บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 682 กระบี่สรรค์สร้าง

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 682 กระบี่สรรค์สร้าง

บทที่ 682 กระบี่สรรค์สร้าง

เสียงของชายผมขาวเผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนกออกมา!

ก่อนหน้านี้เขาเต็มไปด้วยความกล้าหาญชาญชัยราวกับราชันแห่งทวยเทพผู้สูงส่งทรงพลัง และกล่าวว่าจะบดขยี้หม้อใบจิ๋วให้แหลกอย่างมั่นใจ

แต่ตอนนี้สิ่งที่มาพร้อมกับเจตจำนงกระบี่ก็คือความวิตกกังวล ท่าทางอันน่าเกรงขามหายวับไปกับสายลม ใบหน้าถูกแทนที่ด้วยความเหลือเชื่อและอาการเสียขวัญ

กระบี่สรรค์สร้าง!

เฉินซีตกตะลึงเมื่อรู้สึกถึงเจตจำนงกระบี่ที่แผ่กระจายไปยังพื้นที่โดยรอบ วลีหนึ่งแวบขึ้นมาในใจของเขา กระบี่สรรค์สร้าง ผู้เยี่ยมยุทธ์ในยุคบรรพกาล เสื้อคลุม…

ในชั่วพริบตา เฉินซีจึงรู้แจ้ง เจตจำนงกระบี่นี้อาจมาจากผู้เยี่ยมยุทธ์อันสูงส่งในยุคบรรพกาลก็เป็นได้!

ความคิดที่ผุดขึ้นมาในใจของชายหนุ่มทำให้ตัวเขาตะลึงงันไปทันที ด้วยมันก็เป็นเวลาหลายปีแล้วนับตั้งแต่ช่วงยุคบรรพกาลจนถึงตอนนี้ …ทว่ามันเป็นไปได้หรือที่ผู้เยี่ยมยุทธ์คนนั้นจะยังมีชีวิตอยู่?!

หึ่ง!

เสียงโหยหวนของกระบี่สั่นสะท้านฟ้าดิน ในขณะกระบี่หักเล่มหนึ่งถูกเชิญมาจากความโกลาหล มันตั้งตระหง่านอยู่บนท้องนภาพลางเปล่งแสงและปราณกระบี่ขึ้นไปบนฟ้า

“กระบี่สรรค์สร้าง! เป็นท่านจริง ๆ ด้วย!” มุมปากของชายผมขาวสั่นเครือเมื่อมองไปยังกระบี่ที่หักเล่มนั้น เขาเปล่งเสียงคำรามออกมาด้วยโทสะที่แฝงความเคียดแค้นเกลียดชัง

ส่วนเฉินซีก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เดิมทีกระบี่หักเล่มนั้นมาพร้อมกับผนึกแก้วศักดิ์สิทธิ์โกลาหล ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก และเจดีย์ทองสัมฤทธิ์ ทว่ากระบี่เล่มนี้กลับหม่นประกาย ทื่อ ไร้คม ทำให้ไม่มีอะไรโดดเด่นแม้แต่น้อย

แต่หารู้ไม่ว่านั่นคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้แม้แต่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต่างพิภพยังต้องหวาดหวั่น

ส่วนสิ่งที่น่างงงวยที่สุดสำหรับเฉินซีก็คือการเห็นกระบี่หักนั่นถลาเข้ามายังตัวเขาอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นพลันมีบางอย่างปรากฏขึ้นตรงหน้า และท่ามกลางความงุนงง ชายหนุ่มก็เห็นมดตัวหนึ่งทะยานขึ้นจากไหล่ของเขา ร่างที่เล็กจิ๋วโผล่ขึ้นมาพร้อมกับเผยเจตจำนงกระบี่ที่น่ากลัวยิ่งออกมา!

มดตัวนี้เล็กธรรมดาไม่ต่างจากมดตัวอื่น ๆ ในจักรวาล ทว่าด้วยการมีอยู่ของเจตจำนงกระบี่ มันจึงกลายเป็นมดที่แตกต่างจากตัวอื่น!

เจตจำนงกระบี่นี้ปกคลุมทั่วท้องนภาราวกับมหาสมุทร และยังมีโชคชะตาแห่งโลกาบรรจุไว้ในตัวกระบี่ ดูราวกับว่าบัดนี้เทพกระบี่จากยุคบรรพกาลได้ลงมาเยือน ทำให้ผู้คนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแสดงความเคารพออกมา

นี่เป็นเจตจำนงกระบี่ที่หาตัวจับยาก เจิดจ้าและใหญ่โตมโหฬาร ความงามของทุกสิ่งบนโลกถูกรวมเข้ามาในเจตจำนงกระบี่นี้ จนพลังศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ของมันแผ่ซ่านออกมา

หากมันปรารถนาก็สามารถพุ่งทะยานสู่สวรรค์ทั้งเก้า ผ่าดวงตะวันจันทราและดารา หรือจะลงไปสู่ยมโลกแดนใต้พิภพที่ไร้ขอบเขตเพื่อกำจัดความชั่วร้ายทั้งหมดก็ย่อมได้!

ชายหนุ่มชะงักงัน “นี่ไม่ใช่มดที่ข้าหยิบขึ้นมาหรอกหรือ? เขาคือผู้เยี่ยมยุทธ์ที่มีความแข็งแกร่งเท่าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬในยุคบรรพกาลอย่างนั้นหรือ?”

“สหายเต๋า ในที่สุดเจ้าก็ลงมือ” หม้อใบจิ๋วถอนหายใจเบา ๆ

มดตัวน้อยขยับหนวดของมันราวกับกำลังจะบอกอะไรบางอย่าง ก่อนที่อึดใจต่อมามันจะคว้ากระบี่หักแล้วพุ่งเข้าหาชายผมขาว

ชิ้ง!

กระบี่ที่ฟาดลงไปนั้นราวกับว่าทำให้โลกถูกผ่าออกเป็นสองท่อน ทำให้ภาพมายาถือกำเนิด …มีดวงตะวัน จันทรา และดาราโคจรอยู่รอบมัน เจตจำนงกระบี่อันใหญ่โตมโหฬารนี้บรรจุด้วยความล้ำลึกมหาศาล และก่อให้เกิดความล้ำลึกที่สามารถเปลี่ยนแปลงจักรวาลได้!

“ไอ้สารเลว! ที่เจ้าเอาชนะข้าในเจดีย์สยบสวรรค์เมื่อหลายปีก่อนได้ก็เป็นเพียงเพราะพึ่งพาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬเท่านั้น! ผ่านมาหลายปีแล้วจนแม้แต่กระบี่สรรค์สร้างยังหักเป็นสองท่อน มันจึงไม่มีทางที่จะฟื้นพลังศักดิ์สิทธิ์เดิมกลับมาได้ แล้วเจ้ายังคิดว่าจะสยบข้าได้อีกหรือ!” ชายผมขาวตะโกนด้วยความโมโห เผยความเสียสติในน้ำเสียงนั้น มือของเขาสั่นไปมาทำให้เกิดแสงสีดำปะทุขึ้น ราวกับสายน้ำสีเงินจำนวนมหาศาลที่ไหลลงมาจากจักรวาล

ขวับ!

ปราณกระบี่ผ่าลำแสงดำและเส้นผมขาวของอีกฝ่ายในทันใด!

หากไม่ใช่เพราะหลบทันเวลา การโจมตีนี้ก็คงจะพาชายผมขาวลงนรกเสียแล้ว

“บัดซบเอ๊ย! หากไม่ใช่เพราะฝีมือของข้าขึ้นสนิมและเทียบไม่ได้กับตอนที่อายุยังน้อย ข้าคงจะไม่มีวันปล่อยเจ้าให้อาละวาดเช่นนี้หรอก!” เส้นผมของชายผมขาวสะบัดพลิ้วพร้อมโทสะ ทั้งไม่พอใจและแค้นเคือง

แต่โดยไม่คาดคิด …ชายผมขาวกลับเลือกที่จะไม่สู้ อีกฝ่ายยื่นมือออกมาฉีกห้วงมิติโดยตรงด้วยความตั้งใจที่จะจากไปแทน!

ปัง!

มดตัวน้อยฟันออกไปอีกครั้งเมื่อเห็นเช่นนี้ ทำให้แสงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ผ่าห้วงมิติออกจนกระทั่งสลายไป

ขวับ!

มันฟันร่างของชายผมขาวออกเป็นสองท่อน

เฉินซีถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นสิ่งนี้ แต่ก่อนจะได้ทันสบายใจ ร่างของชายผมขาวก็บิดตัวไปมาก่อนจะเริ่มฟื้นคืน!

แต่ครานี้สีหน้าของอีกฝ่ายซีดเซียวเป็นอย่างมาก และร่างกายของเจ้าตัวก็เต็มไปด้วยกลิ่นเน่าเปื่อย

“มากำจัดเขากันเถอะ!” หมอใบจิ๋วพลันตะโกนออกมาขณะที่ร่างของมันขยายใหญ่พร้อมเสียงดัง ‘ครืน’ ทำให้ทั่วทั้งร่างถูกปกคลุมด้วยรัศมีศักดิ์สิทธิ์ที่ลุกโชน ก่อนจะบดขยี้ชายผมขาว!

มดตัวน้อยก็ลงมือเช่นกัน กระบี่หักทะยานขึ้นสู่เวหาราวกับสายฟ้าฟาด กลายรูปเป็นสายฟ้าที่ฟาดฟันลงมา!

โครม!

ห้วงมิติระเบิดเป็นจุณ ขณะที่ชายผมขาวทนพิษบาดแผลที่อันตรายถึงชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะถูกระเบิดกลายเป็นชิ้นเนื้อกระจัดกระจายในท้ายที่สุด

“เขาคงจะดับสูญไปแล้วจริง ๆ” เฉินซีพึมพำ

ทว่าชายหนุ่มก็เป็นต้องตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นชิ้นเนื้อคืบคลานเข้าหากัน และก่อตัวเป็นชายผมขาวอีกครั้ง

‘…เห็นทีการสังหารชายผู้นี้จะเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว!’ เมื่อคิดได้แบบนั้น เขาก็พลันรู้สึกว่าสิ่งนี้มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก!!!

“บัดซบ! พวกชนพื้นเมืองของทั้งสามภพอย่างพวกเจ้าทั้งหมดสมควรตาย! ภายในพันปีข้าจะกลับมาและจะนำศึกนองเลือดมาสู่ทั้งสามภพนี้!” ร่างของชายผมขาวเริ่มเลือนรางราวกับพร้อมแตกสลายได้ทุกเมื่อ

ต่อจากนั้น เจ้าตัวพลันก้าวออกไปสู่ห้วงมิติที่กว้างขวาง ทำให้ร่างของชายผมขาวหายไปอย่างไร้ร่องรอย

หนีไปแล้ว!

เฉินซีชะงักงัน เพราะแม้หม้อใบจิ๋วกับมดน้อยจะร่วมมือกันแล้วก็ยังไม่อาจหยุดอีกฝ่ายได้ ทำให้เขาแทบไม่เชื่อสายตาของตนเอง

“กลับมาในอีกพันปีข้างหน้า และนำศึกนองเลือดมาสู่สามภพ…”

เสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นยังคงดังก้องอยู่ในอากาศ เป็นสิ่งที่บอกเฉินซีว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจริง

“ช่างน่าเสียดายจริง ๆ…” หม้อใบจิ๋วถอนหายใจแผ่วเบา เผยความไม่พอใจและช่องว่างในใจที่ไม่อาจปกปิดไว้ได้ออกมา หากมันอยู่ในช่วงสมบูรณ์พร้อม เรื่องเช่นนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนใช่หรือไม่?

แคร็ก! แคร็ก! แคร็ก!

กระบี่หักเริ่มแตกเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนจะเปลี่ยนรูปเป็นดวงแสงสว่างจ้าล่องลอยไปในอากาศ กลายเป็นความว่างเปล่าและหายไปจากโลกโดยสิ้นเชิง

เฉินซีฟื้นจากอาการตกใจ พลางมองเหตุการณ์ตรงหน้านี้ด้วยความประหลาดใจ เขาไม่อาจเข้าใจว่าเหตุใดกระบี่ที่แผ่ซ่านพลังศักดิ์สิทธิ์เมื่อก่อนหน้านี้จึงแตกเป็นเสี่ยง ๆ ในตอนนี้

“เป็นเรื่องจริงสินะ นี่เป็นวัฏจักรที่ไม่อาจหวนกลับคืนได้มาตั้งแต่ต้นแล้ว…” เสียงแผ่วเบาดังมาจากมดตัวน้อย

สิ่งที่มาพร้อมกับการถอนหายใจนี้คือ กลิ่นอายอันน่าเกรงขามรอบตัวของมันที่เริ่มจางและสลัวลง… ลำแสงสว่างวาบควบแน่นเป็นกระดูกสีขาวที่หนาเหมือนตะเกียบยาวหนึ่งชุ่น เป็นผลึก โปร่งแสงและเต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ อักขระยันต์โบราณประทับอยู่บนผิวกระดูกก่อนจะเปลี่ยนเป็นลายมดในที่สุด

ชายผมขาวจากไปแล้ว กระบี่หักสลาย และมดตัวน้อยได้กลายเป็นกระดูกขาวหยก ทุกอย่างกลับมาสู่ความเงียบงัน มีเพียงแท่นบูชาที่เสียหายและซากหลังการต่อสู้จบลงเท่านั้นที่หลงเหลืออยู่ เป็นเครื่องเตือนใจถึงศึกที่น่าตกตะลึงก่อนหน้านี้

“เหตุใด… มันจึงหายไป?” หลังจากเงียบอยู่นาน เฉินซีก็หยิบกระดูกชิ้นเล็กสีขาวหยกอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นความเศร้าโศกก็ผุดขึ้นในใจของเขาขณะที่มองดูลวดลายมดบนพื้นผิวของมัน

เขายืนยันได้แล้วว่ามดตัวน้อยนี้เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์จากยุคบรรพกาล เป็นมดที่ช่วยสกัดกั้นการโจมตีของเสวียนขุยในช่วงคับขันและช่วยชีวิตเขาเอาไว้

มันถึงกับทำให้เขาคาดเดาว่าตอนที่ตนเองกำลังปีนขึ้นไปบน ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สูงตระหง่าน …อาจเป็นเพราะมดตัวนี้ก็เป็นได้ที่ทำให้จักรพรรดิมดช่วยเหลือเขา

ทว่าหลังจากขับไล่ชายผมขาวออกไปด้วยการฟันกระบี่ถึงสามครั้ง มันก็สลายกลายเป็นชิ้นกระดูกขาว ฉะนั้นชายหนุ่มจะไม่รู้สึกเศร้าหมองได้อย่างไร?

“เขาสิ้นชีพไปนานแล้ว สิ่งที่ปรากฏก่อนหน้านี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวจิตวิญญาณที่หลงเหลืออยู่เท่านั้น” เสียงของหม้อใบจิ๋วกลับมาเป็นปกติ เป็นเสียงสุขุมไม่มีแม้แต่ความรู้สึกใด ๆ

“เพียงเศษเสี้ยวจิตวิญญาณ?” เฉินซีชะงัก โดยไม่กล้าที่จะคิดต่อไป นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวจิตวิญญาณ ทว่าสามารถสู้กับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จนกระทั่งบีบบังคับให้อีกฝ่ายล่าถอยได้ หากมันยังมีชีวิตอยู่ มดตัวน้อยจะน่าเกรงขามเพียงใดกัน?

“ไม่จำเป็นต้องคาดเดาหรอก ไม่ว่าจะเป็นมดหรือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต่างพิภพ ความแข็งแกร่งของพวกเขาในการต่อสู้ครั้งนี้ก็ยังไม่ถึงเศษหนึ่งในพันของความแข็งแกร่งที่แท้จริงยามสมบูรณ์พร้อม มิฉะนั้น ด่านแห่งความลึกล้ำก็คงถูกทำลายไปนานแล้ว” หม้อใบจิ๋วพักเสียงครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อว่า “รีบเก็บของออกไปจากที่นี่เสีย หากจำไม่ผิด อีกไม่นานนักเหวเงาทมิฬก็จะปิดลงและหายจากโลกนี้ไปอีกครั้ง”

เฉินซีตะลึงงัน เร่งเก็บกระดูกมดขาวหยกไว้ จากนั้นก็มองหาก่อนจะพบเข้ากับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากภายในเศษหินของแท่นบูชาที่เสียหาย

สิ่งนี้ช่างน่าอัศจรรย์และเหนือธรรมดา แรงระเบิดที่มาจากการสละชีพของเสวียนขุยนั้นมหาศาลยิ่ง ทว่ากลับไม่สามารถทำอะไรชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากได้เลย มันยังคงมีสภาพเช่นเดิมอย่างที่เขาเคยเห็น

น่าเสียดายที่หลังจากเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันมากมาย โอสถล้ำค่ามากมายบนแท่นบูชา กระบี่หัก และเจดีย์ทองสัมฤทธิ์ก็ถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี ไม่เช่นนั้น หากเขารวบรวมพวกมันได้ทั้งหมด มูลค่าของพวกมันก็คงจะมหาศาลถึงขนาดที่สามารถทำให้เทพเซียนยอมสู้จนตัวตายเพื่อให้ได้รับพวกมันมา

“ไปกันเถอะ กระบี่สรรค์สร้างกับเจดีย์สยบสวรรค์ก็ถูกทำลายแล้ว เหลือเพียงแต่แก่นแท้ของพวกมันเท่านั้น แม้จะเก็บไว้ก็ซ่อมแซมพวกมันได้ยาก” หม้อใบจิ๋วกล่าว

เฉินซีพยักหน้าพลางมองไปยังแท่นบูชาด้านหลังเขาอีกครั้ง ก่อนจะกลับสู่เส้นทางเดิมที่เข้ามา

สิ่งที่เขาได้มาจากด่านแห่งความลึกล้ำนั้นเพียงพอแล้ว มีทั้งพลังแก่นแท้สสารของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬ ผนึกแก้วศักดิ์สิทธิ์โกลาหล ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก และกระดูกมดเล็กสีขาวหยกที่ผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งยุคบรรพกาลทิ้งไว้

ทว่าเมื่อเทียบกับของทุกอย่างที่มีแล้ว สิ่งที่เป็นผลพลอยได้สำหรับเขามากที่สุดก็คือการเข้าใจในความแข็งแกร่งของตน เมื่อดูการต่อสู้ระหว่างชายผมขาวกับมดตัวน้อยและหม้อใบจิ๋วแล้ว ชายหนุ่มก็เข้าใจเป็นอย่างดีว่าตัวเขายังอ่อนแออยู่ และหากต้องการรอดจากหายนะที่กำลังจะมาเยือนทั้งสามภพ เขาก็ต้องตั้งใจฝึกฝนและบ่มเพาะอย่างอุตสาหะ!

มีเพียงการเพิ่มพลังเท่านั้นที่จะทำให้เขาไม่เกรงกลัวภัยคุกคามใด ๆ!

ฟิ้ว!

ผ่านไปเกือบหนึ่งเค่อ เฉินซีได้เดินออกจากด่านแห่งความลึกล้ำและกลับมายังต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่สูงตระหง่านเหนือท้องนภาอีกครั้ง

ขณะที่เขามองดูท้องฟ้ายามค่ำคืน โลกอันเงียบสงบและโดดเดี่ยว และซากกระดูกที่กองอยู่เต็มพื้น ความรู้สึกเหมือนอยู่คนละโลกก็เกิดขึ้นในใจของชายหนุ่มโดยไม่มีเหตุผล

ราวกับว่าการเดินเข้าไปในด่านแห่งความลึกล้ำเป็นการเข้าสู่ความฝันที่แปลกประหลาดและเหลือเชื่อ

“โชคยังดีที่ข้ารอดมาได้…” เฉินซีพึมพำ พลางรู้สึกถึงความสบายใจที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ตัวเขาในเวลานี้ไม่ต้องการสิ่งใด นอกจากพาอันเวยกับหลงเจิ้นเป่ยกลับไปที่นิกายกระบี่เก้าเรืองรอง และปิดด่านบ่มเพาะเพื่อฝึกฝนต่อไป

“เฉินซี ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว!” ทันทีที่เขากำลังจะเคลื่อนไหว เสียงเย็นยะเยือกไร้ซึ่งอารมณ์ก็ดังขึ้นจากระยะไกล จากนั้นร่างที่หล่อเหลาเป็นพิเศษก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วจากท้องฟ้าอันไกลโพ้น

ทำไมถึงเป็นเขา!

ม่านตาของเฉินซีหดลงทันทีเมื่อเห็นร่างตรงหน้าอย่างชัดเจน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท