เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 56 อย่าเอาของบ้านเราไปให้สัตว์เดรัจฉานกิน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 56 อย่าเอาของบ้านเราไปให้สัตว์เดรัจฉานกิน

บทที่ 56 อย่าเอาของบ้านเราไปให้สัตว์เดรัจฉานกิน

เมื่อสมาชิกทั้งห้าของตระกูลคังออกจากบ้านไป ทุกคนต่างก็มีใบหน้ามืดมน

เป็นครั้งแรกที่พวกเขามาบ้านผู้เฒ่าซูแล้วไม่ได้มีคนมาบริการให้น้ำให้ข้าวกิน แถมยังกลับมาแบบท้องว่างด้วย

ระหว่างทาง ซูหม่านเซียงไม่ได้ทำให้สามีหน้าตาดีขึ้นเลย ทั้งยังบ่นพ่อแม่อีกว่าไม่รักษาหน้าเธออีก

ทำไมพวกเขาไม่คิดถึงตัวเองสักหน่อย? เธอเป็นสาวบ้านนอก แต่งงานเข้าเมือง ถ้าพ่อแม่อุ้มชูอยู่ด้านหลัง คนจะดูถูกลูกสาวตัวเองเอานะ?

ช่วงนี้เธอไม่ได้เอาอะไรกลับไปกินเลย แม่เฒ่าคังผู้เป็นแม่สามีก็พูดจาคลุมเคลือ ส่วนสามีก็ไม่พูดดี ๆ ด้วยสักคำ เดิมทีคิดว่ามาหากันทั้งครอบครัว พ่อแม่ก็จะให้เพื่อรักษาหน้าเธอสักหน่อย

แล้วนี่มันอะไรกัน?

ซูหม่านซิ่วไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นจนกระทั่งซูหม่านเซียงจากไป

เมื่อก่อนน้องอยากได้อะไรคนที่บ้านก็หามาให้ ทำไมจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนไปล่ะ?

ตนเองไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาด้วยซ้ำ แต่พ่อแม่และพวกพี่สะใภ้กลับเอาบะหมี่เนื้อขลุกขลิกและไข่มาให้ ไหนจะมีซาลาเปาไส้เนื้ออีก

“น้องใหญ่ พ่อแม่รักเธอจริง ๆ นะ” เหลียงซิ่วปลอบโยน

ความคิดของน้องใหญ่เล่า เหลี่ยงซิ่วเข้าใจดี เพราะคนบ้านนี้ละเลยมานานจึงแทบไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนรักตัวเอง

ซูหม่านซิ่วเหมือนคนหลงทางไปไกล จริงใช่ไหม?

พ่อแม่ก็รักเธอเหมือนกัน? แต่ตั้งแต่เด็กจนโตทำไมถึงไม่รู้เลยล่ะ?

“น้องใหญ่ น้องเล็กทำเกินไปแล้วน่ะ เธออย่าคิดเป็นอย่างอื่นเลยนะ” ฉีเหลียงอิงว่าก่อนเดินไปหาซูหม่านซิ่วพร้อมรองเท้าคู่หนึ่ง “เท้าของเธอไม่ต่างจากพี่มาก นี่เป็นรองเท้าที่พี่ทำให้เอง เธอลองใส่ดูนะ!”

ซูหม่านซิ่วโบกมืออย่างรวดเร็ว “พี่สะใภ้รอง ฉันไม่เอาหรอกจ้ะ ฉันมี…”

ตอนที่พูดเธอไม่มีความมั่นใจจริง ๆ

เธอมีที่ไหน อยู่บ้านนู้นเธอไม่มีอะไรสักอย่าง

“รับไว้เถอะ อยากเห็นเธอใส่คู่นี้ว่ามันจะเป็นอย่างไร!”

ถ้ามีจริง จะใส่รองเท้าแบบนี้มาหาพวกเขาได้ใช่หรือไม่?

“พี่สะใภ้สอง พี่เอาคู่ที่ใส่แล้วให้ฉันเถอะจ้ะ รองเท้าดี ๆ แบบนี้ ถ้าใส่กลับไปมันก็ไม่เป็นของฉันแล้ว” ซูหม่านซิ่วพูดพร้อมกับก้มหน้าลง

ฉีเหลียงอิงถอนใจ สุดท้ายก็เอารองเท้าที่เคยใส่มอบให้น้องสามี เป็นรองเท้าที่เกือบจะขาดให้ซูหม่านซิ่วเปลี่ยนมาใส่

แม้ว่ามันใกล้จะขาด แต่ก็เป็นส่วนผ้าชั้นนอกสุดเท่านั้นและยังซ่อมได้อยู่ ไม่เหมือนรองเท้าคู่ที่ซูหม่านซิ่วใส่ขามา ไม่รู้ว่าต้องซ่อมตรงไหนก่อนดี

ในเย็นวันงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ ครอบครัวกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง และอาหารต่างมีหน้าตาน่ากิน

หนึ่งเพราะเป็นวันงานเทศกาล สองคือเพราะซูหม่านซิ่วกลับมาอยู่กับพ่อแม่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่แต่งงานออกไป

คุณย่าซูต้องการชดเชยให้ลูกสาวคนโต จึงอยากมอบสิ่งดี ๆ ทั้งหมดที่มีในบ้านให้ ขนาดที่ความโกรธที่มีต่อซูหม่านเซียงยังลืมไป

ซูหม่านซิ่วมองอาหารรสเลิศบนโต๊ะ น้ำตาพลันไหลอาบแก้ม

นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้กินอาหารแบบนี้?

ถ้าเป็นที่บ้านหวัง พวกเขาจะเหลือให้เธอกินนิดเดียว บางทีก็ไม่เหลือเลยแม้แต่น้อย เธอจึงไม่มีอะไรกิน บางครั้งหากรู้สึกหิวก็ไปขุดผักป่าในไร่มากิน แม้แต่ดินยังไม่ได้ล้างเลย

ซูเสี่ยวเถียนสนใจสีหน้าซูหม่านซิ่วเป็นพิเศษ พอเห็นอาใหญ่ร้องไห้ก็ยืดแขนสั้น ๆ ไปกอดอีกฝ่ายไว้

“อาใหญ่คะ จากนี้ไปพวกเราจะได้กินของอร่อย ๆ แล้วค่ะ ดีกว่าของที่อยู่บนโต๊ะอีกนะคะ!”

ซูหม่านซิ่วได้ยินสิ่งที่หลานสาวตัวน้อยพูดเช่นนี้ จึงกอดซูเสี่ยวเถียนเพื่อซ่อนน้ำตาตัวเอง

“อาใหญ่เชื่อจ้ะ อาเชื่อว่าวันแบบนี้จะต้องมาถึง”

ยามที่เคยหน้าขึ้น ดวงตาของซูหม่านซิ่วไม่มีน้ำตาอีกต่อไป

“คุณพ่อคะ คุณแม่คะ ของอร่อย ๆ แบบนี้ให้พวกเด็ก ๆ กินเถอะ!”

ทั้งเนื้อ ทั้งไข่ จะต้องสิ้นเปลืองเงินไปเท่าไรกัน

คุณปู่ซูเอ่ย “แกรีบกินเถอะ อาหารบ้านเราคงถูกปากนะ ไม่ต้องให้พวกเด็ก ๆ มันหรอก พวกเขามีอยู่แล้ว”

ซูหม่านซิ่วเห็นพวกพี่ชายพี่สะใภ้ต่างก็กินข้าวกันอย่างสบาย ๆ สุดท้ายก็เชื่อจริง ๆ ว่าชีวิตครอบครัวของเธอดีขึ้น ไม่ต้องกินข้าวแค่คำเดียวจริง ๆ

เป็นไปได้หรือไม่ว่าเรื่องที่เขาว่ากันก่อนหน้านี้จะเป็นจริง ที่บ้านได้ข้าราชการระดับสูงช่วยไว้ ชีวิตจึงดีขึ้น?

หลังอาหารเย็น ดวงจันทร์ลอยอยู่บนท้องฟ้า และแสงจันทร์สีเงินส่องสว่างทั่วทุกสารทิศ สงบสุขมาก!

“น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถบูชาเทพแห่งดวงจันทร์ได้!” คุณย่าซูกล่าวอย่างเสียใจขณะนั่งอยู่ในลานบ้านและมองดูดวงจันทร์

“คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ ผมไปส่งของที่นั่นก่อนนะครับ” ซูเหล่าซานเดินออกไปพร้อมกับตะกร้า

ซูโส่วเวินเอาส่วนของหลี่จู้จื่อไปส่งแล้วในตอนบ่าย ส่วนฝั่งคอกวัวไปตอนกลางวันไม่สะดวกเลยต้องรอเย็นแล้วแอบไปเงียบ ๆ

อีกอย่างของที่เอาไปให้กับคนคอกวัวมากกว่าที่มอบให้ไม่น้อย ถ้าคนเห็นจะดูไม่ดีไม่งามได้

“ไปเถอะ ระวังด้วย!” ปู่ซูเร่ง

ถึงซูหม่านซิ่วจะไม่รู้ว่าพี่สามกำลังพูดถึงที่ไหน แต่เธอไม่ใช่คนชอบพูดจึงไม่เอ่ยถามออกไป

“หม่านซิ่วเอ๋ย ตอนนี้ชีวิตที่บ้านกำลังไปด้วยดี ถ้าลูกไม่ได้กินดีก็กลับมานะ แม่จะทำของอร่อย ๆ ให้” คุณย่าซูพูดขณะใช้เหล็กหมาดแงะพื้นรองเท้าเป็นชั้น ๆ

ถ้าลูกสาวคนนี้กลับมาทุกสามวันห้าวัน เธอคงไม่ผอมแห้งติดกระดูกหรอก

“คุณแม่คะ ทำไมจู่ ๆ ชีวิตที่บ้านถึงดีขึ้นล่ะ?” ซูหม่านซิ่วอยากรู้เรื่องนี้มาก

เธอกังวลตลอดกลัวว่าที่ตัวเองมาในวันนี้พ่อแม่จะเอาของดี ๆ ออกมาทักทาย แล้วหลังจากนี้จะทำให้แกไม่มีกิน

แต่พ่อกับแม่ยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าชีวิตที่ผ่านมาเราอยู่ดีกันดี เพราะงั้นเธอจึงอดถามไม่ได้

“พ่อแกเคยช่วยคนคนหนึ่งไว้ตอนยังหนุ่ม ตอนนี้เขาเป็นข้าราชการระดับสูงแล้ว จึงหนุนหลังไม่น้อยเลย และบ้านเราเป็นคนขยัน จึงมีให้กินอย่างพอเพียง” คุณย่าซูยิ้มไปด้วยพลางใช้เหล็กหมาดเจาะพื้นรองเท้าผ้าไปด้วย “พรุ่งนี้ตอนกลับก็เอาของกินไปด้วยเถอะ อยู่บ้านนู้นก็อย่ารู้สึกผิดต่อตัวเองไปเลยนะ”

ซูหม่านซิ่วหยุดมือกำลังจัดเศษผ้า แล้วส่ายหัวลูกเดียว

เอากลับไปกินแล้วเธอจะได้กินหรือไม่? ไม่ได้กิน!

แม่สามีจะต้องเอามันไปโดยไม่ลังเลแน่ ถึงจะเหลือให้เธอนิดหน่อย แต่หวังเจี่ยฟ่างจะเอาไปให้แม่ม่ายนั่นอย่างไร้ยางอาย!

ทำไมเธอจะต้องเอาของที่บ้านคอยช่วยเหลือไปให้คนไม่เกี่ยวข้องด้วย?

หวังเซียงฮวาที่กำลังรวบรวมเศษผ้าอย่างตั้งใจคิดว่าซูหม่านซิ่วคงอับอาย จึงเกลี้ยกล่อม “น้องใหญ่ ของที่เธอเอากลับไป ไม่แน่ว่า…”

บางทีครอบครัวหวังอาจจะดูแลเธอให้ดีขึ้นสักหน่อยเพราะเห็นแก่อาหาร

คาดไม่ถึงว่าซูหม่านซิ่วจะขัดจังหวะขึ้นมา “พี่สะใภ้ใหญ่ อย่าเอาของบ้านเราไปให้พวกสัตว์เดรัจฉานมันกินเลย!”

ซูหม่านซิ่วคิดอย่างเด็ดขาด

แม่และพวกพี่สะใภ้ในลานบ้านประหลาดใจเล็กน้อย ซูหม่านซิ่วไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

แต่ก็ดีถ้าจากนี้ไปนิสัยเธอเปลี่ยนไปบ้าง จะได้ไม่เสียเปรียบให้บ้านนู้น

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้กลับไปช้าหน่อยเถอะ รอกินข้าวเสร็จค่อยว่ากัน” หวังเซียงฮวาพูดทันที “ถ้าเอาไปแล้วไม่ได้กิน ก็กินให้อิ่มไปเลยแล้วค่อยไป”

ทุกคนหัวเราะ

ขณะพูดอย่างมีความสุขพลันได้ยินเสียงคนเคาะประตู

เสียงเคาะดังกึกก้อง

“ใครกัน มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า?” คุณย่าซูพูดอย่างสงสัย “น้องห้า ไปเปิดประตูดูหน่อยไป!”

ซูอู่ร่างรับวิ่งไปแล้วดึงสลักประตูลง

ทันทีที่เขาดึงสลัก ประตูก็ถูกผลักเปิดออกอย่างแรง!

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท