เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 31 กลืนไปกับลำธาร

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 31 กลืนไปกับลำธาร

บทที่ 31 กลืนไปกับลำธาร

เมื่อเห็นซูเสี่ยวฉิน หลิวซิ่วอิงจำได้ทันทีว่าเป็นเด็กเลี้ยงเสียข้าวสุกที่คะยั้นคะยอให้เธอไปบ้านใหญ่

และเป็นคนที่บอกเธอว่าซูเหล่าซานเอาตะกร้าสานใบใหญ่แบกของดี ๆ กลับมาบ้านด้วย

แล้วที่บ้านหลักมีของดี ๆ ที่ไหนเล่า? มีแค่เศษผ้าสองผืนเท่านั้น แล้วบนโต๊ะก็มีแป้งข้าวโพดครึ่งถุงวางอยู่ มีอะไรดีกันล่ะ?

ถึงผ้าผืนนั้นจะมาจากในเมือง แต่กินอะไรไม่ได้แล้วจะนับว่าดีได้อย่างไร?

กินแป้งข้าวโพดจนเสียดท้องหมดแล้ว แถมที่บ้านยังมีอีกถมถืด ต่อให้ถึงฤดูใบไม้ร่วงก็ยังกินไม่หมดด้วยซ้ำ

และนี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมถึงไม่สามารถเอาอะไรกลับมาได้อย่างไรล่ะ

ยามที่เสียเปรียบอยู่ในกำมือของคุณย่าซู หล่อนมักจะหาที่ระบายความโกรธอยู่เสมอ

สองคิ้วขมวดมุ่น ดวงตาเหลือบมองก่อนจะหยิบไม้กวาดแล้วฟาดลงบนร่างกายซูเสี่ยวฉิน

การที่หลิวซิ่วอิงตีซูเสี่ยวฉิน มันไม่เหมือนอย่างคุณย่าซูตีหลานชายที่ว่าตีก่อนแล้วค่อยปลอบทีหลัง

เธอใจดีกับหลานชายมาก แต่กับหลานสาวเหมือนไม้เบื่อไม้เมา ยามไม้กวาดฟาดลงบนร่างซูเสี่ยวฉิน มันช่างโหดเหี้ยมจริง ๆ

“ยัยเด็กเลี้ยงเสียข้าวสุก แกเห็นอะไร? เห็นอะไรมา? เหตุใดยายแก่คนนี้ถึงไม่เห็นอะไรสักอย่าง? ตาแกมีอึติดอยู่หรือไง?…”

ซูเสี่ยวฉินที่ถูกทุบตีทั่วร่าง หากแต่ไม่กล้าส่งเสียงร้องไห้สักแอะ

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ถ้าเธอร้องไห้จะต้องโดนตีมากกว่านี้แน่นอน

เธอไม่กล้าออกความเห็นกับหลิวซิ่วอิง เลยเอาความน้อยอกน้อยใจและความอัปยศอดสูจดจำไว้ที่ซูเสี่ยวเถียน

ซูเสี่ยวเถียนไม่สนใจว่าซูเสี่ยวฉินจะคิดอะไร เพราะตอนนี้เธอกำลังทำอาหารกับคุณย่าซูในครัวอย่างมีความสุข

วันนี้ซูเหล่าซานไม่เพียงแต่ซื้อเนื้อกลับมาเท่านั้น ยังมีมันหมูอีกสามจินด้วย เป็นของดีในการทำน้ำมันเลย

คุณย่าซูกลัวว่าพวกลูกสะใภ้ที่ยังเด็กเกินไป ตอนทำน้ำมันอาจทำให้เสียได้จึงลงมือทำด้วยตนเองอยู่ในครัว

ซูเสี่ยวเถียนนั่งบนม้านั่งตัวเล็กข้าง ๆ อย่างเชื่อฟัง แล้วช่วยคุณย่าซูเก็บกุยช่าย

“หลานรัก ตอนเย็นย่าจะทำแป้งทอดไส้กุยช่ายให้กินนะ ใส่กากหมูลงไป รสชาติอร่อยมากเลย” คุณย่าซูคนมันหมูในหม้อ ยิ้มจนตาปิดขณะพูดกับซูเสี่ยวเถียน

กากหมูคือส่วนที่หลงเหลือจากมันหมูหลังจากเอาไปทำเป็นน้ำมัน สับ ๆ แล้วห่อใส่ซาลาเปาหรือห่อใส่แป้งทอดไส้กุยช่ายก็ล้วนอร่อยมาก

“คุณย่าคะ ห่ออีกหน่อยค่ะให้ทุกคนได้กินกัน!”

หลังจากฟังที่หลานสาวพูดคุณย่าก็ซูลังเล ถ้าทุกคนในครอบครัวกินแป้งทอดไส้กุยช่าย จะใช้อาหารไปมากขนาดไหนกัน?

“เรายังมีตั๋วอาหารอยู่ค่ะคุณย่า” ซูเสี่ยวเถียนรีบพูด

คุณย่าซูยิ้มอย่างขมขื่น แม้การที่หลานสาวจะได้ตั๋วอาหารมาเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ยังต้องใช้เงินจ่ายอยู่ดีถึงจะได้อาหารมา

สองสามปีมานี้ ครอบครัวของเธอกินอยู่อย่างประหยัดเพื่อเงินเพียงเล็กน้อยที่มีอยู่ แต่เงินพวกนั้นก็ต้องใช้ให้รู้จักประโยชน์ด้วย

หลาน ๆ หลายคนโตแล้ว ไม่ว่าจะเรียนอยู่หรือแต่งลูกสะใภ้เข้าบ้านก็ล้วนแต่ต้องใช้เงินเยอะ ขยับขยายไม่ง่ายเลย

แต่เพราะหลานสาวปรารถนาดี เธอเลยไม่ปฏิเสธ

“ได้สิ เย็นนี้พวกเรากินแป้งทอดไส้กุยช่ายกัน เดี๋ยวต้มข้าวต้มฟักทองสักหน่อยแล้วค่อยกินนะ แถมวันนี้ไก่ที่บ้านยังออกไข่เพิ่มด้วย ถึงตอนนั้นค่อยใส่ไข่ดีกว่า อร่อยมากเลย” คุณย่าซูพึมพำ

ซูเสี่ยวเถียนมีความสุขมากเมื่อได้ยินว่าไก่ออกไข่เพิ่ม จึงรีบออกจากครัวไปดูไส้เดือนที่เลี้ยงอยู่ที่มุมห้อง

ถ้าวันนี้ออกไข่เพิ่มอีกฟอง ในอนาคตจะต้องมีไข่เพิ่มขึ้นแน่ ถึงจะมีแม่ไก่แค่หกตัว แต่ก็เพียงพอแล้ว

วันนี้ซูเหล่าซานไปในตัวอำเภอมา เหงื่อจึงออกทั่วร่าง เมื่อพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าแล้ว เขาบอกเหลียงซิ่วว่าจะไปอาบน้ำในลำธารเสียหน่อย

ซูเหล่าซานฮึมฮัมเพลง ‘ฝั่งบูรพาแดง’ จนเดินมาถึงลำธารอย่างสุขใจ เขาถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วดำลงไปในลำธารใสสะอาด

สายน้ำอุ่นไหลผ่านร่างกาย รู้สึกสบายเป็นอย่างมาก ซูเหล่าซานหลับตาอย่างผ่อนคลาย

เดิมทีคิดจะแช่น้ำต่ออีกสักหน่อย แต่จำได้ว่าที่บ้านกำลังทำอาหารอยู่ ซูเหล่าซานจึงชำระสิ่งสกปรกบนร่างออกอย่างรวดเร็ว

เหลียงซิ่วรอให้สามีกลับมาก่อนจะเห็นว่าตอนที่อีกฝ่ายไปไม่ได้เอาเสื้อผ้าสะอาดไปด้วย

“สะเพร่าจริง ๆ เตรียมให้ดีแล้วยังไม่รู้จักหยิบไปอีก!” เหลียงซิ่วส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อคิดว่าหลังจากสามีอาบน้ำเสร็จแล้วยังต้องใส่ชุดสกปรกกลับมา เหลียงซิ่วจึงบอกกล่าวคุณย่าซูเล็กน้อย แล้วเอาเสื้อผ้าไปให้เขา

แต่เดินไปได้ไม่ไกลก็เห็นร่างร่างหนึ่ง เมื่อมองใกล้ ๆ ก็พบเป็นคังอี้เยี่ย

ไม่มีใครในชุมชนการผลิตหงซินชอบคังอี้เยี่ยผู้นี้เลย รวมถึงเหลียงซิ่วด้วยก็เช่นกัน

ผู้หญิงคนนี้ไร้ยางอายยิ่งนัก ยังเป็นเด็กสาวที่ยังไม่ออกเรือน และมาถึงที่ชุมชนการผลิตแห่งนี้เมื่อสองปีก่อน แต่มีความสัมพันธ์กับชายอื่นไปมากเท่าไรแล้ว?

เพียงแค่คำของกินเพียงสองคำ มันคุ้มค่าแล้ววงั้นหรือ?

ในชุมชนการผลิตมีตัวโชคร้ายเช่นนี้อยู่ มันทำให้ผู้หญิงทุกคนรู้สึกไม่สบายใจจริง ๆ

แถมหัวหน้าชุมชนการผลิตก็อัธยาศัยดีเกินไป คนเช่นคังอี้เยี่ยหากไปอยู่ชุมชนการผลิตอื่นคงถูกทุบตีอย่างหนักเป็นแน่

ทันใดนั้น เหลียงซิ่วก็สะดุ้งตัวโหยง คังอี้เยี่ยกำลังเดินไปทางลำธาร เธอมาทำอะไรที่นี่ในยามนี้กัน?

ผู้หญิงในชุมชนการผลิตจะมาซักเสื้อผ้าที่ลำธารในตอนเช้าหรือตอนเที่ยง ส่วนผู้ชายจะมาอาบน้ำในตอนกลางคืน

นี่ไม่ใช่วันแรกที่คังอี้เยี่ยมาที่ชุมชนแห่งนี้เสียไหน เธอจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?

ไม่ใช่ไม่รู้ แต่นั่นคือจุดประสงค์ของเธอต่างหาก

เป็นไปได้หรือไม่ว่าเธอจะนัดกับชายสักบ้านที่ริมแม่น้ำเพื่อถอดรองเท้า*[1] น่ะ?

ประจวบกับสามีเธอที่มาริมลำธารพอดี ถ้าเดินมาเจอกันคงอึดอัดแน่ เช่นนั้นควรจะทำอย่างไรดีเล่า?

หัวของเหลียงซิ่วกำลังหมุนอย่างรวดเร็ว เลยคิดจะเดินลัดลำธารไป

คังอี้เยี่ยไม่รู้ว่าเหลียงซิ่วเห็นเธอแล้วเลยคิดอย่างมีความสุขว่าเธอจะไปที่นั่นตอนที่ซูเหล่าซานอาบน้ำเสร็จและกำลังขึ้นฝั่ง

เธอสวยกว่านังสะใภ้แก่นั่นมาก ไม่อยากเชื่อว่าซูเหล่าซานจะไม่สนใจเธอ

เมื่อไรที่ซูเหล่าซานคิดคดและเมื่อไรที่เธอทำสำเร็จ ต้องทำให้ซูเหล่าซานทิ้งนังแก่นั่นแล้วมาแต่งงานกับเธอให้ได้

ถึงสถานการณ์ทางบ้านผู้เฒ่าซูจะแย่นิดหน่อย แต่ในเมื่อมีคนส่งของให้แล้ว มีครั้งหนึ่งย่อมมีครั้งที่สองเป็นแน่

ขณะที่คังอี้เยี่ยคิดเพ้อเจ้ออยู่ เหลียงซิ่วก็ได้เดินมาถึงแม่น้ำแล้ว

เหลียงซิ่วไม่อยากให้เกิดปัญหาไปมากกว่านี้ จึงกระซิบบอกสามีว่าวางเสื้อผ้าไว้บนโขดหินริมฝั่งแล้ว ก่อนเตือนเขาให้รีบขึ้นมาใส่เสื้อผ้า

ซูเหล่าซานไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่ตัดสินใจรีบแต่งตัวตามที่ภรรยาเตรียมไว้ให้ จากนั้นก็ได้ยินเสียงอีกว่ามีคนกำลังมา

เมื่อมองดู กลับเป็นหลี่จู้จื่อที่เป็นโรคเรื้อน

เพราะหลี่จู้จื่อเกิดมาพร้อมกับสิ่งนั้น จึงส่งผลต่อรูปลักษณ์ รวมถึงสถานการณ์ภายในบ้านที่ไม่ดีอีกด้วย เขาอายุยี่สิบปีแล้วและยังไม่ได้แต่งสะใภ้เข้าบ้านเลย

ผู้ชายก็เป็นเสียแบบนี้ ถ้าไม่มีผู้หญิงมาช่วยดูแลก็ดูไม่ได้เลย แถมหลี่จู้จื่อก็ดูสกปรกซกมกด้วย

เมื่อเหลียงซิ่วเห็นหลี่จู้จื่อปรากฏขึ้นที่ริมแม่น้ำก็พลันประหลาดใจ

สุดท้ายแล้วถึงคนอื่น ๆ ในชุมชนการผลิตจะมาอาบน้ำที่ลำธารสายนี้ แต่หลี่จู้จื่ออาจไม่ได้มาอาบน้ำจริง ๆ

เป็นไปได้ไหมที่คังอี้เยี่ยจะนัดกับหลี่จู้จื่อ?

ผู้หญิงคนนี้จะไม่เลือกเลยหรือ? อย่างพวกเป็นโรคเรื้อนแบบนี้เนี่ยนะ ผู้หญิงในชุมชนการผลิตยังไม่ชอบเลย แล้วเธอมาจากในเมืองแต่จะชอบเหรอเนี่ย

แต่เมื่อคิดว่าหลี่จู้จื่อจะลงไปในน้ำก็รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว เลยรีบหลบเลี่ยงและซ่อนตัวอยู่ที่ป่าข้างลำธารเพื่อรอสามี

ซูเหล่าซานไม่รู้ว่าทำไมภรรยาถึงรีบเรียกเขากลับบ้าน แต่ก็ยังขึ้นจากลำธารด้วยความรวดเร็ว

ในตอนที่ซูเหล่าซานขึ้นจากน้ำ หลี่จู้จื่อก็ลงไปในน้ำไม่ไกลกันนัก

*[1] มีเพศสัมพันธ์

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท