บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 839 ค้างคาวโลหิตปีกคราม

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 839 ค้างคาวโลหิตปีกคราม

บทที่ 839 ค้างคาวโลหิตปีกคราม

ทางด้านนอกเมืองนกนางแอ่นแดง

สวบ!

กระบี่ในมือของเฉินซีตวัดออกไป แสงสว่างเย็นเยือกพลันปรากฏขึ้น ทำให้เกิดกลุ่มโลหิตกระเซ็นสาด ทางด้านข้างของเขามีสัตว์อสูรจักรวาลมากกว่าสิบตัวถูกผ่าครึ่ง ตายตกในทันที

ร่างของชายหนุ่มพุ่งทะยาน หลบเลี่ยงการลอบโจมตีของสัตว์อสูรจักรวาล เขากำลังจะฟาดฟันด้วยกระบี่ แต่ตอนนี้คิ้วของเขาพลันขมวดแน่น และโดยไม่ลังเล ร่างของเฉินซีก็กลายเป็นสายรุ้ง ถอยออกมาหนึ่งพันจั้งอย่างรวดเร็ว

ชิ้ง ๆ!

หลังถอยออกมาแล้ว ในสายตาของชายหนุ่ม ตรงจุดที่เคยยืนอยู่ หมอกสีดำพลันปรากฏขึ้น มันกำลังกัดกร่อนความว่างเปล่าจนกลายเป็นหลุมดำที่ทำเอาหัวใจสั่นสะท้าน

หากหลบช้ากว่านี้ ผลลัพธ์ที่ตามมาคือหายนะ!

เฉินซีหรี่ตา ประกายเย็นเยือกวาบผ่าน เมื่อปรายตามอง เขาพลันเห็นค้างคาวที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ มีปีกสีคราม ดวงตาสีแดงราวกับโลหิต

ค้างคาวโลหิตปีกคราม!

นี่คือปีศาจอันเกรี้ยวกราดดุร้าย มันมีความกระหายเลือดอย่างบ้าคลั่ง ในอดีตกาล เผ่าค้างคาวโลหิตปีกครามคือตัวตนที่ไม่ว่าใครก็รู้จัก เพราะพวกมันเคยกลืนกินโลหิตของทวยเทพมาก่อน!

ในสมรภูมิอันโกลาหลนี้ ค้างคาวโลหิตปีกครามที่มีขนาดเท่าฝ่ามือดูไม่สะดุดตา มันซ่อนอยู่ในความมืด หากเฉินซีไม่ระวัง ย่อมถูกพวกมันซุ่มโจมตีอย่างแน่นอน

ฟ้าว!

ยันต์ศัสตราของเฉินซีตัดผ่านท้องนภาโดยไม่ลังเล เกิดสายรุ้งอันน่าตกตะลึง ทะลวงตรงออกไป ฟาดฟันเข้าใส่ค้างคาวโลหิตปีกคราม และทำให้เขาสัมผัสได้เลือนรางว่าค้างคาวโลหิตปีกครามที่แท้จริงอยู่ที่ใด

ซู่!

ค้างคาวโลหิตปีกครามวูบไหว ฉีกผ่านความว่างเปล่าทันที มันถึงกับใช้วิชาเคลื่อนย้ายมิติ หายลับไปในพริบตา! ฉากนี้ได้พิสูจน์ว่าฐานการบ่มเพาะของมันเทียบเท่ากับขอบเขตเซียนปฐพีเป็นอย่างน้อย!

แต่เฉินซีคล้ายกับคาดการณ์ถึงเหตุการณ์นี้เอาไว้แล้ว เนตรเทวะแห่งความจริงส่องแสงสว่างสีดำ กวาดผ่านความว่างเปล่า ตรวจพบร่องรอยของค้างคาวโลหิตปีกครามในทันที

อึดใจต่อมา ร่างของชายหนุ่มก็กลายเป็นสายรุ้ง ก่อนจะไล่ตามอีกฝ่ายไป

ทั้งสองหลบหนีไล่ล่า ไม่ช้าก็ออกจากสมรภูมิ จนมาถึงถิ่นทุรกันดารแห่งหนึ่ง

“เหอะ ๆ ช่างอาจหาญนัก แต่น่าเสียดายที่เจ้าอาจหาญในเรื่องโง่เขลา สมควรตายแล้ว!” ความว่างเปล่าสั่นไหว ค้างคาวโลหิตปีกครามปรากฏขึ้น กลายเป็นหญิงชราที่มีรูปร่างผอมแห้งในชุดสีดำ

นางถือไม้เท้าหัวอีแร้ง ใบหน้าเย็นชาเผยความไม่พอใจ มีปราณอสูรสีดำแผ่ทั่วทั้งร่างกาย นางคือยายเฒ่าพันลักขีนั่นเอง

“เจ้าเองก็อาจหาญเหมือนกัน” สายตาแนวตั้งตรงหว่างคิ้วของเฉินซีกวาดมองรอบข้าง พบว่าการซุ่มโจมตีไม่ใช่แผนที่วางเอาไว้อย่างดี เขาจึงรู้สึกโล่งอก

“เจ้าเด็กน้อย ขนาดจะตายอยู่แล้วยังทำตัวดื้อรั้นอีก มันทำให้หญิงชราผู้นี้ไม่พอใจเอาเสียเลย” ยายเฒ่าพันลักขีคาดเดาแล้วกล่าวว่า “น่าเสียดาย ครั้งนี้เจ้ากับสหายจะต้องตายอย่างแน่นอน!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สายตาของเฉินซีพลันแข็งทื่อไป “เจ้าหมายถึงเวิ่นเทียนเซี่ยวหรือ?”

ร่องรอยความเกลียดชังปรากฏบนแก้มซูบผอมที่ดูเหมือนเปลือกส้มแห้งของยายเฒ่าพันลักขี “ใช่แล้ว หนี้เลือดก็ต้องชดใช้ด้วยเลือด เจ้าลืมไปแล้วหรือว่ากลุ่มวิญญาณทมิฬตายเพราะใคร?”

เฉินซีขมวดคิ้ว ถามว่า “แสดงว่า เจ้ากำลังคิดจะช่วยเหลือกลุ่มวิญญาณทมิฬหรือ?”

ยายเฒ่าพันลักขีส่ายหน้า นางยิ้มหยันแล้วตอบว่า “กลุ่มวิญญาณทมิฬจะไปมีค่าอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของตระกูลหลัว ข้าคงไม่สนใจหรอก”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ นางพลันกลอกตาด้วยความประหลาดใจ มองมาที่เฉินซีก่อนยิ้มออกมา นางเลียมุมปากแล้วกล่าวว่า “แน่นอน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเลือดของเจ้ามันเย้ายวนด้วย หญิงชราผู้นี้แทบอดใจที่อยากลองลิ้มรสไม่ไหวแล้ว”

“น่าเสียดาย ข้าเกรงว่าชั่วชีวิตนี้คงจะไม่ได้ดื่มแล้วล่ะ…”

เสียงนั้นยังคงดังก้อง ทว่าร่างของชายหนุ่มกลับหายไป ก่อนที่อึดใจต่อมา กระบี่แสงสว่างเจิดจ้าสุดประมาณจะสาดส่องในราตรีสีดำสนิท ปกคลุมยายเฒ่าพันลักขีเอาไว้!

ครืนนน!

ก่อนกระบี่จะถึงตัว เสียงคำรามอันทรงพลังของกระบี่ดังก้องสะท้อนทั่วทั้งสวรรค์และโลก เหมือนกับเสียงร้องของเทพอสูร เหมือนกับเสียงของทวยเทพกำลังขับขาน พลังของกระบี่ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก

หืม?

ยายเฒ่าพันลักขีพลันหรี่ตา เมื่อตระหนักได้ว่ามันทรงพลัง นางจึงสะบัดไม้เท้าหัวอีแร้งในมือ ส่งปราณอสูรพลุ่งพล่าน ราวกับมังกรดำชั่วร้ายกำลังคำราม ก่อนจะพุ่งออกไปอย่างสุดกำลัง

การบ่มเพาขอบเขตเซียนปฐพีระดับห้าทำให้นางมั่นใจในความแข็งแกร่งของตนอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายเป็นเพียงเจ้าเด็กน้อยขอบเขตสถิตกายา บุคคลที่ไม่สำคัญเช่นนั้น นางจำแทบไม่ได้แล้วว่าเคยทรมานและสังหารไปกี่คน

แต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจคือ ตอนพบกับเฉินซีคราวที่แล้ว อีกฝ่ายบ่มเพาะในการขัดเกลากายาอย่างเห็นได้ชัด ปราณโลหิตกำลังเดือดพล่าน เกิดเป็นร่องรอยของจังหวะเต๋าอย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้เขากำลังใช้วิถีบ่มเพาะปราณแท้ ทำให้รสชาติที่ชวนน้ำลายไหลหายไป…

ตู้ม!

ทว่าก่อนที่นางจะรู้ว่าทำไม พลังอันน่าสะพรึงได้พุ่งเข้ามา สิ้นเสียง ‘ตู้ม’ นางพลันถอยออกมาหลายสิบจั้งอย่างควบคุมไม่ได้ ทั่วทั้งร่างกำลังสั่นสะท้านไม่หยุด

พลังช่างแก่กล้านัก!

ยายเฒ่าพันลักขีตกตะลึง นางรู้สึกไม่อยากเชื่อเล็กน้อย นี่คือพลังที่เจ้าเด็กน้อยขอบเขตสถิตกายาสามารถทำได้หรือ?

ฟ้าว!

เจตจำนงกระบี่ขนาดใหญ่ดั่งขวานที่ผ่าแยกท้องนภาจู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นแล้วเหวี่ยงออกไป

นี่คือเจตจำนงกระบี่ของเฉินซี แม้จะดูเหมือนกระบี่เรียบง่าย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่มันไปถึงจุดที่หนึ่งขยับไหวทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนับพันได้แล้ว!

ยายเฒ่าพันลักขีพลันพบว่า เบื้องหน้ากระบี่เล่มนี้ เคล็ดวิชาทั้งหมดที่นางใช้กลับเปล่าประโยชน์ นอกจากจะปัดป้องอย่างยากลำบากแล้ว นางก็ไม่มีทางหลบเลี่ยงการโจมตีของกระบี่เล่มนี้ได้เลย

แน่นอนว่านางไม่อาจต่อสู้กับเฉินซีซึ่ง ๆ หน้าได้ พลังอันน่าสะพรึงกลัวของกระบี่เมื่อครู่นี้ทำให้นางประทับใจยิ่ง หญิงชราจึงตัดสินใจที่จะรอดูสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วค่อยจัดการเด็กน้อยคนนี้ก็ยังไม่สาย

ยายเฒ่าพันลักขีสัมผัสพื้นด้วยเท้า ก่อนจะดีดตัวลอยกลับขึ้นไป

รอยยิ้มหยันพลันปรากฏขึ้นที่มุมปากของเฉินซี ก่อนที่การเคลื่อนไหวจะถูกปลดปล่อยออกมา เขายกกระบี่ขึ้น สาวเท้าออกไป แล้วฟาดตวัดกระบี่ออกไป!!

กระบี่เล่มนี้ใหญ่กว่าเล่มก่อนหน้านี้ มันเต็มไปด้วยวิชาลึกล้ำของฝ่ามือหมื่นทะลวงคลื่นใต้พิภพ จนปราณกระบี่ก่อตัวเป็นคลื่นแล้วคลื่นเล่าซ้อนทับกันไปมา จากนั้นเจตจำนงกระบี่ก็ฟาดฟันออกไป ซึ่งพลังของมันก็มากพอที่จะกำจัดหยินหยาง บดขยี้ดวงดาว!

สีหน้าของยายเฒ่าพันลักขีกลายเป็นน่าเกลียด นางเคาะเท้าในความว่างเปล่า ก่อนตัวจะหมุนเป็นแนวโค้งอย่างงดงามในอากาศ หลบออกไปด้านข้าง ทว่าหญิงชราก็ยังคงหาทางสวนกลับอีกฝ่ายไม่ได้

นางเห็นแล้วว่า ความแข็งแกร่งของเด็กคนนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก ทั้งที่การบ่มเพาะอยู่แค่ขอบเขตสถิตกายาแท้ ๆ แต่พลังต่อสู้ที่แท้จริงกลับไม่ได้เรียบง่ายอย่างนั้น

เฉินซีพลันแผดเสียงคำรามยาวออกมา การเคลื่อนไหวเร็วขึ้นเล็กน้อย ราวกับเป็นราชันแห่งกระบี่ก็ไม่ปาน ทั่วทั้งร่างกายส่องแสงสว่างออกมา ปราณกระบี่กวัดแกว่งอย่างบ้าคลั่งราวกับม้าป่า เขาดูกล้าหาญยิ่ง มุ่งมั่นกับการสังหาร ก่อนจะพุ่งเข้าหายายเฒ่าพันลักขีราวกับคลื่น

เพียงชั่วพริบตา คนทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างเกรี้ยวกราด แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ ทั้งสองไม่เผชิญหน้ากันซึ่ง ๆ หน้าตั้งแต่ต้นจนจบ ยายเฒ่าพันลักขีเหมือนกับเรือเล็กที่โดนพายุทะเลซัดสาด นางลอยล่องไปตามกระแสน้ำ ยิ่งซัดเข้ามาก็ยิ่งหลบยาก

และภายใต้การบุกโจมตีของเฉินซี นางก็ไม่สามารถหาช่องว่างโต้กลับได้เลย!

นี่ทำให้สีหน้าของนางเปลี่ยนไปในที่สุด ด้วยตระหนักได้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ เดิมทีหญิงชราแค่อยากทดสอบอย่างละเอียดเท่านั้น แต่ใครจะคาดคิดว่านางจะเหมือนกับแมลงที่ติดอยู่ในใยแมงมุม ยิ่งดิ้นยิ่งถลำลึก!

ยายเฒ่าพันลักขีไม่กล้าลังเลอีกต่อไป นางขบฟัน แสงสีดำสนิทพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา ก่อนจะปกคลุมทั่วทั้งร่างของหญิงชราไว้ ไม่ต่างจากสัตว์อสูรดุร้ายกระหายโลหิตที่พุ่งออกมาจากความมืด นางโบกไม้เท้าหัวอีแร้ง แล้วกระแทกออกไป

ในที่สุดนางวางแผนจะชนซึ่ง ๆ หน้า!

ตู้ม!

ทั้งสองเข้าปะทะกัน ยายเฒ่าพันลักขีพ่นลมออกจมูกออกมา สีหน้าของนางไร้โลหิต ก่อนจะโซเซถอยออกมา

แต่เฉินซีคล้ายไม่ได้รับผลกระทบ เขาสาวเท้ามาข้างหน้าอีกครั้ง ก้าวเข้าสู่ถิ่นทุรกันดาร ร่างกายเป็นดั่งมังกรที่ผุดขึ้นมาจากหุบเหว มือขวาซัดกระบี่ออกไป คมกระบี่ราวกับจะแยกท้องนภา หมายเด็ดศีรษะของอีกฝ่ายในคราวเดียว!

ภายใต้กระบี่นี้ ได้มีเสียงคำรามอันน่าเกรงขามของมหาเต๋าแฝงเร้นอยู่ มันเป็นเสียงใสราวกับกระดิ่ง ดังก้องกังวาน ราวกับการรวมตัวกันของการระเบิดหลังจากสั่งสมของพลังถูกกดทับจนพุ่งสู่จุดสูงสุด!

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ยายเฒ่าพันลักขีตัดขาดโอกาสจนสิ้น นางตัดสินใจที่จะต่อสู้จนตัวตาย จากนั้นก็ใช้ไพ่ตายที่มีทั้งหมดโดยไม่เต็มใจ

วิ้ง!

วงระลอกคลื่นโลหิตพลันปรากฏขึ้นรอบร่างของยายเฒ่าพันลักขี ในปากของนาง เขี้ยวสีขาวคมกริบทั้งสองข้างยื่นออกมาจากปาก ทั่วใบหน้าเปลี่ยนไปมาก ดูดุร้ายโหดเหี้ยม ทั่วทั้งร่างถูกปกคลุมด้วยหมอกโลหิตที่เคลื่อนเป็นคลื่น

เพียงชั่วพริบตา กลิ่นอายถูกปลดปล่อยออกมาทั่วร่าง ทำให้สวรรค์และโลกตกอยู่ในความโกลาหล ความว่างเปล่าแตกสลาย ปฐพีคล้ายกับถูกกดทับ รอยแยกนับไม่ถ้วนแตกออกราวกับใยแมงมุม

นี่คือ ‘โทสะกระหายโลหิต’ เคล็ดวิชาโดยกำเนิดของเผ่าค้างคาวโลหิตปีกคราม ในอดีตกาล บรรพบุรุษของเผ่าค้างคาวโลหิตปีกครามอาศัยสิ่งนี้เพื่อสูบโลหิตทวยเทพในชั่วพริบตา จนกระทั่งกลายเป็นซากศพ

ทว่าเมื่อนางกำลังจะลงมือ ฝ่ามือพลันปรากฏขึ้นมาจากทางด้านหลัง คว้าคอของหญิงชราไว้ไม่ต่างจากจับคอไก่ ส่งให้ร่างผอมแห้งกระแทกกับพื้นดังปัง

พรวด!

ทันใดนั้น ยายเฒ่าพันลักขียังไม่ทันได้สำแดง ‘โทสะกระหายโลหิต’ นางก็เหมือนดั่งสุนัขที่ตายแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยโลหิต จมูกยุบปากฉีก ใบหน้าแปรเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ นางถึงขั้นกระอักโลหิตออกมา

นางไม่คาดคิดว่าในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของของการต่อสู้ นางจะถูกโจมตีจากทางด้านหลัง โดยไม่ทันได้ตระหนักแม้แต่นิด!

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้นางหวาดกลัว ต้องฝืนความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทั่วร่างกายเอาไว้แล้วหันศีรษะไปมอง ทำให้พบฉากอันน่าเหลือเชื่อทันที ด้วยมันมีเฉินซีอีกคนปรากฏขึ้นในพื้นที่!

คนหนึ่งสวมชุดสีเขียวยืนตัวตรง ลอยออกมาจากธุลี

อีกคนสวมชุดคลุมเหลืองส้ม โลหิตกำลังเดือดพล่าน

นอกจากนี้ รูปลักษณ์ของพวกเขาทั้งสองกลับราวถูกสลักขึ้นจากแม่พิมพ์เดียวกัน ไม่มีความแตกต่างแม้แต่นิดเดียว!

นี่มัน…

ดวงตาของยายเฒ่าพันลักขีหรี่เล็ก ความคิดแปลกประหลาดผุดขึ้นในใจ หรือสองคนนี้จะเป็นพี่น้องฝาแฝด?

ความคิดนี้กลายเป็นความคิดสุดท้ายก่อนตาย อึดใจต่อมา ร่างกายของหญิงชราก็ถูกกวาดล้างด้วยกระบี่ นางแผดเสียงกรีดร้องราวกับหมูออกมา ก่อนจะตายอย่างสมบูรณ์

“เจ้าไม่ต้องฆ่าทวยเทพด้วยระเบิดสังหารเทวะหรอก ขอเพียงร่างหลักและร่างอวตารร่วมมือกันอย่างดี มันก็มากพอจะฆ่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีระดับห้าได้แล้ว…”

เฉินซีดึงร่างอวตารกลับมาโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว ร่างกายของเขากลายเป็นลำแสงสายรุ้ง พุ่งไปทางสมรภูมิ

บทสนทนากับยายเฒ่าพันลักขีก่อนหน้านี้ ทำให้เขารู้สึกตึงเครียด ชายหนุ่มรู้ดีว่า ไม่เพียงแค่เขาที่ถูกซุ่มโจมตีเท่านั้น แต่ตอนนี้เวิ่นเทียนเซี่ยวอาจตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน!

เพราะเหตุนี้ ตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ เขาจึงพยายามสุดความสามารถ ก่อนตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้ร่างอวตารอย่างไม่ลังเล เขาไม่คิดเสียเวลากับยายเฒ่าพันลักขีอีกต่อไป

เจ้านั่น เหตุใดจึงคิดรีบตายนัก แบบนี้แล้วใครจะใช้หนี้ข้า…?

เฉินซีสูดหายใจเข้า พยายามสุดความสามารถเพื่อระงับลางสังหรณ์ไม่ดีไว้ในใจ ร่างหายลับไปในชั่วพริบตาท่ามกลางสายัณห์สีดำสนิท

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท