บทที่ 7 ยังมีตั๋ว
บทที่ 7 ยังมีตั๋ว
ฝ่ายชายไปทำงานที่ที่ดินส่วนตัว
หลังจากอ่านหนังสือมาทั้งวันแล้ว ซูเสี่ยวเถียนรู้สึกว่ามันไม่ดีที่อุดอู้อยู่แต่ในห้อง ดังนั้นเธอจึงอาสาไปกับคุณปู่เพื่อช่วยทำงานที่ที่ดิน
เมื่อพูดถึงการช่วยเหลือ ผู้ใหญ่ในครอบครัวต่างเข้าใจอย่างชัดเจน เธอคงจะอึดอัดที่ต้องอยู่บ้านทั้งวัน จึงอยากตามออกไปเที่ยวเล่น
“ตาเฒ่าดูแลหลานด้วยนะ!” คุณย่าซูไม่ลืมที่จะย้ำกับสามี
คุณปู่ซูพยักหน้าอย่างเย็นชา และพูดอย่างรำคาญใจ “ข้าโตแล้วนะ จะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร”
เมื่อมองดูความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่สามี ลูกสะใภ้ทั้งสามก็อดหัวเราะไม่ได้
ตามกฎระเบียบของหมู่บ้าน หนึ่งคนสามารถมีที่ดินได้คนละสองส่วน ครอบครัวมีสมาชิกในครอบครัวสิบแปดคน เช่นนั้นจึงมีที่ดินเป็นจำนวนสามหมู่*[1] กว่า ๆ
ที่ดินส่วนตัวของตระกูลซูอยู่ไม่ไกลจากบ้านตระกูลซู และใช้เวลาสามนาทีหรือห้านาทีในการเดินไปที่นั้น
พื้นที่ขนาดใหญ่เชื่อมต่อกันเป็นที่ดินขนาดใหญ่ นอกจากการปลูกผักแล้ว ยังมีการปลูกมันฝรั่งและข้าวโพดอีกด้วย
ที่ดินส่วนตัวเหล่านี้มีความสำคัญต่อครอบครัวมาก หากที่ดินส่วนตัวไม่ได้ให้ผลผลิตเพื่อเป็นเสบียงครอบครัว พวกเราทั้งครอบครัวคงจะอดตาย
คุณปู่ซูและลูกชายสามคนของเขายุ่งกับการดูแลพืชผลในที่ดินส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม ซูเสี่ยวเถียนเห็นว่าต้นกล้าในทุ่งนาเติบโตได้ไม่ดี พวกมันดูเหี่ยวเฉาและไม่แข็งแรง
ซูเสี่ยวเถียนเดาว่าพืชเหล่านี้คงขาดสารอาหาร
แต่เธอไม่รู้ว่าพวกเขาขาดสาดอาหารชนิดใด จึงไม่สามารถช่วยมันได้
เธอไม่เก่งเรื่องการปลูกพืช ไม่ว่าจะในชาตินี้หรือชาติไหน
ในขณะนี้ ซูเสี่ยวเถียนรู้สึกว่าเธอควรศึกษาอย่างหนัก แต่เธอไม่รู้ว่าจะต้องอ่านหนังสือนิทานต่อไปถึงเมื่อไร! มันเป็นความจริงที่บอกว่าเธอเป็นเด็ก แต่วิญญาณไม่ใช่อย่างไรเล่า!
จนกระทั่งท้องฟ้ามืดสนิท คุณปู่ซูตะโกนเรียกลูกชายของเขาให้ออกมาจากที่ดิน และเตรียมตัวกลับบ้าน
เมื่อเขาเห็นหลานสาวตัวน้อยนั่งอยู่บนพื้นพร้อมกับด้วงตากลมโตสดใสคู่นั้นกำลังกะพริบปริบ มองดูแล้วน่ารักยิ่งนัก ชายชราปัดสิ่งสกปรกตามร่างกายเพื่อเข้าไปอุ้มหลานสาว
ซูเสี่ยวเถียนหน้าแดง เธอรู้สึกอายมาก หล่อนอายุตั้งเท่าไรแล้ว จะดีใจเมื่อถูกอุ้มได้อย่างไรกัน
เด็กหญิงบอกว่าจะไม่ยอมให้คุณปู่อุ้มอย่างแน่นอน เธอจับมือหยาบกร้านของคุณปู่ซูด้วยมือนุ่ม ๆ ของเธอ และจูงมือของพวกเขากลับบ้านไปด้วยกัน
ซูหม่านเถียนมองดูลูกสาวตนเองเดินตามผู้เป็นบิดาตนเองอย่างเชื่อฟังแล้วก็ได้แต่รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านั้นคือลูกสาวของเขา!
“เถียนเถียน ให้พ่ออุ้มลูกไปดีหรือไม่?”
“คุณพ่อคะ หนูโตแล้วนะ เดินเองได้แล้วค่ะ” ซูเสี่ยวเถียนพูดเบา ๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “หนูยังอยากจูงคุณปู่ด้วย!”
สามพี่น้องอดหัวเราะไม่ได้เมื่อได้ยินเรื่องนี้ เจ้าเด็กคนนี้ ไม่ใช่คุณปู่จูงเธอนะ แต่เป็นเธอคุณจูงคุณปู่งั้นเหรอ?
เมื่อกลับถึงบ้านอาบน้ำล้างตัวเรียบร้อยแล้ว ซูเสี่ยวเถียนอยากจะรีบกลับไปที่ห้องของเธอเพื่อดูว่าจะได้อะไรจากการลงชื่อเข้าใช้ในวันนี้ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
เหลียงซิ่วเห็นว่าลูกสาวของเธอกำลังมีอาการห่อเหี่ยว จึงคิดแต่เพียงว่าเธอป่วยและเหนื่อยล้า จึงรีบบอกให้เธอเข้านอน
คุณย่าซูอยากอยู่กับหลานตลอดเวลา แต่ครั้งนี้กลับถูกซูเสี่ยวเถียนปฏิเสธ
บ้านตระกูลซูแน่นขนัด ผู้เฒ่าสองคนอาศัยอยู่ในห้องโถง และซูเสี่ยวเถียนอาศัยอยู่ในห้องเล็ก ๆ ที่แยกมาจากห้องโถง
ห้องนี้ของซูเสี่ยวเถียนเป็นห้องเดี่ยว ถึงแม้ว่ามันจะมีขนาดเล็ก แต่ก็ดีกว่าห้องที่เหล่าพี่ชายของเธออาศัยอยู่รวมกันเสียอีก
รู้หรือไม่ว่า พี่ชายเก้าคนของเธอยังนอนอยู่บนเตียงเตาขนาดใหญ่ด้วยกัน
ซูเสี่ยวเถียนนอนอยู่บนเตียงเตาและรอให้คุณย่าออกไปก่อนที่จะเรียกแผงระบบออกมาเพื่อเตรียมลงชื่อเข้าใช้
วันนี้เธอใช้เวลาอ่านหนังสือมากกว่าสิบชั่วโมง ตามกฎของระบบ เธอสามารถรับรางวัลสูงสุดของการลงชื่อเข้าใช้
ไม่รู้ว่ารางวัลสูงสุดจะเป็นอย่างไร
ซูเสี่ยวเถียนเต็มไปด้วยความคาดหวัง มือเล็ก ๆ ของเธอสั่นระริกอย่างตื่นเต้น
ถึงแม้ว่าจะกระวนกระวาย แต่ว่านิ้วมือขาวนวลของซูเสี่ยวเถียนจิ้มลงเครื่องหมายจับรางวัล
ในขณะที่ลูกศรยังคงกระโดดอยู่ในตารางที่เก้า หัวใจของซูเสี่ยวเถียนก็เต้นเร็วขึ้น
วันข้างหน้าจะได้กินเนื้อสัตว์หรือผักป่าก็ขึ้นอยู่กับระบบการลงชื่อเข้าใช้วันนี้แล้วล่ะ
เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าระบบจะสามารถมอบสิ่งดี ๆ ให้กับเธอได้ และอย่าให้อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์แก่พวกเธอเลย
และยังตำหนิว่า ถ้าของรางวัลกำหนดไว้โดยตรงจะดีแค่ไหน ทำไมต้องสุ่มด้วยเล่า?
ในที่สุดการเคลื่อนที่ของลูกศรก็เคลื่อนที่ช้าลงเรื่อย ๆ และหยุดลงบนช่อง ๆ หนึ่ง หลังจากนั้นมันก็เปิดขึ้น
ดวงตากลมโตของซูเสี่ยวเถียนกะพริบตาปริบ และจ้องมองไม่ละสายตา
ตั๋วเนื้อสิบจิน?
ตั๋วเนื้อ?
สิบจิน?
สวรรค์! มันคือเรื่องจริงงั้นเหรอ?
วันปีใหม่ปีที่แล้ว สิบแปดคนในครอบครัวของเรานำเนื้อมารวมกันได้ยี่สิบกว่าจินเท่านั้น แต่เธอลงชื่อเข้าใช้ครั้งเดียววันนี้ แต่ได้ตั๋วเนื้อมาถึงสิบจิน
แม้ว่าจะเป็นเพียงตั๋วเนื้อ แต่ในยุคสมัยระบบเศรษฐกิจแบบวางแผน ตั๋วสำคัญมากกว่าเงิน หากคุณไม่มีตั๋วถึงมีเงินก็ซื้ออะไรไม่ได้อยู่ดี
เธออ่านหนังสือหนึ่งวันได้รับเงินหนึ่งหยวนหกเหมา เดิมทีใจคอเธอเหี่ยวแห้ง เธอมีเงินแต่ไม่มีตั๋ว มันก็อยากที่จะใช้เงินนี้
ไม่คาดคิดว่าระบบ แม้แต่เรื่องตั๋วก็จะแก้ไขให้เธอได้
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของซูเสี่ยวเถียนนั้นสดใสอย่างหาที่เปรียบมิได้ ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะรบกวนคุณปู่และคุณย่าข้าง ๆ เธอคงจะส่งเสียงหัวเราะดังลั่นสามครั้งเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง
ในที่สุด ซูเสี่ยวเถียนก็ปิดปากด้วยมือเล็ก และแอบหัวเราะอยู่คนเดียว
ท่าทางนี้ของเธอเหมือนกับหนูตัวน้อยเป็นอย่างมาก น่ารักจริงเชียว
ห้าวันผ่านไป ดูเหมือนว่าร่างกายของซูเสี่ยวเถียนจะฟื้นฟูจนเกือบหายเป็นปกติ
สุขภาพของซูเสี่ยวเถียนดีขึ้นตามลำดับ เป็นเพราะการป่วยหนักครั้งนี้คุณปู่จึงขอลาหยุดให้ซูเสี่ยวเถียนหนึ่งสัปดาห์ ไม่จำเป็นต้องไปโรงเรียนชั่วคราว ทุกวันจึงเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องอ่านหนังสืออย่างจริงจัง
การอ่านหนังสืออย่างหนักทุกวันของเธอไม่ได้เปล่าประโยชน์
ภายในหกวัน ซูเสี่ยวเถียนได้รับเงินทั้งหมดแปดหยวนห้าเหมา นอกจากห้าเหมาแรกที่เธอมอบให้กับคุณย่าซูแล้ว ซูเสี่ยวเถียนยังมีอีกแปดหยวนอยู่ในมือ
มือขาวนวลของเธอนับเงินห้าหยวนอย่างระมัดระวัง และหยิบตั๋วน้ำตาลสองจินที่สุ่มมาเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ตั๋วเนื้อสิบจิน ตั๋วผ้าสิบฉือ ตั๋วข้าวสามสิบจิน และตั๋วน้ำมันสองจินที่เธอได้รับจากการสุ่มในวันนี้
คุณย่าซูมองหลานสาวตัวน้อยโบกมือให้ตัวเองอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ เธอกระวีดกระวาดเข้าไป และพบว่าในมือของหลานสาวตัวน้อยถือเงินและตั๋วกองหนึ่งเอาไว้
คุณย่าซูมองไปที่กองตั๋วและเงินด้วยความตื่นเต้นจนอยากจะกรีดร้องออกมา โชคดีที่ในวินาทีสุดท้ายเธอสามารถระงับความตื่นเต้นภายในได้
“หลานรัก หลานไปเอามาจากไหน?”
เธอสะกดความตื่นเต้นเอาไว้ และซูถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
อย่าบอกว่ามันได้รับจากราชามังกร วัดราชามังกรอยู่ในหมู่บ้านมาหลายร้อยปีแล้ว เธอไม่เคยได้ยินเรื่องการมอบอะไรไปให้ครอบครัวของใครเลย
แต่ซูเสี่ยวเถียวปริปากเอ่ยขึ้นว่า “ทั้งหมดมาจากคุณปู่ราชามังกร เขาบอกว่าครอบครัวของเราต้องการสิ่งเหล่านี้”
การแสดงออกของซูเสี่ยวเถียนดูมึนงง และเธอไม่คิดว่ามีสิ่งผิดปกติในคำพูดของตนเอง
แต่คุณย่าซูไม่รู้ว่า เมื่อครู่หัวใจของซูเสี่ยวเถียนยุ่งเหยิงขนาดไหน
มีตั๋วมากมาย แต่เงินเหล่านี้ยังน้อยไปหน่อย
ด้วยตั๋วจำนวนมาก เงินหยวนไม่กี่ใบเหล่านี้ไม่เพียงพอ และไม่รู้ว่าในมือของคุณย่ามีเงินเก็บไว้บางหรือไม่?
มิฉะนั้น ตั๋วเหล่านี้ทั้งหมดจะสูญเปล่า
ระบบก็เหมือนกัน เหตุใดไม่ให้เนื้อและธัญพืชโดยตรง? มันสะดวกยิ่งกว่า
อย่างไรก็ตาม ให้ตั๋วกับคุณย่าไปก่อน บางทีเธออาจจะมีวิธี!
คุณย่าซูมองไปที่ตั๋วเหล่านี้ทีละใบ จ้องมองพวกมันจนตาแถบจะถลนออกมา พวกเขาเป็นชาวชนบท และตั๋วก็ขาดแคลนมากกว่าคนในเมือง
อย่างไรก็ตาม เด็กคนนี้ เพียงพริบตาเดียวก็สามารถหาเสบียงได้มากกว่าคนงานในเมืองที่ทำงานทั้งเดือนเสียอีก
“เขาให้หลานมาเมื่อไร?” คุณย่าซูใคร่สงสัย
*[1] หน่วยวัดที่ดินแบบจีน โดย 1 หมู่เท่ากับ 666.67 ตารางเมตร