บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 720 ตราคำสั่งผลึกหยกดำ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 720 ตราคำสั่งผลึกหยกดำ

บทที่ 720 ตราคำสั่งผลึกหยกดำ

ทักษะการใช้มีดที่แม่นยำ ราบรื่น และเชี่ยวชาญ เป็นบทเรียนพื้นฐานที่สุดของพ่อครัววิญญาณ ซึ่งระดับความแข็งแกร่งของพื้นฐานนี้สามารถตัดสินได้จากความเร็วและสภาพของวัตถุดิบที่ถูกจัดเตรียม

ความเร็วของเฉินซีนั้นรวดเร็วมาก เร็วจนถึงกับทำให้พ่อครัววิญญาณส่วนใหญ่ต้องถอนหายใจด้วยความลำบากใจ เนื่องจากความด้อยฝีมือของพวกเขา

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ สภาพของส่วนผสมที่เขาเตรียมนั้นบางเฉียบเหมือนปีกของจักจั่น ละเอียดเหมือนเกสรของช่อดอกหางกระรอก และแม้แต่ดอกไม้ที่แกะสลักบนส่วนผสมเหล่านี้ ก็คล้ายกับว่ามีโลกถูกเปิดออกภายในช่องว่างเล็ก ๆ ทำให้มันไร้ที่ติและสวยงาม

กระทั่งอธิบายได้ว่าสมบูรณ์แบบ!

แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่าสะเทือนใจและน่าตกใจที่สุดสำหรับพ่อครัววิญญาณทุกคนที่อยู่ตรงนี้!

เป็นที่ทราบกันดีว่า ไม่ว่าจะเฉือน ฝานเป็นเส้น หรือแกะสลักเป็นรูปดอกไม้ ล้วนไม่ใช่เพียงเพื่อเป็นอาหารตาเท่านั้น แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ มันทำให้เข้าถึงรสชาติของวัตถุดิบได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อต้องจัดการกับเนื้อสัตว์ที่มีปราณวิญญาณมากมาย การแกะสลักจะช่วยให้ปราณวิญญาณถูกดูดซึมได้ง่ายขึ้น

เห็นได้ชัดว่าเฉินซีได้บรรลุทักษะในการเตรียมส่วนผสมที่น่ากลัวแล้ว!

เพียงแค่ฉากนี้ก็ทำให้สีหน้าของพ่อครัววิญญาณทุกคนที่อยู่ที่นั่นจริงจังและเคร่งขรึมมากขึ้น และความเฉยเมยในใจของพวกเขาค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยความคาดหวัง

การเตรียมส่วนผสมเป็นเพียงขั้นตอนแรกในการทำอาหารอันโอชะ และการแสดงในขั้นตอนนี้ของเฉินซีก็ทำให้พวกเขาประหลาดใจ

พวกเขาจึงชักอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นวิธีการทำอาหารของชายหนุ่ม ตัวอย่างเช่น การผสมเครื่องปรุงรส การควบคุมเปลวเพลิงวิญญาณ การใช้ภาชนะ และอื่น ๆ เป็นต้น

ปรมาจารย์ยงไม่ได้กล่าวอะไรต่อไป เขาเพียงดื่มสุราอย่างไร้กังวล แต่ดวงตาที่หรี่ลงกลับจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวที่เฉินซีทำ และการจ้องมองที่แฝงความสงสัยในตอนแรกของเจ้าตัวพลันเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ ความชื่นชม และความยินดี ความแปลกใจ… จนมาถึงความคาดหวัง

ส่วนผู้จัดการหวงกับไป๋กู้หนานต่างอ้าปากค้าง และคางของพวกเขาก็แทบจะร่วงกระแทกพื้น

ในบรรดาผู้คนที่อยู่ในตอนนี้ ทั้งสองคนอาจจะเป็นคนนอก แต่สายตาที่เฉียบแหลมของพวกเขากลับไม่ได้ด้อยกว่าใครเลยแม้แต่น้อย พวกเขาสามารถแยกแยะได้จากการเคลื่อนไหวที่ราบรื่นและมีทักษะของเฉินซีว่า มันเป็นไปไม่ได้เลย ถ้ามีคนบอกว่าชายคนนี้ไม่เคยเป็นพ่อครัววิญญาณมาก่อน!

จากนั้นเฉินซีก็เริ่มทำอาหาร

เขาดูจะไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศโดยรอบ สีหน้าของชายหนุ่มยังคงสงบนิ่งและมีสมาธิ ด้วยการแกว่งมือของเขา ส่วนผสมกว่าหนึ่งร้อยชนิดพลันถูกแบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละไม่กี่สิบชนิด และพวกมันก็เหมือนกับเงินเหลวที่ไหลอยู่บนโต๊ะ แช่อยู่ในนมข้น หล่อเลี้ยงด้วยวารีวิญญาณ หรือวางลงในกระทะ

หลังจากนั้นเขาพลันจุดเปลวเพลิงวิญญาณและควบคุมเครื่องครัว ขณะที่ใช้จิตสัมผัสเทพเพื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในเปลวเพลิงวิญญาณ

ฟิ้ว!

ไขมันสีขาวราวกับหิมะที่เกิดจากการปรุงฉลามเกล็ดเงินถูกเทลงในกระทะเหล็ก มันส่งเสียงชี่ ๆ พร้อมกับปล่อยกลิ่นหอมเข้มข้นออกมา

ในเวลาไม่นาน เฉินซีก็ใส่ส่วนผสมบางชนิดลงในกระทะทีละอย่าง โดยมีส่วนผสมที่เป็นสีเขียว สีแดง สีขาว สีน้ำเงิน… พวกมันมีสีสันสดใสที่ดึงดูดสายตา

“เขากำลังทำอาหารอะไรอยู่หรือ?” ไป๋กู้หนานอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย เมื่อได้กลิ่นหอมที่โชยออกมา จากนั้นเขาก็ถามออกไป

“หากข้าจำไม่ผิด มันน่าจะเป็นอาหารที่เรียกว่า ‘ธารสายรุ้ง’ มันเป็นอาหารที่พ่อครัววิญญาณห้าใบไม้ขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถทำอาหารได้ เพราะส่วนผสมกับเปลวเพลิงวิญญาณที่ใช้นั้นมีข้อกำหนดที่ซับซ้อนมาก อีกทั้งยังมีระดับความยากที่สูงลิ่ว” ผู้จัดการหวงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้น

“โอ้ เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย” ไป๋กู้หนานกล่าวด้วยความประหลาดใจ แม้ว่าจะไม่ใช่พ่อครัววิญญาณ แต่เขาก็เป็นนายน้อยที่มีทักษะในการเพลิดเพลินกับตัวเอง เขาลิ้มลองอาหารเลิศรสที่ล้ำค่าและไม่ธรรมดามาทุกประเภท แต่กลับไม่เคยได้ยินชื่อของธารสายรุ้งเลย

“อาหารจานนี้มีไว้สำหรับผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง และมันไม่ได้มีค่ามากในบรรดาอาหารต่าง ๆ แต่ถ้าเทียบกันแล้ว การทำอาหารจานนี้กลับลำบากที่สุด เพราะส่วนผสมที่มีคุณลักษณะต่าง ๆ นั่นมีไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยชนิด และขั้นตอนในการทำอาหารกลับมีมากกว่าพันขั้นตอน เว้นแต่พ่อครัววิญญาณจะถูกบังคับให้ทำ เพราะแม้แต่พ่อครัววิญญาณห้าใบก็ไม่เต็มใจที่จะทำอาหารจานนี้ ดังนั้นชื่อของธารสายรุ้งจึงเป็นที่รู้จักสำหรับคนบางกลุ่มไปโดยปริยาย”

ผู้จัดการหวงกล่าวอย่างฉะฉาน ราวกับว่าเขากำลังกล่าวถึงสมบัติของตัวเอง และจากสิ่งนี้ก็เห็นได้ชัดว่า อีกฝ่ายไม่ได้เป็นผู้จัดการของโรงเตี๊ยมแห่งนี้อย่างเปล่าประโยชน์ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่พ่อครัว แต่เจ้าตัวก็มีความรู้ที่เกี่ยวกับกระบวนการทั้งหมดที่จำเป็นในการทำอาหารจานต่าง ๆ อย่างชัดเจน

“มีอีกอย่างที่เจ้าไม่ได้กล่าวถึงคือ ธารสายรุ้งจานนี้เป็นอาหารที่พ่อครัววิญญาณจะต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม จึงจะทำมันได้เท่านั้น ในมรดกสืบทอดของพ่อครัววิญญาณ อาหารจานนี้มักจะใช้เพื่อทดสอบลูกศิษย์” ปรมาจารย์ยงกล่าวขึ้นทันที สีหน้าของเขาในขณะนี้ค่อนข้างซับซ้อน เนื่องจากเฉินซีรู้ขั้นตอนในการทำธารสายรุ้ง ย่อมหมายความว่าอีกฝ่ายเคยได้รับการฝึกฝนในการศิลปะการทำอาหารแบบดั้งเดิมมาก่อน

สิ่งนี้ทำให้เขาประหลาดใจอย่างแท้จริง เพราะชายชราไม่เคยคิดมาก่อนว่า อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้และมีสถานะอย่างเฉินซีจะเคยยึดอาชีพพ่อครัววิญญาณมาก่อน และถ้าข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็คงมีน้อยคนนักที่จะเชื่อมัน

‘ธารสายรุ้ง… เหตุใดคนผู้นี้ถึงทำอาหารจานนี้ในเวลานี้? หรือเขาอยากได้รับการยอมรับจากพ่อครัววิญญาณทั้งหมดที่นี่?’ ปรมาจารย์ยงรู้สึกสับสนอย่างมากในใจ

พ่อครัววิญญาณคนอื่นก็สับสนเหมือนกัน แต่ในไม่ช้า จิตใจของพวกเขาก็ถูกดึงดูดโดยศิลปะการทำอาหารขั้นสูงของเฉินซี และพวกเขาก็ไม่สนใจที่จะคิดเรื่องอื่น

ห้องครัวทั้งห้องในเวลานี้พลันตกอยู่ในความเงียบสงัด ในขณะที่สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เฉินซี และความชื่นชมก็ผุดขึ้นในใจ ขณะที่พวกเขามองทักษะการทำอาหารที่แพรวพราวของชายหนุ่ม

หากกล่าวว่าพวกเขาสงสัยในฝีมือการทำอาหารของเฉินซีในตอนแรก ทว่าตอนนี้พวกเขาค่อย ๆ เชื่ออย่างสนิทใจจากทุกสิ่งที่เฉินซีแสดงออกมา

ทว่าชายหนุ่มดูจะไม่ได้สังเกตเห็นเรื่องเหล่านี้

เขาจมดิ่งอยู่ในโลกของตัวเอง ราวกับว่าเขาได้ย้อนเวลากลับไปในวัยเด็ก และย้อนกลับไปในสมัยที่ฝึกฝนศิลปะการทำอาหารจากผู้เฒ่าหม่าในร้านอาหารนทีกระจ่าง

เมื่อเวลาผ่านไป เดือนปีเหล่านั้นก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป คนที่คุ้นเคยเหล่านั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ทุกสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ในช่วงเวลานั้น ประหนึ่งสุราองุ่นเก่าแก่ที่ถูกผนึกไว้ในสายเลือด และมันก็ยิ่งกล่มกล่อมเมื่อวันเวลาผ่านไป

น่าเสียดาย ไม่ว่ารสชาติของสุราเก่านี้จะกลมกล่อมและเข้มข้นถึงเพียงใด ก็ไม่มีใครอยู่ร่ำดื่มกับเขาอีกต่อไป

ดังนั้นเขาจึงได้แต่แสดงความเคารพด้วยวิธีนี้ และใช้ธารสายรุ้งเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้เฒ่าหม่า เพ่ยเพ่ย และเฉียวหนานที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

จานนี้เป็นอาหารจานแรกที่พ่อครัววิญญาณใช้เพื่อทดสอบเหล่าศิษย์ และเขาเองก็ต้องการใช้จานนี้เพื่อถ่ายทอดความรักที่มีต่อคนรู้จักในช่วงเวลานั้น เพื่อเป็นการปลอบประโลมจิตใจของพวกเขาเช่นเดียวกัน

ผ่านไปหนึ่งก้านธูป เฉินซีก็ตักอาหารออกมาจากกระทะและวางไว้ในถาดสีขาวหยก ด้วยการอบของเปลวเพลิงหยินหลอมรวมวิญญาณ คลื่นสีขาวราวหิมะได้ซ้อนทับและหมุนวนอย่างไม่มีสิ้นสุด ก่อนจะพลันปรากฏขึ้นเหนืออาหารที่มีครบทั้งสี รส และกลิ่นหอม ก่อตัวเป็นสะพานสายรุ้งที่พร่างพราวเจิดจรัสลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า

ในเวลาเดียวกัน กลิ่นหอมที่เย้ายวนและสดชื่นก็โชยออกมา ราวกับคู่รักที่ปลดผ้าคลุมหน้าออก เผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่น่าตกตะลึงและไม่มีใครเทียบได้

ทุกคนตกตะลึงจนพูดไม่ออก และบางคนที่มีสายตาที่ยอดเยี่ยมเช่นปรมาจารย์ยง ถึงกับค้นพบความแตกต่างเล็กน้อยจากกลิ่นหอมและปราณวิญญาณที่เอ่อล้นออกมาจากอาหารจานนี้

เป็นความแตกต่างเล็กน้อยนี้เอง…ที่ทำเขารู้สึกตกใจจนมิอาจระงับได้

หากจำไม่ผิด ธารสายรุ้งจานนี้แตกต่างจากจานที่เขารู้จัก ไม่ว่าจะเป็นรสชาติหรือปราณวิญญาณที่รวมกันอยู่ พวกมันล้วนได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพทั้งสิ้น!

หากกล่าวว่า ธารสายรุ้งที่ปรุงโดยพ่อครัววิญญาณคนอื่น ๆ นั้นเป็นโอสถวิญญาณระดับปฐพีขั้นสุดยอดแล้วละก็ กระนั้นเฉินซีที่ปรุงธารสายรุ้งนี้ก็ถือเป็นโอสถวิญญาณระดับสวรรค์ และมันก็เป็นความแตกต่างเชิงคุณภาพ!

ปรมาจารย์ยงไม่สามารถเข้าใจได้ว่าชายหนุ่มทำสิ่งนี้ได้อย่างไร แต่เขาตระหนักดีว่าพ่อครัววิญญาณที่สามารถทำอาหารจานนี้ด้วยขั้นตอนทำอาหารที่ซับซ้อนที่สุดย่อมไม่ธรรมดา!

ในขณะนี้เฉินซีได้เบือนหน้าออกจากเตาด้วยสีหน้าที่สงบ สายตาของเขาลึกล้ำและไม่แยแส ในขณะที่สีหน้าของชายหนุ่มดูพิเศษและไร้ตัวตนยิ่งกว่าเดิม

แม้ว่าเขาจะทำอาหารเพียงจานเดียว แต่มันกลับแฝงไปด้วยความคิดมากมายของเจ้าตัว และทันทีที่ทำเสร็จ มันก็เหมือนกับว่าเขาได้คลายปมที่อยู่ในหัวใจ ทำให้จิตวิญญาณและพลังชีวิตของชายหนุ่มได้ประสบกับความรู้สึกที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

“ขอข้าชิมก่อน!” ไป๋กู้หนานเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบ เขารีบวิ่งไปที่เตาแล้วคว้าตะเคียบขึ้นมา ก่อนจะคีบอาหารเข้าปาก เพราะอยากรู้จริง ๆ ว่าอาหารที่เฉินซีทำนั้นเป็นอย่างไร ส่วนรสชาตินั้นเป็นเรื่องรองเท่านั้น แต่ที่สำคัญก็คือ เขาสามารถอวดผู้อื่นได้!

เนื่องจากนี่เป็นอาหารที่ปรุงโดยเฉินซีผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วโลก ดังนั้นจะมีใครในโลกแห่งการบ่มเพาะโชคดีเช่นนี้บ้าง?

ไป๋กู้หนานเชื่อมั่นว่า ตราบใดที่เขาเล่าเรื่องนี้กับสหาย มันจะต้องดึงดูดสายตาด้วยความอิจฉาริษยาอย่างแน่นอน

“โอ้ อร่อย! อร่อยจริง ๆ!” เพียงแค่กัดเข้าไปคำแรก ไป๋กู้หนานก็สัมผัสได้ถึงรสชาติพิเศษที่กระจายไปทั่วทั้งปากของเขาทันที ทำให้ลิ้นของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับว่าถูกไฟฟ้าดูด ทว่ามันกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกชาและนุ่มนวล รสชาติของอาหารนั้นมีเอกลักษณ์มาก มันทั้งอร่อย สดชื่น ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวล และยอดเยี่ยมยิ่ง

หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ละทิ้งมารยาทของตัวเองอย่างสิ้นเชิง ก่อนจะถือถาดในมือ พร้อมกับกลืนกินอย่างตะกละตะกลามและร้องออกมาอย่างพึงพอใจ

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองคนผู้นี้ เขารู้อยู่แก่ใจว่า แม้รสชาติของอาหารจานนั้นจะดีเลิศ แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้นายน้อยผู้เสเพลคนนี้ที่เคยลิ้มลองอาหารรสเลิศทุกอย่างในโลกต้องทำเช่นนี้

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คนผู้นี้กำลังใช้อาหารจานนี้เพื่อประจบประแจงเขาทางอ้อม และในขณะเดียวกันเขาก็แสดงให้พ่อครัววิญญาณที่อยู่รอบ ๆ ได้เห็น

เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยอารมณ์สะท้อนใจ ทุกคนรู้ว่าชายคนนี้หยิ่งยโสและเอาแต่ใจ แต่พวกเขารู้หรือไม่ว่าคนผู้นี้กลับฉลาดหลักแหลมถึงเพียงนี้?

“เฉินซี ข้าขออภัยสำหรับความอวดดีของข้าก่อนหน้านี้” ปรมาจารย์ยงในเวลานี้มีสีหน้าเคร่งขรึมและจริงจัง ในขณะที่เจ้าตัวโค้งคำนับขออภัยต่อเฉินซี

เมื่อเห็นเช่นนี้ ดวงตาของพ่อครัววิญญาณที่อยู่ใกล้เคียงพลันเบิกกว้างด้วยความตกใจ เพราะพวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า ปรมาจารย์ยงจะกล่าวคำขอโทษแก่ชายหนุ่มอย่างจริงจัง และนี่ถือเป็นครั้งแรกสำหรับอีกฝ่าย

ทว่าเฉินซีกลับยกมือขึ้นและประคองปรมาจารย์ยงขึ้นมา “ท่านไม่ได้ผิดอะไร ข้าสิกระทำโดยพลการก่อนหน้านี้”

ปรมาจารย์ยงส่ายศีรษะ จากนั้นพลันดึงตราคำสั่งหยกที่มีขนาดเท่าฝ่ามืออันแวววาวและทำจากผลึกสีดำ จากนั้นเขาก็มอบมันให้แก่ชายหนุ่ม “เพื่อชดเชยความผิดพลาดของข้า ข้าหวังว่าเจ้าจะรับสิ่งนี้ไป”

ทุกคนตกใจอย่างมากและต่างแสดงสีหน้าไม่เชื่อออกมา เพราะพวกเขาดูจะไม่เคยคิดมาก่อนว่าปรมาจารย์ยงจะให้ของมีค่าเช่นนี้กับเฉินซี!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท