บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 750 บุกยอดเขาจรัสตะวันออก!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 750 บุกยอดเขาจรัสตะวันออก!

บทที่ 750 บุกยอดเขาจรัสตะวันออก!

ม่านตาของตู้กวนหดลงอย่างฉับพลัน ในขณะที่สีหน้าของเขาแข็งทื่อ ดูราวกับมองเห็นภูตผีวิญญาณร้ายอย่างไรอย่างนั้น

ทุกคนตกตะลึง จากนั้นพวกเขาก็มองไปยังทิศทางที่ตู้กวนกำลังจ้อง และคนทั้งหมดก็เป็นต้องอ้าปากค้างด้วยความไม่อยากเชื่อ

ตู้เซวียนเองก็อดไม่ได้ที่จะหันมองตามเช่นกัน ภายในระยะสายตาของเขาคือร่างสูงโปร่งที่มีใบหน้าหล่อเหลา และร่างนี้ย่อมไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเฉินซี!

โดยเฉพาะเมื่อชายหนุ่มเห็นหั่วโม่เลยที่อยู่บนหลังของเฉินซี เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง กระทั่งเผยสีหน้าตกใจออกมา “เหตุใดคนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่อีก!?”

ตุบ! ตุบ! ตุบ!

บรรยากาศที่เดิมเคยครื้นเครงพลันสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือไว้แต่ความเงียบงันที่เข้าปกคลุม มันเงียบสนิท มีเพียงเสียงฝีเท้าของเฉินซีเท่านั้นที่ยังดังก้องไปในอากาศราวกับเสียงกลองที่สั่นระรัวหัวใจของทุกคน

เฉินซีหยุดก้าวเดิน เมื่ออยู่ห่างจากพวกเขาราวสี่สิบจั้ง จากนั้นจึงวางหั่วโม่เลยอย่างระมัดระวัง ให้อีกฝ่ายนั่งลงบนก้อนหิน ก่อนที่ชายหนุ่มจะกล่าวด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านนั่งรอที่นี่และรับชมการแสดงเถิด”

เสียงของชายหนุ่มสงบนิ่งและไม่แยแส ทว่ามันก็เย็นยะเยือกดุจใบมีดที่แหลมคมเช่นกัน ดังนั้นเมื่อกระทบโสตของบรรดาศิษย์จากยอดเขาจรัสตะวันออก มันจึงเสียดแทงพวกเขาเสียจนหัวใจของทุกคนบีบรัดอย่างช่วยไม่ได้

สีหน้าของพวกเขากลายเป็นเคร่งเครียด เนื่องจากตระหนักได้ว่าเฉินซีมาเพื่อล้างแค้น!

ทันใดนั้นขาของศิษย์สองสามคนก็สั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้ และพวกเขาก็แทบจะหันหลังกลับเพื่อหลบหนี

แต่ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายนั้นน่ากลัวเกินไป พวกเขาเป็นเพียงศิษย์ชั้นสูง ในขณะที่เฉินซีได้กลายเป็นศิษย์ชั้นยอด ยิ่งกว่านั้นชายหนุ่มยังแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ราวคนสองกลุ่มที่อยู่คนละระดับโดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ มันจึงทำให้หัวใจของพวกเขาหนาวสั่น!

“เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่กล่าวต่อเล่า?” เฉินซีกวาดสายตามองทุกคน ก่อนจะมองไปที่ตู้กวนในตอนท้าย

ทันทีที่สบตา ตู้กวนพลันตัวสั่นสะท้าน ในขณะที่ใบหน้าของเขาซีดเซียว เพราะเขาเพิ่งสาบานว่าหั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ จะต้องตายอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่เพียงหั่วโม่เลยจะปรากฏตัวแบบมีชีวิต …แม้แต่ตัวตนที่ร้ายกาจอย่างเฉินซีก็มาด้วยเช่นกัน แล้วเขาจะไม่ตกใจได้อย่างไร?

เมื่อเปรียบเทียบกับตู้เซวียนผู้เป็นพี่ชายแล้ว ตู้กวนก็เป็นเพียงศิษย์ที่โอหังคนหนึ่ง ตัวเขาขาดทั้งความรู้ความสามารถ และเคยได้รับบทเรียนจากเฉินซีมาก่อน ดังนั้นเมื่อได้เห็นเฉินซีอีกครั้งในตอนนี้ ความหวาดกลัวในใจของเจ้าตัวจึงปะทุขึ้นมาอย่างชัดเจน

“เฉินซี! นี่คือยอดเขาจรัสตะวันออก ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะมาทำตัวยโสโอหังได้!” ศิษย์คนหนึ่งรวบรวมความกล้าและตะโกนใส่ชายหนุ่ม

เพียะ!

เฉินซีไม่แม้แต่จะเหลือบมองศิษย์คนนั้น ก่อนที่มือขวาของเขาจะสะบัดตบศิษย์คนนั้นที่อยู่ห่างออกไปสี่สิบจั้งเบา ๆ

ชายหนุ่มตบศิษย์คนนั้นจนเลือดพุ่งออกจากปากและจมูก ส่งร่างนั้นให้กลิ้งไปบนพื้นเหมือนขวดน้ำเต้า ก่อนที่อีกฝ่ายจะร้องโหยหวนอย่างน่าสังเวชออกมา

“หุบปาก!” เฉินซีกล่าว

ในพริบตาต่อมา เสียงร้องโหยหวนที่น่าสังเวชพลันหยุดลงทันที เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ตกใจ และตกอยู่ในสภาพวิตกกังวล

“พูด!” เขาจ้องมองตู้กวนด้วยใบหน้าสงบ แต่กลับมีท่าทางที่องอาจ คล้ายไม่ยอมให้ใครมาต่อต้านเขาได้

ปากของตู้กวนสั่นไม่หยุด ในขณะที่ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปมา แต่เจ้าตัวกลับไม่เปิดปากพูดแม้แต่น้อย

“พอได้แล้ว! เฉินซี นี่คือยอดเขาจรัสตะวันออก ไม่ว่าเจ้าจะมาที่นี่ทำไม เจ้าต้องคำนึงถึงกฎของนิกาย หรือเจ้าคิดจะละเมิดกฎของนิกายอย่างนั้นหรือ?” ตู้เซวียนเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว และจ้องเขม็งไปที่อีกฝ่ายด้วยสีหน้าขึงขัง ก่อนจะตวาดเสียงดัง

“เจ้ามีสิทธิ์กล่าวถึงกฎของนิกายกับข้าด้วยหรือ?” เฉินซีเงื้อมือขึ้น ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงไป

โครม!

ตู้เซวียนได้เตรียมพร้อมมาตั้งแต่ต้น และตั้งใจจะรับฝ่ามือนี้ แต่ก่อนที่จะทันได้ตอบโต้ พลังอันน่าสะพรึงกลัวและมหาศาลพลันกดทับลงมาที่เขา กระแทกใส่ร่างกายนั้นจนล้มลงบนพื้นโดยตรง ตัวคนถูกกดลงกับพื้นเหมือนคางคกที่ถูกล้อเกวียนเหยียบย่ำ และไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไร มันก็ไร้ประโยชน์ ทำให้ใบหน้าของตู้เซวียนเปลี่ยนเป็นอำมหิตและแดงก่ำจากความโกรธ

…ตู้เซวียนไม่เคยคิดมาก่อนว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเฉินซีจะน่ากลัวเพียงนี้ การโจมตีเบา ๆ อย่างไม่ใส่ใจของอีกฝ่าย ก็มากพอแล้วที่ตัวเขาจะไร้หนทางต้านทาน!

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่อยู่ในระหว่างการทดสอบแห่งยอดเขาจรัส ตัวเขายังสามารถต่อกรกับอีกฝ่ายได้ และแม้ว่าเขาจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้พ่ายแพ้อย่างน่าสลดใจและหมดสิ้นหนทางเช่นนี้!

“เป็นไปได้อย่างไร?”

ตั้งแต่เมื่อใดกันที่พลังของมันแข็งแกร่งถึงระดับที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้?

ใบหน้าของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนไปมา ในขณะที่ร่างกายของเขาก็เปี่ยมล้นด้วยความหวาดกลัว

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ดวงตาของศิษย์คนอื่น ๆ จากยอดเขาจรัสตะวันออกก็แทบถลนออกมาจากเบ้า เพราะตู้เซวียนเป็นหนึ่งในห้าศิษย์ชั้นสูงที่ยิ่งใหญ่ในอดีต เป็นตัวตนที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสามอันดับแรกของบรรดาศิษย์ชั้นสูงนับพันประจำยอดเขาจรัสตะวันออก แล้วเขาจะแพ้อย่างรวดเร็วได้อย่างไร?

ขณะนั้นสายตาของเฉินซีได้มองไปที่ตู้กวนอีกครั้ง และคราวนี้เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใด…

แต่แรงกดดันที่ไร้รูปร่างเกือบจะทำให้ตู้กวนล้มลงไปกองกับพื้น ฟันของอีกฝ่ายกระทบจนเกิดเสียงกึกกัก ในขณะที่แสดงท่าทีหวาดกลัวยิ่งออกมา คล้ายกับจะหันหลังหนีได้ทุกเมื่อ

ปัง!

ในพริบตาต่อมา ตัวคนพลันถูกกดลงบนพื้นเหมือนกับตู้เซวียนผู้เป็นพี่ชายของเขา

“รอไปก่อน ไว้ข้าจะจัดการกับพวกเจ้าในภายหลัง” เฉินซีชำเลืองมองตู้กวนและตู้เซวียนที่กองอยู่บนพื้น ก่อนที่เขาจะหันไปมองศิษย์คนอื่น ๆ ของยอดเขาจรัสตะวันออก

ร่างกายของศิษย์เหล่านี้พลันสั่นสะท้านทันทีที่พวกเขาถูกสายตาของเฉินซีกวาดใส่ กระทั่งไม่สามารถหยุดตัวเองจากการก้าวถอยหลัง …คล้ายฝูงแกะกำลังเผชิญหน้ากับราชสีห์!

“ข้าจะถือว่าพวกเจ้าทุกคนเข้าใจในจุดประสงค์ที่ข้ามาเยือนในครั้งนี้แล้ว …ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าทุกคนหนึ่งถ้วยชา เพื่อส่งมอบสมบัติเป็นจำนวนมากกว่าสิบเท่าที่พวกเจ้าได้ช่วงชิงไปจากยอดเขาจรัสตะวันตกของข้า มิฉะนั้น วันนี้จะไม่มีใครสามารถช่วยพวกเจ้าได้!” เฉินซีกล่าวอย่างเฉยเมย

“แน่นอน พวกเจ้าทุกคนสามารถเลือกที่จะหนีได้เช่นกัน หรืออาจจะไปขอความช่วยเหลือก็ได้ แต่ข้าขอเตือนพวกเจ้าทุกคน หากพวกเจ้ากล้ากระทำเช่นนั้น ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทุกคน! …พวกเจ้าสามารถลองได้ ถ้าไม่เชื่อคำพูดของข้า”

ทุกคนต่างก็ตกตะลึง เพราะพวกเขาได้ทำการขัดเกลาและดูดซับสมบัติทั้งหมดที่ปล้นชิงมาไปตั้งนานแล้ว ดังนั้นพวกเขาจะมอบมันคืนได้อย่างไร? แล้วนับประสาอะไรกับการชดใช้ถึงสิบเท่า?

“พวกเจ้าทุกคนไม่เต็มใจหรือ?” เฉินซีเอ่ยถาม

ฟิ้ว!

คนทั้งหมดคล้ายกับได้ยินคำสั่งของปีศาจร้าย ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วและรีบเร่งไปยังบริเวณโดยรอบ และไม่ว่าพวกเขาจะสามารถหาสมบัติได้ตามที่ว่าหรือไม่ก็ตาม …อย่างน้อยในขณะนี้พวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะเผชิญหน้ากับเฉินซีอีกต่อไป!

ส่วนเฉินซี เขากำลังยืนเอามือไพล่หลังและรออย่างเงียบ ๆ

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ในเวลาไม่นาน ริ้วแสงพลันพุ่งมาจากทุกทิศทุกทาง มันแหวกผ่านท้องฟ้าพร้อมกับเปล่งแสงพร่างพราวเจิดจ้าออกมา เห็นได้ชัดว่าการปรากฏตัวของเฉินซี ทำให้ศิษย์ทุกคนบนยอดเขาจรัสตะวันออกตื่นตระหนก

แรงกดดันที่เกิดจากการมาถึงของพวกเขาถือว่าค่อนข้างทรงพลัง เพราะศิษย์ชั้นสูงกว่าพันคนย่อมหมายความว่าพวกเขาคือผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตจุติมากกว่าหนึ่งพันคน! ดังนั้นพวกเขาในเวลานี้จึงดูเหมือนกลุ่มเมฆดำทะมึนที่รวมตัวกัน ซึ่งหากเป็นผู้อื่น ก็คงจะตกใจจนหวาดกลัวไปตั้งนานแล้ว

แต่เฉินซียังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เสื้อผ้าของเขาพลิ้วตามสายลม และชายหนุ่มก็เป็นเหมือนก้อนหินที่ตั้งตระหง่าน หลังจากผ่านการเคี่ยวกรำโดยกาลเวลานับหมื่นปี มันก็เผยให้เห็นท่าทางที่หนักแน่นและลุ่มลึกเหมือนหุบเหวออกมา!

หั่วโม่เลยเองก็นิ่งเฉยเหมือนกับเฉินซี เขานั่งอยู่บนก้อนหิน ในขณะที่จ้องมองร่างที่โดดเดี่ยวของเฉินซี ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม ความซาบซึ้ง และความภาคภูมิใจ!

“เฉินซี เจ้ากล้าดีอย่างไรมาสร้างปัญหาที่ยอดเขาจรัสตะวันออกของข้าอย่างไม่มีเหตุผล? เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่า ไม่มีใครอยู่บนยอดเขาจรัสตะวันออก?” พร้อมกับเสียงนี้คือร่างของเหลิ่งชิวที่ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว รวมถึงผางโจวก็มาพร้อมกันด้วย

ใบหน้าของพวกเขาทั้งสองดูมืดมนอย่างมาก สายตาของคนทั้งคู่กวาดมองผ่านตู้เซวียนและตู้กวนซึ่งนอนอยู่บนพื้น ก่อนจะจ้องเขม็งไปที่เฉินซี

ในไม่ช้า ศิษย์อีกหลายพันคนก็มารวมตัวกันรอบสนามฝึก และพวกเขาก็เป็นเหมือนมวลเมฆสีดำที่ปิดล้อมเฉินซีและหั่วโม่เลยอย่างสมบูรณ์

ชายหนุ่มพลันเงยหน้าขึ้น เขาไม่เหลือบแลเหลิ่งชิวและผางโจว ก่อนที่จะจ้องมองไปยังศิษย์คนอื่น ๆ และกล่าวเพียงประโยคเดียวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “พวกเจ้าทุกคนมารวมตัวกันที่นี่แล้วหรือไม่?”

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท