บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 774 เคล็ดวิชากระบี่อันน่าตกตะลึง

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 774 เคล็ดวิชากระบี่อันน่าตกตะลึง

บทที่ 774 เคล็ดวิชากระบี่อันน่าตกตะลึง

ชายชราขมวดคิ้วขณะที่กล่าวว่า “เจ้ายังไม่เลิกล้มความตั้งใจอีกหรือ?”

ก่อนที่เฉินซีจะทันได้ตอบกลับ อีกฝ่ายพลันสะบัดแขนเสื้อแล้วกล่าวว่า “แล้วไปเถิด มันไม่นับเป็นปัญหาใดหากจะบอกเจ้า”

ที่แท้ แดนจำกัดอัสนีที่น่ากลัวยิ่งอยู่ในชั้นที่หกสิบของถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิต และมันก็ทรงพลังยิ่งกว่าแดนจำกัดแรงโน้มถ่วงในชั้นที่ห้าสิบเก้าถึงสิบเท่า!

โดยปกติแล้ว มีเพียงผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีระดับสาม หรือสูงกว่าเท่านั้น ที่จะเข้าสู่ชั้นที่หกสิบได้อย่างปลอดภัย

เมื่อไม่กี่สิบปีก่อน ชายชราในชุดเทาและผู้อาวุโสขอบเขตเซียนปฐพีอีกหลายคน ได้ร่วมมือกันเพื่อค้นหาผลึกต้นกำเนิดโกลาหล ซึ่งมีขนาดเท่ากับเนินเขาทั้งลูก และซุกซ่อนอยู่ในแดนจำกัดอัสนีของชั้นที่หกสิบ!

แต่น่าเสียดายที่หลายปีผ่านไป ชายชราชุดเทาและคนอื่น ๆ กลับยังไม่อาจระบุตำแหน่งได้ และเหตุผลก็คือ วิญญาณอัสนีที่มีสติปัญญาสูงสุดได้ถือกำเนิดในแดนจำกัดอัสนีของชั้นที่หกสิบ!

วิญญาณอัสนีนี้ก่อตัวขึ้นจากวิญญาณโลหิต มันสามารถเปลี่ยนเป็นสายฟ้าและซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเส้นสายอัสนีในบริเวณนั้น ทำให้สังเกตเห็นได้ยาก นอกจากนี้ มันยังทรงพลังและเทียบได้กับตัวตนขอบเขตเซียนปฐพีระดับที่สี่!

การมีอยู่ของวิญญาณอัสนีตนนี้เป็นความผิดปกติที่ไม่เคยปรากฏขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และตัวตนเช่นนี้แทบจะไม่เคยปรากฏ แม้แต่ในชั้นที่ต่ำกว่าหกสิบ!

เป็นเพราะวิญญาณอัสนีนี่เอง ที่ซ่อนผลึกต้นกำเนิดโกลาหล ทำให้ชายชราชุดเทาและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต้องค้นหามานานกว่าสิบปี แต่ก็ไม่สามารถระบุร่องรอยของมันได้

ไม่เพียงแค่นั้น พวกเขายังถูกวิญญาณอัสนีโจมตีบ่อยครั้งและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งหากพวกเขาไม่ได้อยู่กันเป็นกลุ่ม ชีวิตของพวกเขาอาจตกอยู่ในอันตรายด้วยซ้ำ!

เป็นเพราะสถานที่แห่งนี้อันตรายเกินไป ชายชราชุดเทาจึงถูกจัดให้อยู่ที่ชั้นที่ห้าสิบเก้า และคอยเตือนคนอื่น ๆ ว่าอย่าพยายามเข้าสู่ชั้นที่หกสิบ

“วิญญาณอัสนี… ผลึกต้นกำเนิดโกลาหลขนาดเท่าเนินเขา…” หลังจากได้ยินสิ่งที่ชายชราชุดเทากล่าวออกมา เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เพราะหากเป็นเช่นนี้ ถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตชั้นที่หกสิบก็คงอันตรายยิ่งจริง ๆ

“ไปเสียเถิด ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรอยู่นานนัก” ชายชราในชุดเทากล่าวอย่างเฉยเมย

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เฉินซีพลันรู้สึกว้าวุ่นใจ

จุดประสงค์ของเฉินซีที่มายังถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตในครั้งนี้ ก็เพื่อขัดเกลาตัวเอง และขัดเกลากระบี่สรรค์สร้างที่ทำความเข้าใจมาตลอดสิบปี นอกจากนี้ ในช่วงที่ฝึกฝนมาตลอดสองสามวันนี้ ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มยังได้รับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าจนถึงตอนนี้ แรงกดดันและอันตรายที่เฉินซีเผชิญจะรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ แต่เขารู้สึกว่ามันไม่ได้เกินขีดจำกัดของเขา

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ แรงกดดันจากก่อนหน้านี้ยังอยู่ในขอบเขตที่เฉินซีสามารถทนได้! ดังนั้นชายหนุ่มย่อมไม่เต็มใจ หากมีคนขอให้เขาออกไปเช่นนี้!

เฉินซีนิ่งเงียบและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กัดฟันแน่น ก่อนที่จะหันหลังกลับและจากไป ซึ่งผ่านไปไม่นาน เขาก็เข้าสู่แดนจำกัดแรงโน้มถ่วงอันไร้ขอบเขต และเดินเข้าไปภายในนั้นอย่างยากลำบาก

“เขาจากไปแล้วจริงหรือ? ข้าไม่นึกเลยว่าเด็กน้อยคนนี้จะไม่ใช่คนที่หยิ่งผยอง” ชายชราชุดเทาตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อเห็นอีกฝ่ายจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะ “ใช่แล้ว แม้ว่าความแข็งแกร่งของเด็กน้อยคนนี้จะท้าทายสวรรค์ แต่สุดท้ายเขาก็มีพลังแค่ขอบเขตสถิตกายาเท่านั้น ดังนั้นเขามีโอกาสที่จะล้มตาย หากยังดื้อรั้นที่จะเข้าไปยังชั้นที่หกสิบของถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิต …ดังนั้นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดที่สุดก็คือการจากไป”

ทว่าในช่วงเวลาต่อมา ชายชราชุดเทาก็เป็นต้องตกตะลึง

เพราะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเฉินซีนั้นไม่ได้จากไป แต่กลับเลือกที่จะบ่มเพาะภายในแดนจำกัดแรงโน้มถ่วงแทน!

“เจ้าหนู หากเจ้าบ่มเพาะภายในนั้น เจ้าไม่กลัวที่จะทำร้ายตัวเองหรอกหรือ?” ชายชราในชุดเทาอดไม่ได้ที่จะถาม

เฉินซีมีสีหน้าสงบ ในขณะที่เขาใช้ยันต์ศัสตรา เพื่อฉีกแรงกดดันที่กดทับตัวเองอยู่บ่อยครั้ง และกล่าวว่า “จะมีเหตุอะไรเกิดขึ้นอีกหรือขอรับ? ในเมื่อข้ามีผู้อาวุโสคอยปกป้องจากด้านข้าง”

ชายชราชุดเทาตกตะลึง จากนั้นเขาก็หัวเราะดังสนั่น “เด็กอะไรกันนี่! น่าสนใจยิ่งนัก! เช่นนั้นเจ้าก็จงบ่มเพาะอย่างสบายใจเถิด ข้าจะยื่นมือช่วยเจ้าเอง หากเจ้าไม่สามารถยืนหยัดได้จริง ๆ”

ทันทีที่กล่าวจบ เขาก็ฝืนยิ้มและเข้าสู่การทำสมาธิ

แดนจำกัดแรงโน้มถ่วงเป็นพื้นที่ที่ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง บริเวณชายขอบของมันมีแรงกดดันน้อยที่สุด ในขณะที่แรงกดดันจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากเข้าใกล้จุดศูนย์กลาง

ในขณะนี้ เฉินซีกำลังควบคุมเคล็ดกระบี่สรรค์สร้างของเขาอยู่ภายในนั้น

ปราณกระบี่จำนวนมากที่พัฒนาความลึกล้ำและอนุมานถึงการสร้างได้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกมันกระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ ในขณะที่ฟันแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งมาจากทุกทิศทุกทาง!

ราวกับชายหนุ่มกำลังต่อสู้กับศัตรูที่ไร้รูปร่าง ยามใดที่เขาหยุด เฉินซีจะถูกผลกระทบอย่างรุนแรงจากแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว และได้รับบาดเจ็บสาหัส

ตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน!

เฉินซีไม่หยุดแม้แต่ครั้งเดียวและไม่พักแม้แต่น้อย สิ่งนี้เกิดขึ้นได้เพราะการเติมเต็มจากต้นอ่อนเงาทมิฬภายในร่างกาย แต่แม้พลังของเขาจะอยู่ในระดับสูงสุดตลอดเวลา ทว่าร่างกายและจิตใจก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว!

กล้ามเนื้อทั่วร่างของเฉินซีเจ็บปวด บวมปูดและไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ชายหนุ่มรู้สึกว่าร่างตนเต็มไปด้วยตะกั่ว ประกอบกับจิตใจที่เหนื่อยล้าอย่างยิ่ง จนจวนจะกลายเป็นว่างเปล่า!

เฉินซีในขณะนี้ดูเหมือนหุ่นเชิดที่วิญญาณจวนจะหลุดออกจากร่าง ทุกย่างก้าวของเขาให้ความรู้สึกที่เชื่องช้าและแข็งทื่อ จนตัวเขาได้ลืมทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างไปหมดแล้ว

ชายหนุ่มกระทั่งไม่เคยสังเกตว่า ความเปลี่ยนแปลงของปราณกระบี่ที่ใช้ออกไปนั้นน่าอัศจรรย์เพียงใด!

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ปราณกระบี่แผดเสียงคำรามและกระจายออกไปทุกทิศทุกทาง และเสียงที่แหลมคมของมันก็ค่อย ๆ เบาลงและทุ้มต่ำ ขณะที่ในช่วงเวลาต่อมา ก็แทบไม่ได้ยินเสียงของมันแม้แต่น้อย ก่อนที่สุดท้ายจะกลายเป็นเงียบสงัด

อย่างไรก็ตาม อานุภาพของมันกลับน่ากลัวยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ปราณกระบี่ทุกสายสามารถฉีกแรงกดดันในระยะสิบห้าลี้ได้อย่างง่ายดาย ทำให้ดูเหมือนมีสุญญากาศเกิดขึ้นรอบตัวชายหนุ่ม

ความรู้สึกในสภาวะสุญญากาศนี้ ราวกับชายหนุ่มเป็นจ้าวแห่งการรังสรรค์ ซึ่งเขากำลังใช้ยันต์ศัสตราในมือเพื่อสร้างและอนุมานความลึกล้ำและการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ทุกหนทุกแห่งที่คมกระบี่ของเขาพาดผ่านไป การรังสรรค์ก็เอ่อล้นออกมา!

ปราณกระบี่ไร้เสียงค่อย ๆ กลายเป็นไม่มีตัวตนและโปร่งแสง มันได้บรรลุถึงขีดจำกัด ทุกครั้งที่กระบี่กวัดแกว่งไปมา ดูราวกับความลึกล้ำต่าง ๆ จะถูกสร้างขึ้นและพัฒนา …พวกมันส่องแสงแพรวพราวและลึกล้ำสูงสุด!

เมื่อปราณกระบี่ที่ทั้งไร้เสียง หนักหน่วง แพรวพราวและไร้ตัวตนพุ่งทะยานสู่จุดสูงสุด การเคลื่อนไหวของเฉินซีก็ช้าลงเรื่อย ๆ และทุกการกวัดแกว่งของยันต์ศัสตรา ยิ่งดูเหมือนมดกำลังเคลื่อนภูเขาลูกมหึมาอย่างไรอย่างนั้น!

ในเวลาต่อมา ยันต์ศัสตราในมือของเขาก็ลดความเร็วลงจนกระทั่งหยุดลงกะทันหัน ในขณะนั้นเอง แรงกดดันอันไร้ขอบเขตพลันถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทุกทางอีกครั้ง

ทันใดนั้น แรงกดดันที่เพิ่งมาถึงกลับไม่อาจสัมผัสได้แม้แต่ร่างกายของชายหนุ่ม ขณะที่ยันต์ศัสตราในมือของเขากำลังเคลื่อนคล้อยราวกับแม่น้ำแห่งดาราที่พาดผ่านจักรวาล!

โครม!

ฉับพลันนั้นเองได้บังเกิดคลื่นเสียงกัมปนาทสั่นสะเทือนฟ้าดิน ราวกับเสียงฟ้าร้องครั้งแรกเมื่อความโกลาหลถูกแยกออกจากกันยามโลกอุบัติขึ้น มันดังก้องไปทั่วทั้งชั้นที่ห้าสิบเก้า!

“เอ๊ะ!” ร่างกายของชายชราชุดเทาที่หน้าช่องเขาพลันแข็งทื่อ เขาลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พบว่า ปราณกระบี่ที่ไม่อาจอธิบายได้และน่าสะพรึงกลัว กำลังแผ่ขยายออกมาจากแดนจำกัดแรงโน้มถ่วงไปยังบริเวณโดยรอบ!

ทุกที่ที่มันผ่านไป ท้องฟ้าจะถล่ม แผ่นดินจะแตกสลาย และโลกทั้งใบดูจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ราวกับถูกโยนลงไปในความยุ่งเหยิง ก่อนจะถูกลบล้าง!

แดนจำกัดแรงโน้มถ่วงทั้งหมดดูคล้ายกับถูกมือขนาดใหญ่บดขยี้อย่างรุนแรง ทำให้มันเต็มไปด้วยความว่างเปล่า!

ในขณะเดียวกัน หัวใจของชายชราชุดเทาพลันสั่นไหว เพราะปราณกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวกำลังแผ่เข้ามาหาเขา…

ครืน!

แม้ว่าชายชราจะโคจรการบ่มเพาะ แต่เขาก็ยังคงสั่นสะท้านด้วยปราณกระบี่สายนี้ และถูกบีบบังคับให้ถอยหลังกลับไปมากกว่าสิบก้าว ก่อนที่จะสามารถทำให้ร่างกายมั่นคงได้ ยิ่งไปกว่านั้น สีหน้าของเจ้าตัวยังเริ่มหนักอึ้งและตกใจมาก

นี่คือปราณกระบี่อันใดกัน!?

ถึงอย่างไร การบ่มเพาะของชายชราชุดเทาก็อยู่ที่ขอบเขตเซียนปฐพีระดับสี่ และเขาบ่มเพาะมาอย่างยาวนานนัก …ทว่ากระแสปราณกระบี่ ไม่สิ! คลื่นแรงสั่นสะเทือนของปราณกระบี่ได้ถาโถมจนตัวเขาต้องถอยร่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วมันจะน่ากลัวปานใด หากปราณกระบี่นี่ฟันเข้าใส่ตัวเขาโดยตรง?

“หรือว่าทั้งหมดนี้คือฝีมือของเฉินซี เจ้าเด็กน้อยคนนั้นน่ะหรือ?”

ชายชราชุดเทาประหลาดใจระคนงุนงง ตัวเขาเองก็ตระหนักได้ว่า ตนเองประเมินพลังของศิษย์คนนี้ต่ำเกินไป!

หลังจากนั้นไม่นาน ปราณกระบี่ภายในแดนจำกัดแรงโน้มถ่วงก็สลายไปจนหมด ซึ่งพื้นที่ในระยะสองพันห้าร้อยลี้นั้นได้กลายเป็นหุบเหวที่คดเคี้ยว และถูกปกคลุมไปด้วยการทำลายล้าง!

เมื่อเขาจ้องมองอย่างระมัดระวัง หุบเหวที่น่าสะพรึงกลัวบนพื้นยังคงเคลื่อนตัวไปมาด้วยเจตจำนงกระบี่ที่ดุร้าย และเพียงสัมผัสถึงกลิ่นอายของมันก็ทำให้หัวใจของชายชราต้องสั่นสะท้าน!

ที่ใจกลางของแดนจำกัดแรงโน้มถ่วง เฉินซียืนอยู่โดยไม่ขยับเขยื้อนดุจรูปปั้นดินเหนียวที่ถือกระบี่ไว้ในมือ แม้ว่าเขาจะไม่ได้กล่าวอะไรสักคำ ตัวคนกลับแผ่กลิ่นอายที่ไม่อาจขยับไหวได้ออกมา!

“เจ้าหนู เจ้าปลอดภัยหรือไม่” ชายชราชุดเทาเอ่ยถาม

ทว่าหาได้มีคำตอบกลับมา

ชายชราในชุดสีเทาจึงขมวดคิ้วและใช้ญาณเทวะอมตะของเขาเพื่อตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม มันกลับไม่สามารถสัมผัสร่างกายของเฉินซีได้ด้วยซ้ำ เนื่องจากมันถูกสกัดกั้นโดยปราณกระบี่ที่ไร้รูปร่างสายหนึ่ง!

ถึงขนาดที่ว่า หากชายชราชุดเทาช้ากว่านี้เพียงเล็กน้อย ญาณเทวะอมตะของเขาก็จะถูกผ่าออกจากกันโดยตรง!

ภาพนี้ทำให้หัวใจของชายชราชุดเทาเต้นแรง และเขาหวาดเกรงที่จะเคลื่อนไหว ซึ่งหากข่าวที่ตัวเขารู้สึกหวาดกลัวนี้ลอยไปเข้าหูของสหายเต๋าคนอื่นที่มีชีวิตมาอย่างยาวนานละก็ เขาจะต้องอับอายจนตายเป็นแน่!

แต่มันกลับเกิดขึ้นมาจริง ๆ ทำให้ชายชรารู้สึกตึงเครียดเป็นอย่างยิ่ง เพราะเขาพบว่า ศิษย์เฉินซีคนนี้แปลกประหลาดเหลือเกิน และอีกฝ่ายก็เหมือนกับสัตว์ประหลาดที่ไม่สามารถตัดสินจากรูปลักษณ์ได้เลย!

เขาสามารถเข้าสู่ชั้นที่ห้าสิบเก้าของถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตด้วยระดับการบ่มเพาะที่ขอบเขตสถิตกายา และบีบบังคับให้เขาต้องถอยร่นไปถึงสิบเก้า ด้วยคลื่นแรงสั่นสะเทือนจากปราณกระบี่ที่ใช้ออกมา คนธรรมดาทั่วไปจะประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้อย่างไร?

“เจี้ยนเหิง…เจ้ารับศิษย์ที่ยอดเยี่ยมมาจริง ๆ!” ชายชราชุดเทาเหม่อมองอย่างว่างเปล่าอยู่เป็นเวลานาน เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ และกล่าวถึงสิ่งที่เคยกล่าวก่อนหน้านี้ แต่ครานี้มันไม่ใช่เพื่อชื่นชม แต่เป็นเพราะตกตะลึง!

ด้วยเหตุนี้ เฉินซีจึงยืนอยู่จุดนั้นเป็นเวลาถึงสามวันเต็ม

สามวันต่อมา…

เฉินซีผู้ดูเหมือนรูปปั้นดินเหนียวพลันมีชีวิตขึ้นมา และทั่วทั้งร่างกายของเขาก็แผ่กลิ่นอายอันโอ่อ่าออกมา มันเหมือนกับความล้ำลึกของมหาเต๋าได้ล้อมรอบร่างกายของชายหนุ่ม และมันกำลังแสดงอานุภาพมหาศาลที่ลึกเหมือนหุบเหวออกมา!

“เขาเปลี่ยนไปแล้ว…”

ชายชราพึมพำ เวลาสามวันนั้นเหมือนชั่วพริบตาสำหรับเขา ดังนั้นเมื่อเห็นเฉินซีฟื้นสติขึ้นมา ชายชราก็สังเกตเห็นได้ทันทีว่า กลิ่นอายที่น่าประทับใจของศิษย์คนนี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!

มันเป็นกลิ่นอายของการอนุมานและการรังสรรค์ เปี่ยมไปด้วยพลังอันสมบูรณ์ ซึ่งปรากฏขึ้นในกลิ่นอายของเฉินซี ทำให้ชายหนุ่มดูราวกับเป็นจ้าวแห่งการรังสรรค์ คล้ายว่าเขาสามารถอนุมานความลึกล้ำและความลับมากมายได้ดั่งใจนึก!

ชายชราชุดเทาไม่อยากจะเชื่อว่า ชายหนุ่มที่ยังไม่บรรลุขอบเขตเซียนปฐพีจะมีกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัว จนทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวเช่นนี้!

ตั้งแต่ชายชราชุดเทาได้เริ่มบ่มเพาะมาจนถึงตอนนี้ นี่เป็นเด็กน้อยคนแรกที่ยากจะเข้าใจนัก และเฉินซีก็ได้ทำลายความรู้ความเข้าใจในอดีตที่เกี่ยวข้องกับผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาของเขาทั้งหมด!

“ผู้อาวุโส ข้าสามารถเข้าสู่ถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตชั้นที่หกสิบได้หรือไม่?” เฉินซีหันกลับมาและเอ่ยถามอย่างใจเย็น

ชายชรานิ่งเงียบไปนาน ก่อนจะพยักหน้าในที่สุด

จากนั้นเฉินซีจึงประสานมือคารวะและตั้งใจจะเข้าไปในช่องเขาที่อยู่ด้านหลังของชายชราชุดเทา ซึ่งเป็นทางเข้าสู่ชั้นที่หกสิบของถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิต

ก่อนที่ชายหนุ่มจะจากไป ชายชราชุดเทาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม “ช้าก่อน ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่า เหตุใดเจ้าถึงไม่ยอมบรรลุไปสู่ขอบเขตเซียนปฐพี ด้วยระดับการบ่มเพาะในปัจจุบันของเจ้า?”

“ข้าแค่รู้สึกว่ามันยังไม่เพียงพอ ข้ายังไม่ถึงขีดจำกัดของตัวข้า…”

เสียงของเฉินซียังคงก้องอยู่ในหูของชายชรา แต่ตัวชายหนุ่มได้หายตัวไปแล้ว ขณะที่ชายชราชุดเทาจ้องมองอย่างว่างเปล่าเป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เจียนเหิงเอ๋ยเจี้ยนเหิง ศิษย์ของท่านผู้นี้…ทำให้ข้ารู้สึกละอายใจยิ่งนัก!”

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท