บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 746 ท้าทายเสิ่นหลางหยาอย่างเปิดเผย

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 746 ท้าทายเสิ่นหลางหยาอย่างเปิดเผย

บทที่ 746 ท้าทายเสิ่นหลางหยาอย่างเปิดเผย

สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปยังคัมภีร์ในมือของผู้อาวุโสเลี่ยเผิงพร้อมกันโดยไม่รู้ตัว มันอบอวลไปด้วยประกายแสงของมหาเต๋านิรันดร์ มีแสงสว่างเล็ดลอดออกมา ทำให้ดูเหมือนกับมีปัญญาเป็นของตัวเองจนดูน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

ถึงแม้จะเป็นคัมภีร์ แต่มันคล้ายกับมีชีวิต และแผ่จังหวะอันแปลกประหลาดออกมา

นี่คือคัมภีร์เต๋าสูงสุดของเขาวิญญาณนิรันดร์ …คัมภีร์เต๋านิรันดร์!

ตามตำนาน เขาวิญญาณนิรันดร์ครอบครองน้ำพุแห่งความนิรันดร์ที่คงอยู่ตั้งแต่ช่วงบรรพกาลสร้างโลก น้ำในน้ำพุมีลักษณะเป็นทรงกลมขณะที่แผ่แสงสว่างใสเลือนรางออกมา มันเป็นความนิรันดร์ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ทันทีที่คนธรรมดาดื่มเข้าไปหนึ่งอึก ร่างมนุษย์ของคนผู้นั้นจะส่องแสงสว่างจ้า รักษาฟื้นฟูความเยาว์วัยชั่วนิรันดร์ และครอบครองรากฐานสำหรับการบ่มเพาะเต๋าที่มั่นคงยิ่ง!

ยิ่งกว่านั้น คัมภีร์เต๋านิรันดร์นี้ยังเกิดขึ้นจากภายในน้ำพุแห่งความนิรันดร์ ความลึกล้ำในมหาเต๋าของมหาเต๋านิรันดร์ถูกตีตราไว้ …กลายเป็นแหล่งกำเนิดของมรดกเต๋าสูงสุดของเขาวิญญาณนิรันดร์

แม้คัมภีร์เต๋านิรันดร์ที่องค์หญิงไป๋หลี่มอบให้จะไม่ใช่ต้นฉบับ เป็นเพียงสำเนาชุดหนึ่ง ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีค่าชนิดที่ยากจะประเมินค่าได้!

ถึงอย่างไร นอกจากเขาวิญญาณนิรันดร์แล้ว จะมีกองกำลังใดในโลกบ้างที่ครอบครองสมบัติล้ำค่าที่มากล้นความนิรันดร์เช่นนั้น? หากทำความเข้าใจสิ่งนี้ได้ มันย่อมทำให้คนที่ได้รับไปได้ผลประโยชน์อันไร้ที่สิ้นสุด!

หลังจากนั้น สายตาของทุกคนต่างร้อนผ่าวด้วยความปรารถนา แม้กระทั่งผู้อาวุโสขอบเขตเซียนปฐพีที่อยู่ข้างผู้อาวุโสเลี่ยเผิงยังอดที่จะอิจฉาไม่ได้

“คัมภีร์เต๋านิรันดร์! ฮ่า ๆ! นี่คือสมบัติล้ำค่าที่ต้องใช้โชคเท่านั้นถึงจะมีโอกาสได้มา!” สายตาของผู้อาวุโสเลี่ยเผิงจับจ้องคัมภีร์ในมือ ขณะหัวเราะก้องด้วยความยินดี เผยความปลื้มปริ่มออกมา

แต่หลังจากนั้น ชายชรากลับส่ายหน้าแล้วถอนหายใจออกมา “น่าเสียดายที่ข้าสามารถศึกษาได้เพียงเจ็ดวันเท่านั้น จึงเห็นได้ชัดว่าการทำความเข้าใจความลึกล้ำทั้งหมดในเวลาอันสั้นนั้นเป็นเรื่องยากยิ่ง”

ทุกคนเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ถึงอย่างไร มันก็คือมรดกสูงสุดของเขาวิญญาณนิรันดร์ มีค่าเทียบเท่ากับคัมภีร์เก้าเรืองรองของนิกาย ทว่าตั้งแต่เริ่มบ่มเพาะจนถึงตอนนี้ ใครบ้างที่จะกล้าตบอกรับปากว่าจะทำความเข้าใจความลึกล้ำทั้งหมดที่อยู่ภายในคัมภีร์เก้าเรืองรองได้ภายในไม่กี่วัน?

ถึงจะดูเหมือนคัมภีร์ แต่ที่แท้แล้วมันคือมรดกเก่าแก่ที่สามารถย้อนรอยไปยังยุคสมัยอันไร้ขอบเขตได้ ดังนั้นความลึกล้ำที่อยู่ภายในนั้นจะน่าตกตะลึงเพียงใดกัน? ด้วยเหตุนี้ หากสามารถซึมซับความลึกล้ำที่อยู่ข้างในตลอดระยะเวลาเจ็ดวันได้ประมาณหนึ่งในหมื่น ก็นับว่าน่าพึงพอใจแล้ว!

แต่ต่อให้พวกเขารู้ว่าคัมภีร์เต๋านิรันดร์นั้นจะศึกษาได้ยากยิ่ง ทว่าพวกเขาก็มิอาจกลบความตื่นเต้นในใจไหว และต่างต้องการฉกฉวยมันมาจากเลี่ยเผิงเพื่อทำความเข้าใจ!

แม้กระทั่งเสิ่นหลางหยาผู้ชื่นชอบความสันโดษและทะนงตนยิ่ง ก็ยังแสดงความสนใจออกมา!

ทว่าหลังจากนั้นเจ้าตัวก็เป็นต้องขมวดคิ้ว เพราะเขาคาดเดาได้อย่างเลือนรางว่าโอกาสสูงสุดนี้อาจจะไม่ได้ตกมาอยู่ในมือตนเอง และเหตุผลนั้นก็เพราะเฉินซี!

ศิษย์น้องร่วมสำนักผู้นี้เอาชนะฟางจิ้งเลวี่ยและลู่ผิงได้ …เฉินซีได้สำแดงพรสวรรค์ที่ทำให้ทุกคนในที่นี้ตกตะลึง ดังนั้นต่อให้เสิ่นหลางหยาจะรู้สึกไม่สบายใจที่อีกฝ่ายช่วงชิงความโดดเด่นไป แต่ตัวเขาก็ต้องยอมรับว่า ผู้มีคุณสมบัติจะได้รับคัมภีร์เต๋านิรันดร์เพื่อทำความเข้าใจ สุดท้ายคงหนีไม่พ้นเฉินซี!

เสิ่นหลางหยาถึงกับรู้สึกสิ้นหวังเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ แต่เมื่อชำเลืองมองโดยไม่ตั้งใจ เจ้าตัวกลับเพิ่งสังเกตว่าเฉินซีเดินออกไปจากโถงพินิจกระบี่ตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ!

‘หรือว่าเขาละทิ้งโอกาสนี้ไปแล้ว?’ หลังจากคิดเช่นนั้น หัวใจของเสิ่นหลางหยาพลันเริ่มเต้นรัวด้วยความปรารถนาอันร้อนแรงที่กำลังแผดเผาไปทั่วกาย ทันทีที่เฉินซีไป ดูท่าว่าในบรรดาทุกคนที่อยู่ตรงนี้… มีเพียงตัวเขาที่มีคุณสมบัติจะได้รับโอกาสดังกล่าว!

เขารีบสูดหายใจเข้าเพื่อรักษาความสงบ พลางครุ่นคิดในใจอย่างรวดเร็วว่าต้องทำอย่างไร จึงจะสามารถเข้าใจความลึกล้ำทั้งหมดภายในคัมภีร์เต๋านิรันดร์ในเวลาเจ็ดวัน…

“ในการประลอง ณ โถงพินิจกระบี่ในครั้งนี้ เฉินซีได้แสดงผลงานอันยอดเยี่ยมออกมา ข้าจึงตัดสินใจจะมอบคัมภีร์เต๋านิรันดร์นี้ให้กับเขาเพื่อทำการบ่มเพาะ มีใครคัดค้านหรือไม่?” เลี่ยเผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคงอย่างช้า ๆ ขณะที่สายตาก็ผละจากคัมภีร์ในมือ ก่อนจะมองไปรอบข้าง ทว่าชายชราก็เป็นต้องตกตะลึงไป “เฉินซีอยู่ไหน?”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทุกคนภายในโถงพลันพบว่าเฉินซีจากไปอย่างเงียบงันเมื่อใดไม่ทราบ!

…ในขณะที่พวกเขามัวแต่ให้ความสนใจกับคัมภีร์เต๋านิรันดร์ เฉินซีกลับเดินจากไปแล้วอย่างนั้นหรือ?

สิ่งนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกละอายเล็กน้อย ผู้โดดเด่นที่สุดควรได้รับความสนใจและความชื่นชมจากทุกคน แต่ถึงอย่างนั้น …อีกฝ่ายกลับถูกมองข้ามเสียอย่างนั้น!

ทว่ามีเพียงเสิ่นหลางหยาที่ไม่คิดเช่นนี้ เขาไม่สามารถหักห้ามความตื่นเต้นในใจเอาไว้ได้อีกต่อไป แล้วจึงรีบกล่าวด้วยเสียงดังฟังชัดว่า “อาจารย์ลุงเลี่ยเผิง ความสำเร็จในการต่อสู้ของศิษย์น้องเฉินซีนั้นยอดเยี่ยมนัก ทำให้ความแข็งแกร่งของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองเลื่องลือไปทั่ว และผู้คู่ควรจะครอบครองโอกาสในการทำความเข้าใจคัมภีร์เต๋านิรันดร์ แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นศิษย์น้องเฉินซีอย่างไม่ต้องสงสัย!”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดขึ้นมา พวกผู้อาวุโสเลี่ยเผิงต่างพยักหน้าคล้อยตาม

“แต่ศิษย์น้องเฉินซีคล้ายกับไม่ได้สนใจในคัมภีร์เต๋านิรันดร์เลย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อาจารย์ลุงเลี่ยเผิง เหตุใดท่านไม่มอบโอกาสนี้ให้แก่ศิษย์พี่ศิษย์น้องคนอื่นในโถงแทนเล่าขอรับ? บางทีศิษย์น้องเฉินซีอาจเห็นชอบกับเรื่องดังกล่าวก็ได้”

คำพูดต่อมาของเสิ่นหลางหยานี้ทำให้ทุกคนขมวดคิ้ว

หลงเจิ้นเป่ย อันเวย ลั่วเชี่ยนหรง และคนอื่นต่างเผยสีหน้าไม่ยินดีออกมา เพราะถึงเสิ่นหลางหยาจะพูดถึงเฉินซีอย่างให้เกียรติ แต่ใจความรวมถึงจิตใจของเจ้าตัวกลับไม่เป็นแบบนั้น

ผู้อาวุโสเลี่ยเผิงชำเลืองมองเสิ่นหลางหยา “เช่นนั้นเจ้าคิดว่าคัมภีร์เต๋านิรันดร์นี้ควรมอบให้กับใคร”

เสิ่นหลางหยายิ้มเล็กน้อยขณะประสานมือ “มันย่อมสุดแล้วแต่ท่าน อาจารย์ลุงเลี่ยเผิง แต่ข้าคิดว่าในเมื่อมีระยะเวลาเพียงแค่เจ็ดวันเพื่อทำความเข้าใจ เช่นนั้นศิษย์ผู้สามารถรับโอกาสนี้ได้จะต้องครอบครองความสามารถในการทำความเข้าใจ และมีปัญญาที่สูงส่งเป็นอย่างยิ่ง”

ทันทีที่กล่าวจบ ชายหนุ่มก็อดที่จะรู้สึกพึงพอใจไม่ได้

เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ที่มีต่อเลี่ยเผิง ประกอบกับพรสวรรค์และความสามารถในการทำความเข้าใจอันยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาผู้คนในที่แห่งนี้ …ขอเพียงผู้อาวุโสเลี่ยเผิงพยักหน้า เช่นนั้นคัมภีร์เต๋านิรันดร์จะต้องอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมเสิ่นหลางหยาผู้นี้อย่างแน่นอน

หลังได้ฟัง ชายชราพลันเงียบไป ขณะที่ผู้อาวุโสขอบเขตเซียนปฐพีคนอื่นเคลื่อนไหวราวกับไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขายังคงกันตัวเองออกจากเรื่องนี้ ไม่คิดจะเข้าไปพัวพัน

เพราะไม่ว่าจะเป็นเฉินซีหรือเสิ่นหลางหยา ทั้งคู่ต่างเป็นศิษย์ยอดเยี่ยมที่สุดของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง และหากไม่มีอะไรผิดพลาด ผู้สืบทอดนิกายกระบี่เก้าเรืองรองอาจจะถูกเลือกจากสองคนนี้ก็เป็นได้

แต่ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว อำนาจของเสิ่นหลางหยาในนิกายนั้นลึกล้ำกว่า ถึงอย่างไร เขาก็เข้าร่วมกับนิกายมาหลายปี มีสถานะเป็นศิษย์ชั้นยอดอันดับหนึ่งบนยอดเขาจรัสเทวะ ยิ่งกว่านั้น เจ้าตัวยังได้รับความรักและการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจำนวนมากในนิกาย ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าเสิ่นหลางหยามีความสัมพันธ์ที่กว้างขวางและมีอิทธิพลในนิกายเป็นอย่างยิ่ง

ถึงแม้ชื่อเสียงของเฉินซีจะเหมือนกับดวงอาทิตย์บนท้องฟ้ายามเที่ยงวันในแดนภวังค์ทมิฬ ทั้งยังเอาชนะ ‘แขก’ จากเขาวิญญาณนิรันดร์ได้สำเร็จ ทำให้ชายหนุ่มดูน่าตกตะลึงมาก แต่เขาก็เพิ่งเข้านิกายมาได้ไม่ถึงปี ยังไม่มีกลุ่มผู้ติดตามเป็นของตัวเอง ความสัมพันธ์น้อยนิด ดังนั้นเส้นสายของเขาจึงด้อยกว่าเสิ่นหลางหยามากนัก

ปัจจัยเหล่านี้คือสิ่งที่เลี่ยเผิงและผู้อาวุโสขอบเขตเซียนปฐพีต้องใคร่ครวญให้ดี

อีกด้าน ศิษย์ในโถงต่างระเบิดเสียงอึกทึกออกมา พวกเขาไม่คาดคิดว่า เสิ่นหลางหยาผู้ทำตัวไม่โดดเด่นจะถึงกับหยิ่งทะนงจนกล้าพูดจาหน้าไม่อายเช่นนั้นออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาอยากยึดครองคัมภีร์เต๋านิรันดร์เอาไว้!

“ศิษย์พี่เสิ่นหลางหยา ข้านับถืออุปนิสัยและเคารพผลงานที่ท่านทำเพื่อนิกายเสมอมา แต่การกระทำของท่านไม่เกินไปหน่อยหรือ!?” หลงเจิ้นเป่ยเป็นคนแรกที่ไม่อาจห้ามตัวเองไว้ได้ เขาขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “ถึงอย่างไร คัมภีร์เต๋านิรันดร์นี้เป็นสิ่งที่เฉินซีควรได้รับ ดังนั้นจะให้ผู้อื่นโดยไม่ขอเขาก่อนได้อย่างไร?”

สีหน้าของเสิ่นหลางหยายังคงไม่แปรเปลี่ยน ขณะจ้องมองหลงเจิ้นเป่ยอย่างเงียบงัน “ศิษย์น้องหลง ข้าไม่ได้บอกว่าศิษย์น้องเฉินซีไม่สมควรได้รับ แต่ที่แนะนำเช่นนี้ก็เพราะเขาไม่อยู่ และหากเขาไม่ยินยอม เช่นนั้นพวกเราย่อมต้องปัดข้อเสนอของข้าทิ้งไป …ดังนั้นเหตุใดเจ้าจึงบอกว่าข้าทำเกินไปด้วยเล่า? หรือว่าเจ้าอยากยั่วโมโหข้ากัน?” น้ำเสียงของเสิ่นหลางหยาเต็มไปด้วยการคุกคาม

ศิษย์บนยอดเขาจรัสเทวะมักจะต่อสู้ทั้งในที่แจ้งและที่ลับมาโดยตลอด ในเมื่อเสิ่นหลางหยาสามารถกลายเป็นศิษย์อันดับหนึ่งได้ ความแข็งแกร่งของเขาย่อมไม่ได้สร้างขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวออกมา ถึงแม้หลงเจิ้นเป่ยจะไม่คิดมาก แต่ศิษย์คนอื่นกลับเผยความหวาดกลัวก่อนส่ายหน้า และไม่พูดไม่จา

มุมปากของเสิ่นหลางหยาอดที่จะเผยรอยยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นเช่นนี้ เพราะเขาพึงพอใจกับการตอบสนองดังกล่าวยิ่งนัก

ยามที่เฉินซีไม่อยู่ที่นี่ในตอนนี้ จึงย่อมทำให้ตัวเขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาทุกคน ยิ่งกว่านั้น แม้กระทั่งผู้อาวุโสเลี่ยเผิงและเบื้องบนคนอื่นของนิกายก็ต่างมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเขา ดังนั้นใครจะกล้าขัดขวางในสถานการณ์เช่นนี้ได้?

“ข้าไม่เห็นด้วย!” ตอนนี้เอง ลั่วเชี่ยนหรงพลันยืนขึ้นทันที นางผู้ปกติจะมีอุปนิสัยเกียจคร้าน กลับมีทีท่าแตกต่างไปราวกับเป็นคนละคน สีหน้าเย็นชาและจริงจังเผยออกมาขณะกล่าวเน้นย้ำทีละคำว่า “ของทุกชิ้นมีเจ้าของ ข้าไม่อยากให้ความพยายามอย่างหนักของศิษย์น้องเฉินซีตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น!”

เสิ่นหลางหยาขมวดคิ้ว ขณะที่ภายในแววตาทอประกายเย็นเยือกออกมา จากนั้นกล่าวว่า “โห? ท่าทีของศิษย์น้องลั่วในวันนี้ดูตึงเครียดเหลือเกิน เรื่องทั้งหมดนี้ย่อมต้องให้อาจารย์ลุงเลี่ยเผิงเป็นผู้จัดการ และนั่นหมายความว่าเจ้ากำลังตั้งข้อสงสัยกับทางเลือกของอาจารย์ลุงอย่างนั้นหรือ?”

“ไม่ใช่การตั้งข้อสงสัย แต่เป็นการพูดความจริงต่างหาก!” ลั่วเชี่ยนหรงมีสีหน้าสงบ ไม่กลัวเกรงต่อน้ำเสียงข่มขู่ที่แฝงอยู่ภายในคำพูดของชายหนุ่ม

“ข้าไม่เห็นด้วยเช่นกัน” อันเวยยืนขึ้นเช่นกัน ใบหน้างดงามเป็นเอกลักษณ์ไร้ซึ่งอารมณ์แม้แต่นิดเดียวกล่าวเสริม “เมื่อให้การช่วยเหลือย่อมต้องได้รับรางวัล นี่ยังไม่นับว่าตั้งแต่ต้นจนจบ ศิษย์น้องเฉินซีไม่เคยแสดงออกว่าเขาไม่สนใจคัมภีร์เต๋านิรันดร์เลยสักครั้ง ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาของศิษย์พี่เสิ่นทั้งสิ้น”

ไม่ว่าลั่วเชี่ยนหรงหรืออันเวยต่างก็เป็นตัวแทนของกองกำลังกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด พวกนางจึงคล้ายกับเป็นบุคคลชั้นนำของศิษย์หญิงบนยอดเขาจรัสเทวะ ดังนั้นคนอื่นจึงไม่สามารถหักห้ามได้อีกต่อไปเมื่อเห็นว่าคนทั้งสองไม่เห็นด้วยกับเสิ่นหลางหยา

“พวกข้าเองก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน!” ฉางเล่อ หนิงเจิน และคนอื่น ๆ ก็พูดขึ้นเช่นกัน พวกเขาคือตัวแทนของศิษย์ที่บ่มเพาะการขัดเกลากายาประจำยอดเขาจรัสเทวะ

“ใช่! มีเพียงศิษย์น้องเฉินซีเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะทำความเข้าใจคัมภีร์เต๋านี้ มีแต่เช่นนั้นพวกข้าถึงจะพอใจ!”

“ผู้อาวุโสเลี่ยเผิง โปรดอย่าได้ถูกหลอก”

“พรสวรรค์และความสามารถในการทำความเข้าใจของศิษย์น้องเฉินซีล้วนยอดเยี่ยม ดังนั้นเขาย่อมเหมาะสมที่จะทำความเข้าในคัมภีร์เต๋านิรันดร์มากที่สุดแล้ว”

ศิษย์คนอื่นพูดขึ้นเช่นกัน ทุกคนต่างสนับสนุนเฉินซี

ขณะที่สีหน้าของเสิ่นหลางหยากลายเป็นหมองหม่นทันที ในใจไม่เคยคาดคิดแม้แต่น้อยว่า ทุกคนที่นี่จะถึงกับกล้าท้าทายเขาซึ่ง ๆ หน้าเพราะเฉินซีเช่นนี้!

เสิ่นหลางหยาสูดหายใจเข้า พยายามฝืนระงับความโกรธในใจ จากนั้นจึงเพิกเฉยพวกเขาทั้งหมด และชำเลืองมองผู้อาวุโสเลี่ยเผิง …ฝากความหวังไว้ที่อีกฝ่าย

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท