บทที่ 71 หรือว่าจะเป็นลูกของหลี่เต๋อเหลียง?
บทที่ 71 หรือว่าจะเป็นลูกของหลี่เต๋อเหลียง?
มีคนจากชุมชนการผลิตหงซินตายไปหนึ่งคน ถึงชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางจะพูดอะไรก็ไม่มีเหตุผลอยู่ดี
หัวหน้าหลี่เข้าใจเหตุผลนี้ดี หลี่เต๋อเหลียงเองก็เช่นกัน
“แม้คนของคุณจะตายไป แต่หลิวเสี่ยวชุ่ยไม่ได้เป็นคนทำเสียหน่อย นั่นเป็นการฆ่าตัวตายต่างหาก!” หลี่เต๋อเหลียงพูดด้วยความไม่พอใจ
“ฆ่าตัวตายอะไร นังโสเภณีคนนั้นหนีไปกับคนอื่นแล้ว ไอ้พวกบ้านซู ฉันจะบอกอะไรให้แกฟังนะ ลูกสาวบ้านแกมันหนีไปแล้ว แกต้องชดใช้ค่าเสียหายให้พวกเรา”
ยายหวังเป็นพวกไม่รู้จักจำ เพิ่งถูกคนตบไปก็กลับไปเป็นแบบเดิมอีกแล้ว ทั้งยังเตรียมใส่ร้ายซูหม่านซิ่วด้วย
แน่นอนว่าคุณย่าซูทนไม่ไหวที่ลูกสาวถูกคนไร้เหตุผลเช่นนี้ใส่ร้าย จึงฟาดหน้านางไปอีกสองที
แต่ซูเสี่ยวเถียนเห็นชัดเลยว่า แววตาของคุณย่าซูเต็มไปด้วยความโศกเศร้าที่ไม่อาจบรรยายได้
งั้นก็ตบเลย ตบหญิงชราที่ไร้ความเป็นมนุษย์คนนี้ไปเลย
คนที่มักจะทำให้คุณย่าของเธอกลั้นใจอยู่เสมอ
แต่เธอจำได้ว่า เหมือนอาใหญ่จะแตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย
ชาติที่แล้วหลังจากที่ซูหม่านซิ่วได้รับการช่วยเหลือ เธอก็กลับบ้านในวันเดียวกัน แต่ในชาตินี้ผ่านไปสามวันแล้วยังหาร่างของเธอไม่พบ
ซูเสี่ยวเถียนไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าความทรงจำเกิดข้อผิดพลาดหรือเปล่า หรือมันเปลี่ยนไปเพราะตนกลับมาเกิดใหม่
“ยายแก่เจ้าเล่ห์ แกกล้าใส่ร้ายลูกสาวฉัน ฉันจะตีแกให้ตายเลยไอ้สัตว์เดรัจฉาน!” ดวงตาของคุณย่าซูแดงก่ำ แรงตบตีก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
หัวหน้าหลี่กระตุกปากเมื่อเห็นความแข็งแกร่งของคุณย่าซู แต่ยายหวังสมควรโดนตบตีจริง ๆ!
เรื่องยายหวังไม่รู้จะพูดอะไรดีเลย จนถึงตอนนี้ก็ไม่รู้ว่านางสมควรได้รับการให้อภัยจากอีกฝ่ายไหม ทั้งยังกล้าใส่ร้ายแบบนี้อีก!
“หัวหน้าหลี่ คุณก็ควรตัดสินใจด้วยใช่ไหม” ซูฉางจิ่วพูดเบา ๆ
“มานี่สักสามสามคนหน่อย ไปช่วยคนจากหงซินเอาคนบ้านหวังมัดแล้วไปส่งที่ชุมชนใหญ่!” หัวหน้าหลี่กัดฟันสั่ง
“หัวหน้า ไม่ได้นะ!” หลี่เต๋อเหลียงตะโกนโดยไม่รู้ตัว
“อะไร? แกยังคิดปกป้องพวกรองเท้าขาดนี่อีกหรือ?” หัวหน้าหลี่พูดอย่างขุ่นเคืองกับหลี่เต๋อเหลียง
การที่ปกป้องคู่รองเท้าขาดอาจจะทำให้คนทั้งชุมชนซวยเอาได้ หรืออาจเกี่ยวพันไปมากกว่านี้
หัวหน้าหลี่ทำแบบนี้นับว่าเป็นการละทิ้งสิ่งสำคัญอย่างไม่มีทางเลือก
หลี่เต๋อเหลียงขี้ขลาด จึงเฝ้าดูคนบ้านซูและคนจากชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางพาเสี่ยวชุ่นและไอ้หมาหวังไปอย่างช่วยไม่ได้
วันนี้มีคนจากชุมชนการผลิตหงซินซึ่งนำโดยซูฉางจิ่วมาไม่น้อย แต่มีแค่เจ็ดแปดคนเท่านั้นที่ไปชุมชนใหญ่พร้อมกับหมาสองตัวนี้ ส่วนคนอื่น ๆ ยังอยู่ที่บ้านหวัง
ยายหวังร้องไห้ตะโกนว่าตระกูลซูรังแกคนอื่น หากแต่ไม่มีผู้ใดสนใจเธอ
แม้แต่คนในชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางก็ไม่ได้ปกป้องเธอ
เรื่องที่เธอทำในครั้งนี้ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับคนอื่นเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ไม่ลงรอยกับคนในชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางก่อนหน้านี้ด้วย
คุณย่าซูระบายลมหายใจ ด้วยความช่วยเหลือของลูกสะใภ้จึงลุกขึ้นยืนเตรียมจะกลับบ้านได้
แต่พอลุกได้ก็โซเซราวกับพละกำลังถูกใช้ไปจนหมดแล้ว
คุณย่าซูกำลังจะออกไปข้างนอกจึงพูดขึ้นทันใด “สะใภ้ใหญ่ ไปดูหน่อยไปว่าสินสอดทองหมั้นของน้องสาวอยู่ไหน ไปเอามาให้หมด พวกเราจะเสียผลประโยชน์ให้บ้านหวังไม่ได้”
ครอบครัวผู้เฒ่าซูไม่ได้เป็นพวกปิตาธิปไตย ตอนที่ลูกสาวทั้งสองออกเรือนก็ได้เตรียมสินสอดไว้มากมาย รวมถึงพวกโต๊ะตู้เตียงพวกนั้น ในย่านชนบท สินสอดพวกนี้หาได้ยากมาก
หวังเซียงฮวาตอบรับหนึ่งเสียง ก่อนจะเรียกให้สมาชิกในชุมชนการผลิตหงซินมาช่วยหาสินสอดของซูหม่านซิ่ว
สหายหญิงของหงซินต่างรู้สึกเกลียดชัง แล้วก็เตรียมเอาสินสอดพวกนั้นกลับบ้านมาตั้งนานแล้ว ตื่นเต้นกว่าพวกผู้ชายมาก
พวกผู้ชายที่เห็นผู้หญิงจากชุมชนการผลิตหงซินตื่นเต้นแบบนั้นก็พลันหวาดกลัวอยู่บ้าง ลอบคิดเงียบ ๆ ว่าไม่อยากเป็นแบบไอ้หมาหวัง
ไม่อย่างนั้นจะถูกพวกเธอฉีกเป็นชิ้น ๆ
พอเอามารวมกัน คนบ้านซูเกือบจะโมโหจนตาย
สินสอดของซูหม่านซิ่วส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ในบ้านยายหวัง และส่วนที่เหลืออยู่ในบ้านของลูกสะใภ้คนอื่น ๆ แต่ในบ้านของซูหม่านซิ่วเองไม่มีเลยแม้แต่น้อย
“เก็บมาให้หมด จะถ้วยจะหม้อก็ห้ามทิ้งเอาไว้!” ซูเถาฮวาตะโกนเสียงดัง “ของ ๆ บ้านซู ต่อให้เป็นอาหารหมาก็ห้ามให้คนบ้านหวัง”
ยายหวังยังคงไม่ยอมให้ตระกูลซูชิงสินสอดไป เพราะถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในครอบครัวแล้ว หากข้าวของถูกพรากไป คงเสียใจจนตายแน่
“คนบ้านเรา สิ่งของย่อมเป็นของเรา” ยายหวังยังพูดต่อ
“เมินมันไปซะ!” คุณย่าซูด่าประโยคหนึ่งโดยไม่หันกลับไปมอง
หลังจากระบายความโกรธ คุณย่าซูเป็นแค่คนเศร้าโศกที่คิดถึงลูก
ตราบใดที่คิดถึงลูกสาวที่ตายไป เธอก็โศกเศร้าจนควบคุมไม่ได้
คุณย่าซูเดินโซซัดโซเซออกจากลานบ้านหวังได้ด้วยความช่วยเหลือของสองแม่ลูกเหลียงซิ่วและซูเสี่ยวเถียน
ตอนนี้ใบหน้าของเธออาบไปด้วยน้ำตา ความกล้าหาญและความแข็งแกร่งเมื่อตอนเอาชนะผู้คนได้ไม่มีอีกต่อไป
เหลียงซิ่วไม่รู้ว่าจะปลอบแม่สามีอย่างไร ทำได้แค่ร้องไห้กับท่านเท่านั้น
แม้ว่าคนในชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางจะรังเกียจตระกูลหวัง แต่บางคนรู้สึกว่าตระกูลซูก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้และทำเกินไป
“แม่คะ อดทนไว้นะ พวกเรากลับบ้านกันเถอะ!” เหลียงซิ่วกลืนก้อนสะอึก
“เหล่าซานเอ๋ย ที่น้องสาวเธอมีลูกไม่ได้แล้วถูกพวกบ้านหวังไม่ชอบ แม่ไม่แปลกใจเลย แต่พวกเขาบังคับให้เธอตาย ลูกสาวฉันยังตายได้ไม่นานก็แต่งยัยคนรองเท้าขาดเข้าบ้านแล้ว ลูกสาวที่ตายไปคงอยู่ไม่สุขแน่! หัวใจคนเป็นแม่เจ็บปวดนัก!”
คุณย่าซูไม่ค่อยแสดงความอ่อนแอต่อหน้าลูกสะใภ้ แต่คราวนี้ท่านแสดงความคับแค้นใจและความเจ็บปวดออกมา
ถึงจะพยายามเงียบเสียงร้องไห้เอาไว้แต่ก็ยังเล็ดลอดออกมา ทั้งคนรอบข้างก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน
คนที่มาชมจากชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางฟังเสียงร้องไห้ที่อดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ก็พลันรู้สึกว่าแม่เฒ่าคนนี้ก็ยังเดินอย่างมั่นคงไม่ได้ น่าสงสารจริง ๆ
พอเห็นสองแม่ลูกสะใภ้ร้องไห้แบบนี้ จู่ ๆ ก็รู้สึกอีกว่าคนบ้านหวังสมควรได้รับมันแล้วจริง ๆ และควรเผชิญหน้ากับคนบ้านซู
“หลิวเสี่ยวชุ่ยไม่ใช่มนุษย์จริง ๆ เก็บสามเกี่ยวสี่กับคนในหมู่บ้าน ไม่ใช่เห็นไอ้หมาหวังอยากได้ลูกชายก็เลยรีบเร่งให้มันรับเอาไว้หรอกหรือ?”
“ต้องบอกเลยว่าไอ้หมาหวังมันเป็นคนงี่เง่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกในท้องเป็นลูกของตัวเองหรือเปล่า รีบจะรับบทเป็นพ่อ!”
“หลิวเสี่ยวชุ่ยมีผู้ชายตั้งหลายคน!”
“ไอ้หมาหวังคนโง่เขลา”
……
ผู้หญิงในชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางแสดงความคิดเห็นมากมาย แล้วเสียงก็ไม่ได้เบาจึงทำให้คนจากชุมชนการผลิตหงซินได้ยินอย่างชัดเจน
คนจากชุมชนการผลิตหงซินกลับบ้านพร้อมสินสอดของซูหม่านซิ่ว
ซูเถาฮวาได้ยินข้อถกเถียงของคนในชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางอย่างชัดเจน และเธอก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย
ทำไมถึงรู้สึกว่าหลี่เต๋อเหลียงดูผิดปกติมาก ๆ?
หัวหน้าก็พูดไปแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับเรื่องบ้านหวัง และไม่ให้ไปยุ่งกับครอบครัวหวัง แต่เขายังลุกลี้ลุกลนด้วยความตื่นตระหนก
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเด็กที่อยู่ในท้องจะเป็นลูกของหลี่เต๋อเหลียง?
พอคิดเรื่องนี้ ซูเถาฮวาเหลือบไปเห็นสะใภ้คนอื่น ๆ ซึ่งสนิทกับสามีของเธอมาก
ซูเถาฮวาเหลือบมองก่อนจะเดินเข้าไปทักทาย