บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 836 ผู้ใดกัน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 836 ผู้ใดกัน?

บทที่ 836 ผู้ใดกัน?

เจ็ดดวง

สิบสี่ดวง

ยี่สิบหกดวง

บนม่านแสงที่ด้านล่างได้ปรากฏตัวเลขซึ่งแสดงถึงห้องรับรองพิเศษหมายเลข 007 …ปริมาณของพลังธรรมเทพกำลังเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จบ และมันก็เพิ่มขึ้นประหนึ่งไม้ไผ่ที่แตกหน่ออ่อนหลังฝนตก

มันผิดปกติเกินไป!

ผู้ที่อยู่โดยรอบก่อนที่ม่านแสงจะปรากฏตัวเลขขึ้นล้วนรู้ดีว่า ค่าพลังธรรมเทพทุกดวงนี้มาจากผังอักขระยันต์ที่ได้รับความเสียหาย โดยปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระทั่วไปจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วยามในการซ่อมแซมผังอักขระยันต์หนึ่งแห่ง และแม้จะเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระ พวกเขาก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณหนึ่งเค่อ

ดังนั้นการที่ผังอักขระยันต์ถูกซ่อมแซ่มสำเร็จทุกเค่อที่ผ่านมา จึงเป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!

ตลอดไม่กี่ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เหล่านี้ได้เฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตลอด และมันก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้ ส่งผลให้ทุกคนรู้สึกตกใจ

ในตอนนี้ พวกเขาถึงได้เข้าใจว่าเหตุใดลวี่อิงถึงได้ทำสีหน้าประหลาดใจเช่นนั้น เพราะแม้แต่พวกเขาเองก็ตกใจเสียจนตาแทบจะถลนจากเบ้า!

“ใครอยู่ในห้องรับรองพิเศษหมายเลข 007”

“ข้าก็ไม่รู้”

“จะใครก็ช่าง รีบไปตามหัวหน้าผู้ดูแลมาเดี๋ยวนี้ นี่มันออกจะเกินขีดจำกัดของปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระไปแล้ว ข้าเกรงว่าอาจจะมีบางสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับม่านแสง!”

หลังจากอาการตกใจบรรเทาลง พวกเขาทั้งหมดพลันตกอยู่ในความสับสน เสียงพูดคุยอื้ออึงดังไปทั่วทั้งบริเวณ แม้แต่บางคนยังพยายามห้ามตัวเองไม่ให้พุ่งตัวไปรายงานผู้ดูแลอีกครั้งหนึ่งอย่างยากเย็น

หลังจากนั้นไม่นาน ชายวัยกลางคนที่ดูร่ำรวยผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวพร้อมกับขวดยานัตถุ์ในมือ เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและส่งเสียงตำหนิเมื่อเห็นกลุ่มเจ้าหน้าที่กำลังพูดคุยกันอย่างไร้ระเบียบ “พวกเจ้ามัวทำอะไรกันอยู่!? หุบปาก!”

ชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นหัวหน้าของโถงอันดับที่เก้าที่มีหน้าที่ดูแลห้องโถงใหญ่ผังยันต์อักขระ ชื่อของเขาคือเยว่เหมิง

ทุกคนปิดปากสนิททันทีที่เขาปรากฏตัว ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาประหนึ่งจักจั่นจำศีลยามเหมันต์

“กะอีแค่เรื่องไม่เป็นเรื่องทำตื่นตูมไปได้ น่าขายหน้าชะมัด!” เยว่เหมิงตะโกนเสียงดัง ก่อนจะเดินไปเบื้องหน้าเพื่อตรวจสอบม่านแสง

“ไหน มีปัญหาอันใด?” เขาถาม “หัวหน้าผู้ดูแล โปรดดูนี่ ห้องรับรองพิเศษหมายเลข 007” ลวี่อิงรีบชี้มือชี้ไม้

“007 รึ?” เยวเหมิงชะงัก เขาจำได้ว่าคนที่อยู่ในห้องรับรองพิเศษนี้เป็นสหายน้อยที่ท่านเถิงหลานกำชับให้ดูแลอีกฝ่ายเป็นอย่างดี เหมือนว่าคนคนนี้จะชื่อ…เฉินซี?

เขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง ครั้นสายตาหยุดลงที่ค่าพลังธรรมเทพที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ใบหน้าของเจ้าตัวพลันแข็งทื่อ ปากที่อ้าค้างเผยอพูดอย่างยากเย็น “เกิดบ้าอะไรขึ้น!?”

ลวี่อิงตอบทั้งน้ำเสียงแผ่วเบา “หัวหน้า ท่านเองก็สังเกตเห็นความผิดปกติใช่หรือไม่”

เยว่เหมิงพูดด้วยโทสะว่า “เจ้าบ้า! นี่มันผิดปกติเกินไปแล้ว!”

ขณะที่เขาพูด สายตาของเจ้าตัวไม่วายจดจ้องยังม่านแสงอย่างไม่กะพริบตา ครู่หนึ่ง เขาจึงได้พึมพำออกมา “ม่านแสงก็หาได้มีสิ่งใดผิดปกติ หรือทั้งหมดนี่จะเกิดจากคนผู้นั้น? ให้ตายเถิด… น่าประหลาดใจเกินไปแล้ว!”

สายตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง และบัดนี้ สีหน้าของเขานั้นก็หาได้ต่างจากกลุ่มคนเมื่อครู่แต่อย่างไร

หน้าตาของเยว่เหมิงทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่อยากจะหัวเราะ แต่ก็ต้องฮึบไว้ด้วยความเกรงกลัว บรรยากาศโดยรอบจึงค่อนข้างดูพิกล มีเพียงตัวเลขที่แสดงถึงค่าพลังธรรมเทพของห้องรับรองพิเศษหมายเลข 007 เท่านั้นที่ยังคงเพิ่มขึ้นไปไม่รู้จบ

ตอนที่เยว่เหมิงมาถึงที่นี่ ค่าพลังธรรมเทพบนม่านแสงก็พุ่งขึ้นไปถึงเจ็ดสิบเก้าดวงแล้ว!

ทันใดนั้น ประตูห้องด้านหลังพลันถูกเปิดผาง ผู้ดูแลคนหนึ่งวิ่งตรงเข้ามารายงานผู้เป็นหัวหน้า “เรียนท่านหัวหน้า ตอนนี้แย่แล้วขอรับ ที่ห้องโถงใหญ่กำลังเกิดเรื่องวุ่นวาย ท่านรีบไปดูเถิด”

เยว่เหมิงตกตะลึง เขากลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง หลังจากคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าตัวจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ “เกิดอะไรขึ้น? หรือว่ามีคนเข้ามาก่อปัญหา”

เมื่อครั้งอดีตที่นี่เคยมีศัตรูบุกเข้ามาในห้องโถงใหญ่เพื่อก่อกวน ทว่าหลังจากที่โถงอันดับที่เก้าจัดการคนเหล่านั้นจนราบคาบ ปัญหานี้จึงเป็นอันยุติลง

กระนั้น การบาดเจ็บล้มตายก็เป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้

เยว่เหมิงไม่ได้กังวลถึงเรื่องนี้เสียทีเดียว สิ่งที่เขากังวลยิ่งกว่าก็คือ หากมีเรื่องเลวร้ายเช่นนี้เกิดขึ้น เขาก็อาจจะต้องสูญเสียตำแหน่งหัวหน้าผู้ดูแลไปในพรุ่ง ซ้ำร้าย ยังอาจถูกขับไสไล่ส่งไปจากโถงอันดับที่เก้า!

อย่างไรเสีย ห้องโถงใหญ่นี้ก็เชื่อมโยงกับการซ่อมแซมหอคอยยันต์อักขระ และความปลอดภัยของเมืองในทางอ้อม หากเกิดเหตุร้ายขึ้น แม้ว่าเยว่เหมิงจะมีอยู่ร้อยชีวิต ทว่าพวกมันก็หาได้เพียงพอที่จะชดใช้ความผิดไม่

ผู้ดูแลรู้สึกหวาดกลัวเมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างใหญ่โตของเยว่เหมิง “ไม่ใช่ศัตรูขอรับ ดูเหมือนว่าจะมีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นกับม่านผังอักขระยันต์ ทำให้ปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระหลาย ๆ คนที่กำลังซ่อมแซมผังอักขระยันต์เกิดความไม่พอใจขอรับ”

ชายร่างอ้วนท้วนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะถามขึ้นด้วยเสียงประหลาดใจ “แล้วอะไร? มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับม่านแสง?”

ยังไม่ทันทีอีกฝ่ายจะได้ตอบ ร่างกลมดิกดั่งลูกตะกร้อก็พุ่งตัวออกไปจากห้องควบคุมด้วยความเร็ว เนื่องจากผลที่ตามมาจากการที่ม่านแสงมีปัญหานั้นรุนแรงมาก ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะรีรอแม้แต่น้อย

ภายในห้องโถงใหญ่เต็มไปด้วยเสียงโห่ร้อง

ปรมาจารย์ค่ายกลยันต์ยันอักขระผู้หนึ่งที่มีเส้นผมขาวโพลนโบกมือไหว ๆ ขณะที่ตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิด “บัดซบ! ชั่วช้าเสียจริง! ข้าพยายามศึกษามันอย่างยากเข็ญมานาน จู่ ๆ พอข้าจะลงมือซ่อมแซมผังอักขระยันต์ที่เสียหาย มันก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา! เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ข้าน่ะหาได้สนใจพลังธรรมเทพเล็กน้อยนี่ไม่ เพียงแต่อยากรู้ว่าโถงอันดับที่เก้ากำลังเล่นบ้าอะไรอยู่! ทำไมถึงได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้”

“ใช่แล้ว! ทำไม่อยู่ ๆ ถึงเป็นเช่นนี้ได้! ข้าเพิ่งจะซ่อมแซมผังอักขระยันต์ไปได้เพียงครึ่งทาง อยู่ ๆ ที่ม่านแสงก็แสดงผลว่ามันถูกซ่อมแซมเสร็จแล้ว! คงไม่ใช่ว่าโถงอันดับที่เก้ากำลังเล่นตุกติก แอบเอาพลังธรรมเทพที่พวกข้าควรได้ไปหรอกนะ?”

“ทุกคนประสบกับปัญหาเดียวกัน ข้าล่ะสงสัยนักว่าเหตุใดผังอักขระยันต์ที่ข้าเพิ่งเลือกถึงได้หายไปต่อหน้าต่อตา เหมือนว่ามันจะไม่ได้เกี่ยวกับข้า แต่มีความผิดปกติเกิดขึ้นที่ม่านแสง”

“ปัญหาเกี่ยวกับม่านแสง? ไม่น่า ข้าว่าปัญหามันอยู่ที่คนของโถงอันดับที่เก้ามากกว่า!”

ท่ามกลางฝูงชนมากมาย ปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระหลายคนรู้สึกขุ่นเคืองอย่างมาก ถึงขนาดที่ลุกขึ้นมาตะโกนด่าทอด้วยเสียงดังระงม ทำให้ทั่งทั้งห้องโถงใหญ่เกิดเสียงอื้ออึงประหนึ่งผึ้งแตกรัง

ภาพความโกลาหลนี้ส่งผลให้ปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระคนอื่น ๆ ที่เดิมยังคงตั้งหน้าซ่อมแซมผังอักขระยันต์ต่อไปด้วยใจประหวั่น เริ่มลุกขึ้นมาสอดส่องบรรยากาศโดยรอบทั้งคิ้วขมวด

เยว่เหมิงมาถึงห้องโถงใหญ่ในเวลาไม่นาน ครั้นเมื่อภาพแห่งความวุ่นวายปรากฏสู่สายตา ดวงหน้าที่อิ่มเอิบไปด้วยไขมันก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกรัว ๆ ‘นี่มันห้องโถงใหญ่ผังยันต์อักขระที่ข้าคุ้นเคยจริง ๆ น่ะหรือ เหตุใดมันถึงได้เละเทะวุ่นวายไม่ต่างบ่อนพนันชั้นต่ำเช่นนี้!?’

เขาพุ่งตัวไปเบื้องหน้าและลากคนงานของตนมาถามอย่างรวดเร็ว “บอกข้ามาเร็ว ๆ ว่าอะไรที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”

ผู้ดูแลที่มีท่าทางหม่นหมองมีสีหน้าดีขึ้นเมื่อเห็นหัวหน้าปรากฏตัว เขารีบอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้าให้อีกฝ่ายรับทราบจนครบถ้วน

เมื่อเยว่เหมิงได้ทราบความทั้งหมด เขาก็ไร้ความกังวลทั้งปวง มีเพียงรอยยิ้มเย้ยหยันที่ปรากฏบนมุมปาก

เขาโบกมือพลางออกคำสั่ง “ไป ไปนำม่านแสงที่ห้องควบคุมด้านหลังออกมา พวกไก่อ่อนที่ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายนี้จะได้รู้ว่าโถงอันดับที่เก้าของเราโกงพวกเขาหรือไม่!”

ผู้ใต้บังคับบัญชารับคำสั่งแล้วจากไป

ตอนนั้นเอง เยว่เหมิงพลันตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดังเพื่อควบคุมสถานการณ์ “สหายเต๋าทั้งหลาย โปรดสงบใจก่อน ข้าเป็นหัวหน้าผู้ดูแลของห้องโถงใหญ่ผังยันต์อักขระ แน่นอนว่าข้าจะให้คำอธิบายแก่ท่านในไม่ช้านี้”

เสียงตะโกนของเขาดังกึกก้องประหนึ่งสายฟ้ากัมปนาท ทำให้สายตาของผู้คนในห้องโถงใหญ่จับจ้องมาที่เขาเป็นตาเดียว

ปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระส่วนใหญ่รู้จักเยว่เหมิง ดังนั้นหลายคนจึงเลือกที่จะใจเย็นเมื่อเห็นอีกฝ่ายปรากฏตัวและรับปากว่าจะมีคำตอบให้แก่พวกเขา

ทันใดนั้น เสียงอึกทึกครึกโครมในห้องโถงใหญ่ก็เงียบลง

ตอนนี้เอง ผู้ดูแลกลุ่มหนึ่งได้แบกม่านแสงที่มีขนาดมหึมาออกมาจากห้องทางด้านหลัง ก่อนจะวางมันไว้ตรงหน้าทุกคน

“ทุกท่านโปรดดู นี่คือคำตอบของทุกสิ่ง” น้ำเสียงของเยว่เหมิงทุ้มต่ำ เขาไม่ได้อธิบายอะไรไปมากกว่านี้ ด้วยหากคนเหล่านี้ยังคิดแยกแยะสถานการณ์ดังกล่าวเองไม่ได้ ก็อย่าได้เรียกตัวเองว่าเป็นปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระเลย

ขวับ!

ทุกสายตาจับจ้องไปยังม่านแสงอย่างพร้อมเพรียง

ในเวลาไม่นาน พวกเขาก็เข้าใจถึงสิ่งที่หัวหน้าผู้ดูแลต้องการจะสื่อ ก่อนจะอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจอย่างเผลอตัว “เกิดอะไรขึ้นกับห้องรับรองพิเศษหมายเลข 007?”

เสียงนี้ทำให้คนอื่น ๆ หันมามองเช่นกัน ครั้นพวกเขาได้เห็นตัวเลขของห้องรับรองพิเศษหมายเลข 007 ที่ขยับขึ้นไปไม่หยุด ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างและเผลออ้าปากจนเกือบจะทำให้กรามค้างด้วยความตกใจ

เป็นไปได้อย่างไร!

ใครอยู่ในห้องรับรองพิเศษหมายเลข 007 กันแน่? เขาสามารถซ่อมแซมผังอักขระยันต์ที่เสียหายจำนวนมากนี้ในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างไร?

สีหน้าของปรมาจารย์ยันต์อักขระในห้องโถงเปลี่ยนไปคราวแล้วคราวเล่า ในที่สุด พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าตนนั้นโทษคนอื่นไปผิด ๆ เสียแล้ว…

เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าม่านแสงในห้องรับรองพิเศษนั้นแตกต่างจากม่านแสงในห้องโถงใหญ่อย่างสิ้นเชิง มันไม่เพียงจะแสดงผังอักขระยันต์ที่เสียหายได้ทุกผังที่อยู่ในหอคอยยันต์อักขระเท่านั้น แต่ยังสามารถเลือกและซ่อมแซมผังอักขระยันต์เหล่านั้นได้ทันที

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ แม้ว่าผังอักขระยันต์กำลังถูกซ่อมแซมอยู่ในห้องโถงใหญ่ แต่ถ้าปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระที่อยู่ในห้องรับรองพิเศษสามารถซ่อมแซมได้เร็วกว่า คนผู้นั้นก็จะเป็นฝ่ายได้รับพลังธรรมเทพไปเมื่อซ่อมแซมสำเร็จ!

นี่เป็นสิทธิพิเศษที่มีเพียงห้องรับรองพิเศษเท่านั้นได้ครอบครอง อาจจะเรียกอีกแบบได้ว่าเป็นอภิสิทธิ์อย่างหนึ่ง

กระนั้น การที่พวกเขากำลังจะลงมือซ่อมแซมผังอักขระยันต์ที่ตนค้นคว้ามาอย่างรวดเร็ว แต่กลับถูกคนอื่นทำสำเร็จภายในเวลาสั้น ๆ ก็ทำให้ปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระเหล่านี้แสดงสีหน้าสลดใจออกมาอย่างยากจะอำพราง

สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกร้าวรานที่สุด มันก็คงไม่พ้นการที่บุคคลนี้ไม่เพียงแค่ซ่อมแซมผังอักขระยันต์ที่พวกเขาเลือกจนเสร็จเท่านั้น แต่ยังซ่อมแซมส่วนของคนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้องโถงใหญ่จนเสร็จเรียบร้อยภายในเวลาอันสั้นด้วยเช่นกัน

ความเชี่ยวชาญในเต๋าแห่งยันต์อักขระที่ไม่ธรรมดานี้ มากพอจะทำให้พวกเขาอับอาย และสิ่งที่ทำให้พวกเขาเสียหน้าที่สุดก็คือตอนที่พวกเขาตำหนิโถงอันดับที่เก้าต่อหน้าธารกำนัลโดยรู้ไม่จริง…

เมื่อคิดถึงตรงนี้ พวกเขาก็ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าการหาที่ซ่อนตัวสักพักหนึ่ง

กระนั้น คนเหล่านี้ก็เป็นเพียงส่วนน้อยจากทั้งหมด ในขณะที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก พวกเขาไม่ได้คิดจะแยแสกับเสียงโวยวายเหล่านั้นด้วยซ้ำ

เพราะคนส่วนใหญ่กำลังตกตะลึงกับตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ บนม่านแสงจนพูดไม่ออกมาได้สักพักใหญ่ ๆ แล้ว พวกเขาคาดเดาว่าคนให้ห้องรับรองพิเศษหมายเลข 007 น่าจะเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระสักคนหนึ่ง

ต้องเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระไม่ผิดแน่!

ถึงอย่างนั้น นี่ก็เป็นเพียงการคาดเดาบนข้อมูลอันน้อยนิด ไม่แน่ว่า ระดับการบรรลุเต๋าแห่งยันต์อักขระของคนผู้นี้อาจจะสูงกว่าที่พวกเขาคาดคิดก็ได้

เยว่เหมิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้เห็นฉากนี้ รอยยิ้มเบาใจปรากฏขึ้นบนดวงหน้ากลมมน ครั้นเขามองไปยังม่านที่กะพริบแสงถี่ เขาก็พลันอุทานออกมาด้วยความชื่นชม ปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระที่ท่านเถิงหลานนำมานั้น หาใช่คนธรรมดาที่ผู้ใดจะทัดเทียมอย่างแท้จริง!

ว่าแต่เขาเป็นใครกันแน่นะ?

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท