บทที่ 83 มีความสัมพันธ์อะไรกัน
ครั้นมาถึงสหกรณ์ คนในชุมชนปฏิบัติด้วยความสุภาพเพราะการแต่งกายอันดูดีของเฉินจื่ออัน
เคารพในเสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยเคารพผู้คน ไม่ว่าเมื่อใดผู้ที่แต่งกายสุภาพเรียบร้อยก็จะเป็นที่เคารพนับถือของผู้อื่นได้ง่ายขึ้น
ในไม่ช้า คังเหรินเต๋อก็เห็นซูเสี่ยวเถียน และตระหนักว่าเด็กหญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาเป็นเด็กสาวที่เป็นที่รักของตระกูลซู สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป
เด็กหญิงคนนี้น่ารำคาญยิ่งนัก
ช้าก่อน แต่ดูเหมือนว่านั่นจะไม่ใช่ประเด็น คนสองคนที่ตามเธอมาคือใครกัน?
ผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะเคยเห็นหน้าค่าตา แต่ชายคนนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“อาใหญ่ พวกเราซื้อเนื้อกลับไปกันเถอะ เที่ยงนี้ให้คุณย่าทำเกี๊ยวดีหรือไม่คะ”
ความจริงแล้วในสหกรณ์ก็ไม่ได้มีของดีเท่าไร สายตาซูเสี่ยวเถียนเหลือบไปเห็นเนื้อพอดีจึงเสนอขึ้น
ยุคสมัยนี้วัตถุดิบหายาก มีเงินมากมายก็ซื้อของดี ๆ ไม่ได้
ในมือซูหม่านซิ่วมีตั๋วเนื้อสองจิน เธอจึงเห็นด้วยกับขอเสนอนี้
ในที่สุดคังเหรินเต๋อก็จำได้ว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาเป็นพี่สาวของภรรยาตนเองใช่หรือไม่?
แถมซูเสี่ยวเถียนยังเรียกว่าอาใหญ่ เช่นนั้นก็ต้องเป็นซูหม่านซิ่วอย่างไม่ต้องสงสัย
บุคคลที่ลือกันว่าฆ่าตัวตาย
หากแต่ตอนนี้ยังสบายดี ไม่ได้ตายอย่างที่ใครว่ากัน
ยิ่งกว่านั้น เธอยังอยู่กับชายแปลกหน้าด้วย เป็นไปได้ไหมว่าเธอไม่ได้กระโดดลงไปในแม่น้ำ แต่หนีตามเขาไป?
คังเหรินเต๋อมองใบหน้าของซูหม่านซิ่วและเฉินจื่ออันสลับกันหลายครั้ง
คนบ้านซูจะไร้ศีลธรรมเกินไปแล้ว ลูกสาวหนีตามผู้ชายไปแล้วยังส่งสหายหวังเจี่ยฟ่างไปตากตรำทำงานที่เหมืองด้วย
โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างซูหม่านซิ่ว จะไร้ยางอายเกินไปแล้ว เธอทำแบบนี้ได้อย่างไร?
ยิ่งคังเหรินเต๋อคิดเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกมีเหตุผลมากขึ้น และเขารู้สึกว่าในที่สุดเขาก็จับจุดอ่อนของตระกูลซูได้
คอยดูเถอะว่าวันนี้ตนจะกระชากหน้ากากของซูหม่านซิ่ว แล้วโยนความไร้ยางอายของตระกูลซูทิ้งลงบนถนน
เวลานี้คังเหรินเต๋อไม่เคยคิดเลยว่า บ้านซูที่ไร้เกียรติจะมีประโยชน์อย่างไรต่อตัวเขา
เช่นนั้นแล้วก็ต้องทำเช่นนี้!
ตอนนั้นเองที่ได้ยินเสียงของเฉินจื่ออัน “สหาย ซื้อเนื้อห้าจินครับ!”
“ให้ฉันซื้อเอง!”
ตอนที่ซูหม่านซิ่วพูดเช่นนี้ เธอรู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย ทั้งตัวเธอมีตั๋วเนื้อเหลือเพียงสองจิน แต่ให้หัวหน้าเฉินซื้อจะเกิดอะไรขึ้น?
“ผมซื้อเอง ในมือคุณมีตั๋วเท่าไรคิดว่าผมไม่รู้หรือไง ที่บ้านคนเยอะแยะ ซื้อไปเยอะหน่อยเถอะ” เฉินจื่ออันกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลที่หายาก
คังเหรินเต๋อรีบรุดขึ้นหน้า ผลักเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ที่กำลังจะทักทายเฉินจื่ออัน
ขณะที่คนอื่นกำลังคิดว่าคังเหรินเต๋อกำลังจะประจบประแจงคนที่อยู่ด้านหน้าตน หากแต่ได้ยินเขาเอ่ยถามอีกฝ่ายแทน
“สหายท่านนี้รู้จักสองคนนี้ไหม? รู้หรือเปล่าว่าพวกเธอเป็นคนอย่างไร? ไหนพวกคุณจะเป็นชายโสดหญิงม่ายเดินด้วยกันอีก มีความสัมพันธ์อะไรกัน?”
น้ำเสียงของคังเหรินเต๋อค่อนข้างไร้ความปรานี และยิ่งไปกว่านั้นยังเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
เกิดอะไรขึ้น? เป็นได้หรือไม่ที่สองคนนี้จะเคยสร้างความขุ่นเคืองให้คังเหรินเต๋อ?
เพื่อนร่วมงานเตรียมจะเอ่ยด่าหุบปากฉับ แล้วอยู่ข้าง ๆ เพื่อรอดูความตื่นเต้นแทน
แววตาเย็นชาของเฉินจื่ออันมืดลง
เหตุใดคนผู้นี้ถึงใช้น้ำเสียงเช่นนี้?
ดูเหมือนว่าตนเองจะไม่เคยยั่วยุบุคคลตรงหน้ามาก่อนใช่หรือไม่?
หรือว่าเคยเจอในกองทัพกันมาก่อน?
ไม่น่าเป็นไปได้ ความจำของเขาดีมากขนาดนี้ ถ้าก่อนหน้ามีเรื่องให้เกิดร่วมกัน เขาไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร คนคนนี้ยุ่งเรื่องคนอื่นมากไปแล้ว
เขาจะอยู่กับใครก็ไม่ใช่เรื่องของมัน!
เป็นพนักงานขายของ คงจะสบายเกินไปกระมัง!
“ผมมาสหกรณ์จำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อซื้อของหรือมาจองห้องพัก? ใครกำหนดว่าซื้อของแล้วต้องตรวจสอบทะเบียนบ้าน?” เฉินจื่ออันกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
พี่หลิวมองดูท่าทางสงบนิ่งของชายตรงหน้า พลันรู้สึกว่าเขาย่อมไม่ใช่คนธรรมดา
ยิ่งกว่านั้นชายคนนี้ยังทำให้ผู้คนรู้สึกถึงกลิ่นอายสังหารราวกับว่ามือของเขาเคยเปื้อนเลือดมาก่อน คงเป็นการดีกว่าที่จะไม่ไปยั่วยุเขา
เธอรีบก้าวออกมาทักทาย “สหายคนนี้ของพวกเราพูดไม่ค่อยเป็นน่ะ อย่าถือสาเอาความเลยนะคะ คุณอยากได้เนื้อห้าจินใช่ไหมคะ? เสี่ยวหลิว รีบไปหั่นเนื้อห้าจินให้เขาเร็วเข้า”
ต้องบอกว่าพี่หลิวไม่มีความสามารถอื่นใด หากแต่เก่งกาจในเรื่องประจบประแจงคนสูงส่ง และเหยียบย่ำคนต่ำต้อย
ยิ่งไปกว่านั้น เธอสามารถระบุได้ว่าคนตรงหน้ามีฐานะหรือไม่ ยั่วยุได้หรือเปล่า ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา พี่หลิวไม่เคยทำผิดพลาดเลย
ต้องบอกว่านี่ก็เป็นวิธีการเอาตัวรอดด้วยอย่างหนึ่ง
“พี่หลิว!” คังเหรินเต๋อคิดจะไถ่ถามต่อ หากแต่ถูกพี่หลิวขวางเอาไว้จึงเอ่ยเสียงดัง
แต่แววตาเฉือดเฉือนของเขากลับจ้องไปทางซูหม่านซิ่ว
ยามมองหล่อนมันทำให้นึกถึงซูหม่านเซียง หัวใจเขาพลันว้าวุ่นขึ้นมา
ซูหม่านซิ่วดูไม่เหมือนหญิงชีวิตขมขื่นที่ถูกทารุณเลยแม้แต่น้อย หล่อนสวมเสื้อลายสก๊อตและกางเกงขายาวสีน้ำเงิน ดูดียิ่งนัก ผมสั้นระดับหู มองอย่างไรก็เป็นหญิงงามคนหนึ่ง
“เสี่ยวคัง!” พี่หลิวตักเตือนด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“พี่หลิว ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่สามีของเธอ พวกเขาไม่ใช่คู่รักกัน!” คังเหรินเต๋อมึนงงไปชั่วขณะ ไม่ทันระวังจึงตะโกนประโยคนี้ออกมา
พี่หลิวตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องนี้
แต่เมื่อคิดกลับกันแล้วก็เหมือนที่ชายผู้นี้พูด พวกเขามาที่นี่ไม่ใช่เพื่อต้อนรับแขกเข้าพัก ทำไมต้องของตรวจทะเบียนบ้านด้วย?
ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ถ้าไม่ใช่คู่รัก แล้วจะมาซื้อของด้วยกันทำไม? ก็คงจะไม่มีสิ่งใดมากนัก
“แกไปทักทายคนอื่นไป สหายท่านนี้ฉันจะดูแลเอง” พี่หลิวกล่าวอย่างไม่พอใจ
คังเหรินเต๋อเริ่มสับสนขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็อยากทำ คิดว่าตัวเองเป็นคนประเทศไหนกัน? ถึงคิดว่าทำได้ทุกเรื่อง!
แต่คังเหรินเต๋อหน้ามืดตามัวไปตั้งนานแล้ว
“ซูหม่านซิ่ว เธอทำให้สหายหวังเจี่ยฟ่างต้องไปทำงานหนักที่เหมือง แต่ตัวเองกลับมาคบกับชายแปลกหน้า เธอยังเป็นคนอยู่หรือไม่ คิดถึงชีวิตสามีเธอในตอนนี้แล้วไม่รู้สึกผิดบ้างหรือ?”
คังเหรินเต๋อตะโกนเสียงดังราวกับกลัวว่าคนอื่นจะไม่ได้ยิน
ถูกต้อง คังเหรินเต๋อไม่เคยรู้สึกว่าหวังเจี่ยฟ่างทำความผิด ทั้งเรื่องที่อีกฝ่ายทารุณซูหม่านซิ่ว ทั้งเรื่องที่หล่อนโดดน้ำด้วย
ซูหม่านซิ่วมีลูกไม่ได้ ทำไมจะทุบตีไม่ได้? กลับกันถ้าเป็นเขาก็ทำเหมือนกัน
จะแต่งภรรยาเข้าบ้านทำไม? ถ้าไม่ใช่เพื่อให้มีลูกด้วยกัน?
เสียงตะโกนของเขา ผู้คนจำนวนมากล้วนได้ยิน
พนักงานของสหกรณ์จำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภคเองต่างก็ได้ยิน และคนที่กำลังซื้อของตอนนี้ก็ได้ยิน
การเคลื่อนไหวของทุกคนหยุดลง มองดูคนพวกนี้ที่อยู่เบื้องหน้า
ใบหน้าของซูหม่านซิ่วขึ้นสีแดงก่ำ คังเหรินเต๋อกำลังทำให้เธออับอาย
ซูเสี่ยวเถียนเกือบจะกระโดดขึ้นมาด้วยความโมโห อาเขยเป็นพวกไร้สมองใช่หรือไม่?
นี่มันกำลังจะสร้างความเสียหายให้แก่พูดอื่น?
“ใครคือหวังเจี่ยฟ่าง?”
“พี่หลี่ลืมไปแล้วหรือ ก่อนหน้านี้สร้างเรื่องโกลาหลอย่างเรื่องทำรองเท้าขาด ผู้ชายคนนั้นทำแม่ม่ายตั้งครรภ์”
“ใช่แล้ว ก็ว่าทำไมชื่อคุ้นจัง แต่คู่นั้นถูกส่งไปทำงานหนักที่เหมืองแล้วไม่ใช่หรือ?”
“แต่มันก็สมควรแล้ว ใครใช้ให้พวกเขาควบคุมร่างกายส่วนล่างไม่ได้ล่ะ”
“ผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาของหวังเจี่ยฟ่างหรือ? ไม่ใช่ว่าโดดน้ำฆ่าตัวตายหรอกหรือ? โกหกกันหรือไง?”
“ที่สำคัญคือเธอดูไม่เหมือนคนถูกทารุณเลย เธอแต่งตัวเรียบร้อยเชียว ดูสดใสดีนี่”
“ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเกมก็ได้ งั้นผู้หญิงคนนี้ก็โหดเหี้ยมเหมือนกัน!”