บทที่ 96 ซูหม่านซิ่วกลับบ้าน
สุดท้ายคนในชุมชนการผลิตหงซินก็สามารถปล่อยให้ลูกหลานคนไปโรงเรียนได้ หลังจากพูดสิ่งที่คิดออกไป คุณปู่คุณย่าซูก็บอกว่ายินดีให้พวกเขาเข้าร่วมด้วย
นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นอีกว่า รอเก็บต้นนี้ให้เสร็จก่อน แล้วจะไปเก็บผลไม้จากต้นของนักศึกษาเมื่อกี้ให้หมดด้วย
ส่วนนักศึกษาคนอื่น ๆ ได้มองหาครอบครัวที่ตนหมายตาไว้อยู่แล้ว แต่ละคนมุ่งไปยังคนที่เลือกเอาไว้แล้วก็ได้รับการเข้าร่วมทีมในที่สุด
สุดท้ายที่ใต้ต้นแพร์ต้นนั้นก็เหลือเพียงคังอี้เยี่ยคนเดียว
คังอี้เยี่ยมีสีหน้าไม่สู้ดี คนพวกนี้คิดว่าเธอมองไม่ออกหรือว่าพวกเขาไม่ชอบตนเองกัน?
ทุกคนต่างก็เป็นนักศึกษา มีใครสูงส่งกว่ากันด้วยหรือ?
คังอี้เยี่ยกวาดสายตามองโดยรอบ ก่อนเดินไปทางบ้านนักบัญชีหลี่ด้วยท่าทางอ่อนแอ
นักบัญชีหลี่และซูเถาฮวากำลังยุ่งอยู่กับการเก็บผลไม้กับลูกของตนอยู่
ซูเถาฮวาเป็นคนตรงไปตรงมาที่มีความสามารถ ทั้งยังพาลูกสาวทำงานกันอย่างคึกคักกระตือรือร้น ส่วนนักบัญชีหลี่เป็นพวกมีอารยธรรมและกลัวการทำงานหนัก
ตอนนั้นเองที่น้ำเสียงอ่อนแอของคังอี้เยี่ยดังขึ้น
“พี่หลี่ พี่สะใภ้ ฉันขอเก็บผลไม้กับพวกพี่ได้ไหมจ๊ะ?”
เสียงของคังอี้เยี่ยทั้งออดอ้อนและอ่อนหวาน และยังมีความน่ารักนิดหน่อยด้วย
น้ำเสียงเช่นนี้ยากที่ผู้ชายจะต้านทานได้
นักบัญชีหลี่รู้สึกทันทีว่าร่างกายครึ่งส่วนเป็นตะคริวไปแล้ว
ที่ชุมชนการผลิตหงซิน เขาเป็นชายที่แต่งเข้าบ้านสะใภ้ และคนที่นี่ก็จะเรียกเขาว่านักบัญชีหลี่ ไม่ก็พี่เขย คุณลุงอะไรเทือกนี้ แต่ในสายตาของนักบัญชีหลี่ คนพวกนี้ล้วนต่ำต้อยกว่าตน
แต่คังอี้เยี่ยเรียกว่าพี่หลี่ รวมถึงเรียกพี่สะใภ้อีกด้วย ซึ่งทำให้เขาภูมิใจในฐานะผู้ชายมาก
เขาไม่ได้ถามภรรยาว่าเห็นด้วยหรือเปล่า แต่กลับตอบเองเออเองว่า “ได้แน่นอน!”
ซูเถาฮวาไม่ชอบคนแบบคังอี้เยี่ย จึงพ่นลมหายใจเย็นชา
นักบัญชีหลี่ได้สติกลับคืนมา และเมื่อมองที่ใบหน้าเย็นชาของภรรยา แล้วมองไปที่ใบหน้ายิ้มแย้มของนักศึกษาคัง ก็รู้สึกได้ทันทีว่าผู้หญิงควรเป็นเหมือนคังอี้เยี่ยสิ
นักบัญชีหลี่ผู้ที่ถูกรูปลักษณ์และความงามของหญิงสาวดึงดูดก็ไม่สนใจความคิดของภรรยาในตอนนี้ ก่อนจะพูดว่า “ผมเป็นนักบัญชีของชุมชนน่ะ นักศึกษาคังมาร่วมทีมกับบ้านเราต้องเหมาะสมอยู่แล้ว! ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ ผมก็มีภาระหน้าที่ที่จะต้องให้ความช่วยเหลือสหายนักศึกษาด้วย!”
คังอี้เยี่ยยิ้มอ่อนโยนและกล่าวขอบคุณ รูปลักษณ์อ่อนช้อยและนุ่มนวลอย่างแท้จริง
นักบัญชีหลี่ได้ยินน้ำเสียงของคังอี้เยี่ย จากนั้นก็คิดถึงภรรยาที่แสนดุที่บ้านแล้วคิดว่าโชคชะตาตนแย่เหลือเกิน
เขาขบคิดถึงผู้หญิงจากเมืองอย่างนักศึกษาคังอีกครั้ง เธอดูสวยมาก แล้วยังพูดจาฉอเลาะอ่อนหวาน ถ้าได้คนแบบนี้มาแต่งงานด้วยชีวิตคงดีจริง ๆ
ซูเถาฮวากำลังมองดูใบหน้าสามีที่เจ้าตัวไม่คิดปิดบังสีหน้าตัวเองต่อคนมากมาย เธอจึงไม่สนใจคังอี้เยี่ยอีก และหันกลับไปยุ่งกับการทำงานต่อ
โดยไม่รู้เลยว่าสามีที่อยู่ใกล้ ๆ ใจลอยไปหาผู้หญิงคนอื่น
คังอี้เยี่ยเป็นฝ่ายสนทนากับนักบัญชีหลี่ก่อน ส่วนตัวนักบัญชีหลี่ก็ไม่หยุดเอาอกเอาใจ
ซูเถาฮวาโกรธมากจนเกือบเหวี่ยงตะกร้าในมือใส่หัวคนทั้งสอง แต่เธออดกลั้นเอาไว้
ทว่าคนรอบข้างกลับมองมาทางนี้ และเริ่มซุบซิบนินทา
แต่แล้วก็มีคนตะโกนใส่นักบัญชีหลี่ว่า “นักบัญชีหลี่ คุณกำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”
“ช่วยสหายนักศึกษาที่มาจากเมืองไงครับ ซูเสี่ยวฮั่ว คุณจะมองปัญหาด้วยความคิดคับแคบแบบนี้ไม่ได้นะ” นักบัญชีหลี่กล่าวโดยชอบธรรม “นักศึกษาคังเป็นสหายหญิงผู้อ่อนแอ ผมเป็นผู้ชายที่อายุมากกว่าจะไม่ช่วยเธอได้อย่างไร?”
ซูเถาฮวาแทบจะโกรธจนตายอยู่แล้ว เธอจ้องไปที่สามีแล้วบอกพวกเด็ก ๆ ว่า “ไปกันลูก พวกเราเปลี่ยนต้นไม้กันดีกว่า ต้นนี้ปล่อยให้พ่อมันทำไป!”
บรรดาลูก ๆ ต่างมองไปที่คังอี้เยี่ยด้วยความขุ่นเคือง ลูกชายคนเล็กถึงกับหยิบเศษดินโยนใส่ร่างหญิงสาว แววตาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
“ว้าย ทำอะไรเนี่ย? นักบัญชีหลี่ ดูเหมือนครอบครัวคุณจะไม่ต้อนรับฉันนะคะ ฮือ ฮือเป็นความผิดของฉันเองค่ะ ฉันไปเก็บฝั่งนั้นคนเดียวดีกว่า!” คังอี้เยี่ยแสร้งทำเป็นเดินจากไป
“นักศึกษาคังไม่ต้องไปสนใจพวกเขาหรอก เด็กพวกนี้ถูกภรรยาของผมตามใจจนนิสัยเสีย คอยดูเถอะ ผมจะกลับไปถลกหนังพวกเขาได้เลย!” นักบัญชีหลี่มองลูกชายคนเล็กอย่างดุร้ายแล้วปลอบโยนคังอี้เยี่ย
โชคดีที่ซูเถาฮวาเดินไปไกลแล้ว ไม่อย่างนั้นคาดว่าคงตบะแตกเพราะคำพูดสามีแน่
ทุกคนที่ทำงานต่างก็หาเวลามาดูละครทางฝั่งนี้
เป็นตอนนั้นเองที่พวกเขาได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามา
เสียงนี้เคยปรากฏในชุมชนการผลิตหงซินหลายครั้งแล้ว และทุกคนล้วนคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“ผู้นำใหญ่ของอำเภอมาแล้ว” ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแรกที่พูดขึ้น
“คือผู้นำใหญ่ของอำเภอจริง”
ก่อนจะมีคนเอ่ยขึ้นอีกคน “ไม่รู้ว่าหม่านซิ่วจะกลับมาด้วยกันไหม”
“หล่อนยังมีหน้ากลับมาอีกหรือ?” หลิวซิ่วอิงร้องเหอะ “ผู้หญิงคนหนึ่งที่แม้แต่สามียังไม่สนใจด้วยซ้ำ!”
“หลิวซิ่วอิง เรื่องนี้แกคิดผิดแล้ว!” มีคนคนหนึ่งพูดขึ้นมาโดยไม่มองอะไรเลย
“แล้วฉันผิดอะไร สามีคือเทพเจ้าของผู้หญิง แต่ซูหม่านซิ่วกลับส่งเทพเจ้าของตัวเองไปทำงานที่เหมืองเนี่ย ยังมีเหตุผลด้วยหรือ?” หลิวซิ่วอิงมุ่ยปาก
โชคดีที่คนในชุมชนรู้ว่าหลิวซิ่วอิงมีพฤติกรรมแบบไหนจึงไม่สนใจเธออีก
ภายใต้ความสนใจของทุกคน ซูหม่านซิ่วและเฉินจื่ออันลงจากรถมาตามลำดับ
คนที่เห็นซูหม่านซิ่วต่างก็พูดว่าเด็กคนนี้ดูดีกว่าแต่ก่อนอีก ต้องบอกเลยว่าเธอดูดีขึ้นเยอะมาก
ช่วงนี้คอยเลี้ยงด้วยเนื้อเล็กน้อย จึงไม่ผอมแห้งอย่างเมื่อก่อน ผิวพรรณก็ดีขึ้นตามธรรมชาติ
ผิวที่ดูเรียบเนียนมีความมันเงา ทั้งยังมีท่าทางเขินอายจนทำให้ผิวแดงระเรื่อเล็กน้อย ดูงดงามผุดผ่องยิ่งขึ้น
กอปรกับตัวเธอไม่ค่อยสวมชุดใหม่ แต่ตอนนี้ใส่รองเท้าคู่ใหม่ที่ฉีเหลียงอิงมอบให้ จึงทำให้เธอดูอ่อนวัยลงหลายปี
“ซิ่วเอ๋อร์ ลูกกลับมาแล้วหรือ?” เมื่อเห็นว่าลูกสาวคนโตสบายดี อาการเศร้าซึมของคุณย่าซูก็เบาสบายขึ้น
อันที่จริงคุณย่าเป็นห่วงเป็นใยมาตลอด ถ้าลูกสาวใช้ชีวิตอย่างย่ำแย่ในเมืองจะทำอย่างไร? หากแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมาเพราะกว่าผู้อื่นเป็นห่วง
ครั้นได้เห็นด้วยตาตนเองหัวใจจึงปล่อยวางลงในที่สุด
“คุณแม่คะ ฉันมีวันหยุดพอดีเลยกลับบ้านมาหาค่ะ” ซูหม่านซิ่วยิ้มแล้วจับมือมารดาไว้
“คุณป้า วันนี้ไปเก็บผลไม้กันหรือครับ?” เฉินจื่ออันถามด้วยรอยยิ้มขณะมองดูฉากอันวุ่นวาย
คุณย่าซูรู้สึกว่าเฉินจื่ออันในคราวนี้แตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย แต่ไม่รู้ว่าแตกต่างตรงไหนเลยไม่ได้คิดอะไรอีก
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยลูกสาวคนโต จึงไม่มีเวลาขบคิดถึงปัญหาของเฉินจื่ออัน
“ใช่จ้ะ ผลแพร์ของชุมชนเราหวานมาก พวกเธอมาได้จังหวะพอดีเลย ตอนบ่ายจะมีการแบ่งผลไม้กัน หัวหน้าเฉินก็เอากลับไปชิมด้วยสิ”
เฉินจื่ออันไม่ได้ว่าตอบว่าเอาหรือไม่เอา แค่มองไปยังคนบนต้นไม้ก่อนพูดอย่างมีความสุข “เสี่ยวอู่ เสี่ยวลิ่ว ลงมา ๆ เดี๋ยวฉันขึ้นไปเก็บให้ ฉันเก็บไวกว่า”
ถึงอย่างไรน้องห้าและน้องหกก็อายุน้อยสุด แต่ก็กระตือรือร้นและมีความเร็วในการเก็บผลไม้ไม่ได้น้อยไปกว่าคนอื่นเท่าไร
เด็กทั้งสองมองหน้ากันแล้วลงจากต้นไม้อย่างเชื่อฟัง ก่อนจะมองเฉินจื่ออันที่ปีนขึ้นไปสองสามครั้งก็ถึงยอดแล้ว
ตำแหน่งมันสูงเกินไป คนเลยไม่กล้าขึ้นกัน แต่ชายผู้คนนี้กลับขึ้นไปอย่างคล่องแคล่ว
ที่ยิ่งกว่านั้นคือ มือเท้าของเจ้าตัวยืดหยุ่นมาก หยิบจับอย่างรวดเร็ว ในไม้ช้าผลไม้ก็เต็มตะกร้า
เขาผูกเชือกสีฟ้ากับตะกร้าแล้วหย่อนลงไปวางบนพื้นด้านล่าง
น้องห้าน้องหกรุดขึ้นหน้าฉับไว ก่อนเทผลไม้ลงบนพื้นด้วยความชื่นชม
“ลุงเฉินเก่งกว่าพวกเรามากจริง ๆ”
“ลุงเฉินเก่งที่สุด ในอนาคตผมจะเก่งให้เหมือนลุงเฉินด้วย”