บทที่ 25 ความทรงจำของแผ่นดิน
ลั่วชิวนำผ้าบิดหมาดมาเช็ดใบหน้าที่เปื้อนฝุ่นของหลีจื่อเบาๆ
หลีจื่อหลับอย่างสงบ
ที่นี่เป็นบ้านร้างบริเวณใกล้เคียงหลังหนึ่ง ดูเรียบง่ายมาก หรือจะพูดว่าว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยก็ว่าได้
เจ้าของสมาคมลั่วรู้สึกว่าหลีจื่อสามารถนอนหลับอยู่บนพื้นได้โดยไม่มีปัญหาอะไร จึงเพียงแค่กวาดฝุ่นบนพื้นเท่านั้น
ตอนนี้เองคุณหนูสาวใช้ก็ผลักประตูเดินเข้ามา
หลังจากลั่วชิวล้างมือแล้วถึงพูดว่า “สถานการณ์ของเธอค่อนข้างอันตราย ฉันจัดการไปแล้ว ครั้งนี้ไม่ต้องรบกวนเธออีก”
โยวเย่เพียงแค่ยิ้มแล้วมองไปยังหลีจื่อที่นอนอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง…ถ้าหากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่หลีจื่อ คงจะไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้
แน่นอนว่าคุณหนูสาวใช้ผู้รู้เรื่องดีจะไม่พูดออกมา “นายท่าน หาที่ซ่อนตัวของเซียงหลิ่วพบแล้ว…ถึงเซียงหลิ่วจะธรรมดา แต่หากฉันเข้าใกล้เกินไปเขาก็น่าจะสัมผัสอะไรได้บ้าง”
ลั่วชิวพยักหน้าถามอีกว่า “เจออะไรไหม”
โยวเย่ตอบว่า “นอกจากพรรคพวกคนนั้นแล้ว ที่นั่นยังมีของบางอย่าง…รู้สึกว่าเป็นบางอย่างที่ดูน่าเกลียด เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและเสียงโหยหวน”
“อืม” ลั่วชิวพูดว่า “นี่เป็นเรื่องภายในเผ่าปีศาจ ในเมื่อไม่ใช่คำร้องขอของลูกค้าก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา วันสองวันนี้ซูจื่อจวินน่าจะหายดีแล้ว เธอกับเซียงหลิ่วจะมีความขัดแย้งอะไรกันก็ให้พวกเขาจัดการกันเอง ขอเพียงเมืองนี้ไม่ถูกทำลายก็ไม่มีปัญหา”
พูดแล้วลั่วชิวก็หันหน้าไป เมื่อพลิกมือก็มีขวดน้ำขวดหนึ่งปรากฏออกมา
หลังจากที่เขาวางขวดน้ำไว้ข้างหลีจื่อแล้วก็หันไปพูดกับโยวเย่ว่า “พวกเราไปที่จุดผนึกจุดสุดท้ายกัน ปล่อยให้ทั้งสองฝ่ายที่ไม่รู้รายละเอียดสร้างความกดดันให้มันไม่ได้”
…
เจ้าของสมาคมพาคุณหนูสาวใช้จากไป…อีกไม่นานหลีจื่อก็จะหายดีและฟื้นขึ้นมา…และก็จะไม่รู้ว่าตนเองพบเจออะไรมาบ้าง
สำหรับลั่วชิวนั้น เขาไม่คิดจะช่วยอะไรซูจื่อจวิน และก็ไม่ได้ขัดขวางเรื่องที่เซียงหลิ่วคิดจะทำด้วย
เขาเพียงแต่ไม่ยินยอมให้เมืองที่ตนเองเติบโตขึ้นมา ต้องกลายเป็นเครื่องสังเวยในการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายก็เท่านั้น
ดังนั้น เขากับโยวเย่จึงมาจุดผนึกจุดที่สาม สถานที่ลึกลงไปใต้ดิน สถานที่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน
เดิมทีที่นี่ควรจะมืดมิดมาก
แต่ที่นี่กลับมีแสง…แสงที่สว่างมาก!
แต่ก็ไม่ใช่แสงสีทองจากอักษรเวทมนตร์ แต่เป็นแสงที่มาจากเส้นสายพลังวิญญาณระยะแรกเริ่มสายนี้
“งดงามมาก” โยวเย่ส่งเสียงออกมาเบาๆ
เหมือนการไหลของก๊าซและก็เหมือนการไหลของน้ำ…พวกมันเหมือนถูกอะไรบางอย่างผูกไว้ ให้ค่อยๆ ไหลไปตามเส้นทาง
ด้านในส่องแสงระยิบระยับเหมือนกับแสงดาว เหมือนกับแม่น้ำดวงดาวสีเงิน ความกว้างใหญ่ของเส้นสายพลังวิญญาณเหมือนกับแม่น้ำขนาดใหญ่
ลั่วชิวเพิ่งเคยเห็นของที่ปรากฏอยู่แต่ในตำนานกับตาเป็นครั้งแรก สติจึงหลุดลอยไป เขาพาโยวเย่ข้ามแม่น้ำตรงหน้า เส้นสายพลังวิญญาณเส้นนี้เหมือนเติบโตขึ้นบนแม่น้ำใต้ดินสายนี้ก็ไม่ปาน
ทันใดนั้นแม่น้ำที่ไหลอยู่ใต้ดินก็มีเสาน้ำพุ่งออกมากลายเป็นแท่นรับเอาลั่วชิวและโยวเย่ขึ้นมา สุดท้ายก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นำทั้งสองคนไปยังจุดที่ใกล้กับเส้นสายพลังวิญญาณใต้ดินมากที่สุด
ลั่วชิวอดยื่นมือออกไปลูบเส้นสายพลังวิญญาณสายนี้ไม่ได้
ในตอนที่มือของเขาค่อยๆ จมเข้าไปด้านในจนเข้าไปทั้งมือนั้น ลั่วชิวก็สติหลุดลอยไปอย่างกะทันหัน เขายืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ เหมือนมองไม่เห็นอะไรเลย
โยวเย่อ้าปาก เธอรับรู้ได้ว่าเจ้านายของตนเองดูผิดปกติไป…ดูผิดปกติไปมาก
เธอมองลั่วชิวและก็มองเห็นดวงตาของเขาชื้นขึ้น ก่อนมีน้ำตาไหลลงมาจากดวงตาของเขา
เขากำลังร้องไห้…นี่เป็นครั้งแรกที่คุณหนูสาวใช้เห็นเขาร้องไห้
เปลวไฟสีดำก้อนหนึ่งปรากฏขึ้นในฝ่ามือของโยวเย่…จากนั้นก็เพิ่มเป็นสองก้อน! โยวเย่ค่อยๆ กางสองมือออก เปลวไฟสีดำในมือข้างซ้ายและขวาเริ่มเปลี่ยนเป็นโหมแรงมากยิ่งขึ้น
เธอไม่จำเป็นต้องรู้ว่าทำไมเจ้านายถึงร้องไห้…เพียงแต่รู้ว่าเส้นสายพลังวิญญาณเส้นนี้ทำให้เจ้านายของเธอร้องไห้ก็พอแล้ว และด้วยเหตุนี้จึงไม่อาจให้อภัยได้
“อย่า”
เพียงพริบตาเดียวที่เปลวไฟสีดำจะสัมผัสเส้นสายพลังวิญญาณ ลั่วชิวก็ยื่นมือออกไปคว้าจับมือของโยวเย่ไว้…วางมือครอบบนฝ่ามือของเธอเบาๆ ดับเปลวไฟสีดำลงไป
ดูเหมือนลั่วชิวจะได้สติแล้ว เขามองโยวเย่แล้วพูดเบาๆ ว่า “อย่า อย่าทำร้ายมัน”
“นายท่าน ท่าน…”
“ฉันไม่เป็นไร”
ลั่วชิวถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็หัวเราะขึ้น เขาจับมือของโยวเย่ขึ้นมาอีกครั้ง ค่อยๆ ส่งมือของเธอเข้าไปในเส้นสายพลังวิญญาณ “ปล่อยวาง…และสัมผัส”
เธอทำตามคำสั่งของเจ้านาย ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งอะไรเธอก็จะทำตาม
เธอหลับตาลงและตั้งใจสัมผัสมันด้วยจิตวิญญาณที่มอบความคิดและความสามารถทั้งหมดให้เธอ
จากดินแดนรกร้างสู่ความเขียวขจี
จากความยากจนถึงความอุดมสมบูรณ์
จากดินแดนที่ไม่มีอะไร ค่อยๆ มีรอยเท้าคู่แรก คู่ที่สอง…และอีกมากมายหลายคู่
หยาดเหงื่อ บทเพลง แสงไฟ…แสงไฟจากดวงไฟตามบ้านเรือนนับหมื่น
ความสนุก ความเศร้า ความสุข ความทุกข์ รอยยิ้ม ร้องไห้…ใบหน้าที่แตกต่างกันมากมาย
เวลา เมฆและลมที่แตกต่างกัน หมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน
“รู้สึกไหม” ลั่วชิวกระซิบที่ข้างหูของโยวเย่ “ความทรงจำของมัน…ความทรงจำของเมืองนี้ ความทรงจำของแผ่นดินนี้…ประวัติศาสตร์ของมัน ทุกอย่างของมัน ทุกๆ อย่าง”
จากที่ไม่มีอะไรเลย เหมือนได้เห็นแผ่นดินนี้ เมืองนี้เปลี่ยนแปลงจากที่ไม่มีอะไรกลายเป็นมี ดูเหมือนกำลังมองดูการเจริญเติบโตของชีวิต
“มัน…” โยวเย่ลืมตาขึ้น พูดอย่างประหลาดใจว่า “มันมีความคิด”
ลั่วชิวพยักหน้า “เหมือนกับเด็กทารก…จิตวิญญาณที่งดงามไร้ที่เปรียบดวงหนึ่งกำลังเจริญเติบโตในร่างกายของมัน…มันจะเติบโตและปลดปล่อยความงดงามที่ยากจะจินตนาการถึงออกมา”
ลั่วชิวเงยหน้าขึ้นมองทุกอย่างที่เขาสามารถมองเห็นได้ของเส้นสายพลังวิญญาณเส้นนี้ แม้จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ เพียงส่วนเดียวของมันก็ตาม
เขาพูดว่า “ฉันอยากดู เธอตามฉันไปดูด้วยกันสิ”
…
…
การพบน้ำหนึ่งขวดและพบสถานที่ที่นอนหลับ ยังไม่น่าตกใจเท่าการที่พบว่าอาการบาดเจ็บบนร่างกายนั้นหายดีแล้ว
หลีจื่อเริ่มคิดถึงความเป็นไปได้
แต่นอกจากน้ำหนึ่งขวดแล้วก็ไม่มีร่องรอยเบาะแสใดๆ อีกเลย…แต่เธอก็คิดว่าไม่น่าจะใช่ปีศาจสาวที่เธอช่วยเอาไว้ย้อนกลับมาช่วยเธอ
แต่ใครเป็นคนช่วยเธอ?
เป็นคนดีที่เดินผ่านมา? หรือคนดีที่มีเป้าหมายอื่น…หรือคนเลวที่มีเป้าหมายอื่น? คนรู้จัก? หรือคนแปลกหน้า?
หลีจื่อส่ายหัว
เธอลองรออยู่ที่นี่มาสักระยะด้วยคิดว่าจะได้พบเจอคนที่ช่วยเธอเอาไว้…แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลีจื่อก็รู้สึกว่าเธอคงรอไม่ถึงเวลานั้น
ในเมื่อไม่ตาย…ก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดีเรื่องหนึ่งมิใช่หรือ?
แต่บนใบหน้าของหลีจื่อก็ไม่มีร่องรอยของความดีใจเกินไปปรากฏออกมา
ใกล้สว่างแล้ว หลีจื่อลูบท้องของตนเองและตัดสินใจจะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ก่อน เพราะเธอรู้ว่าน้ำเพียงขวดเดียวจะต้องทำให้เธอหิวแน่นอน
“โอ๊ะ อยู่ดีๆ ก็อยากกินโจ๊กที่บ้านพี่เริ่น แต่อาหารเช้าข้างแม่น้ำก็ไม่เลวเหมือนกัน…วุ่นวายสับสนจริงๆ!”
หลีจื่อบ่นและจากไป