บทที่ 684 ถูกทำลายแดนฮุ่นตุ้น
บทที่ 684 ถูกทำลายแดนฮุ่นตุ้น
“ตายซะ!”
หลังจากการฟันด้วยกระบี่ในครั้งนี้ได้สร้างบาดแผลที่มือขวาของปิงซื่อเทียน เฉินซีพลันพลิกกระบี่ขึ้นอีกครั้ง ทำให้มันระเบิดประกายแสงสีเลือดออกไป ส่งผลให้ปราณวิญญาณที่อยู่ในระยะสองร้อยห้าสิบลี้ถูกดูดซับอย่างสมบูรณ์ จากนั้นมันก็ท่วมท้นไปด้วยอานุภาพที่สามารถบดขยี้โลก และโจมตีเข้าใส่อีกฝ่ายอีกครั้ง!
“หืม?! นี่เจ้าทำให้ข้าบาดเจ็บได้จริงหรือ?!” ปิงซื่อเทียนผงะเล็กน้อย เพราะนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะสามารถทำลายพลังฝ่ามือของตนได้ในชั่วพริบตาและเป็นฝ่ายถูกกดดันกลับอีกครั้ง
“เฉินซี การที่เจ้าจะบ่มเพาะมาจนถึงระดับนี้ได้ไม่ง่ายเลย และหากเจ้าสามารถบ่มเพาะจนบรรลุสู่ขอบเขตเซียนปฐพีได้ในภายหน้า ข้าก็นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าเจ้าจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งเพียงใด เมื่อถึงเวลานั้น การที่ข้าจะสังหารเจ้าก็อาจเป็นเรื่องที่ยากลำบากเล็กน้อย แต่ในตอนนี้ แม้เจ้าจะดิ้นรนขัดขืน มันก็ไร้ประโยชน์!”
ร่างของปิงซื่อเทียนวูบวาบไปมาบนท้องฟ้า ทำให้กระบี่ของเฉินซีไม่กระทบกับสิ่งใดนอกจากความว่างเปล่า และไม่แม้แต่จะสัมผัสชายเสื้อของอีกฝ่าย
เพราะนี่ไม่ใช่เคล็ดวิชาอันใด แต่เป็นเคล็ดวิชาเคลื่อนย้ายมิติ!
ด้วยการบ่มเพาะของปิงซื่อเทียน เขาย่อมเข้าใจความลึกล้ำของอวกาศเมื่อนานมาแล้ว และเขายังเชี่ยวชาญในกฎแห่งมิติ ซึ่งเป็นความสามารถของเซียนสวรรค์ ดังนั้นการโจมตีของเฉินซีจึงไม่ส่งผลใด ๆ ต่อตัวเขา
ด้วยความแข็งแกร่งของเฉินซีในปัจจุบัน เขาสามารถสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์ที่อยู่ในขอบเขตเดียวกัน ซึ่งมีพลังต่อสู้ถึงเจ็ดหรือแปดเท่าได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเซียนสวรรค์ที่เข้าใจกฎแห่งมิติ เขาย่อมพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงอย่างไร มันก็ไร้ประโยชน์ ไม่ว่าชายหนุ่มจะแข็งแกร่งเพียงใด ความห่างชั้นในขอบเขตการบ่มเพาะของพวกเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทดแทนด้วยความแข็งแกร่ง พลังต่อสู้ หรือสมบัติวิเศษได้
ในขณะนี้ ปิงซื่อเทียนดูราวจะอยู่ในมิติอื่น และเขากำลังเคลื่อนไหวไปมาดุจหมอกควัน ภายใต้สถานการณ์นี้ การโจมตีทั้งหมดก็ไม่อาจทำร้ายอีกฝ่ายได้แม้แต่น้อย
เว้นแต่ว่าการโจมตีของเฉินซีจะสามารถฟันมิติออกจากกันและทะลวงผ่านพันธนาการแห่งมิติได้ มิฉะนั้น เฉินซีก็ไม่อาจโจมตีเขาได้
“เจ้ายังคิดที่จะสู้อีกหรือ? ถ้าอย่างนั้น ข้าจะแสดงให้ดูว่าความแข็งแกร่งของเซียนสวรรค์นั้นทรงพลังเพียงใด!”
ขวับ!
ปิงซื่อเทียนยื่นมือออกไปและคว้าจับ ในขณะที่แสงเจิดจรัสของปราณเซียนรวมตัวกันที่ใจกลางฝ่ามือ ก่อนที่เจ้าตัวจะกดฝ่ามือลงมา และได้เปลี่ยนท้องฟ้าเป็นสีเขียว ทำให้ดูเหมือนว่าท้องฟ้าได้พังทลายในทันใดและกำลังโหมกระหน่ำลงไปที่เฉินซี
ท้องฟ้าสีเขียวนี้มีร่องรอยของสวรรค์และประทับด้วยกฎลึกล้ำที่ไร้ขอบเขต มันปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวอันกว้างใหญ่ นิรันดร์ และไม่อาจล่วงละเมิด โดยมันได้แทรกซึมเข้าไปในศาสตร์เต๋าของชายหนุ่ม และบั่นทอนจิตใจจนเขาสูญเสียกำลังใจที่จะต่อต้าน
โชคดีที่ดวงจิตแห่งเต๋าของเฉินซีได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด่านแห่งความลึกล้ำมาแล้ว มันจึงทั้งบริสุทธิ์และควบแน่นเหมือนแก้ว ทำให้เขาได้สติกลับมาหลังจากตกตะลึงไปชั่วขณะ
ทว่าก่อนที่จะทันได้ต้านทาน ท้องฟ้าสีเขียวก็ถาโถมลงมาและขังชายหนุ่มเอาไว้โดยตรง รอบกายของเขาเต็มไปด้วยพลังของกฎที่ทรงพลังอย่างยิ่ง อีกทั้งพวกมันยังอัดแน่นและทรงพลังยิ่งกว่ามหาเต๋ามากมายหลายเท่า และด้วยพลังของเฉินซีในปัจจุบัน เขาก็ไม่สามารถดิ้นรนให้หลุดพ้นจากมันได้
นี่คือพลังของเซียนสวรรค์!
พวกเขาเข้าใจในกฎแห่งมหาเต๋า และทุกการเคลื่อนไหวที่พวกเขาทำ จะทำให้มหาเต๋าก่อตัวขึ้นพร้อมกับกฎ พลังระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะคนใดในโลกจะเทียบได้!
แคร็ก! แคร็ก!
เฉินซีพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง และตั้งใจจะหลบหนีจากการถูกท้องฟ้าสีเขียวนี้บดขยี้ แต่มันก็ไร้ประโยชน์ เพราะดูเหมือนภูเขาลูกใหญ่นับไม่ถ้วนกำลังกดทับลงมาจากทางด้านบนของเขา และรอบ ๆ ตัวชายหนุ่มขณะนี้เต็มไปด้วยปราณเซียนและพลังกฎเกณฑ์ ทำให้เขาไม่สามารถต้านทานได้ กระดูกทั่วทั้งร่างต่างเปล่งเสียงลั่นชวนเสียวฟันออกมา และพวกมันดูจะแตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในไม่ช้า
ร่างกายของเขาถูกกดดันจนเลือดสีแดงเข้มไหลออกมาจากทุกรูขุมขน และร่างของชายหนุ่มก็อาบไปด้วยเลือดในทันที
อย่างไรก็ตาม การขัดเกลากายาของเขาก็ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ร่างกายของเฉินซีจะถูกทำลาย แต่ตราบใดที่แก่นวิญญาณของเขาไม่ถูกทำลาย ชายหนุ่มก็สามารถเกิดใหม่ได้จากเลือดเพียงหยดเดียว
ในขณะนี้ เฉินซีรู้ดีว่าสถานการณ์คับขับเป็นอย่างยิ่ง จึงรวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อห่อหุ้มตัวเขาเอาไว้และปกป้องแก่นวิญญาณ ด้วยหลบหนีออกไปในเวลานี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
พร้อมกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ผิวหนังบนร่างกายของเขาถูกทำลายลงทีละนิด จนเลือดเนื้อระเบิดออกมา และกระทั่งกดทับเสียจนกระดูกสันหลังของเขายังโค้งงอ ทำให้ชายหนุ่มแทบทนไม่ไหวอีกต่อไป
เมื่อลองไตร่ตรองดูแล้ว หากแรงกดดันยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็ว เฉินซีจะถูกบดขยี้จนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและล้มตาย
“วิเศษ! เจ้าสามารถต้านทานได้ถึงขนาดนี้ เจ้าคู่ควรแก่การเป็นอัจฉริยะที่มีศักยภาพพอที่จะกลายเป็นสุดยอดผู้เยี่ยมยุทธ์ เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลย และหากข้าให้เวลาเจ้าบ่มเพาะอีกสักร้อยปี บางทีเจ้าอาจเติบโตจนสามารถสู้กับข้าได้” ปิงซื่อเทียนยืนเอามือไพล่หลัง สีหน้าของเขาเย็นชาและไม่แยแสอย่างยิ่ง ดวงตาของเจ้าตัวเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“น่าเสียดายที่เจ้าต้องตายในวันนี้ และผู้ละทิ้งสวรรค์หลิ่วเจี้ยนเหิงก็จะไม่สามารถช่วยเจ้าได้อีก!”
ขณะที่กล่าว ฝ่ามือก็ตวัดไปมาซ้ำ ๆ ก่อนที่จะกดลงไปที่เฉินซีอีกครั้ง
เฉินซีรู้สึกได้ทันทีว่า แรงกดดันที่กระทำต่อเขานั้นเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมถึงสิบเท่า! ชายหนุ่มจึงโคจรแดนฮุ่นตุ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่ามันกลับไร้ประโยชน์ เพราะท้องฟ้าสีเขียวนั้นน่ากลัวเกินไป อีกทั้งยังทำให้เขารู้สึกว่าไม่สามารถเคลื่อนไหวและถูกกักขังอยู่ในกรงอย่างสมบูรณ์!
“ตายซะ!” ชุดคลุมขนนกของปิงซื่อเทียนกระพือไหว ในขณะที่สีหน้าของเขาเยือกเย็นอย่างยิ่ง ก่อนที่ตัวคนจะกำมือแน่น และทำท่ายกจับขึ้นไปในอากาศ!
ครืน!
จู่ ๆ โซ่ตรวนเส้นหนานับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้าสีเขียว และพวกมันก็ถูกควบแน่นเป็นรูปเป็นร่างโดยกฎแห่งมหาเต๋า พวกมันต่างพุ่งเข้าใส่บริเวณรอบ ๆ เฉินซีโดยตรง จากนั้นก็วนรอบตัวเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่จะรัดแน่นอย่างดุเดือด!
พรวด! พรวด! พรวด!
ร่างกายของเฉินซีเป็นเหมือนเศษผ้าที่ถูกบิด ร่างกายของเขาถูกบีบจนพังทลาย กระดูกทั่วทั้งร่างแตกหัก เลือดหลั่งไหลออกมาชโลมกาย ทำให้เป็นภาพที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง
ยิ่งกว่านั้น โซ่ตรวนเหล่านี้ยังเป็นอันตรายต่อแก่นวิญญาณและดวงวิญญาณอย่างมาก พวกมันปล่อยพลังแห่งการกักขังที่ตั้งใจจะดึงทั้งวิญญาณและแก่นวิญญาณของเฉินซีออกมา
ทันใดนั้น เฉินซีก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวปางตาย
โอม!
ทันทีที่เฉินซีดูเหมือนจะใกล้จะถูกสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หม้อใบจิ๋วก็ลอยขึ้นมา มันเปล่งแสงสวรรค์อันกว้างใหญ่ ซึ่งปกคลุมไปด้วยลำแสงแห่งสวรรค์อันไร้ขอบเขต ทันทีที่มันปรากฏขึ้น มันก็ทำให้โซ่ตรวนมากมายแตกเป็นเสี่ยง ๆ
ตู้ม!
ท้องฟ้าสีเขียวที่ควบแน่นจากพลังของกฎแห่งมหาเต๋าได้ถูกหม้อใบจิ๋วทะลวง และแตกสลายจนหายไปอย่างไร้ร่องรอบ
“เป็นเจ้าจริง ๆ หรือ!?”
ดวงตาของปิงซื่อเทียนพลันหรี่ลง และเขาจำหม้อใบจิ๋วนี้ได้ทันที! นี่มันน่าตกใจยิ่งนัก หม้อใบจิ๋วนี้คือตัวตนที่น่าเกรงขาม ซึ่งเคยแสดงพลังที่ไร้เทียมทานในสมรภูมิบรรพกาล และทำลายล้างผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพไปถึงสี่คน
ทว่าในไม่ช้า เขาก็พบว่า ความแข็งแกร่งของหม้อใบจิ๋วนี้ด้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับวันนั้น ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เขาเข้าใจอย่างฉับพลันและไม่กังวลอีกต่อไป
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถหยุดข้าจากการสังหารเฉินซีในวันนี้ได้! ยิ่งไปกว่านั้น ข้าจะขัดเกลาเจ้าและทำให้เจ้าเป็นของข้าซะ!”
ปิงซื่อเทียนตะโกน จากนั้นเขาก็เหยียดมือออกไป เปลี่ยนนิ้วให้กลายเป็นทองคำที่แข็งแกร่งและหนาหนักของกฎแห่งมหาเต๋า ก่อนที่พลังกรงเล็บจะตวัดฟาดลงมาจากฟากฟ้า พุ่งเข้าใส่หม้อใบจิ๋ว
ปัง!
ส่วนหม้อใบจิ๋วนั้นยังคงนิ่งเงียบ ขณะที่อักขระยันต์โบราณจำนวนมากค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนร่างของมัน อักขระยันต์เหล่านี้ถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอายสวรรค์ และอาบไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ที่เจิดจรัส มันได้ทำให้การโจมตีในครั้งนี้แตกเป็นเสี่ยง ๆ
“วิเศษ! วิเศษมาก! ช่างเป็นสมบัติที่ทรงพลัง! หากเจ้าอยู่ในมือของข้า เมื่อกลับไปยังภพเซียนแล้ว เจ้าย่อมช่วยข้าสร้างโลกใหม่ได้อย่างแน่นอน!” ปิงซื่อเทียนไม่เพียงไม่โกรธ แต่กลับเริ่มหัวเราะแทน ดวงตาของเขาลุกเป็นไฟ และตั้งใจที่จะครอบครองหม้อใบจิ๋วใบนี้ให้จงได้!
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจก็คือ หม้อใบจิ๋วนั้นกลับเปล่งแสงอันเจิดจรัสออกมา จากนั้นก็ฉีกมิติออกจากกัน และตั้งใจพาเฉินซีหลบหนีไปด้วย
“เจ้าไม่อาจหนีไปไหนได้ทั้งนั้น!” สีหน้าของปิงซื่อเทียนพลันมืดมนลง เขาก้าวไปข้างหน้า และสะสมพลังมิติชั้นแล้วชั้นเล่า ก่อนจะชกหมัดออกไป
หมัดนี้ได้รวบรวมจิตสังหารและเจตจำนงของเขาทั้งหมด และมันก็เหมือนกับว่ากฎของเซียนสวรรค์ได้ผสานเข้าด้วยกัน ก่อนจะฉีกทะลุมิติและพุ่งทะยานออกไป!
ครืน!
ในขณะนี้ เฉินซีดูราวกับกำลังใกล้ตาย ทั่วทั้งร่างกายเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แม้แต่แดนฮุ่นตุ้นภายในร่างกายของเขาก็แตกสลาย!
พรวดด!
ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงได้กระจายไปทั่วทั้งร่างกายของเขา ทันใดนั้น เฉินซีก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ในเวลาต่อมา วิสัยทัศน์ของชายหนุ่มก็กลายเป็นดำมืดและหมดสติไป
“ต่อให้เจ้าหนีไปได้ แล้วมันจะทำอะไรได้?! เฉินซี แดนฮุ่นตุ้นของเจ้าถูกข้าทำลายแล้ว รากฐานบ่มเพาะของเจ้าก็พังทลาย! เจ้ากลายเป็นคนพิการอย่างสมบูรณ์ และไม่มีวันที่เจ้าจะได้ก้าวเดินอยู่บนเส้นแห่งเต๋าอีกต่อไปในชีวิตนี้! ฮ่า ๆๆๆ! แล้วเจ้าจะชนะพนันกับข้าในอีกร้อยปีนับจากนี้ได้อย่างไร?”
…
ครืนน!
ในวันนี้ แรงสั่นสะเทือนที่เขย่าสวรรค์ได้เกิดขึ้นในเหวเงาทมิฬ ไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรเร้นลับเงาทมิฬ ดินแดนรังสรรค์กระบี่ หรือด่านแห่งความลึกล้ำ พวกมันทั้งล้วนหายไปท่ามกลางเสียงที่ดังกึกก้อง
หลังจากนั้น ท่ามกลางสายตาที่จดจ้องของทุกคนในเมืองเหมันต์บรรพกาล ภูเขาเก้าหอคอยที่เคยตั้งตระหง่านตั้งแต่ยุคบรรพกาลก็พร่ามัวเช่นกัน ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะละลายไปในความว่างเปล่าและหายไปในที่สุด
เช่นนี้ เหวเงาทมิฬซึ่งปรากฏในทุก ๆ หมื่นปีก็หายไปอีกครั้ง บางทีเมื่อมันปรากฏขึ้นอีกครั้ง อาจจะเป็นเรื่องที่นานแสนนานในอนาคต
พร้อมกับการหายไปของเหวเงาทมิฬ เมืองโบราณที่สร้างจากน้ำแข็ง เมืองเหมันต์บรรพกาลก็เงียบลงและสูญเสียบรรยากาศที่จอแจอย่างเช่นเคย
ผู้เยี่ยมยุทธ์มากกว่าครึ่งที่เข้าสู่เหวเงาทมิฬในครั้งนี้ ต่างก็ล้มตายลง และมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่โชคดีพอจะรอดชีวิตกลับมาได้ ในบรรดาคนเหล่านี้ บางคนก็ได้รับโชคลาภก้อนโต ในขณะที่บางคนต้องกลับมามือเปล่า
“ไม่นึกเลยว่า กองกำลังที่ได้รับโชคลาภก้อนโตที่สุดกลับเป็นนิกายวิถีกระแสสวรรค์ ว่ากันว่าพวกเขาได้รับสมบัติล้ำค่ามากมายที่ยากจะพบเจอในโลกภายนอกจากดินแดนรังสรรค์กระบี่ และสมบัติทุกชิ้นเหล่านี้ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าที่หายากอย่างเหลือเชื่อ วาสนาเช่นนี้ ช่างน่าอิจฉาเสียจริง”
“นิกายฟ้ากำเนิด หอกระบี่สยบดวงใจ นิกายอสูรกระดูกขาวและนิกายอสูรวสันต์ยมโลกก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันมากนัก เจ้าไม่เห็นหรือว่าพวกเขาต่างเฉิดฉายแสงความสุข และรีบกลับไปยังนิกายของตนอย่างเร่งรีบเมื่อออกจากเหวเงาทมิฬ? เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้สมบัติก้อนโตเช่นกัน!”
“ฮึ่ม! หากเป็นในแง่ของการได้รับผลประโยชน์สูงสุด ย่อมคือเฉินซีแห่งนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง เขาได้รับชิ้นส่วนมหาเต๋าไปถึงหกชิ้นจากอาณาจักรเร้นลับเงาทมิฬ และเขายังคว้าเหยือกสุราที่กลั่นโดยผู้เป็นเซียนเมื่อครั้งที่เขาเข้าสู่พระราชวังแห่งการรังสรรค์ อีกทั้งข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นคนเดียวที่เข้าสู่ด่านแห่งความลึกล้ำ!”
“เจ้ากล่าวไร้สาระอันใดกัน! ด่านแห่งความลึกล้ำหรือ? ข้อมูลของเจ้าเป็นของปลอมชัด ๆ! ข้าได้ยินมาว่า เขาสร้างความขุ่นเคืองให้กับทุกคนที่อยู่ในพระราชวังแห่งการรังสรรค์ และถูกผู้เยี่ยมยุทธ์ของนิกายวิถีกระแสสวรรค์ไล่ฆ่า จนต้องหนีเข้าไปในสถานที่ที่มีความอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ข้าว่าเขาน่าจะตายไปแล้ว!”
“ผายลมเถอะ! บุคคลเช่นเฉินซีจะตายอย่างง่ายดายได้อย่างไร”
“หรือเจ้าคิดว่าเขายังมีชีวิตอยู่? อย่าโง่เขลาไปหน่อยเลย ทั้งที่เหวเงาทมิฬหายไปแล้ว แต่เขากลับยังไม่ปรากฏตัว ดังนั้นเขาคงตายไปแล้ว!”
แม้ว่าเหวเงาทมิฬจะหายไปแล้ว แต่ผู้คนบนท้องถนนยังคงพูดคุยถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเหวเงาทมิฬกันอย่างมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะเฉินซี ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นหัวข้อที่ร้อนแรงที่สุดในช่วงเวลานี้
เขาได้ชิ้นส่วนมหาเต๋าไปถึงหกชิ้น ต่อสู้กับกลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์เพียงลำพัง และสังหารไปมากกว่าร้อยคน!
เขาไล่ต้อนมือสังหารผู้ลึกลับ ‘รัตติกาล’ ที่ทำให้ทุกคนต้องหน้าซีดเพียงแค่เอ่ยถึงชื่อ ดังนั้นเฉินซีจึงกลายเป็นตัวตนที่น่าเกรงขามคนแรกที่รอดชีวิตจากการลอบสังหารของรัตติกาล และยังทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ
เขาต่อสู้กับเยี่ยนสือซาน คนคลั่งที่มีชื่อเสียงที่สุดของนิกายวิถีกระแสสวรรค์ และก็เอาชนะอีกฝ่ายได้ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนั้นตกตะลึงและทำให้ผู้คนมากมายต่างสรรเสริญชื่นชม
เขาเข้าไปในพระราชวังแห่งการรังสรรค์ และเพื่อชิงเหยือกสุรา เขาจึงสยบเหวินเต้าหรานและนักพรตเต๋าสุริยันชาดที่ร่วมมือกันด้วยการโจมตีเดียว ซึ่งเผยให้เห็นความอหังการที่ไร้เทียมทานและพลังที่ไม่มีใครเทียบได้!
เขา…
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับเฉินซี และทั้งหมดนั้นเต็มไปด้วยสีสันของตำนานที่ทำให้หัวใจของทุกคนวูบไหว แทบทุกคนต่างรู้ดีว่า อีกไม่กี่วัน ชื่อของเขาจะสั่นคลอนไปทั้งแดนภวังค์ทมิฬ!
“ไปกันเถอะ บางทีศิษย์น้องเฉินอาจกลับนิกายไปแล้วก็ได้” บนถนนของเมืองเหมันต์บรรพกาล หลงเจิ้นเป่ยถอนหายใจขณะที่ตัดสินใจจากไปในที่สุด
“ถูกของท่าน ศิษย์น้องเฉินย่อมไม่ใช่คนที่อายุสั้นอย่างแน่นอน ข้ารู้สึกว่าเขายังมีชีวิตอยู่ บางทีเขาอาจทำให้เราตกใจมากเมื่อเราเจอเขาครั้งต่อไป” อันเวยพึมพำด้วยสีหน้าไร้สุขทุกข์ มีเพียงความหนักแน่นที่ไม่อาจพรรณนาได้ เพราะนางเชื่อว่าเฉินซียังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน และคงจะ…