บทที่ 12 หนูยังไม่ได้กินข้าว
บทที่ 12 หนูยังไม่ได้กินข้าว
หลิวซิ่วอิงไม่ได้ยินที่คุณย่าซูด่า เธอตบต้นขาอย่างตื่นเต้นแล้วเสนอหน้าเข้ามาพูด “โอ้โห ฉันว่าแล้ว วันนี้พวกพี่ต้องทำของกินดี ๆ แน่ พี่สะใภ้อย่าขี้เหนียวเลย ให้ฉันกินคำหนึ่งสิ!”
สมาชิกในครอบครัวถูกความไร้ยางอายของหลิวซิ่วอิงทำให้โกรธจนปวดท้อง
เพราะหลิวซิ่วอิงเป็นผู้อาวุโส พวกพี่น้องซูเหล่าซานบางคนและเด็ก ๆ จึงไม่ง่ายที่จะพูดออกมา
คุณปู่ซูก็เป็นผู้ชาย คงไม่ดีที่จะสนใจเรื่องขี้ปะติ๋วพวกนี้ของเหล่าผู้หญิง
มีเพียงคุณย่าซูเท่านั้นที่ปริปากสาปแช่ง “ทำไมแกถึงเสนอหน้าขนาดนี้? นั่นเป็นของที่ฉันทำให้หลานรักกินบำรุงร่างกาย ทำไม? ของ ๆ เด็กก็จะเลียอย่างหน้าไม่อายงั้นเหรอ? เป็นผู้ใหญ่แล้วทำไมไม่กินตัวเองเข้าไปล่ะ!”
เมื่อได้ยินว่าเป็นของซูเสี่ยวเถียนอีก หลิวซิ่วอิงก็ไม่ยินดีอย่างมาก
“มีของดี ๆ ให้แต่นังเด็กล้างผลาญ พี่เต็มใจจริง ๆ หรืออย่างไร? แป้งทอดไส้กุยช่ายน้ำมันหมูสินะ ให้จินหวาและอิ๋นหวาบ้านฉันดีกว่าตั้งเยอะ!”
เธอไม่ได้แย่ง แต่ถ้าเด็ก ๆ แย่งก็ไม่เป็นไรงั้นสินะ?
แม้ว่าด้านหลังจะมีหลานสาวคนโต แต่หลิวซิ่วอิงก็ไม่คิดว่าหล่อนสมควรได้กินอาหารดี ๆ
เด็กผู้ชายทั้งสองที่เข้าใจคำพูดผู้คนแล้ว เมื่อได้ยินหลิวซิ่วอิงพูดเช่นนั้นก็ตะโกนทันทีว่าอยากกินแป้งทอดไส้กุยช่าย
คุณย่าซูเหลือบมองเด็กชายทั้งสองด้วยความรังเกียจ และไม่รู้ว่าเลี้ยงลูกอย่างไรจึงนิสัยเสียเช่นนี้
สกปรกนัก มองแล้วน่าขยะแขยง!
“นั่นไม่ใช่หลานฉัน ทำไม แกให้เองไม่ได้หรือ? จินหวากับอิ๋นหวาก็กินดี ไม่เห็นบ้านแกจะส่งมาให้บ้านฉันบ้างเลย!” คุณย่าซูตอกกลับอย่างขุ่นเคือง
“โอ๊ย ไม่ใช่เห็นว่าพวกพี่สะใภ้ก็ไม่ได้กันต่างเท่าไรเหรอ?” หลิวซิ่วอิงไร้ยางอายยิ่งนัก
หลิวซิ่วอิงในยามนี้ลืมไปหมดแล้วว่าครั้งก่อนที่มายังพูดจาเยาะเย้ยอยู่ว่าครอบครัวซูของพวกเราไม่ได้กินของดี ๆ
ซูเสี่ยวเถียนความจำดีจึงเอ่ยออกไป “คุณย่ารองคะ ครอบครัวหนูขาดอาหารอยู่ค่ะ ถึงย่าจะส่งมาให้พวกเราก็ไม่รังเกียจนะคะ คุณย่าอาจจะลืมไปแต่ครั้งที่แล้วตอนที่คุณย่ามาบ้านหนู ยังพูดเลยว่าบ้านหนูกินไม่ต่างจากอาหารหมูเลย”
น้ำเสียงนุ่ม ๆ ของเด็กสาวตัวน้อยดังชัดในห้อง คุณปู่ซูอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เด็กชายบางคนก็หัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ
“หัวเราะอะไรกัน แล้วทำไมบ้านฉันต้องส่งให้บ้านเธอด้วย?” หลิวซิ่วอิงพูดอย่างโกรธเคือง
“งั้นทำไมบ้านฉันต้องส่งให้บ้านแกด้วยเล่า?” คุณย่าซูพูดทันที
ซูเสี่ยวเถียนครุ่นคิด คุณย่าไม่เคยได้ยินประโยคที่ว่าอย่าสองมาตรฐานกับคนอื่น เช่นนั้นคงต้องมอบมันให้ย่ารองเสียแล้ว
“คุณย่า ผมอยากกินแป้งทอดไส้กุยช่าย!”
“คุณย่า ผมก็อยากกิน!”
เมื่อจินหวาและอิ๋นหวาได้ยินว่ามีแป้งทอดไส้กุยช่ายน้ำมันหมู ความหิวโหยในท้องร้องประท้วงจะทนกับความหิวโหยนี้ได้อย่างไร
ทั้งสองคนคว้าแขนของหลิวซิ่วอิงคนละข้างและเอาแต่ตะโกนจอแจ เสียงนั่นดังมาก ๆ คาดว่าคนข้าง ๆ ต้องได้ยินอย่างชัดเจน
หลิวซิ่วอิงคิดว่าหูตนเองกำลังจะหนวก จึงตัดสินใจจะดุหลานชายทั้งสอง ทันใดนั้นเหลือบไปเห็นซูเสี่ยวเถียนที่ท่าทางเหมือนกำลังดูการแสดงดีอยู่
เธอกะพริบตา ในใจมีแผนการบางอย่างผุดขึ้น!
“ถ้าพวกหลานอยากกินแป้งทอดไส้กุยช่ายน้ำมันหมู ก็ไปหาน้องเถียนสิ ไม่ฟังที่ย่าใหญ่พูดหรือว่าให้เธอไปหมดแล้วน่ะ?”
ซูเสี่ยวเถียนที่กำลังดูการแสดงอยู่เกือบโมโหตาย นี่มันซวยแท้!
ใครเล่าจะไม่รู้ว่าเด็กชายบ้านรองตระกูลซูล้วนถูกสอนให้บิดเบี้ยว!
ถ้าเห็นของอร่อยแล้วกินไม่พอ ต่อให้ไม่ได้กินจนตายก็ห้ามเห็นอกเห็นใจเด็ดขาด!
หากปล่อยให้พวกเขาจ้องมองแล้วก็ไม่ง่ายเลยที่จะรับมือ!
แน่นอนว่าทั้งสองรีบวิ่งไปหาซูเสี่ยวเถียนทันที
ซูเหล่าเอ้อร์และซูเหล่าซานกำลังนั่งอยู่บนเตียงเตากันคนละฝั่ง มีที่ให้พวกเขากระโจนขึ้นไปเสียเมื่อไรเล่า?
เด็กชายทั้งสองถูกหยุดฝีเท้า แต่ปากไม่ได้หยุดด้วย
“พวกเราอยากกินแป้งทอดไส้กุยช่ายน้ำมันหมู ซูเสี่ยวเถียนเด็กดื้อ เป็นตัวล้างผลาญ แต่ทำไมถึงยังได้กินของดี ๆ อีกล่ะ?”
“ยังไม่รีบเอาของกินอร่อย ๆ มาให้พวกเราอีก ถ้าไม่ระวังฉันจะตีเธอให้ตายเลย!”
เมื่อได้ยินว่าญาติผู้น้องด่าซูเสี่ยวเถียนและทำท่าจะตีหลอน ซูเสี่ยวฉินก็ตื่นเต้นจนดวงตาเป็นสีแดงก่ำ
พูดได้ว่าในชุมชนการผลิตแห่งนี้ คนที่เธอไม่ชอบมากที่สุดคือซูเสี่ยวเถียน
เธอคิดอย่างมาดร้ายว่าถ้าจินหวาและอิ๋นหวาสามารถตีซูเสี่ยวเถียนได้สักทีก็พอใจแล้ว
ซูเสี่ยวฉินที่กำลังตื่นเต้นลืมไปว่าเด็กส่วนใหญ่ในชุมชนการผลิตไม่มีใครสามารถทำอะไรซูเสี่ยวเถียนได้สักคน
ถ้าจินหวาไม่พูดว่าจะตีซูเสี่ยวเถียนก็คงจะดี แต่พอพูดว่าจะตีออกมาหนึ่งประโยค ซูอู่ร่างก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว
เขาลุกขึ้นยืนเสียงตึงตัง แม้กระทั่งม้านั่งที่ถูกชนจนล้มก็ไม่แม้จะสนใจมองด้วยซ้ำ แล้วมุ่งตรงไปที่จินหวาและอิ๋นหวา
“แกพูดว่าอะไรนะ? จะตีน้องสาวของฉัน ไม่ได้ดูเลยหรืออย่างไรว่าน้องสาวของซูอู่ร่างใช่คนที่แกจะตีได้ด้วยน่ะ?”
ในยามปกติ ซูอู่ร่างเป็นเด็กชายผู้อ่อนโยน แต่ตราบใดที่มีคนรังแกซูเสี่ยวเถียน เขากลายเป็นหมาป่าทันที และก้าวไปข้างหน้าเพื่อฉีกทึ้งคู่ต่อสู้
จินหวาและอิ๋นหวาที่ดุด่าซูเสี่ยวฉินจนเคยในชินในยามปกติ จึงได้กล้าเอ่ยปากด่าซูเสี่ยวเถียน
ครั้นถูกซูอู่ร่างตะคอกไปหนึ่งฉาด มองดูอีกทีพวกซูโส่วเวินและคนอื่น ๆ ก็มายืนอยู่ด้านหลังแล้ว ท่าทางของพวกเขาราวกับต้องการทุบตีตนเอง พวกเขาตกใจกลัวจนสติหลุดเกือบฉี่รดกางเกง ยังมีหน้ามาอวดเบ่งอีกเหรอ?
ทั้งสองคนรีบวิ่งไปซ่อนตัวข้างหลังหลิวซิ่วอิง
เมื่อเห็นจินหวาและอิ๋นหวาพ่ายแพ้กลับมา เธอค่อนข้างเสียใจทั้งยังไม่พอใจเป็นอย่างมาก สองคนนี้ไร้ประโยชน์ยิ่งนัก!
แต่เมื่อคิดดูแล้ว ถ้าจินหวาและอิ๋นหวาถูกพี่น้องบ้านซูตีสักทีก็คงดี
เด็กเหลือขอสองคนนี้ที่ในยามปกติมักจะปฏิบัติราวกับเธอเป็นทาส ชอบทุบตีแล้วก็ด่าทอเธอไม่หยุด สมควรได้รับการสั่งสอนนัก
หลิวซิ่วอิงจ้องเขม็งอย่างดุร้ายไปยังพวกพี่น้องที่เหมือนเสือจ้องเหยื่อ แต่เมื่อเห็นดวงตาอันโหดเหี้ยมของเด็กชายสองสามคนพวกนั้นก็ไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า
เธอทำได้ยืนด่าอยู่ฝั่งนี้เท่านั้น “สอนลูกหลานอย่างไรกัน? ไม่มีกฎอะไรบ้างหรืออย่างไร? จินหวาและอิ๋นหวาเป็นน้องชายลูกพี่ลูกน้องของพวกเขานะ แม้กระทั่งญาติกันก็จะตีให้ตายเลยหรืออย่างไร?”
“แค่ลูกบ้านแกหรืออย่างไรที่ได้รับอนุญาตให้แหกปากว่าจะตีหลานรักบ้านฉันน่ะ? ทำไมหลานบ้านฉันจะทำบ้างไม่ได้?”
บรรยากาศรอบกายของหญิงชราหนามาก ไม่ตื่นตระหนกสักนิด ถึงกับพับแขนเสื้อขึ้นพร้อมที่จะทะเลาะทุกเมื่อ
“พี่จะทำอะไร? รังแกหลานชายไปทำไม? ฉันจะบอกพวกพี่ให้นะ ฉันหลิวซิ่วอิงไม่ได้โตมาเพื่อให้คนรังแกเสียหน่อย!”
หลิวซิ่วอิงตระหนกจนร่างกายสั่นเทา แต่ปากกลับไม่ให้อภัย
“แกย่างเท้าเข้ามาก็เพื่อมาหาเรื่องแกล้งผู้อื่น ถ้าฉันไม่เอาคืนก็คงเสียใจต่อตนเองนัก!”
คุณย่าซูกระโดดลงจากเตียงเตาแล้วพุ่งไปยังหลิวซิ่วอิง ท่าทางเช่นนั้นคือตัดสินใจที่จะสู้ให้ตายกันไปข้างกับหลิวซิ่วอิง
“จะตีแล้ว จะตีแล้ว ฮวางกุ้ยฮวาจะตีคนแล้ว รีบไปตามคนมาช่วยเร็วเข้า…” หลิวซิ่วอิงตะโกนไปด้วย พลางวิ่งหนีออกไปนอกบ้าน
ซูเสี่ยวเถียนกำลังดูฉากที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ยังคิดว่าเป็นคนที่สุดยอดอีกนะ ใครเล่าจะรู้ว่าเป็นแค่คนไร้ความสามารถ
จินหวาและอิ๋นหวาตัวสั่นงกเงิ่น ไม่รอให้ขาสองข้างขยับก็ถูกซูซื่อเลี่ยงและซูซานกงไล่ออกไปทีละคน
ซูเสี่ยวฉินยืนอยู่ในห้อง ดูฉากตรงหน้าโดยไม่รู้ว่ารู้สึกอย่างไร
ทำไมซู่เสี่ยวเถียนถึงโชคดีนัก มีแต่คนมากมายคอยปกป้องเธอ? แถมยังได้กินของอร่อย ๆ อีก?
“คุณย่าใหญ่ วันนี้หนูยังไม่ได้กินข้าวเลย!” ซูเสี่ยวฉินพูดเสียงแผ่วเบา ท่าทางคับแค้นใจ
ตราบใดที่เธอมีหน้าตาเช่นนี้ต้องได้กินข้าวแน่ ๆ ในวันนี้ซูเสี่ยวเถียนมีแป้งทอดไส้กุยช่ายน้ำมันหมูให้กิน และเธอไม่เชื่อว่าจะมีแค่อันเดียวด้วย