บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 722 ชักนำเต๋าเข้าสู่ร่างกาย

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 722 ชักนำเต๋าเข้าสู่ร่างกาย

บทที่ 722 ชักนำเต๋าเข้าสู่ร่างกาย

เกวียนเคลื่อนตัวไปข้างหน้า พลางส่งเสียงดังกึกก้อง

เมื่อมีเหมิงเหวยกับโม่ย่าซึ่งเป็นผู้ขัดเกลากายาขอบเขตสถิตกายาอยู่ในกลุ่ม ดังนั้นเฉินซีจึงรู้สึกสบายใจ ทำให้มีเวลามากพอที่จะศึกษาและทำความเข้าใจคัมภีร์กำเนิดเต๋าแห่งนรกขุมที่เก้า

เคล็ดวิชาขัดเกลากายานี้ทั้งคลุมเครือและลึกล้ำ แม้ว่ามันจะประกอบด้วยอักขระเทพอสูรโบราณเพียงไม่กี่ร้อยตัว แต่ทุกคำล้วนเป็นอัญมณีล้ำค่าที่ดูเหมือนจะเปิดเผยความลึกล้ำของมหาเต๋า และมันก็เหมือนกับคัมภีร์จากสวรรค์

ถึงขนาดที่แม้แต่เฉินซีที่มีความสามารถพิเศษในการอนุมาน ก็ยังพบว่าการตีความหมายทั้งหมดของมันเป็นเรื่องยาก และเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอคำแนะนำจากเหมิงเหวย

เหมิงเหวยเป็นคนตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง และเจ้าตัวได้กล่าวถึงทุกสิ่งที่รู้โดยไม่ปิดบัง

แต่ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง แก่หรือเด็ก ทุกคนในเผ่านรกขุมที่เก้าของพวกเขาได้บ่มเพาะเคล็ดวิชานี้มาหลายชั่วอายุคน และความลึกล้ำของมันส่วนใหญ่ได้รับการถ่ายทอดแบบปากต่อปากโดยคนในเผ่า ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีใครกล่าวถึงงานเขียนของเทพอสูรที่อยู่บนหนังสัตว์ร้ายเพื่อบ่มเพาะมันเท่าไรนัก

สิ่งนี้ทำให้บางครั้งเหมิงเหวยไม่สามารถตอบคำถามของเฉินซีได้ และเจ้าตัวก็ทำได้เพียงอธิบายให้ชายหนุ่มเข้าใจโดยใช้ประสบการณ์ที่ได้รับมาจากการบ่มเพาะ แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังเป็นประโยชน์ต่อเฉินซีอย่างมาก

จนกระทั่งต่อมา เฉินซีได้เข้าฌานอย่างสมบูรณ์ บางครั้งเขาจะตื่นขึ้นหลังจากผ่านไปห้าวัน และบางครั้งชายหนุ่มก็ไม่ลืมตาเลยเป็นเวลาสิบวันหรือครึ่งเดือน เพราะเขาจะลืมเลือนตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง

เหมิงเหวยและโม่ย่าไม่กล้ารบกวนเฉินซี อีกทั้งยังกำชับพวกเด็ก ๆ ไม่ให้เข้าใกล้เกวียนที่เฉินซีนั่งอยู่โดยไม่ได้รับอนุญาต

ในวันนี้ เฉินซีผู้เงียบขรึมและไม่ขยับเขยื้อนดุจรูปปั้นดินเหนียว จู่ ๆ ก็เงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหัน และในขณะที่เขากะพริบตา สัญลักษณ์ลึกลับมากมายพลันปรากฏขึ้นภายในดวงตาของชายหนุ่ม และก่อให้เกิดความลึกซึ้งต่าง ๆ

ในเวลาเดียวกัน ทั่วทั้งร่างของเฉินซีได้เปล่งแสงแวววาวราวกับหยกที่สลัว เยือกเย็น และซ่อนเร้น ซึ่งสอดรับกับฟ้าดินโดยรอบ

ตัวเขาในขณะนี้ได้ตกอยู่ในสภาวะอัศจรรย์ของความหยั่งรู้ในทันที

งานเขียนเทพอสูรที่บันทึกไว้บนหนังสัตว์ร้ายนั้น ดูเหมือนกับมีสัญลักษณ์มากมายได้ก่อตัวขึ้น ทวีเพิ่มขึ้น และแปรเปลี่ยนเป็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ภูเขา แม่น้ำ ดวงดาว และจักรวาลอยู่ภายในใจอย่างต่อเนื่อง

ทั้งจิตใจและวิญญาณของเฉินซีดำดิ่งอยู่ในนั้น เขาไตร่ตรองทำความเข้าใจและสัมผัสมันด้วยจิตวิญญาณ ทำให้ผิวของชายหนุ่มกลายเป็นผลึกมากขึ้นและเปล่งกลิ่นหอมบริสุทธิ์อันไร้ที่ติออกมา!

เหมิงเหวยที่นั่งอยู่หน้าขบวนพลันขมวดคิ้วทันที จากนั้นเขาก็เหลือบมองเกวียนที่อยู่ด้านหลังด้วยความประหลาดใจ

“เจ้าสังเกตเห็นด้วยหรือ?” ทันใดนั้น โม่ย่าก็เข้ามาใกล้อย่างเงียบ ๆ ในขณะที่ความรู้สึกผิดปกติทำให้นางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “นั่นคือกลิ่นอายของต้นกำเนิดเต๋าและเป็นมรดกของเผ่าเรา มันถูกเรียกอีกอย่างว่ากลิ่นหอมของผลไม้เต๋า ซึ่งหมายความว่าต้นกำเนิดเต๋าจะถือกำเนิดขึ้นเมื่อดอกไม้ผลิบานและออกผล!”

ใบหน้าของเหมิงเหวยแฝงด้วยอารมณ์บางอย่างเช่นกัน “เนื่องจากเผ่าของเราถูกเต๋าแห่งสวรรค์ทอดทิ้ง และติดอยู่ในนรกขุมที่เก้า ปรากฏการณ์เช่นนี้จึงไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้ใดเลย แต่ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะเกิดขึ้นกับน้องเฉิน!”

ต้นกำเนิดเต๋าเป็นเหมือนทารกของมหาเต๋า มันจึงเป็นสภาวะที่น่าอัศจรรย์ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อผ่านการขัดเกลาร่างกายจนถึงระดับหนึ่ง และหลอมรวมเข้ากับมหาเต๋าแล้ว

เมื่อได้รับการบ่มเพาะจนถึงสถานะนี้ ร่างกายจะดูเหมือนถูกควบแน่นจากเต๋า และทุก ๆ การเคลื่อนไหวจะแฝงไปด้วยกลิ่นอายแห่งเต๋าที่ลึกล้ำ ทำให้พลังในร่างกายกลายเป็นไม่ธรรมดา

โม่ย่าพยักหน้า จากนั้นนางก็ส่ายศีรษะ “ไม่หรอก แม้ในเผ่านรกขุมที่เก้าของเรา ก็มีเพียงผู้มีพรสวรรค์เท่านั้นจึงจะสามารถบรรลุปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ และมันหาได้ยากนัก”

เมื่อนางกล่าวมาถึงตรงนี้ ความประหลาดใจก็เกิดขึ้นในใจของหญิงสาวอย่างช่วยไม่ได้ เพราะนางรู้สึกว่าพรสวรรค์ของเฉินซีนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ

“อัจฉริยะอย่างเขาได้ฝึกฝนทั้งบ่มเพาะปราณแท้และการขัดเกลากายา ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าเขาทำได้อย่างไร…”

ในขณะเดียวกัน พวกเด็ก ๆ ในบริเวณใกล้เคียงก็สังเกตเห็นความผิดปกติในกลุ่มของพวกเขา และทุกคนต่างได้กลิ่นของกลิ่นอายที่เป็นเอกลักษณ์ของต้นกำเนิดเต๋าในอากาศ แม้ว่ามันจะบางเบา แต่ก็ยังทำให้จิตวิญญาณของพวกเขารู้สึกกดดันและเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ ราวกับว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับเต๋าแห่งสวรรค์และไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการหมอบกราบบูชา

ทว่าเฉินซีกลับไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเลย จากนั้นเขาก็จมอยู่ในการหยั่งรู้อย่างลึกซึ้ง

นี่ไม่ใช่การเพิ่มพูนฐานการบ่มเพาะ แต่เป็นการสร้างและปรับปรุงร่างกาย และสิ่งที่เรียกว่า ‘ต้นกำเนิดเต๋า’ คือการชักนำ ‘เต๋า’ เข้าสู่ร่างกายและชำระล้างโลหิต ชำระล้างเส้นเอ็น และขัดเกลาปราณจ้าววิญญาณ

ต้นกำเนิด ‘เต๋า’ นี้มาจากการเข้าใจเต๋าหลากหลายประเภท แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ การเชื่อมต่อกับเต๋าแห่งสวรรค์ เมื่อร่างกายผ่านการเปลี่ยนแปลงภายใต้การบ่มเพาะของเต๋า มันจะกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘ต้นกำเนิดเต๋า’

เฉินซีนั่งขัดสมาธิ และท่ามกลางความโกลาหล กระแสปราณสีขาวที่ขดตัวอยู่รอบร่างกายของเขาพลันปลดปล่อยกลิ่นหอมสดชื่นออกมา และมันได้ชำระล้างสิ่งสกปรกบนร่างกายของชายหนุ่ม มันทำให้ตัวของเฉินซีโปร่งแสงและไม่มีตัวตนมากขึ้น ราวกับว่าเขาเป็นเทพผู้บริสุทธิ์และไร้ที่ติ ซึ่งไม่เคยแปดเปื้อนมลทินของโลกมนุษย์มาก่อน

ชายหนุ่มได้รับประโยชน์อย่างมากในระหว่างการหยั่งรู้ครั้งนี้ ราวกับว่าร่างกายของเขาแช่อยู่ในน้ำพุร้อน ขณะที่เต๋าทั้งหลายหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเฉินซี มันได้ชำระล้างมลทินให้กับเขาไปด้วย ทำให้ร่างกายชายหนุ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงราวกับได้เกิดใหม่และมีความเข้าใจที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นมา

“เต๋าแห่งสวรรค์คืออะไรกัน?”

ในขณะนี้ เฉินซีมีความรู้สึกเหมือนถูกแช่อยู่ในเต๋าแห่งสวรรค์ มันเหมือนกับว่าเขากำลังล่องลอยอยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ในขณะที่ตัวเขาเป็นเรือลำน้อยที่โยกคลอนขึ้นลงตามกระแสคลื่น และพยายามจะข้ามไปยังอีกฝั่งเพื่อแสวงหาเต๋า

ในระหว่างกระบวนการข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่ง มันเป็นกระบวนการขัดเกลากายาและเสมือนกับการสร้างเรือขึ้นมา ซึ่งมันต้องผ่านการขัดเกลาและชำระล้างโดยมหาสมุทรอันไร้ขอบเขต ซึ่งบางครั้งก็สงบนิ่งและบางครั้งก็เกรี้ยวกราดเหมือนพายุที่โหมกระหน่ำ

นี่คือการสำรวจแก่นแท้ของชีวิตและนับเป็นความก้าวหน้า โดยอาศัยพลังอันยิ่งใหญ่ของสวรรค์เพื่อให้ร่างเซียนอันไร้ที่ติ กระตุ้นศักยภาพในกาย และพิสูจน์เต๋าในอนาคตเพื่อทะยานขึ้นสู่นภา!

วันเวลาเคลื่อนคล้อยผ่านไปอย่างเชื่องช้า และมันผ่านไปอีกหนึ่งเดือน

เฉินซีซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ในเกวียนพลันสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว ก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้น และรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในร่างกาย ร่างกายของเฉินซีในเวลานี้ปลอดโปร่ง ไร้ที่ติ และปกคลุมด้วยกลิ่นหอมสดชื่น ทุกส่วนของร่างกายดูจะแผ่กลิ่นอายแห่งเต๋าออกมาตลอดเวลา

ภายใต้ภาวะปกติ แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ด้านการขัดเกลากายาของขอบเขตเซียนปฐพีก็ยังพบว่า การขัดเกลาร่างกายให้ถึงระดับดังกล่าวได้เป็นเรื่องยาก แต่แน่นอนว่ายังมีข้อยกเว้นพิเศษบางประการ

ร่างกายของเฉินซีในขณะนี้คล้ายกับ ‘กายทองคำผลึกแก้วพิมล’ ของนิกายพุทธอยู่บ้าง เนื่องจากมันหลอมรวมเข้ากับเต๋า และไม่มีกลิ่นอายของโลกมนุษย์เลยแม้แต่น้อย

ประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ การขัดเกลากายาของเขานั้นมีการพัฒนาขึ้นอย่างมาก ร่างกายของเขาเป็นเหมือนต้นกำเนิดของเต๋า และมันก็แผ่ซ่านกลิ่นอายของเต๋าออกมา ทำให้ร่างกาย จิตวิญญาณ ปราณ และแก่นแท้ทั้งหมดของชายหนุ่มมีชั้นพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง

ยิ่งกว่านั้น ในขณะนี้ เฉินซียังรู้สึกราง ๆ ว่า การขัดเกลากายาของเขากำลังแสดงสัญญาณจาง ๆ ของการเคลื่อนขอบเขต!

“อีกไม่เกินหนึ่งเดือน การขัดเกลากายาของข้าจะบรรลุไปสู่ขอบเขตสถิตกายา…”

เฉินซีมีสีหน้าเฉยเมยและนิ่งสงบดุจบ่อน้ำโบราณ ทว่าเขากลับสัมผัสได้ถึงโอกาสที่จะบรรลุไปอีกขั้นอย่างชัดเจน

เขาไม่รั้งอยู่ในเกวียนอีกต่อไป ตัวคนพลันยืดตัวขึ้น และก้าวออกมาจากเกวียนก่อนจะมองไปในระยะไกล

“เทือกเขาหยาดดารา?” เฉินซีอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ เมื่อเขาเห็นเทือกเขากว้างใหญ่ซึ่งปรากฏอยู่ในระยะสายตา เพราะสถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองหลีหั่วถึงสองแสนห้าหมื่นลี้!

“ใช่แล้ว มันคือเทือกเขาหยาดดารา และเราจะไปถึงเมืองเทาเที่ยหลังจากที่ผ่านเทือกเขานี้ไป” โม่ย่าที่อยู่ใกล้เคียงกล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้มว่า “นึกไม่ถึงว่าการหยั่งรู้ของเจ้าจะดำเนินต่อเนื่องนานถึงสองเดือน มันน่าตกใจจริง ๆ”

“สองเดือนเลยหรือ?” เฉินซีถอนสายตาของเขาและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เพราะเขารู้สึกว่าวันเวลาผ่านไปเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น

ตู้ม!

ลำแสงที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในขณะนี้ จู่ ๆ ก็พุ่งออกมาจากเทือกเขาหยาดดาราอันไกลโพ้น ในเวลาเดียวกัน คลื่นเสียงการต่อสู้ที่รุนแรงก็ดังขึ้นพร้อมกับสิ่งนี้ และทำให้ทั้งกลุ่มหยุดชะงักทันที

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท