บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 727 สังหารกลางท้องถนน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 727 สังหารกลางท้องถนน

บทที่ 727 สังหารกลางท้องถนน

ดวงตาของเฉินซีหรี่ลงเล็กน้อย เนื่องจากเขารู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นอายของเถาคุนเป็นอย่างมาก ยิ่งกว่านั้น อีกฝ่ายยังไม่ได้ปกปิดกลิ่นอายของตนแม้แต่น้อย ทั้งยังแผ่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามและโหดร้ายออกมาตลอดเวลา!

เพียงแค่กลิ่นอายของคนคนนี้ก็ทำให้เฉินซีระบุได้แล้วว่า เถาคุนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตสถิตกายาที่สามารถใช้พลังต่อสู้ได้ถึงห้าเท่า!

แน่นอนว่า เขาไม่ได้สนใจเรื่องขอบเขตพลังแม้แต่น้อย และสิ่งที่ชายหนุ่มให้ความสนใจที่สุดก็คือตัวตนของคนผู้นี้ เนื่องจากเถาคุนเป็นศิษย์ของนิกายวิถีกระแสสวรรค์เช่นเดียวกับเยี่ยนสือซาน!

ยามที่ใครคนหนึ่งตกหลุมรักใครสักคน ความรู้สึกเหล่านี้อาจขยายขึ้นจนมีผลกับคนรอบข้าง …แน่นอนว่าความเกลียดชังก็เช่นเดียวกัน!

แม้จะไม่สามารถกล่าวได้ว่าเฉินซีเกลียดชังเถาคุน แต่เขาก็ไม่ได้มีความประทับใจต่ออีกฝ่ายเช่นกัน ในไม่ช้า สายตาของชายหนุ่มพลันมองผ่านเถาคุน จ้องมองไปทางด้านหลังของอีกฝ่าย ทันใดนั้น… ม่านตาของเฉินซีจะหดเล็กลง ในขณะที่ร่างกายพลันกลายเป็นแข็งทื่อ

“เถาคุนถือเป็นอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดาของเผ่าเทาเที่ย และเขาก็เป็นลูกชายคนโตของผู้อาวุโสรอง แต่นายน้อยเถาคุนนั้นไม่ได้กลับมาที่เผ่าตั้งแต่เข้าร่วมนิกายวิถีกระแสสวรรค์เมื่อสิบปีที่แล้ว” เถาเก๋อพูดออกมาด้วยความคุ้นเคยอย่างมาก เขาเป็นคนท้องถิ่นที่เกิดและเติบโตที่นี่ ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับนายน้อยเถาคุนผู้มีชื่อเสียงเป็นอย่างดี

“แต่ข้าได้ยินมาว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้นำเผ่าจะคัดเลือกศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดจากศิษย์รุ่นเยาว์ในเผ่าเพื่อเลี้ยงดูในฐานะผู้สืบทอด บางทีที่เถาคุนกลับมาในครั้งนี้ก็อาจเพราะเรื่องนี้…” เสียงของชายคนนั้นพลันหยุดอย่างกะทันหัน ขณะที่ดวงตาซึ่งจ้องมองพลันเบิกกว้าง และเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว!

ท่ามกลางการจ้องมองด้วยความหวาดกลัว มันได้สะท้อนภาพของเฉินซีที่กระโดดลงไปยังใจกลางถนนที่คับคั่งไปด้วยผู้คน และเขาก็เผอิญขวางทางกลุ่มมังกรคชสารหยกขาวเข้าอย่างพอดิบพอดี!

ด้วยเหตุนี้ ทั้งกลุ่มคณะจึงหยุดชะงัก ก่อนที่เถาคุนซึ่งนั่งอยู่บนหลังมังกรคชสารหยกขาวจะถลึงสายตาไปยังเฉินซี ซึ่งยืนขวางอยู่ด้วยสายตาดุร้าย!

ในขณะนั้น ถนนที่อึกทึกครึกโครมพลันเงียบลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนล้วนมองดูเฉินซีด้วยความประหลาดใจ และพวกเขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่า เหตุใดชายหนุ่มผู้นี้ถึงกล้าขัดขวางกลุ่มของเถาคุน!

อย่างไรก็ดี เถาคุนผู้นี้นับว่ามีชื่อเสียงไปทั่วเมืองเทาเที่ย เขาไม่เพียงมีชาติกำเนิดสูงส่ง แต่ยังมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา และเป็นเทาเที่ยสายเลือดบริสุทธิ์ที่หาได้ยากมากในเมืองแห่งนี้ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะเข้าร่วมนิกายวิถีกระแสสวรรค์เพื่อบ่มเพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และไม่เคยกลับมาที่เมืองเลยนับจากนั้น แต่ก็ไม่มีใครลืมชายหนุ่มผู้แข็งกร้าวและน่าเกรงขามคนนี้ได้

ดังนั้น เมื่อพวกเขาเห็นใครบางคนกล้าขัดขวางกลุ่มของเถาคุนในตอนนี้ แล้วพวกเขาจะไม่ตกใจได้อย่างไร?

เถาเก๋อถึงกับอ้าปากค้าง ในขณะที่ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ การกระทำของเฉินซีทำให้ในหัวของชายวัยกลางคนในตอนนี้ว่างเปล่า ที่สำคัญกว่านั้นก็คือตัวเขานั้นเป็นคนท้องถิ่น หากเผลอเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ผลที่ตามมาก็คงจะน่าสยดสยอง และยากจะรอดพ้นความตายได้!

“ฮึ่ม! ข้าไม่ได้กลับบ้านมาสิบกว่าปี แต่ดูเหมือนทุกคนจะลืมข้าเถาคุนไปแล้ว?” เถาคุนคำรามก้อง ในขณะที่มองลงไปยังเฉินซีด้วยแววตาดุร้ายและกดดัน

ทันทีที่พูดจบ ทุกคนก็เงียบสนิทเหมือนจักจั่นที่จำศีลในฤดูหนาว

“ไอ้หนู เหตุใดเจ้าถึงกล้าขวางทางข้า? และถ้าเจ้าไม่มีคำอธิบายที่ดีละก็ เห็นทีข้าคงต้องก้าวข้ามศพของเจ้าไปเสียแล้ว!” เถาคุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา โดยไม่ได้ปกปิดจิตสังหารเลยแม้แต่น้อย

ในฐานะหนึ่งในผู้สืบทอดของเผ่าเทาเที่ย นอกจากการแสวงหาอาหารอันโอชะแล้ว สายเลือดของเขายังมีความเย่อหยิ่งโดยกำเนิด

ต้องไม่ลืมว่าเทาเที่ยเป็นสัตว์ร้ายที่ไม่มีใครเทียบได้ในยุคบรรพกาล เสียงคำรามเพียงครั้งเดียวของมันก็สามารถสั่นสะเทือนท้องฟ้า สามารถทำลายดวงดาว ดวงจันทร์ หรือแม้แต่ดวงอาทิตย์ มันโหดเหี้ยมและกระหายเลือด พอ ๆ กับสัตว์ร้ายอย่างหยาจื้อและกระทิงขุยด้วยซ้ำ!

เฉินซีแสร้งหูหนวกต่อคำพูดของอีกฝ่าย พลางจดจ้องไปที่กรงด้านหลัง ซึ่งมีชายรูปร่างกำยำที่เต็มไปบาดแผลกำลังจ้องมองด้วยความหมดหวังอยู่ภายในกรงนั้น

ชายคนนี้มีผมสีแดงเข้มเหมือนเปลวไฟ ดูทั้งหมดหวังและประหลาดใจ แต่เมื่อสังเกตเห็นสายตาของเฉินซี อีกฝ่ายก็พลันตัวสั่นสะท้าน และความไม่เชื่อก็พลันพุ่งออกมาจากดวงตาของเขา!

รอยยิ้มจริงใจปรากฏขึ้นที่มุมปากของเฉินซีเมื่อเห็นสิ่งนี้ เพราะชายรูปร่างกำยำคนนั้นคือศิษย์พี่ใหญ่ของเขา หั่วโม่เลย!

แต่หลังจากนั้นรอยยิ้มที่มุมปากของชายหนุ่มก็หายไป มันกลายเป็นเย็นชาและเฉยเมย ในขณะที่หมัดของเขากำแน่นอย่างเงียบ ๆ

ภาพตอนที่อยู่ในยอดเขาจรัสตะวันตกของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองพลันวาบขึ้นในดวงตาของเฉินซี แม้ว่าเขาจะอยู่ที่นั่นไม่นาน แต่ความรู้สึกที่มีต่อยอดเขาจรัสตะวันตกนั้นลึกซึ้งมาก และมันได้ฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ดังนั้นในขณะนี้ ยามเขาเห็นศิษย์พี่ใหญ่ …หั่วโม่เลยถูกขังอยู่ภายในกรง ชายหนุ่มจึงโกรธแค้นอย่างหนักจนเกือบจะระเบิดโทสะออกมา!

‘หรือว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง!?’

‘หรือศิษย์พี่ใหญ่หั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ จะต้องทนทุกข์ทรมานจากกับดักบางอย่างตอนที่ข้าไม่อยู่?’

เลือดในกายของเฉินซีดูจะลุกเป็นไฟ ในขณะที่จิตสังหารรุนแรงไหลผ่านร่างกายของเขาเหมือนหินหลอมเหลว ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถยับยั้งผิวหนังทุกตารางนิ้วบนร่างกายของเขาไม่ให้สั่นได้!

‘เหตุใดถึงเกิดสิ่งนี้ขึ้น…’

‘เหตุใดถึงเกิดสิ่งนี้ขึ้นกัน!?’

ชายหนุ่มเกือบจะไม่สามารถควบคุมจิตสังหารของเขาได้

“อันใด? เจ้ารู้จักนักโทษคนนั้นหรือ?” เถาคุนกวาดสายตาไปยังกรงที่อยู่ด้านหลัง และดวงตาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ลง ในขณะที่มีความรู้สึกแปลกประหลาดวาบผ่าน “โอ้ นั่นเป็นทาสที่ข้านำกลับมาเพื่อสร้างบ่อเพลิงวิญญาณ ข้าจะแนะนำให้เจ้า…” เสียงของเขาหยุดลงทันที

เนื่องจากเถาคุนเห็นคนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นกะทันหัน และดวงตาของชายหนุ่มได้กลายเป็นสีแดงก่ำเหมือนเลือด อีกทั้งยังเผยจิตสังหารออกมาอย่างน่ากลัว จนทำให้เถาคุนรู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลัง

“ส่งเขามาให้ข้า” เสียงของเฉินซีทุ้มต่ำขณะที่กล่าวทีละคำ หากเป็นคนที่คุ้นเคยกับชายหนุ่ม พวกเขาจะสังเกตเห็นได้ว่า เฉินซีกำลังระงับจิตสังหารที่รุนแรงอย่างหนักหน่วง และเจ้าตัวก็ใกล้จะปะทุแล้ว

บรรยากาศบนท้องถนนกลับเริ่มบีบคั้นและหนักอึ้งโดยไม่มีเหตุผล สถานการณ์คล้ายสายธนูที่ถูกดึงจนสุด ซึ่งเต็มไปด้วยความเย็นชาและจิตสังหาร ทำให้ผู้คนแทบหายใจไม่ออก

“นี่เจ้าสั่งข้าหรือ?” เถาคุนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ในขณะที่แววตาของเขาดูดุร้ายยิ่ง จากนั้นจิตสังหารก็พวยพุ่งออกมาจากร่างกาย ก่อนที่เจ้าตัวจะกวาดตาออกไปรอบ ๆ ทำให้อากาศแปรเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก

ทุกคนรู้สึกหวาดกลัวและถอยกลับอย่างพร้อมเพรียงกัน จิตสังหารที่แทบจะก่อตัวเป็นวัตถุของเถาคุน เหมือนกับพายุที่พัดโหมลูกแล้วลูกเล่า และหากพวกเขาได้รับผลกระทบจากมัน ผลที่ตามมาจะต้องเลวร้ายอย่างแน่นอน

ใบหน้าของเถาเก๋อซีดเผือด ในขณะที่ร่างกายสั่นสะท้าน เพราะเขาเหมือนมดตัวเล็ก และเมื่อเผชิญกับจิตสังหารที่รุนแรงเช่นนี้ มันก็ทำให้เจ้าตัวรู้สึกสำนึกเสียใจที่ไม่น่ามาเป็นคนนำทางให้กับเฉินซีเลย…

ทันใดนั้น ถนนที่เงียบสงัดก็กลายเป็นว่างเปล่า มีเพียงคนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับร่างร่างหนึ่ง

“เจ้าควรรู้ว่าผู้อยู่ในกรงนั้นคือใคร และหากเจ้าไม่อยากนำพาหายนะมาสู่เผ่าเทาเที่ยของเจ้า ข้าแนะนำให้เจ้ามอบเขาให้กับข้าดีกว่า!” เฉินซีสูดหายใจเข้าลึก ๆ ในขณะที่พยายามยับยั้งจิตสังหารที่พลุ่งพล่านในอก ขณะที่เสียงซึ่งเปล่งออกมาก็ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือก ราวกับมันถูกพัดออกมาจากหลุมน้ำแข็งใต้โลก!

ฮือฮา!

ฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ ต่างตกอยู่ในความโกลาหล “คนผู้นี้กล้าพูดคำดังกล่าวในอาณาเขตของเผ่าเทาเที่ยจริง ๆ หรือ? เขาช่างกล้าบ้าบิ่นและไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรเสียแล้ว!”

ใบหน้าของเถาคุนแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง และดวงตาของเขาก็กะพริบถี่เร็ว ด้วยคำพูดของอีกฝ่ายได้โจมตีจุดอ่อนของชายหนุ่มโดยตรง เพราะแม้คนคนนี้จะถูกลดตัวไปเป็นทาสในกรงขัง แต่เมื่อตัวตนของอีกฝ่ายถูกเปิดเผย มันย่อมก่อให้เกิดความโกลาหลเป็นอย่างมากแน่!

เขาเคยได้รับคำแนะนำครั้งแล้วครั้งเล่าตอนที่พาคนคนนี้กลับมาด้วยว่า ควรจะฆ่าคนผู้นี้ซะ ดีกว่าปล่อยให้ตัวตนของคนผู้นี้ถูกเปิดเผย

ทว่าตอนนี้กลับมีบางคนเห็นตัวตนของคนคนนี้ด้วยการมองเพียงแวบเดียว ดังนั้นนอกจากจะทำให้เถาคุนตกใจแล้ว เจ้าตัวยังอดไม่ได้ที่จะกระตุ้นจิตสังหารออกมา

‘ชายที่อยู่ตรงหน้าข้าไม่อาจเก็บไว้ได้!’

แต่เถาคุนพลันรู้สึกไม่สบายใจโดยไม่ทราบสาเหตุ และกระทั่งสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างเมื่อเผชิญหน้ากับชายหนุ่มคนนี้!

ใบหน้าของเถาคุนดูเครียดเคร่ง จากนั้นเขาก็กล่าวเย้ยหยันว่า “อยากได้ตัวมันไปจากข้าหรือ? หึ! ย่อมได้! แต่มันต้องหลังจากเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้เท่านั้น!”

ในขณะที่กล่าว จิตสังหารที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเถาคุนก็เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันอีกครั้ง ทำให้ความว่างเปล่ารอบตัวอีกฝ่ายส่งเสียงครืน ๆ และสั่นสะท้าน นี่คืออาณาเขตของเผ่าเทาเที่ย ดังนั้นไม่ว่าชายหนุ่มคนนี้จะน่าเกรงขามเพียงใด แต่อีกฝ่ายจะสร้างคลื่นลมแบบใดได้กันเชียว?

เขาตัดสินใจแล้วว่า จะขจัดชายผู้นี้เพื่อยุติปัญหาทั้งหมดในอนาคต!

“ข้าได้ให้โอกาสเจ้าแล้ว…” เสียงเย็นยะเยือกและอาฆาตดังก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ในพริบตาต่อมา เฉินซีพลันยกขาของเขาขึ้นและก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว

ตู้ม!

มันเหมือนกับเทพอสูรลั่นกลองศึก ทำให้หัวใจของผู้คนโดยรอบเต้นราวรัวกลอง เลือดลมสูบฉีด และพลังชีวิตก็คล้ายตกอยู่ในความโกลาหล

ในเวลาเดียวกัน จิตสังหารก็แปรเปลี่ยนเป็นยันต์สีดำซึ่งเย็นยะเยือก ขณะที่ส่งเสียงดังก้องและกวาดออกไป โดยทุกที่ที่พวกมันผ่านไป มังกรคชสารหยกขาวเหล่านั้นจะถูกสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทำให้เลือดเนื้อสาดกระเด็นออกไปรอบ ๆ ในขณะที่ผู้บ่มเพาะที่ขี่พวกมันไม่ทันตั้งตัว และเกือบจะล้มลงกับพื้น

เพียงก้าวเดียว เลือดก็ไหลรินเป็นสาย!

“รนหาที่ตาย!” เถาคุนโกรธมากในขณะที่เขาร่อนลงมา ก่อนที่แขนของเจ้าตัวจะสั่นสะท้านและเปลี่ยนเป็นจานหยินหยางสีขาวดำ ซึ่งกำลังหมุนอย่างบ้าคลั่งขณะเข้าบดขยี้เฉินซี!

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น ก่อนดวงตาสีเลือดของเขาจะปะทุลำแสงสายฟ้าที่ประสานกันเป็นรัศมีเจิดจ้าของอักขระยันต์ จากนั้นพวกมันก็กลายเป็นกระบี่อักขระยันต์สองเล่ม ที่ดูเหมือนลำแสงสองดวงทะลวงผ่านดวงอาทิตย์ ยามที่พวกมันทำลายจานหยินหยางลง!

“หืม?” ใบหน้าของเถาคุนดูเคร่งขรึม จากนั้นเจ้าตัวก็ชักง้าวทองคำออกมา ทำให้ตัวคนดูเหมือนเทพสงครามที่ยืนหยัดอย่างภาคภูมิในฟ้าดิน ก่อนที่ง้าวจะฟาดลงมาจากท้องฟ้าและฉีกกระชากความว่างเปล่าออกจากกัน!

“คุกเข่า!” เสียงของเฉินซีเหมือนฟ้าร้องในฤดูใบไม้ผลิ เขายังไม่ทันได้ขยับ ทว่าดอกบัวสีทองจำนวนมากซึ่งสร้างจากอักขระยันต์ก็พวยพุ่งออกมาในความว่างเปล่าตรงหน้า ดูราวกับดอกไม้ที่โปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า ขณะที่พวกมันฟาดลงมาที่เถาคุน

โครม! โครม! โครม!

เสียงดังกึกก้องสะท้อนออกมา ในขณะที่ง้าวในมือของเถาคุนแตกละเอียดทีละนิด และกลายเป็นฝนแสงสีทองโปรยปรายลงมาที่พื้น ในขณะที่ตัวคนรู้สึกราวกับถูกแรงกดดันจากภูเขาลูกมหึมา ทำให้โซซัดโซเซ ก่อนจะร่วงหล่นลงจากกลางอากาศ

ดอกบัวทองคำที่เกิดจากอักขระยันต์นี้ดูราวกับมีน้ำหนักหลายพันจิน ขณะที่เถาคุนตั้งใจจะเข้าต่อต้าน อีกฝ่ายกลับถูกดอกบัวกดทับจนคุกเข่าลงกับพื้น ทำให้กระดูกในร่างกายแตกหักนับไม่ถ้วน

พรวดดด!

สีหน้าของเถาคุนซีดลงจนน่ากลัว ทันใดนั้นเลือดก็ทะลักออกมาเต็มปากของเขา ก่อนที่ตัวคนจะคุกเข่าลงตรงหน้าเฉินซีด้วยท่าทางอันน่าอับอาย สิ่งนี้ทำให้ดวงตาของเถาคุนแทบจะถลนออกจากเบ้า ในขณะที่ใบหน้าก็ขาวซีดจนแทบโปร่งใส และในใจก็โกรธแค้นจนแทบบ้า!!!

การต่อสู้ดำเนินไปเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินซีเพียงก้าวไปข้างหน้า เงยหน้าขึ้น และกล่าวคำเพียงคำเดียว แต่เขากลับทำให้อัจฉริยะของเผ่าเทาเที่ย …เถาคุนผู้มีพลังต่อสู้ถึงห้าเท่าถูกสยบจนต้องคุกเข่าลงกับพื้น!

เคล็ดวิชาบ่มเพาะที่น่าสะพรึงกลัวนี้คือสิ่งใดกัน? มันเกือบจะเหมือนกับเคล็ดวิชาในตำนานที่สามารถใช้ผ่านคำพูดเพียงอย่างเดียวด้วยซ้ำ!

ร่างของทุกคนบนถนนแข็งทื่อ พวกเขายืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้ายากจะเชื่อ!

“ท่านพ่อ! ท่านพ่อ! ช่วยข้าด้วย!” บนพื้นดิน ร่างของเถาคุนอาบไปด้วยเลือด ในขณะที่เขาร้องคร่ำครวญด้วยความสิ้นหวัง

ทว่าเฉินซีไม่สนใจเรื่องนี้ เขายังคงก้าวไปข้างหน้าเพื่อไปที่หน้ากรง ก่อนจะยกมือขึ้น และค่อย ๆ บดขยี้ค่ายกลที่ปกคลุมกรงให้เป็นผุยผง…

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท