บทที่ 916 ยันต์เทวะกลืนกิน
บทที่ 916 ยันต์เทวะกลืนกิน
เมฆทัณฑ์สวรรค์ขดตัว ขณะที่ปลดปล่อยพลังอันหนักหน่วงออกมาปกคลุมท้องฟ้าเหนือนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง
ณ ยอดเขาจรัสตะวันตกหนาแน่นไปด้วยเมฆทัณฑ์สวรรค์ยิ่งกว่าบริเวณอื่นในนิกาย แม้แต่มวลอากาศก็อึมครึมชวนอึดอัด
“ใครกำลังพิชิตทัณฑ์สวรรค์กัน?”
“หรือว่าจะเป็นผู้อาวุโสเฉินซี?”
“จะเป็นไปได้อย่างไร? ก็เขาเพิ่งพิชิตทัณฑ์สวรรค์คราวล่าสุดเมื่อไม่กี่ปีที่แล้วเองนะ!”
“ถ้าไม่ใช่ท่านแล้วจะเป็นใครได้? ดูนั่นสิ มันคือทัณฑ์สวรรค์หยินหยางของขอบเขตเซียนปฐพีระดับสอง อำนาจหยินและหยางสอดผสานเข้าด้วยกัน อานุภาพของมันน่ากลัวยิ่งกว่าทัณฑ์สวรรค์อัสนีครามมากถึงเท่าตัว!”
“เช่นนั้น ก็แปลว่าผู้อาวุโสเฉินซีคือผู้เรียกทัณฑ์สวรรค์นี้มา…”
ทุกคนในนิกายกระบี่เรืองรองนอกจากผู้อาวุโสต่างพากันตื่นตระหนก พวกเขามองไปทางยอดเขาจรัสตะวันตกที่อยู่ห่างไกลด้วยสีหน้าประหลาดใจและงุนงง พร้อมกับพูดคุยกันอย่างออกรส
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าร้องสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งแผ่นฟ้า ประหนึ่งเทพเจ้ากำลังพิโรธ
เมฆทัณฑ์สวรรค์หยินหยางประสานเข้าด้วยกันและเปลี่ยนโลกทั้งใบให้มีเพียงสีขาวดำ ครึ่งหนึ่งโอบล้อมด้วยสีดำสนิทดั่งราตรีกาล ส่วนอีกครึ่งหนึ่งขาวสว่างดุจยามเที่ยง เป็นภาพที่ทั้งแปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัวในคราวเดียวกัน
ทุกคนมองเห็นราง ๆ ว่าสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์นับไม่ถ้วนกำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ พวกมันเป็นดั่งโซ่ตรวนที่ปกคลุมไปด้วยประกายวาววับอันน่าสะพรึงขวัญ สายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้เกี่ยวพันกันจนดูคล้ายกับแผ่นจานสีขาวดำหมุนวนในก้อนเมฆ
“สายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง หยินหยานผสานเป็นแผ่นจาน!”
“ปรากฏการณ์อันน่าสะพรึงกลัวได้บังเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ แม้มันจะเป็นเพียงทัณฑ์สวรรค์ระลอกแรก ทว่านับแต่บรรพกาลจนถึงปัจจุบัน ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีมากมายต่างถูกกวาดเข้าไปในแผ่นจาน ซึ่งเกิดขึ้นจากทัณฑ์สวรรค์หยินหยางและถูกบดขยี้ให้สูญสลายชั่วนิรันดร์”
“หากเป็นเฉินซีที่กำลังพิชิตทัณฑ์สวรรค์อยู่จริง ๆ นี่มันจะไม่เร็วไปหน่อยหรือ? หากการเตรียมการผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจจะประสบกับหายนะครั้งใหญ่ได้เลยนะ”
ประมุขนิกายเวินหัวถิง รวมถึงบรรดาผู้อาวุโสต่างรู้สึกประหลาดใจเมื่อมองไปยังทัณฑ์สวรรค์หยินหยางซึ่งลอยเคว้งคว้างเหนือท้องฟ้า
“ไป! ไปที่ยอดเขาจรัสตะวันตกกัน ไม่ว่าใครที่เป็นผู้พิชิตทัณฑ์สวรรค์ เราต้องเตรียมรับมือไว้ให้ดี” เวินหัวถิงพ่นลมหายใจแรงพร้อมกับตัดสินใจ
ทุกคนพยักหน้ารับ
ฟิ้ว!
ทันใดนั้น ลำแสงอันโชติช่วงพลันปรากฏขึ้นจากยอดเขาจรัสตะวันตก พร้อมร่างสูงสง่าที่เยื้องกรายมาถึงใต้มวลเมฆทัณฑ์สวรรค์
เมื่อร่างอันแสนคุ้นเคยปรากฏสู่สายตา แม้ผู้คนในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองจะคาดเดาไว้แล้วว่าคนผู้นั้นเป็นใคร แต่พวกเขาก็อดตกใจไม่ได้เมื่อเห็นว่าคนที่เดินออกมาเป็นเฉินซีจริง ๆ
หากความทรงจำของพวกเขายังไม่ผิดเพี้ยน นี่ก็เพิ่งผ่านมาเพียงหกปีหลังจากที่ชายหนุ่มพิชิตทัณฑ์สวรรค์ครั้งล่าสุดเท่านั้น…
เขาสามารถเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่สองภายในช่วงเวลาเพียงไม่นานได้อย่างไร?
นี่เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน!
ไม่ทันที่ทุกคนจะคลายจากภวังค์ตะลึง เฉินซีที่อยู่ใต้เมฆดำก็เปล่งประกายด้วยแสงสีทองอันไร้ขอบเขต มันส่องสว่างไปทั่วโลกา สาดเงาสีทองให้แก่ผืนพิภพ
นั่นคือแสงทองธรรมเทพ
แน่นอนว่าทันทีที่แสงทองธรรมเทพปรากฏขึ้น อำนาจแห่งการพิพากษาซึ่งไหลเวียนอยู่ภายในแผ่นจานสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ก็สั่นสะเทือนก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
มีเพียงพลังอันบริสุทธิ์ของทัณฑ์สวรรค์เท่านั้นที่ยังคงหลงเหลืออยู่
แต่ถึงกระนั้น แรงกระเพื่อมจากสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ก็หาใช่สิ่งที่ธรรมดาไม่ ทุกคนได้ประจักษ์ถึงความยิ่งใหญ่ของมันในทันทีที่สายฟ้าหยินหยางฟาดลงมายังพื้นดิน …มันเป็นภาพที่น่ากลัวอย่างยิ่ง!
เปรี้ยง!
เมฆทัณฑ์สวรรค์สั่นกระเพื่อม มันค่อย ๆ เคลื่อนตัวลงมาข้างล่าง
ทว่าในตอนนั้นเอง เฉินซีก็เหินขึ้นไปบนอากาศก่อนจะวาดวงแขนกว้าง ส่งผลให้อักขระยันต์ที่ยาวไกลไร้สิ้นสุดผสานตัวเป็นผังยันต์อักขระอันล้ำลึกที่มีสีดำสนิท
ผังยันต์อักขระนี้คล้ายกับก่อตัวขึ้นมาจากหมู่ดาราดารดาษซึ่งโคจรเป็นวัฏจักร พวกมันขยับย่างเพื่ออำพรางหลุมดำและปลดปล่อยพลังอันน่าเกรงขามอย่างยิ่งออกมา
ทันทีที่มันปรากฏ ลำแสงในตัวมันก็พุ่งตรงเข้าสู่ข้างในหมู่เมฆ!
ภาพเบื้องหน้าทำเอาดวงตาของผู้พบเห็นแทบจะหลุดจากเบ้า เขาเอาอีกแล้ว! เขากำลังต้านทานมันอีกครั้ง!
ทุกครั้งที่พยายามพิชิตทัณฑ์สวรรค์ ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีส่วนมากต่างตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวและตึงเครียด สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญนั้นนิยามได้ว่าเป็นดังศัตรูตัวฉกาจ ทว่าเฉินซีกลับต่างออกไป เขาเริ่มทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่สองในช่วงเวลาที่ห่างจากครั้งแรกไม่นานนัก ทั้งยังไม่ได้ดูจะเอาจริงเอาจังกับมันเสียเท่าไร ท่าทางเช่นนี้มีหรือจะไม่ทำให้ใครตกใจ?
ปัง!
ภายในเมฆทัณฑ์สวรรค์พลันบังเกิดคลื่นยักษ์ปะทะเข้ากับยันต์เทวะกลืนกิน ก่อนที่มันจะม้วนตัวอย่างรุนแรง สายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ทั้งสีขาวดำสั่นสะเทือนประหนึ่งย้อนเกล็ดมังกร
กระนั้น สิ่งที่สร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้คนก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ไม่ว่าสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์จะโจมตีอย่างรุนแรงเพียงใด แต่มันกลับไม่อาจสร้างความเสียหายให้แก่ยันต์เทวะกลืนกินได้ มันกลับถูกกลืนกินพลังที่มีเข้าไปอย่างมหาศาลแทน
เมื่อมองจากที่ไกล ร่างสูงสง่าของเฉินซีกำลังเรืองประกายด้วยแสงสีทองเจิดจ้า เขาชูมือก่อนจะซัดฝ่ามือขึ้นไปบนท้องฟ้า ส่งผลให้ฝ่ามือทะลุเข้าไปภายในกลีบเมฆทัณฑ์สวรรค์ และสอดประสานกับยันต์เทวะกลืนกิน
ในอีกฟากหนึ่ง สายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์สีขาวดำดูราวกับมังกรมหึมาสองตัว พวกมันปลดปล่อยพลังโจมตีออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้เกิดประกายไฟจำนวนมหาศาลพุ่งออกมาประหนึ่งสายฟ้าอันไร้สิ้นสุด นับเป็นภาพที่น่าประหลาดใจยิ่ง
แต่ไม่ว่ามันจะดิ้นรนพยายามอย่างไร ก็ไม่อาจทำให้เฉินซีขยับไหวได้ เขายังคงยืนนิ่งดั่งหินผาในขณะที่ฝ่ามือควบคุมยันต์เทวะกลืนกินไว้ได้อย่างมั่นคง ไม่แกว่งไปมาเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งกว่านั้น เมื่อเวลาผ่านไป พลังของสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ค่อย ๆ อ่อนกำลังเรื่อย ๆ เนื่องจากพลังส่วนใหญ่ของสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์นั้นถูกยันต์เทวะกลืนกินดูดกลืนพลังงานไปเป็นของตนแทน ซึ่งบัดนี้ กลับกลายเป็นว่ายันต์เทวะกลืนกินพลิกขึ้นมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมความล้ำลึกของการกลืนกินจึงได้น่าสะพรึงกลัว มันสามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งในสากลภพให้กลายเป็นพลังของตนเองได้ ตราบใดที่สิ่งนั้นเกี่ยวโยงไว้กับความล้ำลึกแห่งการกลืนกิน ไม่ว่าจะคนหรือสิ่งใด พลังของมันก็จะถูกดูดกลืนจนหมด
ไม่เพียงเท่านั้น สุดยอดมหาเต๋าจำพวกนี้ยังเป็นยอดเคล็ดวิชาของคุนเผิง สัตว์เทวะแห่งยุคบรรพกาล!
ตัวอย่างเช่น เมื่อคุนเผิงแปลงกายเป็นปลาในทะเล หรือนกบนท้องฟ้า ปีกที่สยายออกของมันสามารถปกคลุมพื้นที่ได้ราว ๆ เก้าหมื่นลี้ เพียงแค่กระพือปีกเบา ๆ ก็สามารถขึ้นไปท่องเที่ยวในจักรวาลได้!
ด้วยเหตุนี้ คนธรรมดาจะครอบครองความลึกล้ำของมหาเต๋าได้อย่างไร?
ความล้ำลึกแห่งการกลืนกินนี้สถิตอยู่ภายในกระดูกของคุนเผิงที่ศิษย์พี่สามของเขามอบให้ มันกำเนิดขึ้นจากพลังอิทธิฤทธิ์ที่เรียกว่าก่ออัสนีผสานดารา เมื่อมันถูกแปลงให้อยู่ในรูปแบบของยันต์เทวะในตอนนี้ สิ่งที่ผู้คนจะได้เห็นจากมันก็คือพลังที่แท้จริง!
เมื่อบรรดาผู้คนที่อยู่ในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองได้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว พวกเขาก็ต้องตะลึงงันจนอ้าปากค้าง เฉินซีไม่เหมือนคนที่พยายามจะพิชิตทัณฑ์สวรรค์ แต่เป็นคนที่สามารถควบคุมและจัดการทัณฑ์สวรรค์นั้นแทน!
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์นี้ได้ตราตรึงอยู่ในใจของผู้คนอย่างยากจะลบเลือนไปชั่วชีวิต
ไม่นานนัก สายฟ้าลงทัณฑ์แห่งหยินหยางก็ถูกขจัดออกไป แม้แต่เมฆทัณฑ์สวรรค์ก็สลายตัวไปด้วยเช่นกัน ตอนนั้นเอง ยันต์เทวะกลืนกินซึ่งดูดกลืนพลังจากสายฟ้าจนหมดก็พุ่งเข้าไปในร่างกายของเฉินซีด้วยการควบคุมของเขา มันเปลี่ยนตัวเองเป็นพลังงานที่เดือดพล่านอยู่ภายในร่างกาย
แดนฮุ่นตุ้นของชายหนุ่มขยายตัวออก
ปราณเซียนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
แม้แต่ปราณวิญญาณของเขาก็ค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้น
เมื่อพลังแห่งทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่ภายในยันต์เทวะกลืนกินได้รับการขัดเกลาอย่างสมบูรณ์ ร่างกายของเฉินซีก็พลันเปล่งรัศมีอันยิ่งใหญ่ของพลังหยินหยางที่สอดประสานเข้าด้วยกันเป็นพลังชีวิต
มันเป็นความสง่างามที่มีเพียงผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีระดับสองเท่านั้นที่จะมีได้
พูดอีกอย่างก็คือ บัดนี้ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มได้บรรลุสู่ขอบเขตเซียนปฐพีระดับสองแล้ว!
ยิ่งกว่านั้น การบรรลุในครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในเวลาไม่ถึงหกปี
หากทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี่ไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง พวกเขาก็คงไม่มีทางเชื่อว่าจะมีใครสามารถทำสิ่งนี้ให้สำเร็จได้ภายในเวลาอันสั้น
…
เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนี้นับว่าไม่ธรรมดา แต่เฉินซีกลับมีสีหน้าราวกับว่าเขาเพียงแค่ทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่สำคัญได้สำเร็จ ทันทีที่พลังทั้งหมดถูกขัดเกลา เขาก็เดินกลับไปยังที่พักอย่างผ่อนคลายและไม่ได้แยแสต่อสิ่งใด
ผิดกับคนอื่น ๆ ที่ยื่นอยู่ไม่ไกลนัก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้พวกเขาไม่อาจสงบใจได้ในเร็ววัน
“เหอะ เจ้าเด็กคนนี้นี่…” เวินหัวถิงถอนหายใจด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดา กระนั้นน้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกความภูมิใจ และชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง
ผู้อาวุโสระดับสูงคนอื่น ๆ ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองก็มีท่าทีไม่ต่างกัน
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่แน่ว่าหลังจากนี้ไปอีกหกสิบปี เขาก็คงจะแข็งแกร่งมากพอที่จะต่อสู้กับปิงซื่อเทียนก็ได้” ผู้อาวุโสเลี่ยเผิงพูดขึ้นหลังจากตรึกตรองอยู่นาน
เวินหัวถิงชะงัก จากนั้นเขาจึงโบกมือไหว ๆ และเอ่ยปราม “เรื่องนี้อย่าพูดให้คนในนิกายให้ยินอีกเลยนะ ข้าไม่อยากให้มันกระทบใจของเฉินซี”
ทุกคนพยักหน้ารับรู้เมื่อได้ยินสิ่งนี้
เทียบเชิญของปิงซื่อเทียนนั้นน่าขยะแขยงเกินไป หากเป็นพวกเขาก็คงจะหดหู่หมดกำลังใจไปนานแล้ว หรือไม่ก็วิ่งเข้าชนเอาชีวิตเข้าแลกด้วยความเดือดดาล มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่หักห้ามตัวเองจากโทสะอันคุกรุ่นได้
โชคดีที่เฉินซีไม่ใช่คนประเภทนั้น ด้วยนิสัยเช่นนี้ของเขา จึงไม่แปลกใจว่าทำไมถึงได้พิชิตทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่สอง และได้รับรัศมีที่สง่างามเช่นนี้มาอย่างง่ายดาย
สิ่งนี้ทำให้ผู้อาวุโสระดับสูงของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองต่างถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
พูดตามตรง พวกเขากังวลอย่างมากว่าเฉินซีจะไม่อาจทนต่อความรู้สึกเชิงลบในจิตใจได้ และเกิดผลกระทบต่อการบ่มเพาะ ซึ่งมันย่อมเป็นไปตามความต้องการของปิงซื่อเทียน!
หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นมา เฉินซีก็ปิดด่านฝึกวิชาอีกครั้ง เขาใช้ชีวิตอย่างสันโดษ และไม่มีผู้ใดได้พบเห็นร่องรอยของชายหนุ่มนับแต่วันนั้น
ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ เวลาห้าปีผันผ่านไปอย่างรวดเร็วดั่งกระแสน้ำเชี่ยวกราก
ในอีกด้านหนึ่ง ที่โลกแห่งดารา เวลาได้ผ่านพ้นมาห้าสิบปีแล้ว
ในวันนี้กลุ่มเมฆทัณฑ์สวรรค์อันทรงพลังไพศาลกลับมาบรรจบกันเหนือท้องฟ้าของยอดเขาจรัสตะวันตกอีกครั้ง คราวนี้หมู่เมฆนั้นส่องสว่างและเรืองประกายหลากสีสัน มันวาวใสเหมือนแก้ว ทั้งยังฟุ้งไปด้วยไอหมอกและภาพมายา โดยสิ่งที่พิสดารที่สุดก็คือภายในนั้นกรุ่นไปด้วยกลิ่นหอมหวาน
มันเป็นกลิ่นหวานหอมประหนึ่งลมหายใจของคู่รัก มันล่องลอยไปทั่วทั้งเขตแดน และสามารถแทรกซึมเข้าไปภายในจิตวิญญาณของผู้คน ทำให้จิตใจของผู้ได้รับสัมผัสหลงทางในวันวน ไม่อาจหลุดพ้นจากภวังค์นั้นได้
แว่นฟ้าทัณฑ์สวรรค์!
เมื่อบรรดาคนทั้งหลายในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองได้เห็นเหตุการณ์นี้ก็ต่างพากันตื่นตระหนก โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเห็นว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นเหนือยอดเขาจรัสตะวันตกคราวนี้คือแว่นฟ้าทัณฑ์สวรรค์ พวกเขาก็พูดไม่ออก
เพราะตกใจหรือ?
หรือเพราะมันน่าอัศจรรศ์?
หรืออาจเป็นเพราะมันเกินจะเชื่อได้?
ความรู้สึกของพวกเขาซับซ้อนปนเป หลังจากผ่านไปเพียงห้าปี เฉินซีก็กลับมาพิชิตทัณฑ์สวรรค์อีกครั้งเป็นคราวที่สาม อันได้แก่การพิชิตแว่นฟ้าทัณฑ์สวรรค์ แล้วอย่างนี้พวกเขาควรตอบสนองด้วยความรู้สึกใด?
แม้เวินหัวถิงจะผ่านประสบการณ์และมีความรู้มากมาย ทว่ามุมปากของเขาก็อดกระตุกแรงไม่ได้เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้
ทัณฑ์สวรรค์นี้เป็นของเฉินซีไม่ผิดแน่ เพราะผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีระดับสองทุกคนจะต้องเผชิญกับแว่นฟ้าทัณฑ์สวรรค์เพื่อบรรลุระดับที่สามของขอบเขตเซียนปฐพี
มันเป็นทัณฑ์สวรรค์ที่ไม่เพียงมีพลังน่าเกรงขามเป็นพิเศษเท่านั้น หากยังสามารถสร้างปรากฏการณ์ที่ซับซ้อนเพื่อรบกวนสภาพจิตใจของผู้ทดสอบด้วย!
เช่นเดียวกับเมื่อห้าปีที่แล้ว ร่างของเฉินซีเปลี่ยนเป็นลำแสงสีทองทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง เขาปรากฏตัวขึ้นใต้ก้อนเมฆในขณะที่ร่างกายฉายแสงทองธรรมเทพอันไร้สิ้นสุด
สิ่งเดียวที่แตกต่างจากเมื่อห้าปีที่แล้วก็คือ ครั้นเฉินซีเผชิญกับแว่นฟ้าทัณฑ์สวรรค์ เขากลับนั่งขัดสมาธิด้วยท่าทางสงบนิ่งกลางอากาศพร้อมหลับตาสนิท
คล้ายว่าเขาไม่ได้มาเพื่อพิชิตทัณฑ์สวรรค์ แต่มาเพื่อเข้าฌานเท่านั้น!