บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 701 ชัยชนะที่เหมือนฝัน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 701 ชัยชนะที่เหมือนฝัน

บทที่ 701 ชัยชนะที่เหมือนฝัน

“ฆ่ามัน!”

ภายใต้คำสั่งของเจ้าดำ

เด็กทั้งยี่สิบคนตรงหน้าได้กลายเป็นดั่งสว่านแหลมคมที่แปลงร่างเป็นยักษ์ที่มีสามหัวหกแขน พวกเขาต่างแยกมือทั้งหกออก ก่อนที่จะทุบลงมาอย่างพร้อมเพรียงกัน การเคลื่อนไหวของพวกเขาสม่ำเสมอและเป็นระเบียบ ราวกับว่าทุกคนหล่อจากแม่พิมพ์เดียวกัน ดู ๆ แล้วไม่มีความแตกต่างเลยแม้แต่น้อย

ตู้ม!

อาวุธมหึมาจำนวนมากที่หนาเหมือนหิน ซึ่งเปี่ยมไปด้วยปราณจ้าววิญญาณพังทลายทันทีในจังหวะนั้น เนื่องจากพวกเขามีระเบียบมาก เสียงสะท้านฟ้าที่ดังก้องไปทั่วความว่างเปล่า จึงดูราวกับว่าเกิดจากคนคนเดียวกัน

พรวด! พรวด! พรวด!

ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพกว่าสิบคนที่เป็นผู้นำในการจู่โจม ได้ถูกทุบตีจนเละเป็นข้าวต้มทันที อีกทั้งยังดูเหมือนแอ่งเลือดที่ติดอยู่กับพื้น

เมื่อผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพคนอื่น ๆ เห็นสหายกว่าสิบคนถูกสังหารภายใต้การโจมตีนี้ หัวใจของพวกเขาก็กระตุกอย่างรุนแรง และพวกเขาก็ไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะหลบไปด้านข้างในตอนนี้

ทว่าทันทีที่พวกเขากำลังจะหลบ กองทัพอีกสองกองที่อยู่ด้านข้างพลันเคลื่อนไหวพร้อมกัน และพวกเขาก็เหมือนดาบสองคมที่ฟันเข้าหาตรงกลาง!

ภาพที่เกิดขึ้นในตอนนี้เหมือนฉากจับหนูใส่โอ่ง ศัตรูที่เหลืออีกยี่สิบคนไม่มีเวลาแม้แต่จะหลบ ก่อนที่พวกเขาจะถูกทุบจนเละโดยกลุ่มเด็ก ๆ ที่กลายร่างเป็นยักษ์ที่มีสามหัวหกแขน จนเกิดเป็นฉากที่น่าสยดสยองขึ้น

เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้เกิดความตื่นตระหนกขึ้นในใจของผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ และการโจมตีของพวกเขาก็ชะงักลง

ในขณะนี้ กลุ่มของเจ้าดำที่เพิ่งโจมตีรอบแรกเสร็จสิ้นได้เปิดฉากโจมตีขึ้นอีกครั้ง พวกเขาดูราวกับสว่านที่เจาะเข้าไปในดงศัตรูโดยตรง บดขยี้เสียจนโลหิตหลั่งไหลเป็นทาง ทำให้เกิดเสียงร้องโหยหวนดังก้องอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

การโจมตีประหนึ่งสายฟ้าแลบนี้ทำให้เกิดความกระสับกระส่ายและความตื่นตระหนกในกองกำลังของศัตรู และก่อนที่พวกมันจะทันได้ตอบโต้ เจ้าหน้าบากกับเจ้าโล้นได้นำกลุ่มของตัวเองเปิดฉากโจมตีรอบที่สองโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย!

หากมีใครมองลงมาจากท้องฟ้า ก็คงเห็นสถานการณ์ในภาพรวมได้ เพราะแม้ว่ากลุ่มแนวหน้าที่นำโดยเจ้าดำกับสองกลุ่มด้านข้างที่นำโดยเจ้าหน้าบากและเจ้าโล้น จะดูมีรูปแบบต่าง ๆ มากมายและเคลื่อนไปในทิศทางที่ต่างกัน แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเขากำลังคงรูปกระบวนทัพแบบตัวอักษรผิ่นเอาไว้!

นี่คือแก่นแท้ของค่ายกลสามประสานเจาะทะลวง การโจมตีของมันคมดุจใบมีด การป้องกันของมันแข็งแกร่งเหมือนป้อมปราการ และไม่มีจุดบอด!

ทันใดนั้น ปราณจ้าววิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวของพวกเด็ก ๆ ก็หลอมรวมเข้าด้วยกัน และปกคลุมฟ้าดินราวกับอุกกาบาต ก่อนจะกระแทกเข้ากับกองกำลังของศัตรูอย่างรุนแรง ทำให้ฝั่งศัตรูเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง!

มีผู้เสียชีวิตมากกว่าร้อยคน!

ท่ามกลางคนของกองกำลังจากต่างพิภพ ในที่สุด สีหน้าของชายหนุ่มผมทองก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ในการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว คนของเขาก็สูญเสียไปหลายสิบคน เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของศัตรูมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าและโจมตีลงมาราวกับกระแสน้ำ ซึ่งมันได้กลายเป็นคลื่นระลอกแล้วระลอกเล่าโดยไม่เปิดช่องว่างให้พวกเขาได้คิดแม้แต่น้อย

ตราบใดที่พวกเขาเผยสัญญาณผ่อนคลายหรือข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย สิ่งนั้นจะถูกศัตรูจับไว้แน่น! ซึ่งมันก็ทำให้ชายหนุ่มผมทองรู้สึกยากจะเชื่อเล็กน้อย

นี่เป็นกลุ่มของเด็กน้อยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะจริงหรือ?

พวกเขากลายเป็นคนที่น่ากลัวเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?

ชายหนุ่มผมทองได้กลิ่นอันตรายเล็กน้อย แต่เขาก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นบ้าง เพราะทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กัน และในการต่อสู้ครั้งต่อไปนี้จะเป็นตัวตัดสินผู้ชนะ!

ฝ่ายของพวกเขายังคงครองตำแหน่งได้เปรียบ เพราะไม่เพียงมีตัวเขาเองที่เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับผนึกม่วง แต่ยังมีผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับทองทั้งสิบคนที่ยังไม่ได้รับอันตรายใด ๆ ในขณะที่คนที่เสียชีวิตไปก่อนหน้าต่างเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับทองสัมฤทธิ์ และระดับเงิน

“ฆ่า! ฆ่าชาวพื้นเมืองที่น่าสมเพชพวกนี้ให้หมด!”

ชายหนุ่มผมทองตะโกนเสียงดัง ด้วยความแข็งแกร่งระดับผลึกม่วง ทำให้เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ กระทั่งพานคิดไปว่าผลลัพธ์ของศึกนี้ได้ออกมาแล้ว!

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

ทันใดนั้น จู่ ๆ คลื่นเสียงโหยหวนที่บาดหูและรวดเร็วก็ได้แผ่กระจายออกมา จนกลบเสียงของชายหนุ่มผมทองเสียมิด!

สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอีกครั้งทันที เพราะภายในขอบเขตการมองเห็นได้มีลูกธนูแสงพร่างพรายจำนวนมากพุ่งออกมาอย่างกะทันหัน ทว่าเจ้าตัวก็พลันรู้สึกสบายใจขึ้นมา เมื่อพบว่าการโจมตีเหล่านี้ไม่ได้มีเป้าหมายมาที่ตัวเขา

แต่หลังจากนั้นไม่นาน หัวใจของชายผมทองก็ต้องสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ถึงขนาดก่นด่าสาปแช่งอยู่ในใจ!

เพราะฉากที่เขาไม่ต้องการเห็นที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับทองจำนวนมากที่อยู่รอบตัวเขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะเคลื่อนไหว ก่อนที่พวกเขาจะถูกยิงด้วยลูกธนูแสง และร่างกายของพวกเขาก็กระเด็นไปตามพลังทะลุทะลวงที่น่ากลัวของลูกธนู ทำให้เกิดฝนโลหิตโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า และเปลี่ยนคนเป็นให้กลายเป็นซากศพเมื่อตกลงสู่พื้น

นี่คือการโจมตีของเหมิงเหวย!

ตอนที่ได้เห็นการแสดงความสามารถของเด็ก ๆ จากค่ายอัสนีม่วง และผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมของมันก่อนหน้านี้ สีหน้าของเหมิงเหวยก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด แต่ฝ่ามือที่อยู่ใต้แขนเสื้อกลับอดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น!

เนื่องจากเขาไม่เคยนึกมาก่อนว่า อานุภาพของค่ายกลสามประสานเจาะทะลวงนี้จะน่าเกรงขามมาก สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความร่วมมือระหว่างเด็ก ๆ นั้นไม่มีที่ติ และดูจะได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนัก ทำให้พวกเขาดูไม่เหมือนไก่อ่อนแม้แต่น้อย

สนามรบในเวลานี้ได้ตกอยู่ในความโกลาหลอย่างสมบูรณ์ แต่จิตใจของเหมิงเหวยกลับสงบและปลอดโปร่งอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เขาสังเกตเห็นผู้นำกลุ่มและผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับทองสิบคนของกองกำลังศัตรูอย่างรวดเร็ว เหมิงเหวยจึงยกธนูทลายดาราขึ้นมาอย่างไม่ลังเล และง้างมันสุดจนดูเหมือนกับจันทร์เพ็ญ ก่อนจะระเบิดลูกธนูแสงที่พุ่งทะลุท้องฟ้าออกไป!

นี่คือช่องว่างในความแข็งแกร่ง การบ่มเพาะของผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพระดับทองนั้นอย่างมากก็อยู่ที่ขอบเขตจุติ ในขณะที่เหมิงเหวยมีการขัดเกลากายาในขอบเขตสถิตกายา ดังนั้นเมื่อใช้ร่วมกับสมบัติจ้าววิญญาณ ‘ธนูทลายดารา’ การที่เหมิงเหวยจะฆ่าพวกมันก็ง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือ!!

“เจ้ากล้าฆ่าคนของข้า? พวกเจ้าทุกคนอย่าได้ฝันว่าจะมีรอดกลับไปในวันนี้!” ชายหนุ่มผมทองโกรธจัดจนตาแทบถลน พลางกระทืบเท้าด้วยความโกรธ เขายื่นมือออกไปและทำท่าคว้าจับ ทำให้เกิดพลังอันน่าสะพรึงกลัวจู่โจมเข้าใส่เจ้าดำ เจ้าหน้าบาก และเจ้าโล้นโดยตรง

เหมิงเหวยได้ฆ่าผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับทองไปหลายคนที่เคียงข้างเขาอยู่ ดังนั้นชายผมทองจึงตอบโต้ด้วยวิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน นอกจากนี้เจ้าตัวก็สังเกตมานานแล้วว่า เหตุผลที่เด็ก ๆ จากค่ายอัสนีม่วงนั้นแข็งแกร่งมาก ประการแรกเป็นเพราะความร่วมมือที่ไร้ที่ติของพวกเขา และประการที่สองเป็นเพราะการสั่งการจากเด็กทั้งสามคนที่เป็นผู้นำ!

ตราบใดที่เขาฆ่าเด็กทั้งสามคนนี้ได้ ทุกอย่างก็จะพังทลายลง!

ครืน!

ทว่ากระบวนท่าสังหารของชายผมทองกลับถูกขัดขวางในทันที จากนั้นร่างที่แข็งแกร่งกำยำก็ปรากฏขึ้นใกล้ ๆ เขา

“ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าเอง” เหมิงเหวยกล่าวอย่างเย็นชา และขณะที่กล่าวนั้น แขนของเขาก็ง้างธนูทลายดาราจนสุด ก่อนจะปล่อยลูกธนูแสงออกมา!

“ฮ่า ๆ! รนหาที่ตาย เจ้าเอาชีวิตสุนัขมาทิ้งเสียแล้ว!”

ชายหนุ่มผมทองจ้องเขม็ง พร้อมกับหัวเราะด้วยความโกรธสุดขีด สีหน้าของเขาดูอำมหิตยิ่ง ในขณะที่ตัวคนพุ่งไปข้างหน้า จากนั้นพลันยกมือขึ้น พร้อมกับเปล่งแสงที่ยิ่งใหญ่อลังการ หมายจะฟาดสิ่งนี้ใส่อีกฝ่าย!

ทันใดนั้น ทั้งคู่ก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดราวกับภูเขาไฟสองลูกปะทะกัน คนทั้งสองต่อสู้จนถึงจุดที่สวรรค์พังทลาย ในขณะที่โลกแยกออกจากกัน ทำให้ฟ้าดินทั้งหมดทั้งถูกปกคลุมอยู่ในเงามืด

โชคดีที่ทั้งคู่ย้ายสนามรบออกไปไกลมาก การต่อสู้ในอีกด้านหนึ่งจึงไม่ค่อยกระทบนัก

การต่อสู้ระหว่างเด็ก ๆ จากค่ายอัสนีม่วง และกองกำลังต่างพิภพดำเนินไปเพียงหนึ่งถ้วยชา ก่อนที่ม่านการต่อสู้จะถูกรูดปิดลง

พวกเขามองไปที่เลือดเนื้อและแขนขาที่กระจัดกระจายไปทั่วพื้นดิน และต่างรู้สึกราวกับว่ากำลังฝันไป

ทั้งหมดนี้… เป็นฝีมือของพวกเราหรือ?

เนื่องจากท่านนักบวชได้จากไปแล้ว พวกเขาจึงรู้สึกเหมือนมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ในใจตลอดช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา และทำให้พวกเขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก จนพากันบ่มเพาะอย่างสิ้นหวังทั้งวันทั้งคืน และแทบทุกคนล้วนเคยมีประสบการณ์ที่บ่มเพาะมากเกินไปจนกระอักเลือดและเป็นลมหมดสติไป

สาเหตุที่พวกเขาทุ่มเทบ่มเพาะทั้งหมดนี้ ก็เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น เพราะมีเพียงการแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นที่จะสามารถแก้แค้นให้กับคนในเผ่าของพวกเขาได้!

และในขณะนี้ พวกเขาก็ทำสำเร็จแล้วจริง ๆ! พวกเขาอาศัยการทุ่มเทบ่มเพาะและความแข็งแกร่งของตัวเอง เข้าสังหารกองกำลังของผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพที่มีจำนวนมากกว่าได้สำเร็จ!

เหล่าเด็ก ๆ ต่างนิ่งเงียบพลางหายใจหอบถี่ด้วยความตื่นเต้น แม้ว่าร่างกายของพวกเขาจะย้อมไปด้วยเลือด สุดแสนจะเหนื่อยล้า และมีบางคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่แววตาของพวกเขากลับสดใสยิ่ง และเผยให้เห็นท่าทางที่เรียกว่าความมั่นใจ!

“อันที่จริง… ทั้งหมดนี้เป็นผลงานของท่านลุงเฉินซี เพราะเราไม่สามารถบรรลุสิ่งนี้ได้แน่นอนหากไม่มีเขา” จู่ ๆ เจ้าดำก็พึมพำออกมา ดวงตาเต็มไปด้วยความเคารพจากใจจริง

พวกเด็กคนอื่น ๆ ก็เห็นด้วยเช่นกันเมื่อได้ยินสิ่งนี้ แม้พวกเขาจะยังไม่โตเต็มวัย แต่ก็สามารถแยกแยะผิดถูกชั่วดีได้อย่างชัดเจน พวกเขาตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า การมาถึงของเฉินซีนั้น ทำให้พวกเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงเวลาสั้น ๆ อย่างแท้จริง

พวกเขารู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของเฉินซี อีกทั้งรู้สึกเคารพและชื่นชมชายหนุ่มจากใจจริง แม้ว่าจะไม่มีใครกล่าวอะไรในตอนนี้ แต่ในใจพวกเขาได้ถือว่าเฉินซีเป็นผู้อาวุโสที่สมควรได้รับความไว้วางใจและความเคารพมากที่สุดไปแล้ว!

“พวกเจ้าทุกคนทำได้ดีมาก” เหมิงเหวยกลับมาทั้งที่ตัวเต็มไปด้วยเลือด แต่ร่างกายของเขายังคงตั้งตรงเหมือนเมื่อก่อน เผยให้เห็นถึงความรู้สึกที่สูงส่งและมิอาจสั่นคลอนได้

เห็นได้ชัดว่าเขาเผชิญกับการต่อสู้ที่ดุเดือด และได้สังหารชายหนุ่มผมทองระดับผลึกม่วงไป

เมื่อพวกเด็ก ๆ ได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ตึงเครียดของพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างมีความสุข

“แต่มันยังห่างไกลจากคำว่าพอ!” ประโยคที่สองของเหมิงเหวยได้ทำลายความพอใจที่เพิ่งเกิดขึ้นในใจของพวกเด็ก ๆ ทันที และมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อท่าทางของพวกเขากลับมามั่นคงและสงบอีกครั้ง

การระเบิดอารมณ์เล็กน้อยเช่นนี้ไม่อาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของพวกเขาได้ในตอนนี้ จึงไม่ต้องกล่าวถึงว่าพวกเด็ก ๆ ต่างตระหนักเช่นกันว่า ท่านลุงเหมิงของพวกเขาพูดไม่ผิด และพวกเขายังคงอ่อนแอมาก อีกทั้งยังมีหนทางที่ต้องเดินไปอีกยาวไกลนัก

แต่พวกเขาจะไม่หวาดหวั่นกับมันและจะไม่กังวลอีกต่อไป!! เพราะพวกเขารู้แล้วว่า ตราบใดที่ทุ่มเทฝึกฝน พวกเขาจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ทำให้ทุกคนพอใจได้ในที่สุด!!!!

โดยไม่รอช้า เหมิงเหวยรีบนำพวกเด็ก ๆ จากค่ายอัสนีม่วงเหล่านี้กลับไปที่ช่องเขาทันที

แม้ว่าจะไม่มีใครเสียชีวิตในระหว่างการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ก็มีเด็กได้รับบาดเจ็บสาหัสมากถึงสิบเก้าคน และชีวิตของพวกเขาอาจตกอยู่ในอันตรายได้หากไม่ได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด

ฟิ้ว!

หลังจากที่พวกเขาทั้งหมดเข้าไปในช่องเขาได้ไม่นาน ร่างหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นในอากาศที่ห่างไกลออกไป

นี่คือชายร่างผอมบางและเตี้ยจนดูเหมือนคนแคระ เขาสูงเพียงครึ่งจั้ง มีผมสีฟ้ากระเซอะกระเซิง และผิวหนังที่เปลือยเปล่าของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยรอยสักสีน้ำเงินเข้มที่แปลกประหลาดและบิดเบี้ยว

“นึกไม่ถึงเลยว่าผู้รอดชีวิตจากเผ่านรกขุมที่เก้าเหล่านี้ จะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ ดูเหมือนว่าข้าจะต้องรายงานเรื่องนี้ต่อท่านอวิ๋นซู่และให้เขาตัดสินใจ…”

ชายร่างเตี้ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหายตัวไปพร้อมกับเสียงที่ดัง ‘ฟิ้ว’ จากจุดนั้น และความเร็วของเขาก็รวดเร็วอย่างไม่ธรรมดา ราวกับว่าสามารถเคลื่อนย้ายข้ามมิติได้!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท