวมกับเข้ากับศาสตร์เต๋าของเยี่ยนสือซาน ทำให้พลังของมันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล!
ความสามารถดังกล่าวได้บรรลุถึงระดับที่สามารถใช้งานได้ดั่งใจนึก และไม่ได้ยึดติดกับกฎเกณฑ์ใด ๆ มันสามารถเปลี่ยนทุกสิ่งให้กลายเป็นศาสตร์เต๋า ซึ่งน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ท้องฟ้าสั่นสะเทือนเมื่อบรรยากาศถูกเผาไหม้ด้วยอุณหภูมิที่สูงจนบิดเบี้ยว มีเตาหลอมซึ่งจารึกด้วยลวดลายดวงดาว พระจันทร์ พระอาทิตย์ พืชพรรณ แมลง ปลา ปรากฏขึ้นมา อีกทั้งยังมีพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษและเหล่าทวยเทพ มันทั้งลี้ลับและหนักอึ้ง เปลวเพลิงนั้นพุ่งออกมาจากเตาอย่างรุนแรง ในขณะที่มันหลอมเฉินซีอยู่ภายใน
“จงเปิด!” เสียงตะโกนดังสนั่นไปทั้งฟ้าดิน และทุกคนที่ได้ยินเสียงดังกึกก้องนั้นก็แทบจะหูหนวก เตาหลอมเริ่มสั่นอย่างรุนแรง และไม่อาจต้านทานแรงได้ในที่สุด มันระเบิดออกมาเสียงดัง หินหลอมเหลวเอ่อล้นออกมาจากปากเตาและไหลลงสู่พื้น ละลายพื้นดินจนเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัว
“นับว่าเจ้ามีความสามารถเล็กน้อย” เยี่ยนสือซานโบกมือของเขาและเก็บเตาหลอมกลับไป
ในทางกลับกัน กลิ่นอายของเฉินซีกลับองอาจดุจมังกร เขายืนตัวตรงพร้อมกับถือกระบี่เปื้อนเลือดในมือ และเสื้อผ้าของชายหนุ่มก็พลิ้วไปตามสายลม เมื่อสังเกตจากภายนอก เขาดูจะไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ ในโลกแห่งเปลวเพลิงก่อนหน้านี้
ทุกคนต่างอุทานด้วยความชื่นชม เฉินซีคนนี้เป็นตัวประหลาดอย่างแท้จริง และเขาไม่สามารถตัดสินได้ด้วยสามัญสำนึก เพราะหากเป็นคนอื่นแล้วละก็ อาจถูกเยี่ยนสือซานทำลายล้างและถูกหลอมไปตั้งนานแล้ว
ในขณะเดียวกัน เฉินซีก็เปิดฉากโจมตีอีกครั้ง ใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่งและไร้ความรู้สึก ร่างกายของชายหนุ่มถูกขดด้วยวงแหวนศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งประกายเจิดจรัส ซึ่งก่อตัวขึ้นจากความลึกล้ำของมหาเต๋า!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เขาใช้เคล็ดนพก้าวพิฆาตโกลาหล ทำให้จิตสังหารระเบิดออกไปอย่างรุนแรง หยินและหยางที่อยู่ในบริเวณโดยรอบต่างตกอยู่ในความโกลาหล ยิ่งไปกว่านั้น ธาตุทั้งห้ายังถูกฟันเป็นเสี่ยง ๆ จิตสังหารที่ไร้ขอบเขตและบริสุทธิ์ก็แปรเปลี่ยนเป็นใบมีด กวาดออกไปราวกับตั้งใจจะบดขยี้โลกทั้งใบให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ
ปรากฏการณ์นี้น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง ทุกย่างก้าวของเขาฟังดูเหมือนเทพเจ้าลั่นกลองศึกหรือเหมือนเทพอสูรนับพันนับหมื่นพุ่งออกมาจากนรก จิตสังหารเองก็ทะลวงผ่านท้องฟ้าและทำให้บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความปั่นป่วน
ประกายไฟพุ่งออกมาในขณะที่เยี่ยนสือซานกะพริบตา และมือของเขาก็วูบไหวไปมา เรียกสายฟ้าลงมาจากสวรรค์ทั้งเก้า และเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นสายฟ้าที่สว่างไสวและแหลมคมจำนวนมากฟาดลงไป!
“สายฟ้าเทวะดาราเพลิง! เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นจากบริเวณใกล้เคียง เนื่องจากมีคนจำได้ว่ามันคือสายฟ้าเทวะดาราเพลิง ซึ่งเป็นสิ่งที่มีเพียงผู้มีพรสวรรค์และครอบครองกายาดาราเพลิงเท่านั้นที่จะสามารถควบคุมได้ สายฟ้านี้มีเจตจำนงแห่งไฟ แต่แฝงไปด้วยจิตสังหารแห่งสายฟ้า ซึ่งทั้งเกรี้ยวกราด ดุร้าย โหมกระหน่ำและรุนแรงที่สุด และอานุภาพของมันก็ยิ่งใหญ่มาก
ครืนน!
เปลวเพลิงและสายฟ้าส่งเสียงดังกึกก้อง ในขณะที่พวกมันต้านทานเคล็ดนพก้าวพิฆาตโกลาหล และระเบิดเป็นแสงที่สว่างไสวทำให้ฟ้าดินสั่นสะท้าน ภูเขาสั่นสะเทือน และแม้แต่แม่น้ำที่อยู่ไกลออกไป ก็ยังได้รับผลกระทบจากคลื่นความโกลาหลในครั้งนี้
มือของเยี่ยนสือซานก็สะบัดไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเรียกสายฟ้าเทวะดาราเพลิงลงมามากมายอีกครั้ง และพวกมันก็ผ่าลงมาเหมือนพายุสายฟ้า โหมกระหน่ำใส่อีกฝ่ายอย่างดุเดือด
“ฮึ่ม!” เฉินซีสบถ ในขณะที่ร่างกายของเขาสว่างวาบ และตวัดกระบี่เปื้อนเลือดขึ้นไปบนฟ้า ทำให้เกิดเสียงดังก้องบนท้องฟ้า สายฟ้าสีเงินสว่างไสวที่มีความหนาเหมือนแขนของทารกนับไม่ถ้วนก็ผ่าลงมาเช่นกัน ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ดูเหมือนทางช้างเผือกในสวรรค์ทั้งเก้ากำลังเทลงมา และปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน!
สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือ สายฟ้าสีเงินทุกสายควบแน่นเป็นดอกบัวสีเงินจำนวนมาก ซึ่งส่องประกายสายฟ้าอยู่เป็นระยะ ๆ และมันแผ่กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
“นั่นมันเคล็ดวิชาบงกชอัสนีหยินศักดิ์สิทธิ์!” มีคนมากมายตกตะลึงเมื่อเห็นสิ่งนี้
นี่คือศาสตร์เต๋าระดับสูงสุดที่มีชื่อเสียงของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง และมันมีพลังที่ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ในยุคบรรพกาล นิกายกระบี่เก้าเรืองรองมีผู้บ่มเพาะที่เชี่ยวชาญในเต๋าแห่งสายฟ้า และคนผู้นั้นได้ใช้ศาสตร์เต๋านี้เพื่อทำลายล้างตัวตนที่แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนและทำให้สามภพต้องตกตะลึง ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ชื่อเสียงของเขาเลื่องลือและทำให้ทุกคนในโลกได้รู้ว่า ศาสตร์เต๋านี้น่าสะพรึงกลัวเพียงใด!
แต่ทุกคนก็รู้เช่นกันว่า ศาสตร์เต๋าระดับสูงสุดที่ทำให้ยุคบรรพกาลต้องตกตะลึงนั้นได้สูญหายไปตามกาลเวลา และพวกเขาเองก็นึกไม่ถึงว่าเฉินซีจะบ่มเพาะได้สำเร็จ!
“เฉินซีคนนี้มาจากที่ใดกัน? เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินว่านิกายกระบี่เก้าเรืองรองมีคนเช่นนี้อยู่” ผู้คนที่อยู่ห่างออกไปต่างพูดคุยด้วยเสียงที่แผ่วเบาและดูค่อนข้างตกใจ
“ถ้าเด็กคนนี้ไม่ตายในวันนี้ เขาจะทำให้โลกต้องตกตะลึงและสั่นคลอนแดนภวังค์ทมิฬอย่างแน่นอน!”
ทุกคนต่างอุทานด้วยความชื่นชม เพราะก่อนหน้านี้ เฉินซีต่อสู้กับเหล่าผู้บ่มเพาะอัจฉริยะเพียงลำพัง เขาย้อมท้องฟ้าสีครามจนกลายเป็นสีแดงเลือดในขณะที่เข่นฆ่าศัตรู และตอนนี้ชายหนุ่มยังต่อสู้กับเยี่ยนสือซานได้อย่างเท่าเทียม ด้วยศาสตร์เต๋าอันน่าอัศจรรย์ ซึ่งทำให้ทุกคนที่อยู่ในตอนนี้ต่างก็สั่นสะท้าน ดังนั้นแล้วคนเช่นเขาจะธรรมดาได้อย่างไร?
สายฟ้าที่ลุกเป็นไฟโหมกระหน่ำ ปะทะเข้ากับสายฟ้าสีเงินที่แปรเปลี่ยนเป็นดอกบัว ราวกับภัยพิบัติได้เกิดขึ้น ทั่วทั้งสวรรค์และโลกคล้ายถูกปกคลุมด้วยสายฟ้าที่โหมกระหน่ำ ซึ่งสามารถทำให้ทุกคนในโลกตกตะลึงและรู้สึกกลัว
“วิเศษ! มีเพียงการต่อสู้เช่นนี้จึงจะน่าสนใจ!” เมื่อเห็นว่าไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ เยี่ยนสือซานก็ไม่ได้ขุ่นเคือง แต่กลับเริ่มหัวเราะออกมาแทน ขณะเดียวกับที่จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาก็ลุกโชนราวกับเปลวเพลิง! ดวงตาของหนุ่มผู้คลั่งการต่อสู้ทอประกายสายฟ้าออกมา ในขณะที่จดจ้องไปยังอีกคนที่อยู่ห่างออกไป
ทันใดนั้น ที่หว่างคิ้วของเขาก็พลันมีรอยแยกปรากฏขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีเงินที่สาดส่องลำแสงสีเงิน ราวกับเส้นไหมสีเงินละเอียดและขุ่นมัวออกมามากมาย ลำแสงเหล่านี้นุ่มนวลเหมือนหมอก เรียบเหมือนสายน้ำและเหมือนกับความฝัน
“เนตรสีเงินนทีดารา!”
“สวรรค์! นี่เป็นอีกหนึ่งศาสตร์เต๋าโดยกำเนิด! เป็นสุดยอดเคล็ดวิชาของเผ่าวิญญาณอ้างว้าง!”
“กายาดาราเพลิง เนตรสีเงินนทีดารา… เยี่ยนสือซานคนนี้มีศาสตร์เต๋าโดยกำเนิดถึงสองเคล็ดเลยทีเดียว!”
ทุกคนตกตะลึงเมื่อจดจำที่มาของดวงตาสีเงินคู่นั้นได้ และลำแสงสีเงินที่สาดส่องออกมาจากดวงตาของเยี่ยนสือซานก็มีชื่อที่น่าอัศจรรย์ว่า… ลำแสงวิญญาณดารา
ถึงแม้มันจะดูนุ่มนวลและลี้ลับ แต่ก็เป็นลำแสงที่น่ากลัวที่สุดในหัวใจของทุกคนในโลกหล้า ตราบใดที่ได้รับผลกระทบจากมัน ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีระดับการบ่มเพาะที่สูงส่งเพียงใดหรือมีสมบัติวิเศษที่แข็งแกร่งแค่ไหน คนผู้นั้นจะเป็นเหมือนยุงที่ติดใยแมงมุม เลือดเนื้อและวิญญาณจะค่อย ๆ ถูกลำแสงสีเงินนั้นกลืนกิน…
ความสามารถโดยกำเนิดที่น่าสะพรึงกลัวนี้ไม่ได้ปรากฏขึ้นในเผ่าวิญญาณอ้างว้างมากว่าหมื่นปีแล้ว และมันสูญหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์มาเนิ่นนาน แต่ตอนนี้เยี่ยนสือซานกลับได้ครอบครองมัน!
โอม!
ทว่าเฉินซีก็หาได้กลัวไม่ ดวงตาแนวตั้งก็ปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้วของเขาเช่นกัน และระเบิดแสงแห่งการทำลายล้างออกมามากมาย พวกมันมีสีดำสนิทราวกับสายฟ้า เมื่อพุ่งตัดท้องฟ้าราวกับสายฟ้าฟาด อีกทั้งพวกมันยังเปล่งแสงเย็นยะเยือกอันน่าสยดสยอง ในขณะที่สลายการโจมตีทั้งหมดของเยี่ยนสือซาน
“พลังอิทธิฤทธิ์… เนตรเทวะแห่งความจริง!”
“พลังอิทธิฤทธิ์ระดับเทพในตำนานที่สร้างความตกตะลึงให้กับทุกยุคทุกสมัย!”
“แสงแห่งการทำลายล้าง! ที่แท้มันก็คือแสงแห่งการทำลายล้างที่สามารถกำจัดเคล็ดวิชาทั้งหมดในโลกได้! สวรรค์! นี่มันมิใช่เรื่องจริงใช่หรือไม่?”
ทุกคนตกตะลึงเสียจนหนังศีรษะด้านชา เพราะศาสตร์เต๋าและพลังอิทธิฤทธิ์ที่ทั้งสองคนครอบครองอยู่นั้นทรงพลังจนทำให้พวกเขารู้สึกวิงเวียน จนแทบไม่กล้าเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง
เพราะทุกอย่างที่พวกเขาใช้ออกมานั้น ไม่ว่าผู้ใดครอบครองก็สามารถท่องไปในโลกหล้าได้อย่างเสรี แต่ตอนนี้ ศาสตร์เต๋าและพลังอิทธิฤทธิ์ที่ทำให้โลกต้องตกตะลึงกลับอยู่ในการครอบครองของพวกเขา ซึ่งมันก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนในโลกต้องอิจฉาตาร้อน หรือแม้แต่ใครที่โอ้อวดว่าเป็นอัจฉริยะ ยังต้องรู้สึกละอายในความสามารถของตนเอง!
ครืน!
ไม่ว่าทุกคนจะตกใจเพียงใด การต่อสู้ระหว่างเฉินซีกับเยี่ยนสือซานก็ได้ดำเนินมาถึงช่วงเวลาชี้ขาด ราวกับดวงอาทิตย์สองดวงที่ปะทะกัน พวกเขาระเบิดแสงออกมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เสียงกัมปนาทดังก้องออกไป และได้สั่นสะเทือนไปทั่วสารทิศ อีกทั้งยังทำให้โลกสว่างไสว!
นี่เป็นการต่อสู้ที่หาได้ยากอย่างแท้จริง และในแดนภวังค์ทมิฬทั้งหมด การต่อสู้ในระดับนี้ก็ยากที่จะเห็นในรอบพันปี
แล้วสุดท้าย อัจฉริยะที่น่าภูมิใจทั้งสองคนนี้ ใครจะเป็นผู้ชนะในศึกนี้?