บทที่ 4 ลาก่อนซูเสี่ยวฉิน
บทที่ 4 ลาก่อนซูเสี่ยวฉิน
ชามใบใหญ่ถูกวางลงหน้าคุณย่าซู ในชามเต็มไปด้วยบะหมี่เกอตา*[1] และใส่ไข่อีกหนึ่งฟอง
บะหมี่เกอตาขาวเนียนราวกับหิมะ ไข่สีทองเหลืองอร่าม ต้นหอมเขียวสด มองดูแล้วชวนน้ำลายสอ แม้แต่ซูเสี่ยวเถียนยังอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
แต่ครั้นเห็นอาหารของคนอื่น หัวใจพลันบีบรัดอย่างปวดร้าว
นั่นคือวิถีของสมาชิกในครอบครัว พวกเขามักมอบสิ่งดี ๆ ให้เธอเสมอมา
ในชีวิตก่อนหน้านี้นางได้นำพาสิ่งดี ๆ มาให้ครอบครัว กลับสร้างความเหน็ดเหนื่อยให้กับพวกเขามาตลอด
คุณย่าเลื่อนบะหมี่เกอตาชามใหญ่ไปตรงหน้าซูเสี่ยวเถียน และพูดว่า “หลานรัก ย่าให้แม่ของหลานทำบะหมี่เกอตาให้หนู รีบชิมเร็วเข้า!”
แม้ว่าต่อมาเธอจะมีชีวิตย้ำแย่ แต่ในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้าจะได้กินดีอยู่ดี แม้ว่าเธอจะได้กินของดี ๆ มากมาย บะหมี่เกอตาก็ไม่ใช่สิ่งแปลกสำหรับเธอแต่อย่างใด
แต่ในเวลานี้ บะหมี่ชามนี้ ทำให้ความรู้สึกของซูเสี่ยวเถียนผสมปนเปกันไปหมด
“คุณย่าคะ คุณปู่คะ บะหมี่เยอะขนาดนี้หนูกินไม่หรอกค่ะ หนูแบ่งให้นะคะ!” ซูเสี่ยวเถียนไม่รีรอให้คนอื่นพูด หล่อนกุลีกุจอหยิบชามสองใบแล้วใช้ช้อนแบ่งบะหมี่เกอตาเป็นส่วนอย่างรวดเร็ว
ซูเสี่ยวเถียนเลือกชามที่น้อยที่สุดให้ตนเองพลางกล่าวว่า “หนูตัวเล็ก กินแค่นี้ก็พอแล้ว!”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็มองไปยังเหล่าพี่ชายของเธอที่ดูทุกข์ใจ
พวกเขาทั้งหมดเป็นเด็ก จะไม่ชอบกินได้อย่างเล่า? แต่ว่ามันมีน้อยเกินไป…
“ได้อย่างไรกันเล่า หลานกำลังป่วย ควรกินมันให้มากหน่อย” คุณปู่ซูรีบพูด “ปู่เป็นผู้ใหญ่จะกินอะไรก็ได้”
หมอหลี่กล่าวกับเขาเป็นการส่วนตัวว่า หล่อนตกลงไปในน้ำและถ้าไม่ได้รับการบำรุงที่ดี เกรงว่ามันจะยากสำหรับเธอที่จะมีลูกในอนาคต!
“คุณปู่คะ คุณปู่อายุมากแล้ว ควรจะบำรุงร่างกายเสียหน่อย!”
ซูเสี่ยวเถียนรู้สึกเศร้า แต่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงนุ่มนวลของเธอออดอ้อนซึ่งทำให้หัวใจของผู้คนละลาย
เธอไม่ลืมว่าในชีวิตก่อนหน้านี้คุณปู่ทำงานอย่างหนักเหนื่อยตัวเป็นเกลียวทุกวัน อาหารการกินไม่เอื้ออำนวย สุขภาพจึงอ่อนแอลงอย่างรวดเร็วและจากไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
คุณย่าก็เช่นกัน เธอเหนื่อยเกินไป และไม่ได้กินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการตลอดทั้งปีซึ่งมันทำให้ร่างกายเธอเจ็บปวด
ชีวิตนี้เธอจะทำให้อาวุโสสองคนนี้มีสุขภาพดีและมีชีวิตอยู่ต่อไปในอีกหลายปี
“คุณพ่อคะ คุณแม่คะ นี่เป็นความตั้งใจของน้องเสี่ยวเถียน ท่านกินมันเถอะค่ะ!” เหลียงซิ่วมองไปที่ลูกสาว และเกลี่ยกล่อมสองสามีภรรยา
ดวงตาของคุณย่าเปียกชื้น หลานรักของหล่อน ไม่เสียแรงที่รักและเอ็นดู
บรรยากาศอบอุ่นนี้อยู่ได้ไม่นานก็ถูกคนรบกวน
“ฉันได้ยินมาว่าน้องเสี่ยวเถียนตกในน้ำ เลยว่าจะมาดูเสียหน่อย!” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยสนุกดังขึ้น หลังจากนั้นก็มีคนเดินเข้ามา
“ย่ารอง!” เด็ก ๆ บนพื้นกุลีกุจอลุกขึ้นทักทายผู้มาใหม่
ลูกหลานตระกูลซูเคร่งครัดในกฎระเบียบ
สามพี่น้องตระกูลซูและเหล่าสะใภ้ต่างลุกขึ้นจากโต๊ะ และเอ่ยทักทายหญิงชรา
คุณย่ารองตระกูลซู หลิวซิ่วอิงเป็นภรรยาของซูซาน น้องชายคนที่สองของซูชวน นิสัยของหล่อนแตกต่างจากคุณย่าซูราวฟ้ากับเหว นิสัยของหล่อนไม่แม้แต่จะแยแสผู้ใด
เธอชอบมองดูความสนุกของผู้อื่น โดยไม่สนใจว่าครอบครัวของตนเองจะเป็นอย่างไร
“อุ๊ย ของพวกนี้มันอะไรกัน ไม่มีอะไรดีกว่านี้กินแล้วรึ? สะใภ้ใหญ่ เหตุใดไม่ทำอาหารดี ๆ หน่อยเล่า!” หลิวซิ่วอิงเหลือบมองอาหารบนโต๊ะและเอ่ยถากถาง
ก่อนที่เธอจะพูดจบ พลันเหลือบไปเห็นบะหมี่เกอตาสีขาวนวลตรงหน้าซูเสี่ยวเถียน หล่อนเดาะลิ้นหนึ่งเสียงและพูดต่อว่า “อุ๊ย ของดี ๆ ก็ให้นังเด็กล้างผลาญจนหมด ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรกันอยู่!”
คุณย่ากระแทกตะเกียบลงบนโต๊ะ และเอ่ยอย่างโกรธเคือง “ฉันก็ไม่ได้กินข้าวบ้านแกเสียหน่อย ทำอย่างกับตัวเองไม่ใช้ตัวล้างผลาญ”
หลิวซิ่วอิงสำลัก และสถบหนึ่งคำ “เนรคุณ!”
“เอาล่ะ ๆ ฉันรู้แล้วว่าแกมาที่นี่เพื่อเยาะเย้ยฉัน พอใจแล้วก็กลับไปซะ พวกเราจะกินข้าว!” คุณย่าไม่ชอบน้องสะใภ้คนนี้ จึงไล่นางไปอย่างโจ๋งครึ่ม
หลิวซิ่วอิงรู้สึกเบื่อหน่อยบ กลอกตาเอื่อมระอาหนึ่งรอบ จากนั้นหมุนกายตบคนผู้หนึ่งที่อยู่ด้านหลังหล่อนหนึ่งฉาด
“นังเด็กน่ารำคาญ! มัวแต่มองโต๊ะอาหารคนอื่นอยู่ได้ แกอยากกินข้าวบ้านคนอื่นงั้นรึ? ไม่เห็นชะตากรรมของพวกเขาหรืออย่างไร!”
หลังจากทุบตีและด่าจนพอใจแล้ว หลิวซิ่วหยิงกรีดกรายเดินจากไป
ตอนนั้นเอง ทุกคนถึงเห็นว่าข้างหลังหล่อนคือซูเสี่ยวฉินหลานสาวคนโตของครอบครัวรอง
ซูเสี่ยวฉินเป็นเด็กหญิงอายุสิบขวบ ปากนิด จมูกหน่อย มองดูแล้วน่ารักน่าชัง
เด็กหญิงตัวเล็กถูกทุบตีโดยไร้เหตุผล ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความข้องใจ ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกสงสาร
ทว่าท่ามกลางผู้คนเหล่านั้น ไม่รวมซูเสี่ยวเถียนอยู่ด้วย
ญาติผู้พี่ของเธอผู้นี้รู้วิธีใช้ถ้อยคำในการพูด การแสดงออก และใช้ความเห็นอกเห็นใจของผู้อื่นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตั้งแต่อายุยังน้อย
เมื่อวานนี้ ซูเสี่ยวฉินบอกคังเหม่ยฮวาอย่างลับ ๆ ว่า ซูเสี่ยวเถียนเป็นที่รักของครอบครัวซูมากแค่ไหน และครอบครัวซูรักเธอมากแค่ไหน
เพราะคำพูดยั่วยุของหล่อนทำให้คังเหม่ยฮวาโกรธเคือง และผลักซูเสี่ยวเถียนลงไปในแม่น้ำ
หากบอกว่าคังเหม่ยฮวาเป็นคนงี่เง่าไร้สมอง ซูเสี่ยวฉินก็คงเป็นนังงูพิษตัวจริง
เธอมองไปที่ซูเสี่ยวฉินโดยไม่รู้ตัวและสบตาเข้ากับซูเสี่ยวฉินโดยบังเอิญ
ดวงตาใส่แจ๋วคู่หนึ่งหยุดลงบนบะหมี่สีขาวนวลตรงหน้าของซูเสี่ยวเถียนบนโต๊ะ ดวงตาฉายแววริษยา
ในชีวิตก่อนหน้านี้ เธอรู้ว่าซูเสี่ยวฉินอิจฉาเธอและต้องการทำลายเธอ เพราะพวกเขาทั้งคู่เป็นหลานสาวของตระกูลซู และซูเสี่ยวเถียนเป็นที่ชื่นชอบมากกว่าเธอ
“เสี่ยวฉิน…”
ครั้นคุณย่าซูเห็นท่าทางน่าสงสารของซูเสี่ยวฉิน จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก แต่ถูกขัดจังหวะโดยซูเสี่ยวเถียนเสียก่อน
“พี่ฉินก็อยากกินด้วยเหรอจ๊ะ? แต่นี่เป็นสิ่งที่บ้านของหนูมีทั้งหมด แม้แต่พี่ชายของฉันยังไม่ได้กินเลย หนูไม่ยกมันให้พี่หรอกนะ!”
หลังจากตะลึงงันไปชั่วอึดใจหนึ่ง ซูเสี่ยวเถียนไม่รอให้เสี่ยวฉินตอบสนอง และกล่าวต่อว่า “ครอบครัวของพี่รวยกว่าหนู พี่คงจะได้กินมันทุกวัน พี่ไม่อยากกินมันใช่ไหมจ๊ะ?”
การแสดงออกที่ไร้เดียงสาราวกับนางไม่ได้ตั้งใจพูดประโยคนั้นออกมา
สีหน้าของซูเสี่ยวฉินเปลี่ยนไป
สภาพครอบครัวรองของตระกูลซูไม่ได้ย่ำแย่ บะหมี่เกอตาถูกปรุงขึ้น แต่มันมีไว้สำหรับพี่ชายและน้องชายของเธอเท่านั้น
แม้ว่าเธอจะเป็นหลานสาวคนโตของครอบครัวรอง แต่ไม่มีที่ของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ต้องพูดถึงการกินบะหมี่เกอตาใส่ไข่ จะกินให้อิ่มท้องยังยากเลย!
พวกเธอทั้งหมดล้วนเป็นหลานตระกูลซู ทำไมซูเสี่ยวเถียนถึงมีชีวิตที่ดีอยู่คนเดียวล่ะ?
เด็กหญิงกำมือแน่นจนเล็บจิกลงบนฝ่ามือ
แต่ท้ายที่สุดก็หมุนกายและจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ!
ซูเสี่ยวเถียนหรี่ตาลงเล็กน้อย
ในเวลานี้ซูเสี่ยวฉินยังอ่อนวัย ไม่เหมือนกับตอนที่หล่อนโตขึ้น ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเอามาใส่ใจ
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสร้างรายได้!
“หลานรัก เสี่ยวฉินเป็นเด็กน่าสงสาร!” เมื่อเห็นซูเสี่ยวฉินจากไป คุณย่าซูก็ลูบกลุ่มผมนุ่มของซูเสี่ยวเถียนอย่างแผ่วเบา
“คุณย่าคะ เมื่อวานพี่เสี่ยวฉินบอกกับพี่เหม่ยฮวาว่าพวกคุณย่ารักแต่หนู ดังนั้นหนูจึงถูกพี่หม่ายฮวาผลักลงไปในแม่น้ำ”
ซูเสี่ยวเถียนตัดสินใจพูดเรื่องนี้กลางโต๊ะอาหาร ซูเสี่ยวฉินจะได้ไม่ยุยงก่อเรื่องอีกต่อไป
ทั้งครอบครัวไม่ได้คาดคิดว่าความจริงจะเป็นแบบนี้!
“ฉันไม่คิดว่าเสี่ยวฉินจะเป็นเด็กใจแคบแบบนี้ จากนี้ก็อยู่ให้ห่างจากเธอหน่อยก็ดีกว่า” คุณปู่ซูเอ่ยเสียงดัง
ตระกูลซูไม่ได้ให้ความสำคัญกับเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิงเลย ปกติแล้วพวกเขาจะเห็นใจและดูแลซูเสี่ยวฉินเสมอ
เมื่อเจอกันเวลาอาหาร พวกเขามักจะกลัวหล่อนกินไม่อิ่มจึงแบ่งข้าวให้หนึ่งถ้วยเสมอ แต่ไม่ได้คาดคิดจะว่าเธอหน้าเนื้อใจเสือ
*[1] บะหมี่เกอตา ทำจากแป้งสาลีนวดให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ บ้าง ปั้นเป็นเส้นบ้าง แล้วใส่ลงไปในน้ำซุปข้น ๆ จะเป็นน้ำซุปใสหรือน้ำซุปไข่ใส่มะเขือเทศก็ได้