บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 663 สถานการณ์สิ้นหวังพลิกผัน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 663 สถานการณ์สิ้นหวังพลิกผัน

บทที่ 663 สถานการณ์สิ้นหวังพลิกผัน

ฟิ้ว!

จังหวะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้นเอง ชิ้นส่วนมหาเต๋าก็ร่วงใส่ฝ่ามือของเฉินซีเรียบร้อยแล้ว จากนั้นมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“หึ! เจ้ารู้อยู่แล้วว่าอย่างไรก็ต้องตาย แล้วจะมากเรื่องไปไย? คิดว่าตนเองสามารถหลอมและดูดกลืนชิ้นส่วนมหาเต๋าได้ในพริบตาเพื่อทำให้ความแข็งแกร่งทบเท่าทวีคูณได้อีกครั้งอย่างนั้นหรือ?” เยี่ยนสือซานเอ่ยอย่างเย็นชา ท่าทางราวกับเทพอสูรลำแสง แววตาวูบไหว ร่างปลดปล่อยกลิ่นอายข่มขวัญออกมาไม่หยุด!

เฉินซีเช็ดเลือดที่มุมปาก ทว่าไม่เอ่ยคำใด ขณะกำลังโคจรแดนฮุ่นตุ้นที่อยู่ภายในร่างกายอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่อาศัยกำลังต้นอ่อนเงาทมิฬเพื่อเริ่มหลอมและดูดกลืนชิ้นส่วนมหาเต๋านี้

เยี่ยนสือซานน่ากลัวและน่าเกรงขามยิ่ง มีฝีมือไม่ธรรมดา อีกทั้งยังมีศาสตร์เต๋าและสมบัติวิเศษที่มีความแกร่งสะท้านฟ้าอยู่มากมาย อีกทั้งคนผู้นี้ยังมีความสามารถในการทวีคูณพลังต่อสู้ได้ถึงเจ็ดเท่า หากเทียบในหมู่คนรุ่นเดียวกันก็นับว่าหาใครทัดเทียมได้ยาก

เมื่อต้องเผชิญมากับผู้มีฝีมือร้ายกาจเช่นนี้แล้ว เฉินซีรู้ดีว่า เขาอาจจะสามารถทำให้ผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาคนอื่นตกอยู่ในความโกลาหล และเอาชนะอีกฝ่ายด้วยพลังต่อสู้ห้าเท่าได้ แต่หากเทียบกับเยี่ยนสือซาน ตัวเขายังนับว่าด้อยกว่าอยู่เล็กน้อยจริง ๆ

เพราะไม่ว่าจะเป็นศาสตร์เต๋า สมบัติวิเศษ พละกำลัง และประสบการณ์การต่อสู้ เยี่ยนสือซานก็อยู่ในอันดับต้น ๆ ของคนรุ่นเดียวกัน ส่งผลให้เขาไม่มีข้อได้เปรียบเลย

เดิมทีเขายังพึ่งพาอำนาจจากต้นอ่อนเงาทมิฬเพื่อยื้อการต่อสู้จนกว่าอีกฝ่ายจะเหนื่อยล้าจนสิ้นใจ แต่น่าเสียดายที่เมื่อครู่เจ้าหม้อใบจิ๋วพลันเอ่ยปากพูดขึ้น จึงทำให้เกิดรอยด่างพร้อยอยู่ในใจของเขา และถูกเยี่ยนสือซานฉวยโอกาสไว้จนได้ จึงส่งผลให้เขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที

เป็นไปอย่างที่คำกล่าวเขาว่า พลาดครั้งเดียวอาจพินาศทั้งหมด เมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรองเช่นนี้ เขาจึงต้องทำการเลื่อนขอบเขตครั้งยิ่งใหญ่เพื่อพลิกสถานการณ์กลับมาให้ได้ ชิ้นส่วนมหาเต๋าที่เขาผสานรวมเข้ากับสวรรค์และโลกจึงกลายเป็นตัวเลือกเดียวที่เหลืออยู่ของเฉินซี

“ยอมแพ้เสียเถอะ! ถึงเจ้าจะได้ชิ้นส่วนมหาเต๋าไปแล้ว เมื่อข้าสังหารเจ้าทิ้งมันก็ตกเป็นของข้าอยู่ดี เสียเวลาเปล่า ๆ!” เยี่ยนสือซานส่งเสียงคำรามซึ่งแฝงด้วยความโอหังดังลั่น จนสะท้านสะเทือนรอบกาย

ตู้ม!

ในเวลาถัดมา ร่างของเขาก็หายตัวไปพร้อมกับเปลวเพลิงปะทุขึ้นบนฝ่ามือ ราวกับทะเลเพลิงกำลังจะร่วงลงมาจากฟ้า มันเป็นพลังโจมตีที่สามารถกวาดล้างเมืองและกำจัดกองทัพนับไม่ถ้วนได้ แต่ชายหนุ่มในตอนนี้กำลังต่อกรกับคนคนเดียวเท่านั้น

ท่าทีของทุกคนเปลี่ยนไปเมื่อสัมผัสได้ว่าการโจมตีของเยี่ยนสือซานหมายจะสังหารคู่ต่อสู้จริง ๆ เลือดในกายพลันเดือดพล่านอย่างควบคุมไม่ได้ สายตาเหล่านั้นกำลังจับจ้องไปยังคนทั้งสอง

ชีวิตของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย เฉินซีจะถูกสังหารทิ้งเช่นนี้หรือ?

อันเวยกับหลงเจิ้นเป่ยรู้สึกจุกอยู่ในลำคอ คนทั้งสองเผยสีหน้าสิ้นหวังออกมา หากเฉินซีตายตกจริง ๆ ถึงแม้พวกเขาจะรอดไปได้ก็คงไม่สบายใจไปชั่วชีวิต!

ตู้ม!

เสียงระเบิดสะท้านฟ้าดินดังก้องขึ้น ราวกับตะวันและจันทราเข้าปะทะกันจนส่งเสียงดังไปถึงเก้าชั้นฟ้า เกิดเป็นแสงสว่างจ้าพุ่งออกไปปกคลุมทั่วผืนฟ้า ทำให้ผู้อื่นไม่อาจมองเห็นฟากฟ้าได้อย่างชัดเจน

เฉินซีตายแล้วหรือ?

ทุกคนเบิกตากว้าง แต่กลับมองไม่เห็นสิ่งใด เพราะถูกแสงจ้าแยงตาจนปวดร้าวไปทั้งกระบอกตา น้ำตาแทบจะไหลออกมา

“คงจะสิ้นใจไปแล้วกระมัง ถึงจะได้ชิ้นส่วนมหาเต๋ามา แต่เฉินซีก็คงพลิกสถานการณ์ในจังหวะเป็นตายไม่ได้หรอก เพราะไม่สามารถหลอมและดูดกลืนชิ้นส่วนมหาเต๋าภายในเวลาอันสั้นได้”

“ไอหยา คิด ๆ ดูแล้วหากไม่ใช่เพราะเขาชิงเอาชิ้นส่วนมหาเต๋าของเราไป จนทำให้เกิดความขุ่นเคือง ผู้เยี่ยมยุทธ์เช่นเขาก็คงไม่ต้องพบกับจุดจบเช่นนี้”

“ของเราหรือ? ฮ่า ๆ น่าขันสิ้นดี! ชิ้นส่วนมหาเต๋านั้นไร้เจ้าของ เช่นนั้นแล้วเฉินซีทำผิดอันใดกัน?”

“น่าเสียดายที่สุดท้ายเด็กคนนี้ก็ถูกสังหารไป…”

ทุกคนกระซิบด้วยท่าทีที่แตกต่างกัน บ้างชื่นชม บ้างเสียใจ บ้างสงสาร บ้างตื่นเต้น บ้างดีใจจนอยากลุกขึ้นมาเต้นทีเดียว

ทว่าคำกระซิบกระซาบเหล่านั้นกลับดังก้องดั่งฟ้าผ่าเมื่อลอยไปเข้าหูของหลงเจิ้นเป่ยและอันเวย คนทั้งสองตีหน้าขรึมทันที นัยน์ตาหม่นแสง รู้สึกหดหู่และปวดใจราวกับมีใครมาบดขยี้ หายใจไม่ทั่วปอดนัก

ตายแล้ว?

ตายแล้วจริงหรือ?

ตู้ม!

ในเวลานี้เอง เงาร่างหนึ่งพลันถูกดีดกระเด็นออกมาจากแสงสว่างจ้า ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของทุกคน

ทว่าทุกฝ่ายกลับรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าเมื่อเห็นว่าร่างนั้นเป็นใคร และแทบไม่อยากเชื่อสายตา เพราะมันคือเยี่ยนสือซานนั่นเอง!

โลหิตสีแดงฉานไหลออกจากริมฝีปาก แม้มันจะเลือนหายไปในเวลาไม่นาน แต่นั่นก็หมายความเยี่ยนสือซานได้รับบาดเจ็บไม่ใช่หรือ?!

นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บนับตั้งแต่เริ่มต้นการต่อสู้ เดิมทีทุกคนคิดว่าเฉินซีจะต้องตายเป็นแน่ แต่ไม่คิดว่าสถานการณ์จะกลับตาลปัตรเช่นนี้ได้?

ทุกคนยืนอึ้งเหมือนหุ่นไม้ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

แต่เมื่อเห็นร่างสูงของเฉินซีค่อย ๆ ปรากฏขึ้นภายในแสงจ้านั่น ทุกคนก็รู้ทันทีว่าที่พวกเขาคาดเดากันก่อนหน้านี้ล้วนผิดพลาดทั้งสิ้น!

เฉินซียังไม่ตาย ทั้งยังสามารถโจมตีสวนกลับเยี่ยนสือซานให้ได้รับบาดเจ็บในจังหวะเป็นตายได้เสียอีก!

ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นทันที ด้วยทุกคนได้เห็นปาฏิหาริย์เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา!

“เขายังอยู่! ฮ่า ๆ! เขายังอยู่! ข้ารู้อยู่แล้วว่าคนเช่นนี้ไม่ตายตั้งแต่ยังหนุ่มแน่! ฮ่า ๆ…”

“ไม่ตายก็ดีแล้ว ยังไม่ตายก็ดีแล้ว”

หลงเจิ้นเป่ยกับอันเวยยังคงไม่อยากจะเชื่อ แต่พอเงยหน้าขึ้นเห็นร่างที่คุ้นตาก็พากันชะงักไป เกือบสะอื้นไห้ด้วยความตกอกตกใจ นับตั้งแต่ที่บ่มเพาะมาจนถึงตอนนี้ คนทั้งสองไม่เคยเสียอาการเช่นนี้มาก่อน

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเห็นภาพนี้แล้วดีใจเป็นอย่างยิ่ง

“ดี! นับว่ารั้งอยู่ได้นานกว่าจะใช้พลังทั้งหมดออกมาได้!” นัยน์ตาของเยี่ยนสือซานพลันเย็นเยียบ เปลวเพลิงร้อนระอุอยู่ภายในใจ

เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะสามารถหลอมและดูดกลืนชิ้นส่วนมหาเต๋าในช่วงเวลาสั้น ๆ ได้ แต่กลับคิดว่าเฉินซีผู้นี้ปกปิดความสามารถที่แท้จริงมาตั้งแต่ต้น!

มีเพียงเหตุผลนี้เท่านั้น เขาจึงจะยอมรับได้

“อีกสักครั้ง!” เยี่ยนสือซานคำราม ก่อนที่พลังจะพุ่งขึ้นสูงอีกครั้ง เปลวเพลิงมอดไหม้ไปทั่วร่าง ในมือถือหม้อยาทองแดงโบราณไว้ ก่อนจะเขวี้ยงมันใส่เฉินซี

ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบทันท่วงที ในขณะที่ร่างกายพลันเปล่งแสงสว่างออกมา มันแฝงไปด้วยกลิ่นอายอันน่าเกรงขามที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมสองเท่า จากนั้นเขาก็เร่งรุดเข้าต่อสู้กับเยี่ยนสือซานอย่างดุเดือด

เวลานี้ เขาได้ใช้ต้นอ่อนเงาทมิฬเพื่อหลอมและดูดกลืนชิ้นส่วนมหาเต๋าทันที ทำให้สามารถเพิ่มพลังขึ้นหกเท่า จนชายหนุ่มแข็งแกร่งอย่างที่ไม่อาจเทียบได้มาก่อน!

ครืน!

ราวกับเทพอสูรลั่นกลองศึก เขาซัดฝ่ามือเข้าใส่หม้อยาจนมันยุบ …ทว่าต้องใช้แรงมากมายขนาดไหนถึงจะสามารถทำเช่นนี้ได้?!

เพราะอย่างไร มันก็เป็นสมบัติกึ่งอมตะ ซึ่งมีอำนาจสูงส่งไม่ใช่เล่น มันมีนามว่าหม้อยาอีกาทองคำ เป็นสมบัติล้ำค่าที่เยี่ยนสือซานตามหามาด้วยความยากลำบาก ไม่ใช่สิ่งที่สมบัติกึ่งอมตะธรรมดาทั่วไปจะสามารถเทียบเคียงได้

ทว่าตอนนี้มันกลับถูกเฉินซีโจมตีทีเดียวจนยุบ พลังสูงส่งเช่นนี้ทำเอาทุกคนตื่นตะลึง กระทั่งตัวเยี่ยนสือซานเองยังตกใจอย่างเห็นได้ชัด

“เยี่ยม! เยี่ยมมาก!” เยี่ยนสือซานตะโกนหลายครั้ง ราวกับโกรธแค้นยิ่ง นัยน์ตาของเขาแดงก่ำ ภายในใจเต็มไปด้วยเพลิงแค้น ทำให้เขายิ่งมีท่าทีราวกับเป็นเทพอสูร พุ่งเข้าใส่เฉินซีพร้อมกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์!

ส่วนเฉินซียังคงนิ่งสงบและไร้วาจา ทุกการเคลื่อนไหวของเขาล้วนเต็มไปด้วยกลยุทธ์อันแพรวพราวและน่าอัศจรรย์ ราวกับราชันผู้สร้างกฎและบงการโลกหล้า ความแข็งแกร่งของเขามิอาจคาดคะเนได้

ทั้งสองเข้าปะทะกันอีกครั้ง เป็นการต่อสู้หมายเอาชีวิตที่น่ากลัวยิ่ง

ราวกับอสูรคลั่งสองตัวเมื่อครั้งบรรพกาลเข้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด ปะทะกันตั้งแต่บนฟ้าจรดดิน จากนั้นก็สู้กันตั้งแต่เขตปฐพีไปจนทั่วอาณาจักรเร้นลับเงาทมิฬ ก่อนจะหันหน้าเข้าปะทะกันอีกคราเมื่ออยู่กลางหมู่เมฆ จากนั้นก็ปะทะกันจนถอยกลับมายังเขตปฐพี

ทำเอาผู้ชมรอบข้างมองแล้วถึงกับอึ้ง ลืมทุกสิ่งอย่างรอบกาย สองตาและจิตใจเต็มไปด้วยความตกตะลึง ภายในใจสั่นสะท้านไม่หยุด

นี่คือสุดยอดการต่อสู้ระหว่างผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ไร้เทียมทานทั้งสอง ซึ่งควรถูกจารึกเอาไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ เนื่องจากมันสามารถทำให้ผู้คนและแดนภวังค์ทมิฬสั่นคลอนได้!

ในขณะเดียวกัน ทั้งหลงเจิ้นเป่ยและอันเวยรู้ดีว่าเมื่อเฉินซีกลับไปถึงนิกายเมื่อไร ด้วยความสามารถของเขา อีกฝ่ายย่อมสามารถเอาชนะผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลาย และคว้าอันดับสูงสุดของศิษย์ชั้นยอดแห่งยอดเขาจรัสเทวะเอาไว้ได้แน่!

บนฟากฟ้า ทั้งสองยิ่งปะทะกันดุเดือด ถึงขั้นฟ้าดินเต็มไปด้วยความมืด ตะวันจันทราหม่นแสง เลือดไหลออกจากมุมปาก สุดท้ายท่าสังหารของเยี่ยนสือซานก็ถูกกำจัด ก่อนจะถูกเฉินซีซัดจนร่างกระเด็น สะเทือนจนกระอักเลือดออกมาไม่หยุด

“ไม่ต้องกล่าวถึงเจ้า กระทั่งปิงซื่อเทียนยังไม่อาจขวางข้าได้!” เฉินซีเอ่ยเสียงเย็น

“ข้าไม่ยอมรับหรอก!” เยี่ยนสือซานคำรามด้วยโทสะ ดวงตาเบิกกว้าง

ในขณะที่เฉินซีกลับโจมตีอย่างต่อเนื่อง ท่าทีของเขาในครั้งนี้เยือกเย็นขึ้น ดุดันแลสงบนิ่งมากกว่าเดิม ยามสะบัดฝ่ามือออกไป คล้ายมีคลื่นนับไม่ถ้วนซัดสาด ส่งเสียงครืนครานและเสียงลมหวีดหวิว

ท่ามกลางหมู่คลื่นคือดอกปารมิตาอันงดงามและลึกลับบานสะพรั่ง มันโยกไหวไปมา ขณะปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าผวาที่ทำเอาใจเต้นระทึก

นี่คืออำนาจแห่งปารมิตา มันสามารถนำพาวิญญาณหลังความตายได้ หากไม่เชื่อฟังก็ต้องตกอยู่ในหกวิถีสังสารวัฏ ผ่านนรกสิบแปดขุม!

เยี่ยนสือซานระเบิดพลังทั้งหมดออกมา ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเพลิงคลั่งคล้ายดวงอาทิตย์ เขาพยายามหลบมันแล้ว ทว่ากลับไร้ผลและถูกซัดจนกระเด็นออกไป

อึก!

เลือดกระเซ็นออกมา เสื้อผ้าขาดวิ่น อกเขายุบลงไปจนเห็นกระดูก หากไม่ใช่เพราะมีพลังสูงส่งและปรับเปลี่ยนไปตั้งรับอย่างรวดเร็ว อวัยวะภายในก็คงถูกกระบวนท่าเมื่อครู่ทำลายสิ้นแล้ว

ตู้ม!

เยี่ยนสือซานร่วงลงกับพื้น เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจทำการต่อสู้ได้อีก!

ศึกนี้ตัดสินกันได้แล้ว

เวลานั้น บรรยากาศเงียบสนิท หากเข็มตกก็คงได้ยินกันทั่ว สถานการณ์เป็นเช่นนั้นอยู่นาน เพราะผลออกมาเป็นเช่นนี้ ทำเอาหลาย ๆ คนไม่อาจยอมรับได้

เยี่ยนสือซานแพ้!

คนคลั่งที่ท่องแดนภวังค์ทมิฬอย่างเสรีมานานหลายปีผู้นี้ สั่งลมสั่งเมฆได้ นับว่าในรุ่นอายุเดียวกันไม่อาจหาใครเทียบ เป็นตัวตนสูงส่งน่าเกรงขาม แต่กลับพ่ายแพ้ไปเช่นนี้!

มีหรือพวกเขาจะไม่ตกตะลึง?

เขาเป็นอัจฉริยะจากนิกายวิถีกระแสสวรรค์ ผู้มีพรสวรรค์หาตัวจับยาก แต่กลับต้องมาพ่ายแพ้อย่างหมดท่า ไม่อาจทำการต่อสู้ได้อีกเช่นนี้ พวกเขาจะยอมรับได้อย่างไร?

กระทั่งหลงเจิ้นเป่ยกับอันเวยยังรู้สึกราวกับคำพูดจุกอยู่ที่ลำคอ เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็พูดอะไรไม่ออก เพราะชื่อเสียงเยี่ยนสือซานนั้นดังกระฉ่อนอย่างมาก เหมือนตะวันยามเที่ยงวันในบรรดาสิบนิกายเซียน ดังนั้นการที่เขาพ่ายแพ้ไปเช่นนี้จึงน่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง!!

“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ฮ่า ๆ! ไม่คิดเลยว่าจะมาแพ้เจ้าได้ แต่ว่านะเฉินซี เจ้าอย่าเพิ่งได้ใจไป เพราะในบรรดาผู้บ่มเพาะรุ่นเดียวกันในแดนภวังค์ทมิฬยังมีคนที่แกร่งกว่าข้าเยี่ยนสือซานผู้นี้อีกมาก ไม่ใช่เจ้าผู้เดียว!” ชุดของชายหนุ่มย้อมสีเลือด ใบหน้านั้นซีดขาว แต่ยังคงท่าทางเช่นเดิม เขาคำรามเสียงแล้วแหงนหน้าหัวเราะขึ้นฟ้าไม่หยุด

เมื่อกล่าวจบ เขาพลันทำลายยันต์หยกลับในมือ ทำให้เกิดแสงจ้าวาบขึ้นทั่วร่าง ก่อนที่เขาจะหายไปในพริบตา โดยที่ไม่เกิดความผันผวนแม้สักนิด!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท