บทที่ 81 หน้าด้านขนาดไหนกันเชียว
ตอนนี้คนจากชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางมารายล้อมเพื่อชมความสนุกสนาน
ถึงจะสงสัยว่าทำไมซูหม่านซิ่วจึงกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หากแต่ไม่มีใครถามมาก
แต่ครอบครัวของผู้เฒ่าหวังได้มอบความสนุกสนานให้กับพวกเขาในตอนนี้ จึงทำได้แต่มุงดูอย่างเบิกบาน
ซูหม่านซิ่วฟังคำตำหนิของยายหวังมากขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุดก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
“แล้วฉันไปทำร้ายลูกชายคุณหรือ? ไม่ใช่ว่าลูกชายคุณหรือไงที่ทำร้ายฉัน? ถ้าคุณไม่ยอมให้เขาทุบตีฉัน ไม่ยอมให้เขาไปลอบคบหากับแม่ม่ายนั่น มันจะเป็นแบบนี้ไหม? ถึงคุณจะไม่ต้องการฉัน เพราะฉันมีลูกให้ไม่ได้ ฉันก็ไม่โทษพวกคุณหรอกค่ะ”
“แต่พวกคุณกลับให้เขาแอบคบกับแม่ม่ายไร้ยางอายเพื่อสร้างความอับอายให้ฉันหรือ? หรือเพื่อให้ลูกชายเป็นพวกรองเท้าขาดกันแน่? ฉันทนก็เพื่อให้มีชีวิตที่สงบสุข แต่พวกคุณเล่า? กลับใช้ฉันเป็นขี้ข้าของนังแม่ม่ายนั่น!”
ซูหม่านซิ่วกล่าวพลางร้องไห้ออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหว
“ถึงจะอยู่ในราชวงศ์ต้าชิง แต่หม่านซิ่วเป็นชายา ส่วนแม่ม่ายนั่นแต่งเข้ามาก็เป็นแค่สนม และต้องเป็นคนที่ต้องรับใช้ซูหม่านซิ่ว บ้านหวังกลับเอาชายามารับใช้นังสารเลวแทน!”
“หึ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ราชวงศ์ต้าชิงอีกต่อไปแล้ว!”
“ถึงจะไม่ใช่ราชวงศ์ต้าชิงก็ไม่มีเหตุผลที่ภรรยาจะรับใช้คนสารเลวหรอกนะ”
“เรื่องที่ตระกูลหวังทำมันไร้เหตุผลเกินไปแล้ว นี่มันไม่ใช่มนุษย์แล้ว!”
ยายหวังรู้ว่าตอนนี้ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปยังซูหม่านซิ่ว จึงไม่สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้
หากแต่ยังมีเวลาอีกมาก รอทุกคนกลับออกไปแล้วค่อย ๆ เริ่มจัดการซูหม่านซิ่วนับว่ายังไม่สาย
“ในเมื่อพวกพี่ชายส่งแกมา ทั้งตัวฉันเองก็ไม่ใช่พวกหัวรั้น งั้นแกก็ต้องอยู่ที่นี่ต่อไป คอยดูแลรับใช้ลูกชายฉันให้ดี!”
ซูหม่านซิ่วรู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดไร้ยางอายเหล่านี้
“อะไรกัน ยังไม่รู้จักมาช่วยพยุงฉันขึ้นอีก?” ยายหวังเดือดดาลเมื่อเห็นลูกสะใภ้ไม่ขยับเขยื้อน
“คุณคงลืมไปแล้วสินะ ลูกชายไร้ยางอายของคุณแต่งงานกับแม่ม่ายแล้วไม่ใช่หรือครับ?” ซูเหล่าซานประชดประชัน “ต่อให้ตระกูลซูจะแย่แค่ไหน แต่คงปล่อยให้น้องสาวถูกรังแกเช่นนี้ไม่ได้หรอกครับ ที่เรามาวันนี้ก็เพื่อมาหารือเรื่องการหย่าร้าง”
คำพูดของซูเหล่าซานทำให้คนในชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางตกตะลึง พวกเขาเป็นฝ่ายมาขอหย่าหรอกหรือ?
สตรีคนหนึ่งที่ไม่อาจให้กำเนิดลูก หากหย่าร้างกันขึ้นมาในอนาคตจะเป็นอย่างไรล่ะ?
“ลูกหลานตระกูลซู เธอคิดจะพูดก็พูดไม่ได้นะ ตระกูลหวังเป็นพวกเชื่อใจไม่ได้ ถ้าน้องสาวหย่าไป ชีวิตหลังจากนี้จะทำอย่างไรกันเล่า?” ชายชราคนหนึ่งเดินออกมาพูด
“คุณลุงครับ ถ้าชีวิตยังดำเนินต่อไป ผมจะทำแบบนี้หรือครับ? ไอ้หมาหวังเข้าพิธีแต่งงานกับแม่ม่ายไปแล้ว และทั้งคู่ต่างก็เป็นคนที่มีสถานภาพร่วมกัน พอพวกเขากลับมา น้องสาวของผมจะอยู่ที่นี่ไปเพื่ออะไรครับ?” ซูเหล่าซานกล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
จากนั้นทุกคนก็คิดขึ้นมาได้ว่า ก่อนหน้านี้สองคนนั้นได้เข้าพิธีแต่งงานแล้วจริง ๆ จึงพูดได้ว่าไอ้หมาหวังและแม่ม่ายได้แต่งงานกันแล้ว
“ถึงจะเข้าพิธีแต่งงาน แต่แม่ม่ายก็เป็นสนม!” ชายชรากล่าว
“ในสังคมใหม่ไม่มีคำว่าสนมแล้วครับคุณลุง น้องสาวผมน่าสงสารเหลือเกิน โชคดีที่มีพี่ชายทั้งสามคอยเลี้ยงดูเธอได้ ในอนาคตข้างหน้า ถึงพวกผมจะแก่เฒ่า แต่ก็ยังมีลูกชายและเลี้ยงดูอาคนนี้ได้เหมือนกัน!”
อารมณ์ของซูเหล่าซานในตอนนี้อยู่ในระดับต่ำ และแล้วเขาก็ประสบความสำเร็จในการแสดงความคับแค้นใจของบ้านตนออกมา
ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถแข็งกร้าวได้ ถึงจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ในอนาคตจะต้องถูกคนนินทาแน่ แถมตอนนี้จับเรื่องที่ไอ้หมาหวังเข้าพิธีแต่งงานกับแม่ม่ายหลิวเสี่ยวชุ่ยได้อีก พวกเขาจึงประสบความสำเร็จในการทำให้ผู้คนของชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางเห็นอกเห็นใจซูหม่านซิ่ว
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ซูเสี่ยวเถียนสอนมา ซูเสี่ยวเถียนพูดย้ำเสมอว่า วันนี้พวกเขาต้องกดอารมณ์ให้ต่ำที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุยกับคนของชุมชนการผลิตเซี่ยงหยาง ยิ่งแสดงความคับแค้นใจได้มากเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น
“หม่านซิ่วเอ๋ย เธอคิดดีแล้วใช่ไหม? นั่นหลานชายนะ ไม่ใช่ลูกชาย พวกเขาจะดูแลเธอได้จนแก่จริง ๆ หรือ? ตอนนี้พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ เธอจึงมีที่ให้อยู่ แต่ถ้าพ่อแม่ตายไปแล้ว ชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อเล่า?”
“หม่านซิ่ว เธอลองคิดดูอีกทีเถอะ ไม่อย่างนั้นให้ไอ้หมาหวังหย่ากับแม่ม่ายก็ได้นะ!”
ผู้หญิงในชุมชนการผลิตเซี่ยงหยางพยายามเกลี้ยกล่อมซูหม่านซิ่วไม่น้อย เพราะอีกฝ่ายเป็นคนจริงใจและขยันขันแข็ง ไม่มีผู้ใดไม่ยกย่องเธอ
ซูหม่านซิ่วส่ายหัวแล้วกล่าวขอบคุณ “ฉันรู้ค่ะว่าชีวิตผู้หญิงที่หย่าร้างจะมีชีวิตย่ำแย่ แต่เรื่องก็กลายเป็นเช่นนี้แล้วจะให้ฉันทำอย่างไรหรือคะ? ใครใช้ให้ตัวฉันมีลูกไม่ได้กัน…”
ยังเอ่ยไม่ทันจบประโยค หญิงสาวก็ยกมือกุมใบหน้าร้องไห้คร่ำครวญ!
ท่าทางเสียอกเสียใจทำให้คนในชุมชนการผลิตไม่พอใจยายหวังเพิ่มขึ้นอีก
“ฉันไม่สน แกอย่าคิดจะหย่าเชียวนะ” ยายหวังไม่อยากเสียแรงงานและกระสอบทรายอย่างซูหม่านซิ่วไป
หลายวันที่ไร้เงาของลูกสะใภ้คนนี้ งานบ้านมีมากมายก่ายกอง ตัวเธอที่เป็นหญิงชราจะต้องลงแรงทำมันทั้งหมด
“งั้นก็ให้ลูกชายของคุณหย่ากับหลิวเสี่ยวชุ่ยสิ!” ซูหม่านซิ่วกล่าว
“จะเป็นไปได้อย่างไร? เสี่ยวชุ่ยมีเมล็ดพันธุ์ของครอบครัวหวังอยู่ในท้องนะ!” นางหวังตอกกลับโดยไม่รู้ตัว
“งั้นก็หย่ากับน้องสาวผมซะ ไม่อย่างนั้นลูกชายก็ต้องถูกจับ” ซูเหล่าต้ากล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
“ตระกูลซูจะหย่าก็ได้ แต่พวกแกต้องไปที่เหมืองก่อน ไปพาลูกชายของฉันกับหลิวเสี่ยวชุ่ยออกมา”
ยายหวังกลอกตามองบนหนึ่งรอบ แล้วเอ่ยร้องขอ
ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้คงไม่ได้มีชีวิตดี ๆ ที่บ้านพ่อแม่เจ้าตัวหรอก หย่าก่อนแล้วค่อยพาหวังเจี่ยฟ่างกับหลิวเสี่ยวชุ่ยออกมา ให้แม่ม่ายคลอดหลานชายอ้วนตัวใหญ่มาให้ตระกูลหวัง
จนกระทั่งผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง นังสารเลวคนนี้ย่อมอยู่ที่บ้านพ่อแม่ไม่ได้ จากนั้นก็ให้ลูกชายของตนพากลับมา
พอถึงตอนนั้นซูหม่านซิ่วก็ไม่มีบทบาทอะไรแล้ว นอกจากรับใช้ตนเองแล้วยังจะทำอะไรได้อีก?
มีลูกสะใภ้สองคน คนหนึ่งทำงานรับใช้แม่สามี อีกคนให้กำเนิดลูก ดีงามไปหมด!
ยายหวังรู้สึกว่าความคิดตัวเองไม่เลวเลย มันสมบูรณ์แบบมากจริง ๆ!
ไม่รู้ว่าเหล่าสี่พี่น้องตระกูลซูรู้หรือยังว่าความคิดของยายหวังเต็มไปด้วยความงดงาม
ครั้นได้ยินคำร้องขอของยายหวัง ซูเหล่าซานก็ถ่มน้ำลาย “คุณคิดเสียสวยงามเชียวนะ ลูกชายของคุณเป็นพวกรองเท้าขาด ยังคิดจะให้เขาออกมาอีกงั้นหรือ ฝันกลางวันอยู่หรือไร?”
คนรอบด้านที่ต่างได้ยินถ้อยคำของยายเฒ่าก็รู้สึกขบขัน
ครอบครัวหวังไม่ต้องการซูหม่านซิ่วอีกต่อไป ลูกชายก็มีลูกกับหญิงอื่นแล้ว ยังให้คนอื่นไปช่วยพวกเขาให้ออกมาอีก ครอบครัวนี้หน้าด้านขนาดไหนกันเชียวนะ?