บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 804 ทำลายดอกไม้อย่างโหดเหี้ยม

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 804 ทำลายดอกไม้อย่างโหดเหี้ยม

บทที่ 804 ทำลายดอกไม้อย่างโหดเหี้ยม

เสื้อคลุมนักพรตสีเหลืองส้มโบกสะบัด เฉินซียืนอยู่เหนือก้อนเมฆ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยปราณจ้าววิญญาณที่พลุ่งพล่านดุจแม่น้ำแยงซี และแม้ว่าจะยืนอยู่นิ่ง ๆ แต่ชายหนุ่มก็แผ่รัศมีอันสง่างามออกมา ราวกับราชาที่จุติลงมายังโลก!

นี่คือร่างอวตารของเขา!

ร่างนี้คือผลผลิตจากเคล็ดวิชาปฏิการะโลกาที่อาซิ่วมอบให้ มันถูกสร้างขึ้นโดยใช้แก่นโลหิตเป็นรากฐาน ไม่ว่าจะเป็นจิตสำนึก ความเข้าใจในเต๋ารู้แจ้ง หรือประสบการณ์ในการบ่มเพาะ มันก็เหมือนกับของเฉินซีทุกประการ

เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างมือซ้ายและมือขวา นอกจากระดับการบ่มเพาะแล้ว อย่างอื่นก็เหมือนกันหมด

ร่างอวตารนี้ได้ทำความเข้าใจและขัดเกลาการบ่มเพาะอยู่ในโลกแห่งดาราอย่างเงียบงัน ภายใต้การหล่อเลี้ยงของผลึกโลหิตจากวิญญาณอัสนี มันจึงอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงเกือบตลอดเวลา

กอปรกับความเร็วของเวลาในโลกแห่งดาราที่เดินช้ากว่าถึงสิบเท่าเมื่อเทียบกับเวลาของโลกภายนอก ดังนั้นการบ่มเพาะขัดเกลากายาของร่างอวตารนี้ในเวลานี้จึงได้ทะลวงผ่านขอบเขตจุติเข้าสู่ขอบเขตสถิตกายาแล้ว!

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เฉินซีคนนี้ได้อาศัยเคล็ดวิชาปฏิการะโลกาที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ทำลายคำสาปและข้อจำกัดของเทพอสูรและได้ขัดเกลาร่างกายกับปราณแท้จนบรรลุขอบเขตสถิตกายาได้เรียบร้อยแล้ว!

นี่นับเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและจะไม่มีทางทำได้อีก ดูเหมือนว่าทั่วทั้งสวรรค์และโลกคงไม่อาจหาตัวตนเช่นเขาได้ที่ไหนอีกแล้ว!

ยามนี้เป็นครั้งแรกที่ร่างอวตารของเฉินซีปรากฏสู่สายตาของชาวโลก และมันยังบังคับให้เหลิ่งฉานเอ๋อร์ต้องล่าถอยกลับไปในชั่วพริบตา ทำให้ผู้บ่มเพาะทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียงตกตะลึง

“เป็นไปได้อย่างไรกัน! มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!” ม่านตาของเหลิ่งฉานเอ๋อร์ขยายออก นางกรีดร้องออกมาด้วยไม่อยากเชื่อเลยว่า เฉินซีที่กำลังเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด จะสามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งแทบจะในทันทีได้เช่นนี้!

นางไม่สนใจที่จะเช็ดคราบเลือดที่ไหลออกจากมุมปากของตนเองด้วยซ้ำ ใบหน้าที่บอบบางและสวยงามของหญิงสาวเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความโกรธ ราวกับภรรยาผู้ถูกทอดทิ้ง

ฟิ้ว!

กระบี่ปราณสีน้ำเงินเข้มพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เปลี่ยนเป็นคลื่นพายุพุ่งเข้าหาเฉินซีอีกครั้ง นางไม่อาจยอมรับสถานการณ์เช่นนี้ได้ หรืออีกนัยหนึ่งคือองค์หญิงผู้นี้ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มากจนเสียสติไปแล้ว และกลายเป็นดั่งหญิงบ้าที่ไม่กลัวความตาย!

“ต่อให้ข้าต้องตายในวันนี้ ข้าก็จะลากเจ้าไปด้วย!” เสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งดังออกมาจากปากของเหลิ่งฉานเอ๋อร์ มันเผยให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความแค้นที่ไร้ขอบเขต

“อยากลากข้าไปตายกับเจ้า? เจ้าสามารถพอหรือ?” เฉินซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ในขณะที่พูดนั้นเอง ร่างของเขาพลันสั่นไหวและพุ่งออกไปข้างหน้า ก่อนที่จะชกหมัดออกไป ทำให้คลื่นพายุฝนฟ้าคะนองนับไม่ถ้วนส่งเสียงดังก้องและพังทลายลง แตกเป็นเสี่ยง ๆ

ก่ออัสนีผสานดารา… เต๋ารู้แจ้งแห่งการกลืนกิน!

โครม!

หมัดอันทรงพลังพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล มันทำลายปราณกระบี่สีน้ำเงินที่ปกคลุมท้องฟ้าโดยตรง ก่อนจะพุ่งเข้าหาเหลิ่งฉานเอ๋อร์ โดยที่ความรุนแรงไม่อ่อนกำลังลงแม้แต่น้อย จากนั้นหมัดของเขาก็เปลี่ยนเป็นฝ่ามือคว้าบีบรอบคอของนางแน่นในทันที

การโจมตีนี้ทรงพลังยิ่ง ไม่ว่าหญิงสาวจะแข็งแกร่งเพียงใด สุดท้ายนางก็เป็นเพียงตัวตนระดับสูงที่อยู่ในขอบเขตสถิตกายาเท่านั้น นับว่ายังห่างไกลที่จะเปรียบเทียบได้กับเสวี่ยเหยียนนัก แล้วจะนับประสาอะไรกับการเปรียบเทียบกับเฉินซี?

ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เฉินซีก็ตรึงคอของนางไว้ราวกับจับลูกไก่ได้แล้ว และไม่ว่าหญิงสาวจะดิ้นรนอย่างไร นางก็ไม่อาจหลุดพ้นจากเงื้อมมือของเขาได้เลย!

ผู้บ่มเพาะทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียงต่างอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นเช่นนั้น ราวกับมีใครเอาอ่างน้ำเย็นมาเทราดบนศีรษะของพวกเขา ความโลภที่ลุกโชนอยู่ในใจพลันสงบลงอย่างรวดเร็ว

แม้จะเป็นการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ทุกคนก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า สถานะของเฉินซีในเวลานี้ดูจะเทียบเท่ากับตอนที่ฆ่าศัตรูทั้งหมดก่อนหน้านี้ไม่มีผิด เขาไม่ได้อ่อนแอราวกับคนหมดแรงอีกต่อไป!

เหลิ่งฉานเอ๋อร์ที่ถูกบีบคอ หน้าแดงจากการหายใจไม่ออก ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวในขณะที่สายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ก่อนที่มันจะถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวอย่างรวดเร็ว

ขณะที่กำลังเข้าใกล้ความตาย นางก็ถูกกลิ่นอายที่อันตรายอย่างยิ่งกระตุ้นให้ตื่นขึ้นจากความโกรธแค้น และเผชิญกับความรู้สึกหวาดกลัวระคนตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

แม้แต่มดยังต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด นับประสาอะไรกับอัจฉริยะจากนิกายวิถีกระแสสวรรค์เช่นนาง?

“เจ้า…เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก!” เหลิ่งฉานเอ๋อร์กัดฟันพูดด้วยความหวาดกลัวและเดือดดาล

“โอ้?”

สายตาที่จ้องมองนางของเฉินซีไร้ซึ่งอารมณ์ใด มันทั้งเย็นชาและไม่แยแส แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี แต่นางก็ตั้งใจจะฆ่าเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดังนั้นนางจึงถือเป็นอาชญากรที่ไม่อาจให้อภัยได้!

นอกจากนี้ในสายตาของเขา ตราบใดที่อีกฝ่ายเป็นศัตรู จะเพศหรืออายุก็ล้วนไม่ต่างกัน!

“ปรมาจารย์ชิงดูแลข้าอย่างดี และปฏิบัติกับข้าดั่งศิษย์เสมอ หากเจ้าต้องการชนะใจนาง เจ้าก็ฆ่าข้าไม่ได้!” เหลิ่งฉานเอ๋อร์พูดอย่างรวดเร็ว

นางสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของเฉินซี และรับรู้ได้ถึงเวลาที่กำลังจะหมดลง หญิงสาวจึงไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าหากตนกล่าวช้าไปเพียงนิด มันอาจทำให้ตนเองต้องจบชีวิตลงในทันทีก็เป็นได้

“โอ้?” เฉินซีพูดคำเดิมอีกครั้ง แค่ดูจากการแสดงออกของเขา มันก็ไม่สามารถบอกได้ว่าในใจของชายหนุ่มคิดสิ่งใดอยู่

แต่เหลิ่งฉานเอ๋อร์ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลย และยังคงพูดต่อไป “เจ้าก็ได้เห็นแล้วว่า ในบรรดาผู้คนที่ไล่ตามสังหารเจ้าล้วนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีจากนิกายวิถีกระแสสวรรค์ แต่พวกเขาก็ยังต้องปฏิบัติตามคำสั่งของข้า รู้หรือไม่ว่าทำไม?”

โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ นางก็ตอบคำถามของนางเอง “ง่ายมาก นั่นก็เป็นเพราะใต้เท้าปิงซื่อเทียนสั่งให้พวกเขาทำแบบนั้น เหตุผลที่เขาทำอย่างนั้นก็เพื่อจะชนะใจข้า และทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับปรมาจารย์ชิงพัฒนาได้ง่ายขึ้น”

เมื่อพูดจบ นางก็เงยหน้าขึ้นสบตาของเฉินซี สีหน้าของหญิงสาวดูสงบนิ่ง จากนั้นพูดว่า “ในที่สุด เจ้าก็เข้าใจแล้วใช่ไหมว่า ข้ามีความสำคัญในหัวใจของปรมาจารย์ชิงมากแค่ไหน? ปล่อยข้าไปเสีย และเมื่อข้ากลับไปที่นิกาย ข้าจะช่วยพูดสิ่งดี ๆ เกี่ยวกับเจ้าต่อหน้าปรมาจารย์ชิง…”

กร๊อบ!

เสียงของนางหยุดลงทันที

ดวงตาของเหลิ่งฉานเอ๋อร์เบิกกว้าง ในขณะที่เสียงครวญครางอู้อี้ดังออกมาจากลำคอของนาง ราวกับไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจู่ ๆ เฉินซีจะหักคอของตนอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้…

อึดใจต่อมา การมองเห็นของนางพลันกลายเป็นสีดำ ก่อนจะสิ้นสติไปในที่สุด

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากซิ่วอี้รู้ว่าเจ้าไล่ตามสังหารข้าเช่นนี้ นางคงได้ฆ่าเจ้าทิ้งไปตั้งแต่แรกแล้วเป็นแน่”

เฉินซีโยนร่างของเหลิ่งฉานเอ๋อร์ออกไป ทำให้มันหล่นจากกลางอากาศและตกลงไปในแม่น้ำจากแรงกระแทก

ผู้คนที่อยู่รอบข้างต้องตกใจอีกครั้ง การสนทนาระหว่างเฉินซีกับเหลิ่งฉานเอ๋อร์เกิดขึ้นผ่านการส่งกระแสปราณ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ยินเรื่องเหล่านั้น แต่เมื่อพวกเขาเห็นเฉินซีจบชีวิตของเหลิ่งฉานเอ๋อร์อย่างไร้ความปรานีและโหดเหี้ยมในเวลานี้ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวชายหนุ่มขึ้นมา

เขาสามารถฆ่าหญิงสาวที่สวยสะพรั่งและงดงามจนหาที่เปรียบไม่ได้ผู้นี้ …เช่นนั้นได้อย่างไรกัน?

“อายุยังน้อยแต่กลับโหดเหี้ยมยิ่งนัก ข้าทนไม่ได้แล้วจริง ๆ วันนี้ ข้าจะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเหล่าสหายเต๋าจากนิกายวิถีกระแสสวรรค์ที่ต้องล่วงลับเอง!”

ชายชราคนหนึ่งเดินออกมา และเคลื่อนย้ายผ่านมิติมาอยู่ตรงหน้าเฉินซีในทันใด ในขณะที่พูดนั้น ฝ่ามือของเจ้าตัวก็ซ้อนกันเป็นผนึกลึกลับก่อนจะตบไปทางชายหนุ่ม

ปราณเซียนที่ลุกโชนไหลผ่านฝ่ามือของเขา แสดงให้เห็นชัดเจนว่าคนผู้นี้ได้ใช้พลังทั้งหมดที่มีอยู่ออกมาแล้ว

“แพะเฒ่า ปากเจ้าพูดพร่ำถึงเจตนาอันชอบธรรม แต่ไม่ใช่ว่าในใจก็แค่โลภ อยากจะแย่งชิงสมบัติในครอบครองของข้าไปหรอกหรือ?”

เฉินซีเย้ยหยันอย่างไม่เกรงกลัว เขาก้าวไปข้างหน้าสร้างแรงสั่นสะเทือนสวรรค์และโลก สร้างสายฟ้านับพันหมุนรอบตัว ทำให้ทั่วทั้งร่างของชายหนุ่มดูเหมือนพายุฝนฟ้าคะนองขนาดใหญ่ที่หมุนวนเข้าปะทะกับชายชรา

ตู้ม!

การเผชิญหน้าระหว่างทั้งสองเปรียบเสมือนการปะทะกันของภูเขาไฟสองลูก จนทำให้เกิดเสียงระเบิดสั่นสะเทือนถึงท้องฟ้า

หลังจากนั้นชายชราพลันกระเด็นปลิวว่อนออกไป พร้อมกับกระอักไอเป็นเลือดออกมา ท่ามกลางการจ้องมองที่ตกตะลึงของทุกคนที่อยู่ที่นั่น

ยิ่งกว่านั้น คนผู้นี้ยังไม่มีโอกาสแม้แต่จะหลบหนี เมื่อวังวนพายุฝนฟ้าคะนองที่มีขนาดมหึมามุ่งตรงเข้ามา ร่างของชายชราก็ถูกแรงหมุนของพายุบดขยี้และกำจัดทิ้งไปในทันที!

การโจมตีเพียงครั้งเดียวสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีจนดับสูญ!

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ผู้คนในบริเวณใกล้เคียงต่างก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา และไม่มีใครกล้าฉวยโอกาสนี้ลงมืออีกต่อไป

ดังที่เฉินซีได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ในบรรดาผู้บ่มเพาะรอบ ๆ ยังคงมีบางคนที่ตามืดบอดด้วยความโลภ และไม่สามารถปล่อยวางสมบัติที่ชายหนุ่มครอบครองอยู่ได้

เดิมทีพวกเขาคิดว่า ไม่ว่าเฉินซีจะทรงพลังเพียงใด ในสงครามครั้งนี้ ชายหนุ่มก็ต่อสู้มาตลอดและคงจะใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที ถึงพวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวมากมาย แต่ก็คงจะได้รับประโยชน์บางอย่างได้บ้าง

แต่เหตุนองเลือดอันน่าสยดสยองที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตากลับเป็นประหนึ่งค้อนยักษ์ที่ทำลายความหวังอันริบหรี่และความฝันที่อยู่ในใจของพวกเขาจนสิ้น

ไม่มีทางเอาชนะเด็กคนนี้ได้เลย!

ความคิดแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นในใจของผู้บ่มเพาะทุกคนที่อยู่รอบข้างอย่างไม่อาจควบคุมได้

ตู้ม!

แต่สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็คือจู่ ๆ เฉินซีจะกลายเป็นลำแสง พุ่งลงไปในแม่น้ำสายยาวเบื้องล่างและหายวับไปในชั่วพริบตา

เขากำลังจะทำอะไร?

ทุกคนตกตะลึง จากนั้นดูจะมีใครบางคนตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้และพูดด้วยความสงสัยว่า “เขาคงไม่ได้ลงไปหาคลังสมบัติของตำหนักเต๋านภาใช่ไหม?”

“เป็นไปได้!”

จากนั้นใครบางคนก็นึกบางอย่างขึ้นได้และพูดเสริมว่า “เฉินซีช่วยตำหนักอ๋องเวินสังหารผู้ครองบาปมหันต์แปดคน และเวินเทียนซั่วก็สัญญาว่าจะแบ่งปันแผนที่สมบัติที่เขาครอบครองให้แก่เฉินซี!”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าคลังสมบัติของตำหนักเต๋านภาจะอยู่ใต้แม่น้ำสายยาวนี้” ทุกคนอยู่ในความโกลาหล อดไม่ได้ที่จะเผยความตื่นเต้นออกมา

ไม่ใช่ว่าพวกเขามาที่ภูเขาร้างเต๋านภาเพื่อคลังสมบัติของตำหนักเต๋านภากันตั้งแต่แรกหรอกหรือ?

“เดี๋ยวก่อน แม้ว่าเขาจะไปตามหาคลังสมบัติ แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนจากไปขนาดนั้นนี่ใช่ไหม? และนั่นย่อมหมายความว่าเขามีเหตุผลอื่นอีก?” มีคนโต้แย้ง

ตู้ม!

ขณะที่เสียงของคนคนนั้นยังคงดังก้องอยู่ในอากาศ จู่ ๆ ความว่างเปล่าเหนือแม่น้ำพลันระเบิดออก จากนั้นร่างอันทรงพลังที่ปกคลุมด้วยปราณเซียนที่เปล่งแสงออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดก็ก้าวออกมา

ร่างกายของร่างที่ยิ่งใหญ่นี้เป็นเหมือนดวงอาทิตย์แผดเผา ซึ่งเปล่งแสงเจิดจ้าทอประกาย เต็มไปด้วยกลิ่นอายอมตะและปราณมงคลนับพันสาย พวกมันแปรเปลี่ยนเป็นเกลียวพลังแห่งกฎ ทันทีที่ตัวคนปรากฏกาย โลกทั้งใบก็สั่นสะเทือน ราวกับกำลังตอบรับการมาถึงของจักรพรรดิด้วยความเคารพ

คนผู้นี้เปล่งประกายเกินไป ทำให้ไม่มีใครสามารถเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจนเลย

แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งชวนให้ผู้คนยิ่งสั่นสะท้าน แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีที่อยู่ใกล้เคียง ก็ยังต้องรู้สึกใจสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

เซียนสวรรค์!

นี่มันเซียนสวรรค์ชัด ๆ!

ทุกคนประหลาดใจและหวาดกลัวอย่างยิ่ง จึงทำให้พวกเขานิ่งเงียบเหมือนจักจั่นในฤดูหนาว และไม่กล้าจะขยับตัวแม้แต่น้อย ด้วยพวกเขากลัวอย่างยิ่งว่าการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยนั้น จะทำให้เงาร่างยิ่งใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปโกรธเคืองเอาได้

“ยังช้าไปหนึ่งก้าว พวกเขาทั้งหมดตายไปแล้ว…”

ร่างนั้นพึมพำด้วยน้ำเสียงทุ้มและเย็นชาเสียจนกล่าวได้ว่าไร้อารมณ์ “ดูเหมือนว่าข้าจะยังประเมินความเร็วในการเติบโตของเขาต่ำเกินไป หากข้ารอให้ถึงเส้นตายร้อยปี บางทีเขาอาจจะกลายเป็นภัยคุกคามของข้าได้จริง ๆ…”

“ดีมาก แบบนี้ยิ่งน่าสนใจ เมื่อวันนั้นมาถึง ข้าจะเตรียมเรื่องประหลาดใจที่น่ายินดีไว้ให้เจ้าอย่างแน่นอน!”

เสียงของเขายังคงล่องลอยอยู่ในอากาศ ขณะที่ร่างอันทรงพลังนั้นได้หายลับตาไปราวกับไม่เคยปรากฏมาก่อน

ทุกคนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึงและนิ่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่ใครบางคนจะอดกลั้นความตื่นตระหนกในใจของเขาไม่ได้อีกต่อไป และร้องอุทานตกใจด้วยเสียงแหลมบาดหูออกมา

“ปิงซื่อเทียน! นั่นคือทูตแห่งภพเซียน ท่านปิงซื่อเทียนอย่างแน่นอน!”

ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากต่างตระหนักถึงสิ่งหนึ่งด้วยความสะพรึงกลัว …เฉินซีคงไม่ได้สังเกตเห็นการมาถึงของปิงซื่อเทียนล่วงหน้า จึงได้รีบดำดิ่งลงไปใต้แม่น้ำรูปตัวอักษร ‘เต้า’ สายยาวเบื้องล่างนี้หรอกใช่หรือไม่?

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท