บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 880 ธรรมเทพไร้ขอบเขต

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 880 ธรรมเทพไร้ขอบเขต

บทที่ 880 ธรรมเทพไร้ขอบเขต

ในขณะที่เฉินซีกำลังพิชิตทัณฑ์สวรรค์

ณ ตำหนักอันกว้างใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ภายในยอดเขาจรัสเทวะ เหมยลั่วเซียว อวี๋จงเสีย และบรรดาศิษย์เสเพลจากภพเซียนล้วนมองไปที่ท้องฟ้าเหนือยอดเขาจรัสตะวันตก ซึ่งมีเมฆทัณฑ์สวรรค์กำลังก่อตัวขึ้น …พวกเขาต่างมีสีหน้าที่มืดมนและซับซ้อน

“ก่อนหน้านี้ ข้าคิดว่าดวงดาราปรากฏยามตะวันส่อง จะต้องเกี่ยวข้องกับเด็กคนนี้ แต่น่าเสียดาย…” เหมยลั่วเซียวขมวดคิ้ว ในขณะที่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกสูญเสียที่ไม่สามารถขจัดออกไปได้

แม้จะผ่านมาสองเดือนแล้ว ใบหน้าของเขาก็ยังคงซีดเซียว จิตใจตกต่ำ เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บที่เกิดจากฝีมือของเหลียงปิงนั้นยังไม่หายสนิท

“แม้สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งการพิพากษาจะยังไม่ได้ผ่าลงมา แต่ทัณฑ์สวรรค์ในยามนี้ก็น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่ในภพเซียนเองก็หาได้ยาก เจ้าเด็กนั่นคงไม่อาจต้านทานได้จนถึงท้ายที่สุดแน่!” ดวงตาของอวี๋จงเสียทอแววอำมหิต ขณะที่นางกล่าวอย่างเกลียดชัง

“แล้วถ้ามันผ่านไปได้ล่ะ” เหมยลั่วเซียวถามกลับ

“เช่น…เช่นนั้น…” อวี๋จงเสียไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรดี แม้ตอนนี้จะเกลียดเฉินซีเข้ากระดูกดำ แต่นางก็ไม่กล้าลงมือกับเขาอย่างแน่นอน

เหตุผลนั้นง่ายดายมาก จนถึงวันนี้นางยังคงไม่ลืมเหลียงปิง หญิงสาวที่น่าสะพรึงกลัว …ไม่สามารถลืมพลังอันแข็งแกร่งและตราคำสั่งที่เป็นตัวแทนของอำนาจที่เหลียงปิงเผยออกมา ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้นางกลัวจนตัวแข็งทื่อ และไม่กล้าที่จะขยับเขยื้อน!

“ดูเหมือนเจ้าจะรู้เช่นกันว่า ภายใต้สถานการณ์ในปัจจุบัน ดูเหมือนว่าเราไม่สามารถทำอะไรกับเด็กคนนั้นได้” เหมยลั่วเซียวชำเลืองมองนางและกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “แต่ข้าได้ยินมาว่าเด็กคนนี้เป็นเหมือนไฟและน้ำของนิกายวิถีกระแสสวรรค์ ในขณะที่ปิงซื่อเทียนเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของเขา บางทีเขาอาจจะตายก่อนที่เราจะลงมือก็เป็นได้”

“ถึงอย่างไร เขาก็เป็นศิษย์ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ถ้าเราทำเช่นนี้ มันก็ไม่สมควร…” อวี๋จงเสียกล่าวเสียงแข็ง

“เจ้าผิดแล้ว เราไม่ต้องทำสิ่งใด เพียงแค่เฝ้าดูอยู่เฉย ๆ” เหมยลั่วเซียวโบกมือขัดจังหวะนาง และถอนหายใจออกมา “นั่นคือทูตที่ถือกฤษฎีกาจากภพเซียน เกียรตินี้ไม่ใช่สิ่งที่ใคร ๆ จะมีได้ แต่คนผู้นี้กลับกล้าต่อต้านปิงซื่อเทียน และแม้แต่ข้าก็ยังต้องชื่นชมความกล้าหาญของเขาอยู่บ้าง”

“ฮึ่ม! มันก็แค่ร่างอวตารเท่านั้น” อวี๋จงเสียขมวดคิ้ว

“ถึงตอนนั้น เจ้าจะได้รู้ว่าร่างอวตารของปิงซื่อเทียนนั้นทรงพลังเพียงใด” เหมยลั่วเซียวกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “แม้ว่าข้าไม่เต็มใจที่จะยอมรับ แต่ข้าต้องยอมรับว่าปิงซื่อเทียนนั้นเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นไม่มีใครเทียบได้ เขาประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงอย่างมากแม้แต่ในภพเซียน อีกทั้งเขายังได้รับความสนใจจากกองกำลังที่ยิ่งใหญ่มากมาย พรสวรรค์ที่โดดเด่นเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถเทียบได้”

อวี๋จงเสียตกตะลึง จากนั้นนางส่ายศีรษะ “มันไม่มีประโยชน์ที่จะกล่าวถึงเรื่องนี้อีก เพราะเด็กคนนี้ไม่มีทางจะพิชิตทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่ตรงหน้าเขาได้”

“เอ๊ะ!” ดวงตาของเหมยลั่วเซียวหรี่ลง ในขณะที่เขามองไปยังท้องฟ้าอันไกลโพ้น

“นี่เขากำลังจะเผชิญหน้ากับสายฟ้าลงทัณฑ์ครั้งที่แปดหรือ?” อวี๋จงเสียเบนสายตาไปยังทิศทางที่เหมยลั่วเซียวจ้องมอง จากนั้นนางก็มีท่าทางประหลาดใจ

ในท้องฟ้าอันไกลโพ้น ฟ้าร้องส่งเสียงดังกึกก้อง ขณะที่สายฟ้าโหมกระหน่ำอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า จากนั้นสายฟ้าลงทัณฑ์ดังกล่าวก็พลุ่งพล่านจนดูจะลุกไหม้ มันเปล่งแสงสีฟ้าครามที่ลุกโชนเหมือนไฟ และทำให้โลกสว่างไสว!

สายฟ้าลงทัณฑ์ครั้งที่แปดยังไม่ปรากฏในโลก แต่มันได้ปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์อันไร้ขอบเขตออกมาแล้ว!

ภายในหมู่เมฆลงทัณฑ์ ร่างสูงของเฉินซีทะยานขึ้นไปเพื่อเผชิญหน้ากับมันด้วยยันต์ศัสตราที่อยู่ในมือ เขาฟันปราณกระบี่ที่ส่องประกายและกว้างใหญ่ออกไปโดยตรง

นี่เป็นกระบวนท่ากระบี่อันใดกัน?

มันสว่างไสว แพรวพราว และปกคลุมด้วยอักขระยันต์นับไม่ถ้วน สุริยันและจันทราขึ้นลงสลับกัน ดวงดาวมากมายต่างเรียงราย หยินหยางสอดประสานกัน และธาตุทั้งห้าก็หมุนเวียนอยู่ภายในนั้น อนุมานถึงความล้ำลึกของความลับอันไร้ขอบเขต ท่วมท้นไปด้วยความล้ำลึกสูงสุดของการสร้างสรรค์ ซึ่งมันได้พรากแสงสว่างทั้งหมดไปจากโลก!

ทันใดนั้น ทุกคนในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองล้วนตกตะลึงจนพูดไม่ออก เคล็ดวิชามากมายกลับเกิดขึ้นจากการฟันด้วยกระบี่เพียงครั้งเดียว ราวกับเขากำลังแสดงความลับของการรังสรรค์สูงสุดออกมา!

การรังสรรค์!

นี่เป็นอีกหนึ่งมหาเต๋าที่น่าสะพรึงกลัวยิ่ง ซึ่งเหนือกว่ามหาเต๋ามากมายโดยสิ้นเชิง และอยู่ในระดับเดียวกับมหาเต๋าแห่งนิรันดร์ มหาเต๋าแห่งแสง มหาเต๋าแห่งความมืด และอื่น ๆ

แคว้ก!

เสียงของเสื้อผ้าที่ถูกฉีกขาดดังก้องไปทั่วโลก ท่ามกลางการจ้องมองที่ตกตะลึงของทุกคนในตอนนี้ ปราณกระบี่ของเฉินซีได้ฉีกเมฆลงทัณฑ์ที่พลุ่งพล่านออกเป็นสองส่วน!

ในขณะที่สายฟ้าลงทัณฑ์ระลอกที่แปดซึ่งสะสมอยู่ภายในเมฆลงทัณฑ์ก็ได้ถูกฟันขาดอย่างง่ายดายราวกับกระดาษไปด้วย จากนั้นมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

การโจมตีด้วยกระบี่เพียงครั้งเดียว ช่างมีพลังที่น่ากลัวยิ่งนัก!

ภายในระยะสองหมื่นห้าพันลี้ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองในเวลานี้ได้ตกอยู่ในความเงียบงัน เนื่องจากทุกคนต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้

แม้แต่เมฆลงทัณฑ์สีครามที่คุกรุ่นอยู่บนท้องฟ้า ก็ดูจะตกอยู่ในความเงียบงันและหยุดนิ่ง

“อนาคตของเฉินซีต้องไร้ขีดจำกัดเป็นแน่!” เวินหัวถิงมีสีหน้าตื่นเต้น ในขณะที่เขาพึมพำกับตัวเอง ทว่าเจ้าตัวกลับจำไม่ได้แล้วว่าตนเองกล่าวคำแบบนี้ไปกี่ครั้งแล้ว!

“คนเช่นเขาจะต้องคุมฟ้าคุมฝน และทำให้ทั่วทั้งสามภพตกตะลึง! นับเป็นบุญวาสนาแล้วที่นิกายกระบี่เก้าเรืองรองของข้ามีศิษย์เช่นนี้!” ผู้อาวุโสระดับสูงคนอื่น ๆ ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองล้วนมีสีหน้าตื่นเต้น และไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของพวกเขาได้

ส่วนศิษย์คนอื่น ๆ ต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออก กระทั่งไม่สามารถหาคำมาอธิบายความรู้สึกของพวกเขาในขณะนี้ได้อย่างเต็มที่

พวกเขาตกใจมาก!

“การฟันด้วยกระบี่เพียงครั้งเดียว กลับสามารถแยกสายฟ้าลงทัณฑ์ออกจากกัน!”

“นับตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนปัจจุบัน จะมีใครสามารถทำได้บ้าง? ถึงแม้จะมีก็ตาม แต่จะมีใครทำมันอย่างง่ายดายและผ่อนคลายเช่นผู้อาวุโสเฉินซีบ้าง?”

“บัดซบ! ทำไมมันไม่ฆ่าไอ้สารเลวนั่นให้ตายไปซะ!” เหมยชิงหยวนสบถเสียงดังด้วยความเดือดดาล น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

ศิษย์เสเพลคนอื่น ๆ จากภพเซียนก็ตกใจและไม่พอใจเช่นกัน “ไอ้สารเลวนี่จะลึกล้ำและทรงพลังจนถึงขั้นท้าทายสวรรค์ได้อย่างไร!?

“หุบปาก!” เหมยลั่วเซียวหันกลับมามองเหมยชิงหยวนอย่างเย็นชา “เจ้าคนไม่เอาไหน! ข้าจะเป็นคนแรกที่จะฆ่าเจ้า หากเจ้ายังกล้าวาจาไร้สาระอีก!”

เหมยลั่วเซียวเกลียดศิษย์ของเขาคนนี้มากจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเหมยชิงหยวนทำให้เฉินซีขุ่นเคือง ตัวเขาจะถูกผู้หญิงที่น่ารังเกียจคนนั้นเฆี่ยนตีต่อหน้าทุกคนจนต้องเสียหน้าได้อย่างไร?

เหมยชิงหยวนตัวสั่น รู้สึกราวกับตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง จึงไม่กล้ากล่าวอันใดอีก

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เหมยลั่วเซียวพลันถอนหายใจและขบฟันแน่น เพราะเขาไม่ต้องการสิ่งอื่นใดมากไปกว่าการฆ่าเฉินซีเช่นกัน แต่ท้ายที่สุดตัวเขาก็ได้แต่จำต้องทนไว้ก่อน

“ไอ้หนู ข้าจะรอวันที่เจ้าต่อสู้กับปิงซื่อเทียน!” เหมยลั่วเซียวมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอันไกลโพ้น ในขณะที่แววตาอำมหิตและเย็นชาส่องประกายในดวงตาคู่นั้น

ฟ้าดินเงียบสนิท

หลังจากสายฟ้าลงทัณฑ์ครั้งที่แปดถูกทำลาย เมฆลงทัณฑ์บนท้องฟ้าก็เงียบลงทันที มันควบแน่นและหลอมรวมกันอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่ในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจ มันจะกลายเป็นเมฆลงทัณฑ์ที่มีรูปร่างเป็นกระแสน้ำวนซึ่งปกคลุมยอดเขาจรัสตะวันตก!

มันเงียบสนิท!

แม้แต่ลมก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่ง แต่เมื่อพวกเขาเห็นเหตุการณ์นี้ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหน็บหนาวในใจ ราวกับถูกภูเขาลูกมหึมากดทับหัวใจ ทำให้ทุกคนถูกกดดันจนแทบหายใจไม่ออก

ใบหน้าของเวินหัวถิงและคนอื่น ๆ ค่อย ๆ กลายเป็นจริงจัง เพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่ามันน่าสะพรึงกลัวเพียงใด

เสียงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความเงียบ!

รูปร่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือไร้รูปร่าง!

เมื่อพลังทั้งหมดถึงขีดจำกัด พวกมันก็จะกลับคืนสู่สภาพที่เงียบสงบที่สุด

ทุกคนรู้ว่าสายฟ้าลงทัณฑ์ครั้งที่เก้าถือเป็นระลอกสุดท้ายแล้ว ทว่ามันก็ถือเป็นการโจมตีที่น่ากลัวที่สุดอย่างแน่นอน เมื่อมันอุบัติขึ้นมาในโลก!

นับตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน มีอัจฉริยะที่ไร้เทียมทานและผู้มีความสามารถโดดเด่นนับไม่ถ้วนที่ต้องจบชีวิตภายใต้การโจมตีครั้งนี้ แล้วเฉินซี…จะพิชิตได้หรือไม่?

เมื่อสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เฉินซี พวกเขากลับมองไม่เห็นร่องรอยความกังวลใจบนใบหน้าของชายหนุ่ม เขายังคงสงบ ไร้กังวล และไม่แยแส

“บางทีอาจเป็นเพราะการบ่มเพาะดวงจิตแห่งเต๋าที่ไม่ธรรมดาของเฉินซี จึงทำให้เขาประสบความสำเร็จในทุกวันนี้?”

ทุกคนดูเหมือนกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่าง และอารมณ์ของพวกเขาก็ผ่อนคลายมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเห็นฉากนี้ แม้ว่าเวินหัวถิงจะไม่ได้กล่าวอะไร แต่ความชื่นชมก็ฉายชัดในแววตา เพราะตัวเขาจะไม่ตกตะลึงได้อย่างไร ในเมื่อเฉินซีสามารถส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงในใจของทุกคนผ่านกลิ่นอายที่น่าเกรงขามได้!

โอม!

ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัดนี้ เมฆลงทัณฑ์สีครามที่ควบแน่นเป็นกระแสน้ำวนบนท้องฟ้า จู่ ๆ ก็หดเข้าหาศูนย์กลางอย่างรุนแรง และควบแน่นเป็นสายฟ้า

มันเป็นสีคราม ลึกล้ำ ควบแน่น และธรรมดา แต่มันกลับแผ่แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวมาสู่หัวใจของทุกคน ทำให้เกิดความรู้สึกราวกับว่าพวกเขาจะต้องทนทุกข์กับการพิพากษาและการลงโทษจากสวรรค์ในชั่วพริบตาต่อมา

ยิ่งกว่านั้น พลังของมันเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่บ้าคลั่ง และทำให้ทุกสิ่งในโลกคร่ำครวญอย่างพร้อมเพรียงกัน!

ฟ่อ!

เมื่อได้เห็นการปรากฏตัวของสายฟ้าลงทัณฑ์ระลอกสุดท้ายอย่างชัดเจน เวินหัวถิงและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของนิกายก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง พวกเขารู้สึกหวาดกลัว เพราะสายฟ้าลงทัณฑ์นี้ดูจะน่าสะพรึงเกินไป…

“ไม่ได้การ! เหล่าผู้อาวุโสโปรดลงมือเร็วเข้า และสำแดงพลังค่ายกลใหญ่ของยอดเขาจรัสตะวันตกออกมา!” ใบหน้าของเวินหัวถิงดูเคร่งขรึม ในขณะที่เขาตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้า

ทันใดนั้น ผู้อาวุโสเลี่ยเผิงและคนอื่น ๆ ต่างลงมือโดยไม่ลังเล พวกเขาสร้างผนึกที่ลึกล้ำจำนวนมากเพื่อเปิดใช้งานค่ายกลใหญ่ของนิกายรอบยอดเขาจรัสตะวันตก และปกคลุมศิษย์ทั้งหมดที่อยู่โดยรอบทันที

“เขาจะถูกค้นพบหรือ? มันไม่ควรเป็นเช่นนี้…” อาซิ่วยืนอยู่คนเดียวบนก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป เส้นผมสีดำขลับของนางพลิ้วไหว ในขณะที่ดวงตาซึ่งมองไปยังสายฟ้าลงทัณฑ์ครั้งสุดท้ายบนท้องฟ้า เผยให้เห็นถึงความจริงจังอันหาได้ยาก

ตู้ม!

ในขณะนี้ จู่ ๆ ร่างของเฉินซีก็ระเบิดแสงสีทองออกมามากมาย เขาเป็นเหมือนดวงอาทิตย์แผดเผาที่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและส่องแสงสว่างให้แก่โลก ตัวคนปกคลุมทุกสิ่งในโลกด้วยชั้นแสงสีทองที่อ่อนโยน!

กระทั่งมีแท่นบงกชทองคำปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้า มันปกคลุมไปด้วยรัศมีแห่งสวรรค์และเปล่งประกายแสงจาง ๆ ยิ่งกว่านั้น ดอกไม้สีทองยังปลิวลงมาจากท้องฟ้า ในขณะที่ปราณและแสงอันเป็นมงคลได้ปรากฏขึ้นอย่างมากมาย

รูปลักษณ์ของชายหนุ่มในขณะนี้ดูเคร่งขรึมและสง่างาม อาบแสงสีทองที่ส่องประกายระยิบระยับ เขาดูราวกับปราชญ์ในตำนานที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์ แผ่กลิ่นอายที่ทำให้วิญญาณสงบออกมาอย่างไม่มีวันหมดสิ้น!

เคล็ดวิชาลับพลังดวงใจ… ธรรมเทพไร้ขอบเขต!

สิ่งที่ปรากฏในขณะนี้ มันเป็นพลังธรรมเทพที่เฉินซีได้สะสมไว้ในช่วงหนึ่งปีที่เขาบ่มเพาะ ณ พิภพยันต์อักขระ ดังคำกล่าวที่ว่า การทำความดีย่อมได้รับผลบุญตอบแทน ในขณะนี้… ตัวชายหนุ่มจึงเป็นเหมือนปราชญ์ผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรม ซึ่งกำลังเปล่งแสงสีทองจำนวนมหาศาลออกมาส่องสว่างไปทั่วโลก!

ช่างเป็นพลังธรรมเทพที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก…

ในตอนนี้ เวินหัวถิงและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของนิกายถึงกับตัวแข็งทื่อ พวกเขาไม่อยากเชื่อว่าชายหนุ่มจะสามารถสะสมแสงทองแห่งพลังธรรมเทพที่ยอดเยี่ยมได้อย่างมากมายเพียงนี้

มีเพียงอาซิ่วเท่านั้นที่หัวเราะเบา ๆ พร้อมกับลูบไป๋คุยที่นางโอบกอดไว้ในอ้อมแขน พลางพึมพำว่า “ฮึ่ม! ข้ารู้แล้ว! ศิษย์พี่หญิงของคนผู้นี้ได้มาหาเมื่อปีที่แล้ว และนางได้ช่วยแก้ปัญหาให้กับเขาในตอนนั้น ทำให้ข้ากังวลโดยเปล่าประโยชน์และเกือบจะ…”

ไม่มีใครสังเกตเห็นว่า จู่ ๆ จี้หยกสีน้ำเงินที่ดูเหมือนหัวใจของมหาสมุทรก็ได้ปรากฏบนฝ่ามือของนาง ก่อนที่มันจะหายไปอย่างเงียบ ๆ หลังจากนั้น

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท