บทที่ 726 มังกรคชสารหยกขาว
บทที่ 726 มังกรคชสารหยกขาว
เมืองเทาเที่ยได้ชื่อว่าเป็นเมืองในท้องนภา เส้นทางสัญจรกว้างใหญ่ในเมืองถูกสร้างขึ้นจากหินภูเขาไฟที่ราบเรียบราวกระจก พวกมันปกคลุมอยู่ในชั้นเมฆ ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันขณะเดินอยู่บนเส้นทางดังกล่าว
ในขณะเดียวกัน เมืองเทาเที่ยก็คือ ‘เมืองแห่งอาหารอันโอชะ’ ที่โด่งดังไปทั่วทั้งโลกหล้า มันรวบรวมของอร่อยนานาชนิดจากทั่วทุกมุมโลก มีวัตถุดิบมากมายจากทุกหนแห่งถูกส่งเข้ามาในเมืองแทบทุกช่วงเวลา หลังจากพ่อครัววิญญาณภายในเมืองนำไปปรุงอาหาร พวกมันจะกลายเป็นอาหารเลิศรสจำนวนมากที่มีรสชาติพิเศษเฉพาะอยู่บนโต๊ะอาหาร
กอปรกับการจัดอันดับพ่อครัววิญญาณทองคำที่ใกล้จะมาถึงนี้ เมืองแห่งอาหารอันโอชะแห่งนี้จึงยิ่งคึกคักและเนืองแน่นด้วยผู้คน ท้องถนนแออัด บ้างเป็นผู้บ่มเพาะจากทั่วทุกสารทิศที่มาเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ด้วยความชื่นชม บ้างเป็นพ่อครัววิญญาณชั้นหนึ่งที่มาจากทั้งไกลทั้งใกล้
เมื่อพวกเฉินซีย่างเท้าเข้าสู่ในตัวเมือง ราวกับพวกเขาเข้าสู่โลกอีกใบหนึ่ง คลื่นเสียงดังกึกก้องต่างปะทะเข้ากับใบหน้าของพวกเขา
กลิ่นหอมอันเย้ายวนกระจายไปทั่วอากาศธาตุราวกับเมฆหมอกหนาแน่น ทำให้จิตวิญญาณสดชื่นจนมีความอยากอาหารยามได้กลิ่น
ถนนในเมืองกว้างขวางและเต็มไปด้วยร้านค้าสองข้างทาง ด้านหลังร้านค้าคือพ่อครัววิญญาณจำนวนมากที่กำลังทำอาหารเลิศรสด้วยการเคลื่อนไหวที่ชำนาญ ผู้คนบนท้องถนนส่วนใหญ่มารวมตัวที่ร้านค้าเพื่อลิ้มรสอาหารเลิศรสไปพลางชื่นชมไปพลาง
“ไม้เสียบเพลิงของร้านค้าเมฆาเลิศล้ำยอดเยี่ยมยิ่งนัก! เนื้อสัมผัสของมันกรอบนอกนุ่มใน แม้จะมีความมัน แต่ก็ไม่ถึงกับเยิ้ม ส่วนที่หายากที่สุดคือมันมีรสฉุนของเครื่องเทศอย่างหัวผักกาดหยก โอ้ รสชาติของมันไม่เลวเลย!”
“ขนมอบเก้าสมบัติวิญญาณของร้านขมิ้นหอมนี้ดียิ่งกว่า มันทั้งหวาน เหนียว กรอบ นุ่ม มีทั้งความสดของแหนครามกับรสชาติที่เข้มข้นของโป่งรากสนเงิน ลิ้นของข้าแทบละลายตอนที่มันเข้าปากเลยล่ะ”
“มา ๆๆ! มาชิมสุราผลไม้ชาดกระจ่างขวดนี้กัน มันถูกกลั่นโดยปรมาจารย์เหมยหลังจากรวบรวมผลไม้วิญญาณนับพันแล้วผนึกไว้ในหลุมน้ำแข็งเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี วันนี้มันถูกคลายผนึกแล้ว รสชาติกลมกล่อมเข้มข้น ว่ากันว่าแม้แต่เซียนยังเมามายในสามจอก เป็นสุราล้ำค่าและยอดเยี่ยมที่หาได้ยากนัก”
เสียงอึกทึกดังไปทั่วท้องถนน ขณะที่ผู้บ่มเพาะรวมกลุ่มสองถึงสามคนเพื่อชื่นชมยินดีกับอาหารเลิศรสและลิ้มรสสุราชั้นเลิศตรงหน้าร้านค้าจำนวนมากด้วยท่าทางผ่อนคลายสบายอารมณ์
ฉากอันหรูหราที่ปกคลุมด้วยอาหารเลิศรสนี้ ทำให้แม้แต่เฉินซียังรู้สึกว่ามันเกินกว่าสายตาจะรับไหว เขาจึงเกิดความสนใจยิ่ง ที่สำคัญที่สุดคืออาหารเลิศรสตรงหน้าร้านค้าเหล่านั้นให้ชิมฟรีไม่คิดเงิน!
ช่างฟุ่มเฟือยนัก!
เฉินซีรู้สึกชื่นชมอยู่ในใจ ถึงอย่างไร อาหารเลิศรสเหล่านั้นก็ไม่ใช่อาหารธรรมดา ทุกจานล้วนเทียบเท่ากับโอสถวิญญาณที่ให้ผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์ จึงทำให้พวกมันมีราคาแพง
แต่ตอนนี้พวกมันกลับถูกนำมาให้คนที่ผ่านไปมาในถนนเทาเที่ยได้ชิมโดยไม่เสียเงิน ดังนั้นแล้วผู้คนโดยรอบจะหักห้ามใจจากสิ่งนี้ได้อย่างไร?
“โห มีอาหารดี ๆ มากมายเหลือเกิน!” ดวงตาของอาซิ่วที่อยู่ใกล้ ๆ ทอประกายจับจ้องเนื้อย่างเสียบไม้สีเหลืองทอง ขณะที่คราบน้ำลายใสไหลจากมุมปากสีแดงอวบอิ่มของนาง
หญิงสาวสวมชุดสีเขียว มีรูปร่างงดงาม ท่วงท่างดงามชดช้อย การปรากฏตัวของนางในตอนนี้ไม่ได้กระตุ้นให้คนอื่นรังเกียจ แต่กลับเผยความอ่อนโยนและน่ารักแทน
นางเขย่าแขนเสื้อของเฉินซี “มากินกันดีกว่า ข้าอยากกินตลอดสามวันสามคืนนี้เลย!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา คนที่ผ่านไปมาต่างประหลาดใจทันที พวกเขามองอาซิ่วด้วยสีหน้าแปลกประหลาด ด้วยเป็นการยากที่จะจินตนาการได้ว่าผู้ป่าวประกาศวาจาเช่นนี้จะเป็นหญิงสาวงดงามน่ารักคนหนึ่ง
แต่อาซิ่วไม่สนใจสายตาเหล่านั้น จากนั้นนางก็วิ่งไปที่ร้านค้าอย่างมีความสุขพลางกล่าวด้วยเสียงดังฟังชัดว่า “เถ้าแก่ ขอเนื้อเสียบไม้สิบไม้! ใช่ เจ้าได้ยินไม่ผิดหรอก ต้องสิบไม้เท่านั้น!”
“โอ้ คุณหนู เจ้ามีความอยากอาหารไม่เบาเลยนะ” เถ้าแก่ยิ้มกว้างเพราะความขบขัน ขณะที่มือก็ส่งเนื้อเสียบไม้ชุดหนึ่งไปให้
“แน่นอน ข้าจะกล่าวว่ากินตลอดสามวันสามคืนได้อย่างไรถ้าความอยากอาหารของข้าไม่เยอะพอ?” มุมปากของอาซิ่วโค้งขึ้น นางเผยกลิ่นอายหยิ่งทะนงออกมาราวกับจะกลืนกินทั้งหมดได้ในคราวเดียว
ท่าทีเช่นนั้นทำให้เจ้าของร้านประหลาดใจ เขาหันมองเฉินซีราวกับอยากพูดอะไรบางอย่าง ‘นายน้อย สหายผู้นี้ของท่านผิดปกติที่ใดหรือไม่?’
เฉินซีกุมหน้าผาก เขาพูดไม่ออก ก่อนจะคว้ามือของอาซิ่วไว้และพาจ้ำอ้าวออกไป
“นี่! นี่! เจ้าจะลากข้าไปไหน?”
“ข้าจะพูดอีกครั้ง อย่าเรียกข้าว่า ‘นี่’!”
“ก็ได้ เฉินซี”
“คุณหนูท่านนี้ ช่วยทำตัวให้ปกติหน่อยได้หรือไม่?”
“ปกติหรือ? ข้าก็ทำตัวปกติอยู่ไม่ใช่หรือไร?”
“เจ้า…”
“ไม่ใช่หรือ?”
“…”
เฉินซีจำต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก ก่อนจะพาหญิงสาวออกจากท้องถนนซึ่งเต็มไปด้วยอาหารเย้ายวนใจได้ แล้วเขาก็พานางไปยังที่พักพร้อมกับพวกเหมิงเหวยได้ในที่สุด
“พักเสียหน่อย และห้ามใครออกโดยไม่ได้รับการอนุญาตจากข้า!” เฉินซีชำเลืองมองอาซิ่ว เขาเตือนอย่างเกรี้ยวกราดก่อนหันหลังออกจากห้องไป
ที่พักแห่งนี้มีขนาดใหญ่ยิ่ง มีทั้งภูเขา แม่น้ำ และศาลา …มีทุกสิ่งที่สามารถขอได้ มันเป็นที่พักซึ่งทางเมืองเทาเที่ยจัดเตรียมไว้เป็นพิเศษเพื่อรองรับพ่อครัววิญญาณที่จะเข้าร่วมการจัดอันดับทองคำ ดังนั้นที่แห่งนี้จึงมีเพียงผู้ครอบครองตราคำสั่งเก้าลึกล้ำเท่านั้นที่สามารถเข้าพักได้
ชายหนุ่มเริ่มอ่านแผ่นหยกในมืออย่างละเอียดทันทีที่กลับเข้าห้อง
นี่คือสิ่งที่ข้ารับใช้ของเผ่าเทาเที่ยมอบให้หลังจากย้ายเข้ามาอยู่ในที่พักนี้ มันบันทึกขั้นตอนและกฎที่เกี่ยวข้องกับการจัดอันดับพ่อครัววิญญาณทองคำไว้
ตามที่แผ่นหยกอธิบายไว้ว่า การจัดอันดับพ่อครัววิญญาณทองคำในครั้งนี้มีพ่อครัววิญญาณจากทั่วทั้งแดนภวังค์ทมิฬเข้าแข่งขันสามพันคน และพ่อครัววิญญาณทุกคนที่เข้าร่วมต่างอยู่ที่ระดับเจ็ดใบ
ส่วนกฎการแข่งขันนั้นเรียบง่ายมาก โดยจะถูกแบ่งออกเป็นสามรอบ พ่อครัววิญญาณทำอาหารแล้วส่งมอบให้แก่ข้ารับใช้ตามที่กำหนดในรอบแรก จากนั้นข้ารับใช้จะส่งต่อไปยังพระราชวังเทาเที่ย ถึงตอนนั้น สุดยอดพ่อครัววิญญาณแห่งเผ่าเทาเที่ยจะลิ้มรสอาหารเหล่านี้ทีละจานก่อนจะเลือกพ่อครัววิญญาณร้อยคนเพื่อเข้าแข่งขันในรอบต่อไป
ในรอบที่สอง พ่อครัววิญญาณทั้งหนึ่งร้อยคนที่ได้รับเลือกจะได้รับเชิญเข้าสู่พระราชวังเทาเที่ย พวกเขาต้องทำอาหารที่แตกต่างกันตามหัวข้อจำนวนมากที่ได้รับ คนยอดเยี่ยมที่สุดสิบคนจะยังคงอยู่ขณะคนที่เหลือจะถูกคัดออก
รอบที่สามคือรอบสุดท้าย ถึงตอนนั้นสมบัติเทวะของเผ่าเทาเที่ยอย่างกระทะเซียนเก้าลึกล้ำ จะปรากฏขึ้นในพระราชวังเทาเที่ยเช่นกัน มันจะตัดสินพ่อครัววิญญาณในสามอันดับแรกร่วมกับผู้อาวุโสอีกสามคนจากเผ่าเทาเที่ย
รางวัลสำหรับการจัดอันดับพ่อครัววิญญาณทองคำในครั้งนี้นับว่าใจกว้างมากเช่นกัน เพราะพ่อครัวในสามอันดับแรกไม่เพียงแค่จะได้รับเปลวเพลิงทองคำเท่านั้น พวกเขายังจะได้รับของขวัญจากกระทะเซียนเก้าลึกล้ำอีกด้วย
ซึ่งเปลวเพลิงทองคำที่ว่านี้คือเปลวเพลิงเทวะของฟ้าดิน มันเป็นสิ่งที่หายากยิ่ง มีเพียงเผ่าเทาเที่ยที่ครอบครองและเป็นไปไม่ได้ที่จะหาจากที่อื่น
เปลวเพลิงเทวะนี้ไม่เพียงแค่จะใช้หลอมโอสถและสมบัติเท่านั้น มันยังครอบครองผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์ยิ่งต่อการทำอาหารของพ่อครัววิญญาณ กล่าวได้ว่าเปลวเพลิงเทวะนี้คือสมบัติมีค่าที่พ่อครัววิญญาณทุกคนต่างใฝ่ฝันถึงแน่นอน
ในขณะเดียวกัน ของขวัญจากกระทะเซียนเก้าลึกล้ำก็ยอดเยี่ยมไม่ต่างกัน ถึงอย่างไร มันคือสมบัติเซียนที่คงอยู่มาตั้งแต่ยุคบรรพกาลจนถึงทุกวันนี้ มันคือวิญญาณศัสตราที่ใช้ชีวิตมานานแสนนาน ครอบครองสถานะและตัวตนอันเป็นที่เคารพจนแม้แต่เซียนสวรรค์ยังอาจอ่อนน้อมยามเข้าพบมัน!
นี่คือของวิเศษล้ำค่าจากตัวตนเก่าแก่บรรพกาล ฉะนั้นมันจะธรรมดาได้อย่างไร?
แน่นอนว่า นอกจากพ่อครัววิญญาณที่ติดสามอันดับแรกแล้ว พ่อครัววิญญาณคนอื่นที่ติดสิบอันดับแรกและหนึ่งร้อยอันดับแรกก็จะได้รับรางวัลที่คล้ายกัน แต่มูลค่าของรางวัลเหล่านี้จะด้อยกว่ารางวัลที่พ่อครัวสามอันดับแรกได้รับมาก
‘เปลวเพลิงทองคำ …นั่นคือหนึ่งในเปลวเพลิงเทวะที่จำเป็นต่อการหลอมพัดเทพอัคคีไม่ใช่หรือ?’ เฉินซีประหลาดใจ เพราะเขาไม่คาดคิดว่ารางวัลของเผ่าเทาเที่ยจะมีสมบัติเช่นนั้นอยู่ด้วย และเขาก็อดที่จะรู้สึกคาดหวังเล็กน้อยไม่ได้
‘การจัดอันดับพ่อครัววิญญาณทองคำจะเริ่มขึ้นในอีกสามวัน อา… ดูท่าข้าคงต้องเตรียมตัวให้พร้อมเช่นกัน’ ชายหนุ่มครุ่นคิดสักครู่ ขณะที่รายละเอียดจากคัมภีร์ประกอบอาหารขั้นสุดยอดพร้อมภาพประกอบจะปรากฏขึ้นภายในจิตใจของเขา
นี่คือคัมภีร์เล่มแรกที่ข้องเกี่ยวกับพ่อครัววิญญาณที่ผู้เฒ่าหม่ามอบให้ขณะอยู่ที่เมืองหมอกสน บันทึกสมุนไพรวิญญาณ ผลไม้ ผัก ธัญพืช สัตว์อสูร สัตว์ป่าและอื่น ๆ นับหมื่นสำหรับใช้เป็นวัตถุดิบ …กล่าวได้ว่ามันมีทุกสิ่งอยู่ในโลก
โดยอาศัยความรู้พื้นฐานในคัมภีร์เล่มนี้ ความเข้าใจเต๋าแห่งการปรุงอาหารของเฉินซีจึงเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว และเมื่อควบคู่กับการบ่มเพาะ มันจึงทำให้ปรมาจารย์ยงชมไม่หยุดปาก!
ในเวลาต่อมา เขาก็ได้วางแผนอยู่ในใจ ก่อนจะออกจากที่พักด้วยความตั้งใจที่จะไปซื้อวัตถุดิบบางส่วนตามท้องถนน
ตอนที่กำลังจะออกไปนั้น เขาได้เหลียวมองอาซิ่ว ก่อนจะพบว่าหญิงสาวเชื่อฟังเป็นอย่างดี ด้วยขณะนี้นางกำลังเล่นกับพวกเสี่ยวเฉิน เมื่อวางใจได้แล้ว เฉินซีจึงบอกกับเหมิงเหวยไว้ก่อนจะหันหลังแล้วจากไป
…
ในฐานะที่เป็นเมืองแห่งอาหารอันโอชะที่ได้รับการยอมรับ เมืองเทาเที่ยย่อมไม่ขาดแคลนวัตถุดิบ กระทั่งวัตถุดิบและสินค้าที่นี่ก็มีมากมายครบครันจนกล่าวได้ว่าไม่มีใครเทียบได้!
แต่เฉินซีเพิ่งมาถึงที่นี่ และเขาไม่คุ้นเคยกับเมืองเทาเที่ยเท่าใดนัก ชายหนุ่มจึงได้จ้างคนท้องถิ่นมานำทาง
โดยคนนำทางที่เฉินซีได้มาคือชายวัยกลางผู้มีรูปลักษณ์อ่อนโยน เขาเป็นนักคุยชั้นยอด มีชื่อว่าเถาเก๋อ
…ระหว่างที่การจัดอันดับพ่อครัววิญญาณทองคำกำลังจะเริ่มขึ้น ผู้บ่มเพาะจากทั่วทุกมุมโลกที่สนใจจึงต่างพากันหลั่งไหลเข้ามาในเมือง และเพื่ออำนวยความสะดวกของแขกต่างถิ่น รวมถึงสร้างรายได้ คนท้องถิ่นจำนวนมากจึงรับหน้าที่เป็นคนนำทาง โดยเถาเก๋อก็คือหนึ่งในนั้น
“นายน้อย ดูทางนั้นสิ นั่นคือสระเพลิงวิญญาณที่กำลังก่อสร้าง ทันทีที่สร้างเสร็จ เปลวเพลิงวิญญาณมากกว่าหนึ่งพันชนิดที่เผ่าเทาเที่ยของข้ารวบรวมมาจากทั่วทุกมุมโลกจะถูกนำมาไว้ที่นี่เพื่อใช้ในการปรุงอาหาร” เถาเก๋อเป็นคนนำทางที่กระตือรือร้นยิ่ง กอปรกับค่าตอบแทนที่เฉินซีให้ก็สูงลิบ จึงยิ่งทำให้เจ้าตัวพยายามอย่างหนัก เขาจึงพูดจาไม่หยุดตลอดเส้นทางที่พวกเขาผ่านเลยไป
และตอนนี้ เถาเก๋อก็กำลังชี้ไปทางหนึ่งด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ เพราะที่นั่นคือสระขนาดมหึมาซึ่งกินพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล และถูกสร้างจากหยกวิญญาณดำชั้นหนึ่ง ทำให้ดูสง่างาม สงบเงียบ งดงาม และยิ่งใหญ่
ช่างหลอมอาวุธและปรมาจารย์ค่ายกลอักขระยันต์บางส่วนกำลังวุ่นวายอยู่รอบ ๆ สระเพลิงวิญญาณ พวกเขากำลังขมักเขม้นกับสิ่งของตรงหน้า ทำให้เกิดเป็นภาพที่น่าประทับใจไม่น้อย
“หลังจากนี้สระเพลิงวิญญาณจะกลายเป็นตลาดแปรรูปขนาดใหญ่ มันคือสถานที่รวบรวมวัตถุดิบที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเทาเที่ยของข้า พวกที่บินอยู่บนฟ้า คืบคลานอยู่บนดิน แหวกว่ายอยู่ในน้ำ… ล้วนเป็นวัตถุดิบทั้งสิ้น!” เถาเก๋อชี้ไกลออกไป ตั้งใจจะพาชายหนุ่มไปตรงนั้น แต่เสียงโห่ร้องที่ดังก้องมาจากถนนกลับดังขัดขึ้นเสียก่อน
ขณะนี้ มีกลุ่มคนขนาดใหญ่กำลังเดินเชิดหน้าผ่านใจกลางถนน พวกเขาทุกคนต่างขี่มังกรคชสารหยกขาวที่มีความสูงสามจั้ง ซึ่งหากมองดูไกล ๆ แล้วพวกมันดูคล้ายกับเนินเขาขนาดเล็กจำนวนมากที่ปกคลุมไปด้วยชุดเกราะเกล็ดหนาราวกับโล่
ฝีเท้าของพวกมันหนักอึ้งยิ่ง ทุกย่างก้าวทำให้พื้นสั่นสะเทือน และเกิดเสียงก้องยามเดินผ่านถนนไป
บนมังกรคชสารหยกขาวที่อยู่ด้านหน้ากลุ่มคือชายหนุ่มผู้หนึ่ง เขาครอบครองร่างกายที่แข็งแกร่ง มีรูปลักษณ์หยาบกระด้าง สายตาเย็นชาราวกับสายฟ้า และทั่วทั้งร่างแผ่กลิ่นอายคุกคามออกมา!
“อ๊ะ! ที่แท้ก็เป็นนายน้อยเถาคุนนี่เอง!” เถาเก๋อตกตะลึงขณะความเคารพฉายอยู่ในดวงตา “นายน้อย นั่นคือผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะของพวกเราเผ่าเทาเที่ย… เถาคุน! เขาเข้าร่วมหนึ่งในสิบนิกายมหาเซียน นิกายวิถีกระแสสวรรค์ ดังนั้นจึงได้รับความเคารพอย่างสูงจากผู้อาวุโสจำนวนมากในตระกูล!”