บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 879 วันนี้ที่รอคอย

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 879 วันนี้ที่รอคอย

บทที่ 879 วันนี้ที่รอคอย

ทัณฑ์สวรรค์…มาเยือน!

เมื่อเมฆลงทัณฑ์สีครามรวมตัวจนถึงขีดสุด ประมุขนิกายเวินหัวถิงและผู้อื่นต่างทราบได้ทันทีว่า ทัณฑ์สวรรค์เซียนปฐพีกำลังมาเยือนเฉินซีแล้ว

ในทัณฑ์สวรรค์ทั้งเก้าชั้นของเซียนปฐพี ทุกทัณฑ์สวรรค์ที่ผู้บ่มเพาะประสบจะแตกต่างกันออกไป

เหมือนกับชั้นที่หนึ่งของทัณฑ์สวรรค์อัสนีคราม ที่เป็นบททดสอบแรกในการบรรลุเป็นเซียนปฐพี… ทัณฑ์สวรรค์อัสนีครามนี้เต็มไปด้วยพลังอันน่าเกรงขามของเต๋าแห่งสวรรค์ ซึ่งแตกต่างจากทัณฑ์สวรรค์ยามก้าวเข้าสู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง รวมถึงทัณฑ์สวรรค์ตอนบรรลุสู่ขอบเขตจุติ

หากเขาข้ามผ่านไปได้ อำนาจทั่วกายจะแปรเปลี่ยนเป็นอำนาจเซียน จิตสัมผัสเทพจะกลายเป็นญาณเทวะอมตะ

หากไม่สามารถข้ามผ่านได้ ชะตาที่รอคอยอยู่คือความตาย!

ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือ การที่อัสนีสีครามอันคมปลาบได้ฉีกผ่านหมู่เมฆ และฟาดลงไปยังจุดที่เฉินซีอยู่กลางสุญญะ โดยที่ชายหนุ่มไม่ขยับเขยื้อนไปไหน!

ราวกับตัวคนหวาดกลัวจนกลายเป็นหุ่นเชิดดินเหนียว ไม่มีสัญญาณการต่อสู้ขัดขืนแม้แต่นิดเดียว

ผู้อาวุโสเฉินซี…ทำแบบนี้เพื่ออะไร?

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่างน่าประหลาดใจ ม่านตาของศิษย์ทุกคนจากยอดเขาจรัสตะวันตกพลันหดตัว ต่างเผยสีหน้าไม่อยากเชื่อ เพราะนี่คือทัณฑ์สวรรค์ บททดสอบที่โหดเหี้ยมที่สุดจากสวรรค์เชียวนะ!

ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น หัวใจของเวินหัวถิงและผู้อาวุโสระดับสูงคนอื่น ๆ เองก็แทบกระโจนออกมา พวกเขาไม่ทราบว่ามียาดีใดอยู่ในขวดน้ำเต้าของเฉินซี แต่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ทำไมยังทำตัวเฉยชาได้อีก!?

ตู้ม!

อันที่จริง… มาพูดตอนนี้มันก็สายไปแล้ว ในไม่ช้า ทัณฑ์สวรรค์อัสนีครามก็ฟาดลงมา สายฟ้าเจิดจ้าแผ่กลิ่นอายแห่งความสิ้นหวังและความหดหู่ที่ทำให้ผู้คนใจสั่น ซึ่งพอสิ้นเสียง ‘ตู้ม’ มันก็ได้ฟาดลงมาที่ร่างของเฉินซี!

ในยามนี้ ศิษย์ส่วนใหญ่หน้าซีดเซียว พวกเขาไม่อาจทนดูได้อีก

มีเพียงประมุขนิกายเวินหัวถิงและผู้อาวุโสบางส่วนที่ทราบดีว่า สายฟ้าสีครามไม่ได้แตะต้องร่างของเฉินซี ด้วยรอบผิวกายของเขามีวังวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น และพวกมันกำลังหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ราวกับวาฬยักษ์ดูดกลืนน้ำเข้าไป ทำให้อัสนีครามถูกกลืนกินเข้าไปจนไม่มีเหลือ!

กลืนกินทัณฑ์สวรรค์เข้าไป!

เพียงชั่วพริบตา ประมุขนิกายเวินหัวถิงและคนอื่นต่างตกตะลึง ในใจเต็มไปด้วยความคิดวุ่นวาย เนื่องจากไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเฉินซีจะใช้วิธีเช่นนี้…

ในอดีต เรื่องเช่นนี้ไม่มีผู้บ่มเพาะคนใดกล้าจินตนาการถึงด้วยซ้ำ

เพราะถึงอย่างไร สิ่งนี้ก็คือทัณฑ์จากสวรรค์ เป็นตัวแทนพลังอันแก่กล้าของเต๋าแห่งสวรรค์ซึ่งโหดเหี้ยมที่สุด ดังนั้นใครบ้างจะกล้าใช้ร่างที่บ่มเพาะเพื่อกลืนกินทัณฑ์สายฟ้าเข้าไป?

แต่ช่างบังเอิญ เมื่อเฉินซีทำเช่นนี้ กลับไร้ซึ่งภัยใดเกิดขึ้นกับชายหนุ่ม! เหมือนกับการดื่มสุราหรือชาดีหนึ่งจอก ทั่วกายผ่อนคลายสบายตัว ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด

ประหลาดยิ่งนัก!

บรรดาผู้อาวุโสทุกคนของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองต่างเผยสีหน้าแปลกประหลาด พวกเขามองร่างของเฉินซีที่อยู่กลางอากาศ เหมือนกับกำลังจ้องสัตว์ประหลาดที่ลึกล้ำเกินหยั่งถึง

“ช่างเป็นพลังที่ไม่เหมือนใคร…”

เฉินซียืนตัวตรงกลางนภา ชุดของเขาพลิ้วไหว เส้นผมยาวลู่ไปตามลม มีสายฟ้าสีครามเส้นบางราวกับเส้นผมเคลื่อนไปมารอบกาย ไล้ไปตามแขนขาและกระดูก ผ่านเส้นลมปราณและจุดชีพจร ซึ่งไม่ว่าจะผ่านที่ใด มันก็จะกระตุ้นมัดกล้ามและกระดูก ให้ความรู้สึกสั่นสะท้านราวกับเข็มที่ทิ่มเยื่อหุ้มผิวหนัง

แต่มันไม่ใช่ความเจ็บปวด อีกทั้งมันก็ไม่ได้มากพอที่จะทำลายเส้นลมปราณในร่างกายได้ เพราะกลิ่นอายทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวที่อยู่ในนั้นได้ถูกลดทอนลงมากแล้ว

เฉินซีสังเกตเห็นทันทีว่า หลังจากแดนฮุ่นตุ้นของเขากลืนกินทัณฑ์สวรรค์อัสนีครามเข้าไป มันก็เริ่มหดลงทีละชั้น ก่อนรวมตัวเข้าด้วยกัน

แดนฮุ่นตุ้นที่เดิมกว้างใหญ่ งดงามและศักดิ์สิทธิ์ และเต็มไปด้วยแสงสว่างสีทองของพลังธรรมเทพ ถึงกับมีแนวโน้มที่จะกลับคืนสู่สภาพโกลาหล…

ครืนนน!

หมู่เมฆสีครามแห่งทัณฑ์สวรรค์คล้ายกับเดือดดาล มันกระสับกระส่าย สวรรค์ทั้งเก้าก่อเกิดสายฟ้า สั่งสมจนเกิดเป็นทัณฑ์สวรรค์อัสนีครามอีกครั้ง

สายฟ้าลงทัณฑ์นี้น่าสะพรึงยิ่งกว่าเก่า มันหนาราวกับเสา ร้อนแรงเป็นอย่างยิ่ง และเต็มไปด้วยพลังกฎเกณฑ์เลือนรางนับไม่ถ้วน ถึงแม้จะยังไม่ถึงตัว แต่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวนั้นได้แปรเปลี่ยนสีสันของโลกไป ฝุ่นทรายปลิวว่อน พายุหมุนส่งเสียงคำราม

ศิษย์บางส่วนที่มีขั้นพลังอ่อนแอต่างตกตะลึงกับกลิ่นอายของสายฟ้าลงทัณฑ์ในครานี้!

ในยามนี้ เฉินซีไม่กล้าคิดฟุ้งซ่านอีกต่อไป เขาเงยหน้ามองท้องนภา ในสายตาเผยสุริยัน จันทรา และดวงดาวที่กำลังโคจรไปมา ก่อนที่ทั่วทั้งร่างจะระเบิดแสงจ้าออกมา!

หากสังเกตจากไกล ๆ จะได้ยินเสียงของวิถีดังขึ้นรอบข้าง มหาวิถีจำนวนมากกลายเป็นวงแหวนเซียนรอบกาย ราวกับเขากลายเป็นจักรพรรดิในวิถียันต์อักขระ ผู้เย่อหยิ่งทรงพลังและดูแคลนโลกหล้า!

ตู้ม!

ทัณฑ์สวรรค์อัสนีครามครั้งที่สอง ราวกับหอกสังหารโลกที่มาจากทวยเทพแห่งสวรรค์ มันเต็มไปด้วยอำนาจทำลายล้าง และพลังสังหาร!

“ดี!”

เฉินซีเผยยิ้ม ก่อนที่เสียงกู่ร้องยาวราวมังกรขับขานพยัคฆ์คำรามจะสั่นสะเทือนไปทั่ว …แทนที่จะถอย เขากลับทะยานไปข้างหน้า ตัวคนราวกับเดินอยู่ในอากาศ เอื้อมมือคว้าจับเอาไว้ ก่อนที่อักขระลึกลับนับไม่ถ้วนจะระเบิดออกมา!

โครม! โครม! โครม!

ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรง แสงสว่างไร้ที่สิ้นสุดระเบิดออกมา ทำให้โลกปกคลุมด้วยแสงสว่างเจิดจ้าร้อนแรง ทิ่มแทงดวงตาของทุกคนจนเกิดความเจ็บปวดสุดแสน เป็นภาพที่น่าตกตะลึงยิ่งนัก

ในตอนนี้ ราวกับทวยเทพกำลังเผชิญหน้ากัน ทั่วทั้งสวรรค์และโลกล้วนเต็มไปด้วยเสียงคำรามที่ทำให้แก้วหูแทบฉีกขาด แรงระเบิดอันน่าสะพรึงทำให้วิญญาณแทบแตกสลาย

“พลังของทัณฑ์สวรรค์นี้น่ากลัวยิ่ง ตอนที่ศิษย์พี่หลิ่วผู้มากพรสวรรค์ที่สุดก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ เขายังไม่เคยมาถึงจุดนี้มาก่อน” ผู้อาวุโสเลี่ยเผิงกล่าวด้วยความตกตะลึง

สำหรับผู้บ่มเพาะธรรมดาผู้เลื่อนขั้นสู่ขอบเขตเซียนปฐพี ทัณฑ์สวรรค์อัสนีคราม จะส่งสายฟ้าลงทัณฑ์ออกมาสี่ครั้ง หากพรสวรรค์สูงส่งกว่าเล็กน้อย สายฟ้าลงทัณฑ์ก็จะมีถึงหกสาย ส่วนตัวตนไร้เทียมทานเหล่านั้นที่มีพรสวรรค์ยิ่ง สายฟ้าลงทัณฑ์ก็จะส่งกระหน่ำลงมาถึงเก้าครั้ง!

ทว่านี่เป็นเพียงจำนวนเท่านั้น หากเป็นพลังละก็ ความแตกต่างก็จะขึ้นอยู่กับตัวบุคคล

เท่าที่เลี่ยเผิงทราบ ทัณฑ์สวรรค์อัสนีครามที่เฉินซีกำลังเผชิญในครั้งนี้เพิ่งจะมาถึงครั้งที่สองเท่านั้น แต่พลังทำลายของมันกลับเทียบเท่ากับสายฟ้าลงทัณฑ์ครั้งที่สี่ของวิปลาสหลิ่วในตอนนั้นแล้ว!

ตอนที่เลี่ยเผิงเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์อัสนีคราม เขาเพียงถูกสายฟ้าลงทัณฑ์หกครั้งเท่านั้น และพลังทำลายล้างก็เทียบกับสายฟ้าลงทัณฑ์ของเฉินซีไม่ติดเลย

แบบนี้จะไม่ให้เขาตกตะลึงได้อย่างไร?

ไม่เพียงแค่เลี่ยเผิงเท่านั้น เวินหัวถิงและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต่างก็ประหลาดใจเช่นกัน เพราะพวกเขาล้วนคิดเหมือนกับเลี่ยเผิง และรับรู้ถึงความน่าสะพรึงของสายฟ้าลงทัณฑ์ที่เฉินซีกำลังเผชิญอยู่!

ส่วนศิษย์คนอื่น ๆ …ไม่ได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงนี้แม้แต่น้อย ต่างคนต่างยืนตะลึงแข็งทื่อกับเหตุการณ์อันน่าสะพรึงนี้ ร่างกายจึงเสียการควบคุมไป ส่วนการที่พวกเขาจะสามารถยืนหยัดต่อไปได้ ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป!

ครืนนน!

ระหว่างสวรรค์และโลก กลิ่นอายแห่งการทำลายล้างปกคลุม ทั่วหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ และยิ่งรุนแรงทวีคูณ ราวกับทวยเทพผู้เกรี้ยวกราดต้องการที่จะระบายโทสะ จนกลิ่นอายอันน่าสะพรึงนี้ปกคลุมทั่วรัศมีหนึ่งล้านลี้โดยรอบ!

ภูเขาพังทลาย ต้นไม้โค่นล้ม ปฐพีแตกร้าว สรรพสัตว์หลบหนีด้วยความแตกตื่น ราวกับจุดจบกำลังมาเยือน ทำให้ทุกสิ่งดูน่าหวาดกลัวยิ่ง

ณ ใจกลางของทัณฑ์สวรรค์ ทั่วทั้งร่างเฉินซีส่องแสง และด้วยมือเปล่า เขาพลันหันหน้าไปทางสายฟ้าลงทัณฑ์ ร่างเหมือนกับหอก กระดูกสันหลังตั้งเหยียดตรง มือไขว่คว้าดาราจักร เผยอำนาจราวกับเทพสงครามผู้อยากทำลายล้างสวรรค์ทั้งเก้า ดูทรงพลังและไร้เทียมทานยิ่ง!

สายฟ้าลงทัณฑ์ครั้งที่สามพังทลายลงด้วยประการฉะนี้!

สายฟ้าลงทัณฑ์ครั้งที่สี่เองก็เช่นกัน!!!

พลังของสายฟ้าลงทัณฑ์ยิ่งถาโถมยิ่งน่ากลัว แต่มันกลับไม่สามารถหยุดยั้งฝีเท้าของชายหนุ่มได้เลย พวกมันแตกสลายต่อหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะที่ร่างกายได้รับการเสริมพลัง จิตใจได้รับการขัดเกลา จิตวิญญาณได้รับการยกระดับ ช่วยให้พลังเพิ่มพูน!

ท่วงท่าไร้เทียมทานดังกล่าวทำให้ประมุขนิกายเวินหัวถิงและคนอื่น ๆ ตกตะลึง หัวใจแทบหลุดออกจากอก!

หากไม่พึ่งพาพลังภายนอกหรือสมบัติวิเศษ และใช้เพียงพละกำลังของตัวเองจะสามารถต่อต้านทัณฑ์สวรรค์ได้เช่นนี้เชียวหรือ? ทว่าจะมีกี่คนกัน… ที่สามารถครอบครองการบ่มเพาะอันสูงส่งเช่นนี้ได้?

ในตอนนั้น ชิงซิ่วอี้เอาชนะทัณฑ์สวรรค์ทั้งเก้าได้ จึงสร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก และได้รับชื่อเสียงอันยอดเยี่ยมตราบนิรันดร์!

แต่นั่นมันคือสถานการณ์ในตอนนั้น!

ยามนั้น เวินหัวถิงโชคดีพอที่จะได้เป็นสักขีพยานกับการก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ของชิงซิ่วอี้ เขาจึงจดจำได้อย่างชัดเจนว่า ตอนที่หญิงสาวก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์อัสนีคราม พลังของสายฟ้าลงทัณฑ์ที่นางต้องเผชิญไม่อาจเทียบชั้นกับเฉินซีได้!

นี่ไม่ได้หมายความว่าชิงซิ่วอี้ด้อยกว่าเฉินซี ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ก้าวหน้าในชั่วข้ามคืน จากเซียนปฐพีระดับหนึ่ง …เป็นเซียนปฐพีระดับเก้า ซึ่งไม่เคยมีผู้ใดทำได้มาก่อน!

ด้วยวิธีเดียวกัน ถึงแม้เฉินซีจะกำลังขึ้นสู่เซียนปฐพีระดับหนึ่ง ทว่าสายฟ้าลงทัณฑ์ที่ชายหนุ่มเผชิญ กลับทรงพลังและน่าสะพรึงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จนไม่มีใครอาจเทียบเคียงได้เช่นกัน!

บางที คนทั้งสองนี้อาจนับเป็นคู่แท้ฟ้าประทานก็เป็นได้!

เวินหัวถิงถึงขั้นสงสัยว่า ถ้าเฉินซีกับชิงซิ่วอี้สลับตำแหน่งกัน ชายหนุ่มอาจสามารถก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ทั้งเก้าในชั่วข้ามคืน และหากชิงซิ่วอี้เผชิญหน้ากับสายฟ้าลงทัณฑ์ของเฉินซีด้วยเหตุผลเดียวกัน นางก็อาจจะสามารถสำแดงพลังไร้เทียมทานได้เช่นกัน!

“ครั้งที่แปด!”

ทันใดนั้น มีเสียงตกตะลึงดังอยู่ใกล้เคียง ทำให้เวินหัวถิงตื่นขึ้นจากภวังค์ความคิด เขาเงยหน้าขึ้นไป และพบว่าเหนือท้องนภา มีทัณฑ์สวรรค์อัสนีครามจำนวนมากกำลังบรรจบกัน เคลื่อนไหวไปด้วยกัน เหมือนกับทะเลสีครามที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง ดูแล้วน่าสะพรึงกลัวยิ่ง!

ส่วนเฉินซีที่ยืนอยู่กลางอากาศ ทั่วทั้งร่างยิ่งเกรี้ยวกราด ราวกับกระบี่ที่ซ่อนอยู่ในหุบเหวกำลังสาดแสงสว่างศักดิ์สิทธิ์ ระหว่างกะพริบตา สายฟ้าเย็นเยือกแผ่ออกมา!

ชายหนุ่มไม่ได้ดูเศร้าสร้อยหรือสุขใจ ไม่หวาดหวั่นกลัวเกรง สงบเสงี่ยม มีเพียงดวงตาคู่หนึ่งที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงร้อนแรงราวกับหินหลอมเหลว

นี่คือสีหน้าของผู้ที่มั่นใจในอำนาจของตัวเอง!

นี่คือความหนักแน่นในวิถีของตัวเอง

นี่คือวิถีที่มุ่งหมายทำลายพันธนาการแห่งสวรรค์ ปรารถนาที่จะตัดขาดขวากหนามทั้งหมดที่อยู่เบื้องหน้า!

ไม่มีใครรู้ว่า เฉินซีกำลังรอคอยวันนี้มานานเท่าไร ก่อนหน้านั้น พละกำลังของเขาได้ทะยานสู่ขีดจำกัดแล้ว และถ้าไม่ใช่เพราะตัวเขาเป็น ‘สิ่งแปลกปลอม’ …เมื่อหนึ่งปีก่อน ชายหนุ่มคงเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ และบรรลุสู่ขอบเขตเซียนปฐพีไปแล้ว

ตอนนี้ ภายใต้การเสริมส่งของพลังธรรมเทพ ในที่สุดเขาก็สามารถเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ได้ แล้วเฉินซีจะไม่ยินดีได้อย่างไร?

เขาสำแดงสิ่งที่ได้เรียนรู้ออกมาอย่างผ่าเผย หมัดมหาทำลายล้าง เคล็ดกระบี่สรรค์สร้าง ฝ่ามือหมื่นคลื่นใต้พิภพ เคล็ดธรรมเทพไร้ขอบเขต …สิ่งที่สร้างความตกตะลึงให้กับทั้งสามภพได้ถูกปลดปล่อยออกมาในครานี้!

และในยามนี้เอง สายฟ้าลงทัณฑ์ครั้งที่แปดกำลังจะมา

ทว่าสีหน้าของชายหนุ่มยังคงสงบ ราวกับสายฟ้าลงทัณฑ์ก่อนหน้าเป็นเพียงสายลมพัดผ่านผิวหน้า เขาถึงขั้นมีเวลาเงยหน้ามองท้องนภา แล้วยกขวดน้ำเต้าสุราขึ้นดื่มอย่างไร้ความกลัวเกรง!

วิ้ง!

อึดใจต่อมา โดยไม่รอให้สายฟ้าลงทัณฑ์มาถึงตัว ชายหนุ่มพลันชิงลงมือก่อน ส่งยันต์ศัสตราข้ามผ่านท้องนภา ฟาดฟันปราณกระบี่ออกไป!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท