บทที่ 5 ตกใจกลัวแทบแย่
บทที่ 5 ตกใจกลัวแทบแย่
ครั้นส่งคงคนที่ไม่ได้รับเชิญออกไป พวกเขาก็ลงมือกินมื้อเช้ากันอย่างมีความสุข
เมื่อพูดถึงการตกน้ำ ซูเสี่ยเถียนจำได้ว่าตนเองได้รับการช่วยเหลือจากใครบางคน ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่ขอบคุณผู้ช่วยชีวิตเธอ
“คุณปู่คะ คุณย่าคะ พี่ชายบ้านฉือช่วยหนูเอาไว้ หนูยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย”
สีหน้าที่เปลี่ยนไปของคนในครอบครัวฉายชัดให้เห็น
ฉืออี้หย่วนเป็นเด็กหนุ่มที่ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี นิสัยของเขาไม่เลวเลย
แต่ว่าตัวตนของเขาทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะยอมอ่อนข้อให้
ฉืออี้หย่วนไม่ใช่คนหมู่บ้านนี้ สามปีที่แล้ว เขาติดตามฉือเก๋อ ปู่ของเขาที่ถูกส่งที่นี่
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ผู้คนในหมู่บ้านกล่าวว่าส่วนที่เหลือของตระกูลฉือล้วนย้ายไปอยู่ต่างประเทศ
ข่าวดังกล่าวแพร่กระจายเป็นวงกว้าง หากแต่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
แต่ซูเสี่ยวเถียนผู้ซึ่งกลับมาเกิดใหม่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ครอบครัวฉือนอกจากคุณปู่และหลานชายสองคน ครอบครัวที่เหลือล้วนอยู่ต่างประเทศ และตั้งรออีกสองสามปี พวกเขาถึงจะกลับมา
“เมื่อคืนพ่อของหลานนำมันฝรั่งไปให้พวกเขาแล้ว” คุณย่าซูกดน้ำเสียงให้ต่ำลง
เด็กอายุเจ็ดขวบยังรู้วิธีขอบคุณผู้มีพระคุณของพวกเขา? จะมีผู้ใดกล่าวหาเธออีกหรือไม่?
“หนูอยากไปขอบคุณพี่ฉือด้วยตัวเองค่ะ!” ซูเสี่ยวเถียนคลี่ยิ้มสดใสและเอ่ยขึ้น
คุณย่าซูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และมองไปยังสามีของตนเอง
พวกเขาเป็นเพียงชาวนาธรรมดา มันคงจะไม่ดีเท่าไรนักหากพวกเขาจะคบค้าสมาคมกับคนห้าประเภทแบบนั้น
การเคลื่อนไหวมือของคุณปู่ซูหยุดชะงัก หันไปมองใบหน้าที่ไร้เดียงสาของหลานสาวสุดที่รัก ท้ายที่สุดก็ยอมพยักหน้าตกลง
รอยยิ้มของซูเสี่ยวเถียนสว่างสดใส มือน้อย ๆ จับตะเกียบกินมื้อเช้านี้อย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ทุกคนในครอบครัวแยกย้ายไปทำงานของตนเอง บรรดาพี่ชายก็ไปโรงเรียนโดยทิ้งคุณย่าซูให้อยู่เป็นเพื่อนกับซูเสี่ยวเถียนที่บ้าน
ความจริงแล้วอายุของคุณย่ายังสามารถทำงานได้ ทว่าเท้าของเธอเป็นเท้าดอกบัวทองคำสามนิ้ว*[1] ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถทำนาได้
โดยทั่วไป เธอจะทำงานในลานนวดข้าว ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ
วันนี้เพื่อดูแลซูเสี่ยวเถียน จึงขอหยุดงานอยู่ที่บ้าน
“คุณย่าคะ หนูอยากนอนสักครู่หนึ่ง เมื่อคืนเพื่อดูแลหนู คุณย่าถึงไม่ได้นอน คุณย่าต้องพักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ!” ซูเสี่ยวเถียนกอดแขนออดอ้อนคุณย่าซู
“หลานรัก หลานไปนอนเถอะ ตอนนี้ย่ายังไม่ง่วง ว่าจะไปซักผ้าก่อนน่ะ” คุณย่าซูมองใบหน้าอันงดงามของหลานสาวด้วยความรักอย่างสุดซึ้ง
ซูเสี่ยวเถียนอยากจะโน้มนาวเธอ แต่ก็รู้ว่าไม่สามารถห้ามได้ ดังนั้นจึงหยุดเซ้าซี้และกลับห้องของตนเองไป
นอกจากนนี้ยังมีระบบที่อาจสร้างความประหลาดใจรอเธออยู่
เมื่อกลับถึงห้อง ซูเสี่ยวเถียนทำความเข้าใจอยู่กับระบบอยู่พักใหญ่ ในที่สุด ซูเสี่ยวเถียนก็รู้วิธีใช้ระบบที่มาพร้อมกับห้องสมุด
หนังสือในห้องสมุดสามารถนำออกมาอ่านได้ แต่ประเภทของหนังสือที่นำออกมานั้นอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา
ในขณะเดียวกันก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า รางวัลสำหรับการอ่านทุกวันจะคำนวณตามเวลา
ระดับรางวัลสูงสุดคือสิบชั่วโมง และส่วนเกินก็จะคำนวณเป็นสิบชั่วโมง
เธอสุ่มหยิบหนังสืออกมาเล่มหนึ่ง มันคือหนังสือนิท่าน ดูแล้วไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไร แต่มันดีกว่าหนังสือในยุคนี้มาก
ซูเสี่ยวเถียนจึงต้องอ่านมันอย่างช่วยไม่ได้ เธอใช้เวลาอ่านหนังสือเล่มนี้เป็นเวลาสามชั่วโมง
เธอว่างหนังสือลงและครุ่นคิดอย่างรอบครอบ ดูเหมือนว่าเนื้อหาทั้งหมดในหนังสือจะถูกบันทึกลงสมองชัดเจนอย่างไม่น่าเชื่อ
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ หลังจากอ่านหนังสือเล่มแรกจบได้รับห้าเหมา] เสียงหวานของระบบดังขึ้นในหูอีกครั้ง
นอกจากได้รับรางวัลจากการลงชื่อเข้าใช้แล้ว การอ่านหนังสือก็ยังแลกเงินได้งั้นเหรอ? ซูเสี่ยวเถียนดีใจจนแทบกระโดดตัวลอย
ห้าเหมาในอนาคตซื้อได้แค่อมยิ้ม แต่ในยุคนี้มันไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยเลย
รู้หรือไม่ว่าเงินเดือนของกรรมกรน่ะเพียงสามสิบหยวนต่อเดือนเท่านั้น
เธออ่านเพียงชั่วขณะหนึ่งแต่ได้ถึงห้าเหมา มันเกิดความคาดหมายหรือไม่? น่าประหลาดใจหรือเปล่า?
“แอนนา ฉันจะได้รับรางวัลทุกครั้งที่อ่านหนังสือจบใช่ไหม?” เธอถามด้วยดวงตาเป็นประกาย
[ในทางทฤษฎีแล้วก็ใช่ อย่างไรก็ ตามโฮสต์ต้องพุ่งสมาธิไปกับการอ่านหนังสือเท่านั้นถึงจะได้รับรางวัล] เสียงของระบบยังคงหวานเลี่ยนเหมือนเคย
เป็นแบบนี้นี่เอง
เมื่อครู่ เธอใจจดใจจ่ออยู่กับเนื้อหาในหนังสือจริง ๆ
ระบบกำลังบอกเธอว่า ความจริงจังเป็นสิ่งสำคัญที่สุดใช่หรือเปล่า?
“จะลงชื่อเข้าใช้ได้อย่างไร? แล้วรางวัลคืออะไรเหรอ?” ซูเสี่ยวเถียนจำได้ว่านี่เป็นระบบลงชื่อเข้าใช้ จึงเอ่ยถามอีกครั้ง
[ระบบสามารถลงชื่อเข้าใช้ได้วันละครั้งเท่านั้น ยิ่งอ่านนานเท่าไร รางวัลจากการลงชื่อก็จะยิ่งเพิ่มยิ่งขึ้นเท่านั้น โฮสต์สามารถลงชื่อเข้าใช้ก่อนเข้านอนได้ทุกคืน]
แท้จริงแล้วเป็นแบบนี้นี่เอง หากคำนวณตามระยะเวลา การลงชื่อเข้าใช้ในตอนกลาคืนจะคุ้มค่าที่สุดอย่างแน่นอน
แต่ว่า…เงินอยู่ที่ไหนกัน?
ทันใดนั้นซูเสี่ยวเถียนก็นึกถึงคำถามสำคัญนี้ขึ้นมาได้
“แอนนา รางวัลของฉันอยู่ที่ไหน”
[อยู่ในกล่องเล็ก ๆ ตรงหัวเตียงของโฮสต์ ในอนาคต รางวัลการลงชื่อเข้าใช้ของโฮสต์จะปรากฏในกล่องเล็ก ๆ ใบนี้]
ทำไมถึงอยู่ในกล่องเล็ก ๆ ใบนี้ได้กันล่ะ?
ซูเสี่ยวเถียนเองก็ไม่รู้
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลต่อความอยากรู้อยากเห็นของเธอ
เธอเปิดกล่องด้วยความรู้สึกชื่นมื่น ซูเสี่ยวเถียนเปิดกล่องไม้ใบเก่าทันใด
ภายในกล่องไม่ได้มีสิ่งของมากมาย มีเสื้อผ้าเก่าไม่กี่ตัวเท่านั้น
บนกองเสื้อผ้าที่พับไว้อย่างเป็นระเบียบ มีธนบัตรหนึ่งเหมาจำนวนห้าใบใหม่เอี่ยมวางทับซ้อนกันอยู่!
ว้าว มันคือความจริง เราจะรวยกันแล้ว!
เด็กหญิงตัวเล็กเกือบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น
แต่ก่อนที่เธอจะกระโดดก็รีบคว้าเงินห้าเหมามาถือไว้อย่างระมัดระวัง
เธอสัมผัสธนบัตรทีละใบอย่างตื่นเต้น เธอดีใจจนไม่อยากปล่อยมือ
หลังจากความตื่นเต้นสงบลง ซูเสี่ยวเถียนก็นำเงินเก็บเข้าไปในกล่องไม้อย่างไม่เต็มใจ และเตรียมอ่านหนังสือต่อ
แต่เมื่อเปิดห้องสมุดเสมือนจริงก่อนที่จะสัมผัสหนังสือได้ พลันได้ยินเสียงของคุณย่าซูดังขึ้นนอกประตู
“น้องเสี่ยวเถียนเอ๋ย หลานตื่นหรือยัง?” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู
ซูเสี่ยวเถียนรีบออกจากห้องสมุดเสมือนจริงและพุ่งตัวไปทางประตู “คุณย่า หนูตื่นแล้วค่ะ!”
เมื่อเห็นผ้าห่มที่พับอย่างเรียบร้อยบนเตียง จึงกุลีกุจอคลี่ผ้าห่มออกจากกันและคลุมลงบนร่างกาย
เมื่อคุณย่าเข้ามา ภาพที่เห็นคือหลานสาวสุดที่รักกำลังดึงผ้าห่มด้วยสีหน้ามึนงง
“หลานรักของย่า มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?” คุณย่าซูถามอย่างกระวนกระวายใจ ทำไมเด็กคนนี้ถึงดูมึนงงแบบนี้
“คุณย่า หนูฝันค่ะ!” หลังจากครุ่นคิดซูเสี่ยวเถียนก็พูดออกมา
คุณย่าซูรีบกอดซูเสี่ยวเถียน และถามอย่างร้อนรน “เด็กดีฝันถึงอะไร? กลัวหรือไม่? ถ้าหลานกลัว ย่าจะเรียกขวัญหลานเอง!”
เด็กคนนี้ต้องหวาดกลัวจากตกน้ำเป็นแน่
ทุกอย่างเป็นเพราะคนเหล่านั้นไร้หัวใจ มันแย่เหลือเกินที่หลานสาวที่รักของหล่อนหวาดกลัวเช่นนี้
“คุณย่า หนูฝันถึงราชามังกรที่บอกว่าเขาเป็นคนแก่คนหนึ่ง หนูตกลงไปในน้ำและได้สบตากับเขา เขาต้องการช่วยหนู!” ซูเสี่ยวเถียนพูดอย่างจริงจัง
คุณย่าซูตกใจมาก เธอรีบมองออกไปนอกบ้านเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่น วางมือทาบอกตัวเองและตบเบา ๆ
แต่ละคำที่เด็กคนนี้พูดออกมาทำให้คนตกใจกลัวแทบแย่
“เจ้าเด็กคนนี้ ประโยคนี้ไม่สามารถพูดออกมาได้ หากคนอื่นได้ยินจะถูกกล่าวหาว่าฝึกไสยศาสตร์มนต์ดำ!” น้ำเสียงของคุณย่าซูกังวลเล็กน้อย
*[1] บัวทองสามนิ้ว คือ การรัดเท้า เป็นจารีตที่ให้รัดเท้าของหญิงสาวให้คับแน่น เพื่อไม่ให้นิ้วเท้างอกขึ้นได้อีก เท้าที่ถูกบีบรัดนั้นจะได้มีสัณฐานเรียวเล็กคล้ายดอกบัว เรียกว่า ‘บัวทองสามนิ้ว’