บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 853 ใจประสานใจ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 853 ใจประสานใจ

บทที่ 853 ใจประสานใจ

แลกเปลี่ยนสิ่งที่ใฝ่ฝันด้วยพลังธรรมเทพ!

ตอนนี้เฉินซีเพิ่งตระหนักได้ว่า เจดีย์ต้าเหยี่ยนนั้นเกินความคาดหมายอย่างที่เขาจินตนาการไว้ และจากสิ่งนี้ มันก็พอที่จะเห็นเหตุผลแล้วว่า เหตุใดเหล่าผู้บ่มเพาะทุกคนจึงต่อสู้จนตัวตายเพื่อเบียดกันเข้ามา

ต่อจากนั้น ถ้อยคำที่เหลียงปิงกล่าวก็ได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงออกมา

ตั้งแต่ชั้นสองของเจดีย์ขึ้นไป จะมีพื้นที่พิเศษอยู่ในแต่ละชั้น ซึ่งมีรายการสมบัติวิเศษ โอสถ หุ่นเชิด สมุนไพร เคล็ดวิชาบ่มเพาะ และสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย

ตราบเท่าที่มีพลังธรรมเทพเพียงพอ ก็จะสามารถแลกเปลี่ยนเป็นสมบัติชิ้นใดในพื้นที่นี้ได้

นอกจากนี้ ยิ่งสามารถขึ้นไปบนเจดีย์ได้สูงเท่าใด สมบัติที่สามารถแลกเปลี่ยนก็จะยิ่งมีมากขึ้น และมูลค่าของมันก็จะสูงขึ้นตาม อีกทั้งยังเป็นของสะสมชั้นยอดที่ยั่วน้ำลายยิ่ง

ถึงขนาดที่ผู้บ่มเพาะสามารถกล่าวได้ว่า สมบัติที่พวกเขาต่างใฝ่ฝันถึงนั้นอยู่ในเจดีย์ทั้งสิ้น และพวกเขาสามารถครอบครองสมบัติเหล่านั้นได้ด้วยพลังธรรมเทพ!

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ แม้แต่เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ ด้วยเป็นเรื่องยากสำหรับชายหนุ่มที่จะจินตนาการว่า การมีอยู่ของเจดีย์ต้าเหยี่ยนนั้นมีความสามารถที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ได้อย่างไร?

ในขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน เหลียงปิงได้นำเฉินซีกับเถิงหลานไปที่บันไดแล้ว

ครืน!

ทันทีที่พวกเขาก้าวเท้าไปที่บันไดขั้นแรก ทะเลเพลิงพลันลุกโชนอยู่ตรงหน้าของเฉินซี มันส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวเมื่อพัดโหมเข้าหา พร้อมกับเสียงหวีดหวิวที่ดังเข้าใกล้

“นี่ไม่ใช่ภาพลวงตา!”

เฉินซีมั่นใจได้ทันทีว่าทะเลเพลิงนี้เป็นข้อจำกัดชนิดหนึ่ง และมันไม่ใช่การโจมตีของภาพลวงตา แต่มันมีอยู่จริง

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เพียงก้าวขึ้นบันไดก็เทียบเท่ากับเหยียบย่างเข้าสู่โลกใบเล็ก เป็นมิติที่เกิดจากข้อจำกัด!

ทุกสรรพสิ่งล้วนมีโลกเป็นของตัวเอง

ความสามารถที่ไม่ธรรมดาดังกล่าว ทำให้เฉินซีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ข้าจะบรรลุระดับนี้ได้เมื่อใดกันนะ?”

วูบ!

เหลียงปิงสะบัดแขนเสื้อของนางเบา ๆ ทำให้ทะเลเพลิงดับลงทันที จากนั้นภาพเบื้องหน้าก็เปลี่ยนไป และพวกเขาได้กลับมาที่บันไดอีกครั้ง

ต่อจากนั้น กลุ่มสามคนของเฉินซีก็ก้าวขึ้นไปทีละขั้น ระหว่างเส้นทาง พวกเขาพบกับทะเลเพลิง ภูเขาน้ำแข็ง ฝนใบมีด และปรากฏการณ์อื่น ๆ อีกมากมาย พวกเขาพบกับการโจมตีต่าง ๆ จากข้อจำกัด และอานุภาพของการโจมตีเหล่านี้ก็เทียบเท่ากับการโจมตีของผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายา

นอกจากนี้ ทุกครั้งที่พวกเขาก้าวขึ้นไป ความแข็งแกร่งของข้อจำกัดจะแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย

แต่ด้วยการบ่มเพาะขอบเขตเซียนลึกลับของเหลียงปิง ข้อจำกัดเหล่านี้ก็เหมือนกับเศษกระดาษที่สามารถฉีกขาดได้อย่างง่ายดาย พวกมันไม่สามารถขัดขวางฝีเท้าของเฉินซีและคนอื่น ๆ ได้เลย

ในสายตาของคนอื่น ๆ คนทั้งสามดูเหมือนกับกำลังเดินเล่นอยู่ในลานบ้าน และพวกเขาก็ขึ้นไปถึงบันไดขั้นที่เก้าสิบเก้าอย่างง่ายดาย ทำให้เกิดสายตาอิจฉาที่จ้องเขม็งมา

ในเวลานี้ เฉินซีก็พบว่าดวงดาวที่อยู่ภายในแผ่นป้ายธรรมเทพในมือของเขานั้นส่องแสงมากขึ้น และมันก็ส่องแสงอยู่เป็นระยะ ๆ เมื่อชายหนุ่มก้าวผ่านบันไดขั้นที่เก้าสิบเก้า จำนวนดวงดาวที่ส่องแสงในแผ่นป้ายธรรมเทพก็มีถึงห้าหมื่นเจ็ดพันดวง!

โดยไม่คำนึงถึงดาวแห่งพลังธรรมเทพสามหมื่นสี่พันดวงที่เขาได้รับก่อนหน้านี้ เพียงแค่ขึ้นบันไดเก้าสิบเก้าขั้นนี้ ก็ทำให้เฉินซีได้รับดาวแห่งพลังธรรมเทพถึงสองหมื่นสี่พันดวงแล้ว!

นอกจากนี้ กระบวนการทั้งหมดนี้ยังใช้เวลาเพียงหนึ่งถ้วยชาเท่านั้น

ถึงขนาดที่เฉินซีรู้สึกว่าหากเหลียงปิงเต็มใจ นางก็สามารถนำพาพวกเขาไปถึงบันไดขั้นที่เก้าสิบเก้าได้ทันที!

วิธีได้รับพลังธรรมเทพมาง่าย ๆ เช่นนี้ ไม่ต่างกับการที่เขาหยิบสิ่งของจากถุงย่าม แม้แต่เฉินซีก็ยังรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อ ซึ่งในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมผู้บ่มเพาะเหล่านั้นถึงรุมเข้ามาเหมือนกระแสน้ำ หลังจากที่ได้ยินว่าเจดีย์ต้าเหยี่ยนกำลังเปิดออก

คงไม่มีใครสามารถปฏิเสธการล่อลวงนี้ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมียอดฝีมือที่ไร้เทียมทานคอยติดตามอยู่เคียงข้าง พวกเขาย่อมสามารถก้าวไปข้างหน้าผ่านอุปสรรคทั้งหมดด้วยพลังอันท่วมท้น ซึ่งความรู้สึกของการเฝ้าดูพลังธรรมเทพทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นน่าตื่นเต้นจริง ๆ

เฉินซีรู้สึกว่าเขาสามารถมาถึงบันไดขั้นที่เก้าสิบเก้าของชั้นที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว แต่ชายหนุ่มไม่อาจทำสำเร็จได้ด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายเหมือนเหลียงปิง

เขามองดูภายในร่างกายของตนเอง และค้นพบว่าคลื่นพลังผันผวนที่เกิดจากแก่นหัวใจ ซึ่งควบแน่นจากพลังงานลึกลับที่มาจากดวงจิตแห่งเต๋าได้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และถึงขนาดเสียงการเต้นของหัวใจก็ถี่แรงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับเสียงรัวกลองศึก ในขณะที่คลื่นพลังงานได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งร่าง คล้ายมีชีวิตหนึ่งกำลังเติบโตและหายใจอยู่ภายในนั้น

“บางทีแก่นหัวใจของข้าอาจเกิดการเปลี่ยนแปลง หลังจากที่ข้าไปถึงยันชั้นสูงสุดของเจดีย์…” เฉินซีรู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังเป็นอย่างมาก

โดยไม่รอช้าอีกต่อไป เฉินซี เหลียงปิง และเถิงหลานได้พุ่งเข้าไปในประตูที่ปกคลุมด้วยแสงเรืองรอง เป็นการบ่งบอกว่าพวกเขาได้มาถึงชั้นที่สองของเจดีย์แล้ว!

ซึ่งชั้นที่สองของเจดีย์ก็คล้ายกับชั้นที่หนึ่ง มันมีประตูเก้าสิบเก้าบานอันกระจายอยู่ทั่วชั้น ทว่าจำนวนขั้นบันไดลดลงเหลือแปดสิบเอ็ดขั้น หลังจากมาถึงที่นี่ มันเริ่มยากขึ้นสำหรับผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายา ผู้บ่มเพาะหลายคนต้องนั่งสมาธิอยู่เป็นระยะหนึ่ง หลังจากก้าวขึ้นไปทีละขั้น ในขณะที่ผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีไม่พบอุปสรรคมากนัก

สิ่งที่น่าตกใจเป็นพิเศษสำหรับเฉินซีก็คือ มีดวงแสงลอยอยู่ที่ประตูอย่างน่าประหลาดใจ ดวงแสงนี้มีขนาดเท่ากำปั้นและใสราวกับหยดน้ำ ซึ่งขยายใหญ่ขึ้นเป็นพันเท่า

เมื่อมองดูสมบัติต่าง ๆ ที่อยู่ภายในนั้นชั่วครู่หนึ่ง มันก็มีทั้งสมบัติวิเศษ โอสถ เคล็ดวิชาบ่มเพาะ อุปกรณ์ โอสถวิญญาณ และสมบัติประเภทอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งแทบไม่มีสิ่งใดซ้ำกันเลย อีกทั้งยังมีดวงแสงคล้าย ๆ กันนี้อยู่ที่หน้าประตูอื่น ๆ

เถิงหลานที่อยู่ใกล้ ๆ อธิบายด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า “ดวงแสงนี้เรียกว่า ‘หมื่นสรรพสิ่ง’ ซึ่งหมายความว่าดวงแสงนี้ได้รวบรวมทุกสิ่งในโลก เจ้าสามารถตรวจสอบสมบัติที่อยู่ข้างในโดยส่งจิตสัมผัสเทพของเจ้าเข้าไป สมบัติทุกชิ้นจะระบุปริมาณของพลังธรรมเทพที่ต้องใช้ในการแลกเปลี่ยน และถ้าเจ้าต้องการแลกเปลี่ยนบางอย่าง เพียงวางแผ่นป้ายธรรมเทพของเจ้าลงในดวงแสงก็พอ”

เฉินซีลองตรวจสอบด้วยจิตสัมผัสเทพของเขา แน่นอนว่าชายหนุ่มได้พบเข้ากับสมบัติต่าง ๆ เรียงแถวลอยอยู่อย่างเงียบงันในโลกของดวงแสง และพวกมันต่างถูกระบุจำนวนของพลังธรรมเทพที่ต้องใช้สำหรับแลกเปลี่ยน

สมบัติบางอย่างเป็นวัตถุที่แม้แต่เขายังไม่เคยได้ยินมาก่อน ตัวอย่างเช่น สมุนไพรวิญญาณที่ถูกเรียกว่า ‘ผลกระบี่สมบัติ’ มันมีรูปร่างเหมือนกระบี่ที่คมกริบ และเมื่อกินเข้าไป มันจะสามารถขจัดสิ่งปนเปื้อนในเส้นลมปราณได้

มีโอสถอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘เข้าใจโดยปริยาย’ เมื่อคนสองคนกินเข้าไป หัวใจของพวกเขาจะตอบสนองกันและกัน อีกทั้งยังสามารถรับรู้ถึงความตั้งใจหรือความคิดของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนในระยะสองร้อยห้าสิบลี้ โดยผลของมันจะคงอยู่ได้ราวหนึ่งก้านธูป

มีสมบัติที่แปลกประหลาดและแปลกใหม่อีกมากมาย ทำให้เฉินซีรู้สึกราวกับว่าโลกทัศน์ของเขาได้เปิดกว้างขึ้น แต่สมบัติภายในดวงแสงนี้สามารถพิจารณาได้ว่าเป็นของธรรมดาเท่านั้น และพวกมันมีค่าเทียบเท่ากับระดับปฐพี ดังนั้นพวกมันจึงไม่มีประโยชน์ต่อการบ่มเพาะในปัจจุบันของชายหนุ่ม

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เฉินซีพลันถอนจิตสัมผัสเทพของเขาออก ก่อนจะใช้พลังธรรมเทพสามดวงเพื่อแลกกับโอสถ ‘ใจประสานใจ’ และเก็บมันไว้ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เถิงหลานอดไม่ได้ที่จะถามพร้อมด้วยรอยยิ้ม “โอสถทิพย์นี้มักจะใช้ระหว่างคู่บำเพ็ญ เจ้าซื้อมันเพื่อมอบเป็นของกำนัลให้แก่หญิงสาวหรือ?”

เฉินซีรีบกล่าวว่า “ไม่ใช่ขอรับ ข้าเก็บไว้ให้บุตรชายและตัวข้า ข้าห่างหายจากเขามาหลายปีแล้ว ข้าจึงไม่รู้ว่าเจ้าตัวน้อยกำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นข้าจึงอยากลองกับยาเม็ดนี้ และบางทีข้าอาจจะสามารถเข้าใจชีวิตของเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”

“บุตรชายหรือ?”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ไม่ใช่แค่เถิงหลานที่ตกตะลึงและมีแววตาแปลก ๆ แม้แต่ดวงตาของเหลียงปิงที่อยู่ใกล้เคียงก็ยังเบิกกว้าง ในขณะที่จ้องมองเฉินซีด้วยความประหลาดใจ หญิงสาวดูจะไม่เคยคิดมาก่อนว่าชายหนุ่มจะมีภรรยาอยู่ก่อนแล้ว

เฉินซีรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากที่ถูกคนทั้งสองจ้องมองเช่นนี้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะกล่าวอย่างเร่งรีบว่า “รีบไปกันเถอะ มันอาจจะลำบากถ้าหลัวจื่อเซวียนครองตำแหน่งที่ได้เปรียบ”

เหลียงปิงกล่าวด้วยความรังเกียจว่า “อย่าได้กังวลเลย เขาเป็นคนใจแคบและอาฆาตพยาบาท อีกทั้งเขายังมุ่งมั่นที่จะได้ไม้บรรทัดหยั่งรู้สวรรค์ที่อยู่ในความครอบครองของข้า ดังนั้นเขาคงกำลังรออย่างเชื่อฟังที่ชั้นที่แปดอย่างแน่นอน”

ในขณะที่กล่าว สีหน้าของนางก็ได้เปลี่ยนไป พร้อมกับมองไปยังชายหนุ่มอย่างจริงจังพร้อมกับกล่าวว่า “หากเกิดการต่อสู้ขึ้นเมื่อเราไปถึงชั้นที่แปด เจ้าก็สามารถเพิกเฉยต่อทุกสิ่งและพุ่งเข้าสู่ชั้นที่เก้าได้เลย ข้าจะเปิดเส้นทางให้เจ้าพร้อมกับไม้บรรทัดหยั่งรู้สวรรค์ เพื่อให้เจ้าสามารถขึ้นสู่ชั้นที่เก้าได้อย่างราบรื่น”

เฉินซีตกตะลึง เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าเหลียงปิงจะตัดสินใจเช่นนี้ ‘นี่ไม่ได้หมายความว่านางกำลังวางเดิมพันทั้งหมดไว้กับข้าหรือ?’

“ข้า…” เฉินซีอ้าปากจะกล่าว

“ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรทั้งนั้น” เหลียงปิงโบกมือของนาง และขัดจังหวะเขาโดยไม่ลังเล “เมื่อหลายปีก่อน อาหลีสามารถขึ้นไปบนยอดเจดีย์ได้ ดังนั้นเจ้าย่อมบรรลุเป้าหมายนี้ได้เช่นเดียวกัน ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะพยายามอย่างเต็มที่และมุ่งมั่นที่จะได้รับเคล็ดวิชาบ่มเพาะนั้น”

ในขณะเดียวกัน เถิงหลานพลันกล่าวจากด้านข้างว่า “คุณชายเฉินซีไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไป เจ้าเป็นปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระที่โดดเด่นที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา ดังนั้นการขึ้นไปยังชั้นที่สิบของเจดีย์จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเจ้าแน่”

เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ และในที่สุดเขาก็ไม่กล่าวอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้าเป็นเชิงตกลง

ชายหนุ่มตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า ตนไม่สามารถปฏิเสธภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ได้ และดูเหมือนว่าเขาจะไร้ประโยชน์เกินไป หากยังคงลังเลอีก

แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่า เหลียงปิงกับเถิงหลานจะเชื่อใจตัวเขามากขนาดนี้ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกดดันยิ่งขึ้น

“เคล็ดวิชาบ่มเพาะนั้นสำคัญมากจริง ๆ หรือ?” เฉินซีถาม

“มันเป็นสิ่งสำคัญมาก” หญิงสาวไม่ได้ปิดบังอะไรและพยักหน้า “เมื่อข้ามีเคล็ดวิชาบ่มเพาะนี้ ตระกูลเหลียงของข้าจะสามารถควบคุมโถงอันดับที่เก้าได้อย่างสมบูรณ์ และด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะรักษาความปลอดภัยของพิภพยันต์อักขระได้ มิฉะนั้น เมื่อหลัวจื่อเซวียนได้มันไป ไม่เพียงแต่ตระกูลเหลียงของข้าจะไม่สามารถอยู่ในพิภพยันต์อักขระต่อไปได้ พิภพยันต์อักขระทั้งหมดก็จะตกอยู่ในอันตรายไปด้วย”

“เพราะเหตุใดหรือ?” เฉินซีถามด้วยความประหลาดใจ

“เจ้าจะเข้าใจเมื่อได้รับเคล็ดวิชาบ่มเพาะแล้ว ความสำคัญของมันไม่ง่ายเหมือนเคล็ดวิชาบ่มเพาะอื่น ๆ แน่นอน” เหลียงปิงไม่ได้อธิบายอะไรมาก หรือบางทีแม้นางจะอธิบาย แต่เฉินซีก็อาจไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงมีเพียงปล่อยให้เขาได้สัมผัสกับตัวเองเท่านั้น

จากนั้นทั้งสามคนก็เดินขึ้นบันไดไปเรื่อย ๆ แต่หัวใจของเฉินซีกลับไม่ผ่อนคลายเหมือนก่อนหน้านี้

ชั้นที่สอง

ชั้นที่สาม

เมื่อพวกเขามาถึงชั้นที่ห้าของเจดีย์ ที่นั่นมีผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงยืนกรานจะเดินขึ้นบันได ยิ่งกว่านั้น จากลักษณะของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง

ด้วยการปกป้องของเหลียงปิงกับเถิงหลาน เฉินซีจึงไม่รู้สึกถึงภัยใดจากข้อจำกัดที่อยู่เบื้องหน้า แต่เขาสามารถอนุมานได้ว่า ข้อจำกัดที่อ่อนแอที่สุดบนบันไดหลังจากชั้นที่ห้าขึ้นไป ย่อมไม่ด้อยไปกว่าความแข็งแกร่งของขอบเขตเซียนปฐพีอย่างแน่นอน!

แต่นับว่าโชคดี ขณะที่พวกเขาเดินขึ้นไป จำนวนขั้นบันไดก็ค่อย ๆ ลดลง และเหลือเพียงห้าสิบหกขั้น เมื่อพวกเขามาถึงชั้นที่ห้า

เมื่อทั้งสามคนมาถึงชั้นที่หก แม้แต่เหลียงปิงกับเถิงหลานก็ระมัดระวังมากขึ้น ทำให้พวกเขาเดินช้าลง แต่ไม่ใช่เพราะข้อจำกัดบนบันไดสามารถฆ่าพวกเขาได้ แต่เป็นเพราะแรงกดดันและการโจมตีที่เกิดจากข้อจำกัด ที่มีมากมายราวกับฝูงตั๊กแตนที่ถาโถมเข้ามา ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดให้หมดไป ทำให้พวกเขาต้องเสียเวลามากกว่าเดิม

“ช้าก่อน!” จู่ ๆ เฉินซีก็หยุดทันทีเมื่อมาถึงชั้นที่เจ็ด และเขากำลังจ้องมองไปยังดวงแสงหมื่นสรรพสิ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนที่ชายหนุ่มจะค้นพบว่าสมบัติบางชิ้นที่เขาต้องการนั้น กลับอยู่ในดวงแสงหมื่นสรรพสิ่งตรงหน้าอย่างน่าประหลาดใจ!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท