บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 837 คนหนุ่มสาวที่โอ้อวด

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 837 คนหนุ่มสาวที่โอ้อวด

บทที่ 837 คนหนุ่มสาวที่โอ้อวด

ภายในห้องรับรองพิเศษหมายเลข 007

เฉินซีเป็นเหมือนรูปปั้นดินเหนียว และมีเพียงมือขวาของเขาเท่านั้นที่พุ่งไปด้วยความเร็วที่ฉับไว ตวัดวาดอักขระยันต์อันชาญฉลาดมากมายเพื่อสร้างเส้นทาง

เขาลืมทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว ลืมแม้แต่ว่าตนอยู่ที่ใด และลืมกระทั่งเวลาที่ผ่านเลยไป

ภายใต้สภาวะที่ล้ำลึกเช่นนี้ ความเร็วในการซ่อมแซมผังอักขระยันต์ของเขาไม่ได้เร็วขึ้น แต่ข้อดีของมันก็คือความคงที่และยาวนาน หลังจากที่เฉินซีซ่อมผังอักขระยันต์เสร็จแล้ว พู่กันยันต์ของเขาก็แกว่งไปมา ก่อนที่จะเริ่มซ่อมผังอักขระยันต์ผังถัดไป และเขาแทบไม่เสียเวลาเลย

เมื่อเวลาผ่านไป ชายหนุ่มถึงกับลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรอยู่ ร่างกายของเขาดูจะท่องไปในโลกแห่งอักขระยันตร์ ซึ่งโลกใบนี้ได้ถูกทำลาย มีอายุมากขึ้น และปกคลุมไปด้วยหายนะ

ในขณะที่เฉินซีกำลังซ่อมแซมสถานที่ที่เสียหายเหล่านี้ บูรณะสถานที่เก่าแก่เหล่านั้น และเก็บกวาดพื้นที่ที่ถูกทำลายล้าง…

ทุกครั้งที่ชายหนุ่มทำสำเร็จหนึ่งก้าว มันจะทำให้เขาได้รู้สึกถึงความสำเร็จอันสุดจะพรรณนา และความรู้ของเขาที่มีต่อโลกใบนี้ก็จะลึกซึ้งยิ่งขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ ยิ่งชายหนุ่มได้รับความรู้มากเท่าใด เขาก็ยิ่งเคลื่อนไหวในโลกใบนี้ได้เร็วเท่านั้น ในขณะที่เคล็ดวิชาของเขาก็เชี่ยวชาญมากขึ้นไปอีก ดั่งคนขายเนื้อที่กำลังชำแหละวัวอย่างง่ายดาย

ผู้ดูแลสาวสวยเซวียนอวิ๋นหลับตาแน่น ในขณะที่นางหายใจเข้าลึก ๆ อย่างรวดเร็ว จึงจะสงบสติอารมณ์ตกใจที่เป็นเหมือนพายุโหมกระหน่ำอยู่ในใจได้เล็กน้อย

นางถูกสยบโดยความสำเร็จในเต๋าแห่งยันต์อักขระขั้นสมบูรณ์ที่เฉินซีได้เผยออกมา และนางก็ไม่กล้าคิดเลยว่า ตนเองจะได้พบกับปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระที่มีอายุน้อยเช่นนี้ในชีวิตของนาง!

นางไม่กล้าลืมตาเพราะนางกังวลว่าความสนใจของนางจะถูกดึงดูดเข้าไปอีกครั้ง และจมดิ่งสู่ความสำเร็จอันน่าทึ่งในเต๋าแห่งยันต์อักขระของเขา

เซวียนอวิ๋นจำข่าวลือได้ราง ๆ ว่า เมื่อเหล่าปราชญ์ในยุคบรรพกาลได้ถ่ายทอดเต๋าในที่สาธารณะ เนื่องจากเต๋านั้นล้ำลึกเกินไป ศิษย์ทั้งหมดของเขาจึงงุนงงและสับสน มีเพียงนกธรรมดาตัวหนึ่งที่ยืนอยู่บนกิ่งไม้ทางด้านข้างของแท่นบวงสรวงเต๋าเท่านั้นที่ถูกดึงดูดโดยคำพูดของเขา และกระโดดด้วยความดีใจในขณะที่กระพือปีก

ปราชญ์ผู้นั้นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ดวงจิตแห่งเต๋าของศิษย์ข้าทุกคนแข็งแกร่งยิ่ง แต่พวกเขายังด้อยกว่านกที่ฟังโดยไม่ตั้งใจ ทำไมกัน? ไม่มีเหตุผลอื่นใด เพราะมีเพียงสภาวะของความเขลาเท่านั้นที่ใกล้เคียงกับมหาเต๋าที่สุด”

แต่เมื่อปราชญ์กล่าวจบ นกตัวนั้นก็สิ้นลมหายใจในทันที เพราะตัวมันเป็นเพียงนกธรรมดา มันไม่ได้มีการบ่มเพาะหรือมีดวงจิตแห่งเต๋า แต่มันได้สัมผัสกับความหมายสูงสุดของเต๋าโดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นมันจึงไม่สามารถทนต่อเนื้อหาของเต๋า และตายในที่สุด

ปราชญ์ถอนหายใจเมื่อเห็นสิ่งนี้ “สามารถเรียนรู้เต๋าได้ในวันเดียว แต่กลับต้องหวนคืนสู่ยมโลก ช่างโชคดีและน่าเศร้าเสียจริง…”

เซวียนอวิ๋นรู้สึกว่าก่อนหน้านี้นางกลายเป็นนกที่โง่เง่า ซึ่งหมกมุ่นอยู่กับเนื้อหาอันลึกซึ้งที่หลั่งไหลออกมาจากปลายพู่กันของเฉินซี จนไม่สามารถหลุดพ้นได้

แต่เนื้อหาที่ล้ำลึกดูจะน่ากลัวเกินไปสำหรับนาง และมันยังห่างไกลจากสิ่งที่หญิงสาวจะเข้าใจได้ด้วยความสำเร็จในปัจจุบัน ดังนั้นนางจึงดิ้นรนและลังเลอยู่เป็นเวลานาน ก่อนที่ตัดสินใจกัดปลายลิ้นและอาศัยความเจ็บปวดที่เสียดแทงเพื่อฟื้นคืนสติ หลังจากนั้นนางก็รีบหลับตาแน่นโดยไม่กล้ามองอีก

แม้จะไม่ได้มองอีกต่อไป แต่เซวียนอวิ๋นก็รู้ว่าการเผชิญหน้าที่ยอดเยี่ยมในวันนี้ และทุกสิ่งที่นางเข้าใจก่อนหน้านี้ย่อมเพียงพอที่จะส่งเสริมให้ตนได้ก้าวต่อไปบนวิถีของเต๋าแห่งยันต์อักขระง่ายขึ้นในภายภาคหน้า!

เวลาเจ็ดวันผ่านไปอย่างเงียบงัน

เจ็ดวันนี้ผ่านไปในพริบตาของเฉินซี แต่สำหรับคนอื่น ๆ ในห้องโถงใหญ่แล้ว มันเหมือนกับพายุที่กำลังขยายตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันพุ่งเข้าใส่อย่างรุนแรงและทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นคลอน

ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนเป็นปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระ และไม่มีปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระในหมู่พวกเขา แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันนี้ ยังคงทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังฝันอยู่ เพราะมันเหนือจริงยิ่งนัก!!!

พลังธรรมเทพสองหมื่นหนึ่งพันดวง!

ในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงเจ็ดวัน คนผู้หนึ่งกลับได้รับพลังธรรมเทพมากมายจนน่าตกใจ จะมีใครบ้างในกลุ่มพวกเขาที่สามารถทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ?

ถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง และร่วมเป็นสักขีพยานด้วยกัน คงไม่มีผู้ใดเชื่อว่ามีคนร้ายกาจเช่นนี้มีอยู่ในโลกจริง ๆ ยิ่งกว่านั้น การกล่าวว่าคนผู้นี้ได้รับพลังธรรมเทพถือเป็นการดูหมิ่น เพราะคนผู้นี้เพียงแค่กวาดล้างพลังธรรมเทพ!

หากผังอักขระยันต์ที่เสียหายเหล่านั้นถูกเปรียบเทียบเป็นศัตรูจำนวนมาก ความเร็วในการซ่อมแซมของเฉินซีก็ทรงพลัง และไม่มีใครสามารถต้านทานความแข็งแกร่งของเขาได้

ในช่วงเจ็ดวันมานี้ หัวหน้าผู้ดูแลของห้องโถงใหญ่เยว่เหมิงได้คอยคุ้มกันที่นี่อยู่เสมอ และเขาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของทุกคนที่นี่ด้วยตัวเอง ซึ่งสีหน้าที่ตกใจในตอนแรกก็ค่อย ๆ กลายเป็นความประหลาดใจ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นความชื่นชมจากใจจริงในที่สุด

ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ ไม่มีการขาดแคลนปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระคนอื่น ๆ ที่มาถึงที่นี่ และเมื่อพวกเขาได้รู้ราวทุกสิ่งแล้ว ก็ต่างตกใจจนพูดไม่ออกเช่นกัน

ไม่มีใครจากไปเลยสักคน ทำให้พื้นที่มหึมาในห้องโถงใหญ่แน่นขนัด จนแม้แต่น้ำสักหยดก็ไม่สามารถลอดเข้าไปได้ แต่บรรยากาศที่นี่กลับเงียบสงัดจนได้ยินแม้แต่เสียงเข็มหล่น ราวกับว่าพวกเขากำลังแหงนดูการกำเนิดของปาฏิหาริย์ที่ไม่เคยมีมาก่อน

ผ่านไปอีกสามวัน

ตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาบนม่ายแสงซึ่งเป็นตัวแทนของพลังธรรมเทพได้หยุดลงอย่างกะทันหัน และหยุดที่จำนวนสามหมื่นดวงโดยไม่ขยับอีกต่อไป

“มันจบแล้วหรือ?” มีคนกล่าวด้วยความผิดหวัง

“เพียงสิบวันกลับได้พลังธรรมเทพไปถึงสามหมื่นดวง!” ใครบางคนถอนหายใจยาว ในขณะที่เขาพึมพำด้วยความตกใจ

ทันใดนั้น ทั้งห้องโถงใหญ่ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และการสนทนาทุกรูปแบบ ทำให้เกิดเสียงดังอึกทึกครึกโครม ยิ่งกว่านั้น แต่ละคนก็มีสีหน้าที่แตกต่างกัน แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทุกคนตื่นเต้นมาก

ท่ามกลางบรรยากาศที่อึกทึกครึกโครมนี้ ร่างสูงร่างหนึ่งได้เดินผ่านไปเงียบ ๆ และเขาดูจะไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติในห้องโถง ขณะที่ร่องรอยของความเสียใจยังคงอยู่ระหว่างคิ้วที่เฉียงเหมือนกระบี่คู่หนึ่งของชายหนุ่ม

คนผู้นี้ย่อมคือเฉินซีที่ออกจากห้องรับรองพิเศษ

‘น่าเสียดาย ข้าเคยเห็นโครงสร้างผังอักขระยันต์ส่วนใหญ่ในผังอักขระยันต์ที่เหลืออยู่ ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะซ่อมแซมต่อไป…’ เฉินซีครุ่นคิดอยู่ในใจ

เดิมทีชายหนุ่มตั้งใจจะซ่อมแซมหอคอยยันต์อักขระในเมืองนกนางแอ่นแดงให้สมบูรณ์ แต่เนื่องจากหอคอยยันต์อักขระนี้กว้างใหญ่และซับซ้อนเกินไป อีกทั้งสัตว์อสูรจักรวาลยังบุกโจมตีเมืองทุก ๆ สองสามวัน ทำให้หอคอยยันต์อักขระได้รับความเสียหายอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถซ่อมแซมมันได้อย่างสมบูรณ์ด้วยตัวเอง

สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรู้สึกเสียใจได้ แต่เมื่อเขานึกถึงผังอักขระยันต์ต่าง ๆ ที่ไม่เคยเห็น และได้เรียนรู้ในช่วงเวลาที่เขาซ่อมผังอักขระยันต์ ชายหนุ่มก็ค่อนข้างพอใจ

ไม่ว่าจะเป็นการเข้าใจศาสตร์เต๋า จิตสัมผัสเทพ หรือแม้กระทั่งการอนุมานเต๋ารู้แจ้ง และทำให้สิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้วนั้นสมบูรณ์แบบ พลังของเต๋าแห่งยันต์อักขระก็ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างล้นเหลือ

“เฉินซี!” ในขณะนี้ มีเสียงที่ไพเราะดังขึ้นข้างหูของเขา

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นว่านั่นคือหลิงชิงโม่ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยความยินดี “นี่เจ้ายังไม่หนีไปอีก? เจ้าไม่กลัวว่าปู่ของเจ้าจะจับตัวไปหรือไร?”

หลิงชิงโม่ยิ้มกว้างและกล่าวว่า “ท่านปู่ไม่มีเวลามาสนใจข้า เขากำลังเกาศีรษะกับกลุ่มปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระเหล่านั้น ในขณะที่รอปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระในห้องรับรองพิเศษหมาย 007”

เฉินซีตกตะลึง ‘หมายเลข 007 หรือ? นั่นห้องรับรองพิเศษที่ข้าอยู่ไม่ใช่หรือ?’

“จริงสิ ข้าเห็นว่าเจ้าอยู่ที่ห้องรับรองพิเศษก่อนหน้านี้ เจ้ารู้จักปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระในห้องรับรองพิเศษหมายเลข 007 หรือไม่” หลิงชิงโม่ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติในท่าทางของเฉินซีเลย และนางก็ถามอย่างตื่นเต้น

เฉินซีพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นข้าเอง”

หลิงชิงโม่อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของอีกฝ่าย และนางก็ระเบิดเสียงหัวเราะ ก่อนจะเม้มปากแล้วกล่าวว่า “อย่ามาเล่นตลก ข้าไม่ได้ล้อเล่นกับเจ้านะ!”

เฉินซีลูบจมูกแล้วกล่าวว่า “ข้าดูเหมือนล้อเล่นหรือไร?”

หลิงชิงโม่จ้องมองเฉินซีอย่างโกรธ ๆ และกล่าวว่า “หากเจ้าเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระจริง ๆ แล้วละก็ ข้าจะคอยรับใช้เจ้าไปตลอดชีวิต และข้าจะทำตามทุกคำสั่งของเจ้าด้วย! หึ แต่มันจะเป็นไปได้หรือ?”

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะเพราะเขารู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างแปลก

“คนหนุ่มสาวสมัยนี้โอ้อวดเสียเหลือเกิน…” ในขณะนี้ นักพรตเต๋าหลิงได้เดินมาจากทางด้านข้าง และเห็นได้ชัดว่าเขาได้ยินสิ่งที่เฉินซีกล่าวก่อนหน้านี้ ชายชราจึงมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย เพราะรู้สึกว่าเด็กคนนี้โอ้อวดเกินไป เด็กน้อยเช่นเขาจะสวมรอยเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระในห้องรับรองพิเศษหมายเลข 007 ได้อย่างไร?

มันช่างไม่ให้ความเคารพกันเสียเลย!

ในฐานะปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระที่สร้างชื่อให้ตัวเองมานานมากแล้ว นักพรตเต๋าหลิงไม่เคยรู้สึกชื่นชมผู้ใด แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสิบวันที่ผ่านมา ได้เปลี่ยนความคิดของเขาไปอย่างสิ้นเชิง และมันทำให้ชายชรารู้สึกเคารพต่อปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระในห้องรับรองพิเศษหมายเลข 007 อย่างมาก

ในขณะนี้ เขากำลังรออยู่ที่นี่ด้วยความหวังที่จะรอให้ปรมาจารย์คนนั้นปรากฏตัว และได้พบกับคนผู้นั้น นอกจากนี้ คงจะดีเป็นอย่างยิ่งหากเขาได้มีโอกาสพูดคุยกับปรมาจารย์คนนั้น

ดังนั้นเมื่อเขาเห็นเฉินซี เด็กน้อยที่จะคิดสวมรอยเป็นปรมาจารย์ที่ตนเองรู้สึกเคารพอย่างสุดซึ้งในใจ จึงสามารถจินตนการถึงความโกรธในใจของนักพรตเต๋าหลิงได้อย่างชัดเจน

ในขณะนี้สหายของนักพรตเต๋าหลิง กลุ่มของปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระที่หลิงชิงโม่เรียกว่าตาเฒ่าก็เข้ามาเช่นกัน พวกเขากวาดตามองชายหนุ่มด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร หากไม่ใช่เพราะพวกเขาอดกลั้นเนื่องจากคำนึงถึงสถานะ พวกเขาคงไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าก่นด่าสาปแช่งอีกฝ่าย!

เห็นได้ชัดว่าความคิดของพวกเขาเหมือนกับนักพรตเต๋าหลิง และพวกเขารู้สึกว่าเฉินซีได้ล่วงเกินผู้เยี่ยมยุทธ์คนนั้นที่พวกเขารู้สึกนับถืออย่างมากเข้าให้

ทว่าเฉินซีกลับยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้เมื่อเห็นสิ่งนี้ จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและจากไป

“นี่ อย่าเพิ่งไปสิ ข้าจะขอให้ท่านปู่ของข้าแนะนำปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระให้เจ้าได้รู้จัก” หลิงชิงโม่ตะโกนออกมาด้วยเสียงกังวานมาจากทางด้านหลัง

“ไม่จำเป็น แต่อย่างไรก็ต้องขอบคุณเจ้า” ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมกับหันกลับมามอง เขาสามารถแยกแยะได้ว่าทัศนคติของหญิงสาวที่มีต่อเขาไม่เลวเลย

“ฮึ่ม! ชิงโม่ เหตุใดเจ้าจึงต้องสนใจกับเด็กน้อยที่โอ้อวดผู้นี้ด้วย?” นักพรตเต๋าหลิงตำหนิ เห็นได้ชัดว่าความประทับใจของเขาที่มีต่อเฉินซีนั้นเลวร้ายมาก

หลิงชิงโม่ยิ้มกว้าง “นั่นคือปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระอายุน้อยคนแรกที่ข้ารู้จัก ดังนั้นข้าจึงต้องช่วยเขาเมื่อทำได้”

“เจ้า…” นักพรตเต๋าหลิงจ้องมองนางอย่างขุ่นเคือง และด้วยการชำเลืองมองอย่างไม่ได้ตั้งใจ ชายชราพลันสังเกตเห็นผู้ดูแลหญิงคนหนึ่งเพิ่งปรากฏตัวจากค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติที่นำไปสู่ห้องรับรองพิเศษ ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาที่จะสั่งสอนหลานสาวตนอีก

เขาพุ่งไปข้างหน้าทันทีและก้าวยาว ๆ เพื่อหยุดผู้ดูแลหญิงก่อนที่จะถามว่า “แม่หนู เจ้าเป็นคนดูแลห้องรับรองพิเศษหมายเลข 007 ใช่หรือไม่?”

ผู้ดูแลหญิงตกตะลึงแล้วตอบอย่างเป็นกันเอง “เป็นข้าเอง ข้าขอเรียนถามผู้อาวุโสได้หรือไม่ว่า มีสิ่งใดให้ข้ารับใช้”

แน่นอน นางย่อมคือเซวียนอวิ๋น ซึ่งนางก็เพิ่งได้ข่าวมาก่อนหน้านี้ว่า เนื่องจากนางได้เกียรติในการรับใช้เฉินซี หัวหน้าผู้ดูแลจึงตกลงที่จะเลื่อนตำแหน่งให้นาง และนางก็รับผิดชอบธุระปะปังในห้องรับรองพิเศษอย่างเต็มที่!

นี่เป็นงานที่นางใฝ่ฝัน ในตอนนี้มันได้หล่นใส่ตัวนางอย่างง่ายดาย ทำให้สภาพจิตใจของหญิงสาวเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และที่หว่างคิ้วของเซวียนอวิ๋นก็เต็มไปด้วยความสุขความตื่นเต้น!

ฟึ่บ!

เมื่อได้ยินเช่นนี้ กลุ่มปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระก็พลันพุ่งเข้าไปหาเหมือนดั่งฝูงหมาป่าที่หิวโหย พวกเขาต่างล้อมรอบเซวียนอวิ๋นที่มีเสน่ห์และน่ารักไว้ตรงกลาง ในขณะที่ใบหน้าสูงวัยของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

แต่สิ่งนี้กลับทำให้เซวียนอวิ๋นหวาดหวั่น เพราะนางรู้สึกว่าการจ้องมองของชายชราเหล่านี้เร่าร้อนเกินไป และทำให้ร่างกายของนางรู้สึกอึดอัด

“ถ้าอย่างนั้นข้าขอถามคำถามเจ้า ใครคือแขกผู้มีเกียรติที่ซ่อมแซมผังอักขระยันต์ในห้องรับรองพิเศษหมายเลข 007 ก่อนหน้านี้?” นักพรตเต๋าหลิงถามอย่างกังวล ในตอนนี้ แม้แต่เขาก็ไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป จึงร้อนรนด้วยความกระวนกระวาย และเกือบจะเกาใบหน้าด้วยความวิตกกังวล ทำทีเหมือนชายหนุ่มใจร้อนที่อยากจะเข้าไปในห้องเจ้าสาว

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท