บทที่ 98 ขอแต่งงาน
“หัวหน้าเฉิน ถ้ามีเรื่องก็บอกมาเถอะ ถ้าเป็นสิ่งที่ตาเฒ่าทำได้ จะทำแน่นอน”
“คุณป้า วันนี้ผมมาที่นี่เพราะมีเรื่องอยากบอกพวกท่านทั้งสอง และของขวัญพวกนี้ ไม่ว่ายังไงท่านก็ต้องรับไว้ด้วย ไม่งั้นผมคงไม่กล้าพูดแน่”
เอาเถอะ ‘ไม่กล้า’ สองคำนี้ที่ว่าคงจะจริง เพราะเฉินจื่ออันไม่คิดเลยว่าในชีวิตนี้และช่วงเวลานี้ตัวเขาจะขี้ขลาดขึ้นมา
คุณปู่ซูมองไปที่เฉินจื่ออันโดยไม่พูดอะไร
คุณย่าซูมองเฉินจื่ออัน จากนั้นก็เบนสายตาไปยังลูกสาวและตกใจจนอ้าปากค้าง
เป็นไปได้ไหมที่เฉินจื่ออันจะทำเรื่องที่รู้สึกเสียใจต่อหม่านซิ่ว? และนำเรื่องไม่ดีมาหาให้?
อย่าโทษคุณย่าซูที่ไม่อยากให้ทั้งสองคนรักกันเลย เหตุผลหลักคือเฉินจื่ออันดีเกินไป ส่วนลูกสาวของตนก็เคยหย่ามาก่อน อีกทั้งไม่สามารถให้กำเนิดลูกได้
จากมุมมองของผู้เป็นมารดาแล้ว นอกจากภรรยาที่มีลูกแล้วตาย ผู้ชายทั่วไปไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้หรอก
“ซิ่วเอ๋อร์ พวกเธอสองคนเป็นอะไรไป?” น้ำเสียงคุณย่าซูสั่นเครือ
ผู้หญิงคนหนึ่งที่หย่าร้างแล้วมันเป็นเรื่องที่ยากมาก และจะยิ่งยากเข้าไปอีกหากคนอื่นหาเรื่องมาให้
เธอเลยอดไม่ได้ที่จะปาดน้ำตา ลูกสาวที่แสนลำบาของเธอเอ๋ย
หากรู้แต่เนิ่น ๆ ปล่อยให้หล่อนอยู่บ้านเสียจะดีกว่า!
“คุณแม่ ไม่ได้มีเรื่องอะไรค่ะ ไม่สิ ก็ไม่เชิง มีนิดหน่อยค่ะ!” ซูหม่านซิ่วพูดจาละล่ำละลัก
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพูดเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ตอนที่แต่งงานกับหวังเจี่ยฟ่าง คนในบ้านไม่ได้ถามความเห็นเธอเลย
เฉินจื่ออันดึงซูหม่านซิ่วเอาไว้แล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “คุณลุงครับ คุณป้าครับ วันนี้ผมเพื่อสู่ขอซิ่วเอ๋อร์ครับ”
อะไรนะ?
ป้องยาสูบเก่าในมือคุณปู่หล่นลงพื้น ส่วนคุณย่าที่ปาดน้ำตาไปได้ครึ่งหนึ่งก็พลันลืมไปว่าต้องทำอะไรต่อไป
“คุณพูดอะไรนะ? หัวหน้าเฉิน?”
“ผมอยากให้พวกท่านทั้งสองยกซิ่วเอ๋อร์ให้ผม!” เฉินจื่ออันพูดอีกครั้ง น้ำเสียงมั่นคงและหนักแน่น และไม่ได้ล้อเล่นแต่อย่างใด
คุณย่าซูกำลังไตร่ตรอง กำลังสัมผัสอีกครั้ง เผื่อว่าอาจจะได้ยินอะไรผิดไป
เป็นไปไม่ได้น่า สภาพลูกสาวเป็นอย่างไรบ้าง คนเป็นแม่จะไม่รู้ได้อย่างไร?
ในที่สุดคุณปู่ซูก็รู้สึกตัวก่อนจะพูดอย่างตรงไปตรงมา “พวกเราไม่สามารถตอบตกลงได้หรอก!”
เฉินจื่ออันไม่คาดคิดว่าเลยคุณปู่ซูจะปฏิเสธตรง ๆ
เขาดีไม่พอหรือ? แม้แต่คนอย่างไอ้หมาหวังพวกเขายังชอบเลย แล้วทำไมถึงไม่ชอบตัวเขาล่ะ?
เฉินจื่ออันรู้สึกเหมือนตนถูกโจมตี แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็รู้สึกว่าตนเองแข็งแกร่งกว่าไอ้หมาหวังไม่ใช่หรือ?
“คุณลุง ถ้าผมมีตรงไหนไม่ดีพูดออกมาเลยครับ ผมจะเปลี่ยนให้!” เฉินจื่ออันกล่าวอย่างจริงใจ
“สูงส่งไม่กล้าเอื้อม!”
และในที่สุดคุณย่าซูก็รู้สึกตัว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมของขวัญที่เฉินจื่ออันเอามาให้ถึงได้แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้นัก และเป็นของขวัญสี่*[1]ชนิด มีจำนวนไม่น้อย และยังเป็นสองเท่าด้วย
เรื่องจริงจังเช่นนี้ แท้แล้วคือเรื่องขอแต่งงานนั่นเอง
แต่ทำไมคนมีความสามารถอย่างเฉินจื่ออันถึงสนใจผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเลยล่ะ?
“หัวหน้าเฉิน พวกเราเป็นชาวนา ซิ่วเอ๋อร์เคยแต่งงานแล้ว ทั้งยังเคยหย่ามาก่อนด้วย ไม่คู่ควรกับคุณหรอก”
แม้คุณย่าซูจะอยากให้ลูกสาวหาคนใครสักคนเพื่อใช้ชีวิตที่ดีไปด้วยกัน แต่ไม่คิดว่าจะได้คนเช่นนี้มา
“คู่ควรสิครับ ซิ่วเอ๋อร์เป็นคนขยัน ซื่อสัตย์ และใจดี แค่นี้ก็มากเกินพอสำหรับผมแล้วครับ”
ในหัวใจของเฉินจื่ออัน ซูหม่านซิ่วเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่ง!
คุณย่าซูอยากจะบอกเหลือเกินว่าต่อให้ดีแค่ไหนแต่ก็มีลูกไม่ได้ แต่อยู่ต่อหน้าลูกสาวเธอพูดไม่ได้หรอก
แม่ที่ไหนจะเอามีดแทงใจลูกสาวกันล่ะ!
“หัวหน้าเฉิน ขอแต่งงานต้องมีเรื่องสถานะอีกนะ!” คุณปู่ซูว่า “ครอบครัวเราได้รับความรักความห่วงใยจากคุณแล้ว แต่ลูกสาวเราไม่สามารถแต่งงานได้ และหลังจากนี้ซิ่วเอ่อร์จะไม่ไปที่อำเภออีกแล้วด้วย เธอจะอยู่ที่บ้าน!”
ซูหม่านซิ่วตกตะลึง พ่อต่อต้านถึงขนาดไม่ให้เธอไปทำงานที่อำเภอเลยหรือ?
ตอนที่อยู่ในเมือง เธอรู้สึกเป็นอิสระ และรู้สึกว่าในที่สุดก็มีวันที่ได้ใช้ชีวิตแบบคนคนหนึ่งเสียที
“พ่อคะ!” ซูหม่านซิ่วรีบตะโกน
“ซิ่วเอ๋อร์ ทุกอย่างก็เพื่อตัวลูก”
ผู้เป็นบิดามองลูกอย่างล้ำลึก โดยหวังว่าเธอจะเป็นคนสับสนและเข้าใจจิตใจของเขา ทั้งไม่ขุ่นเคืองเพียงเพราะพ่อปฏิเสธการแต่งงานในครั้งนี้
“คุณลุง คุณป้า ผมรู้ครับว่าพวกคุณกังวลเรื่องอะไร ผมคุยเรื่องนี้กับซิ่วเอ๋อร์ด้วย ไม่มีลูกก็ไม่เป็นไร แค่มีเราสองคนคอยค้ำจุนกันและกันไปตลอดชีวิต แค่นี้ก็พอแล้วครับ” เฉินจื่ออันมองหม่านซิ่วอย่างลึกซึ้ง
“ถ้าซิ่วเอ๋อร์ชอบเด็ก พวกเราก็รับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยงสักคนก็พอแล้ว หรือถ้าไม่ชอบก็อยู่แค่สองคนก็พอ ผมไม่มีปัญหาอะไรครับ”
“คุณลุง ก่อนหน้านี้ครอบครัวพวกเราต่างก็มีประวัติอันยาวนานมาก่อน แต่ยุคสมัยมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว และคนพวกนั้นก็จากโลกนี้ไปหมดแล้ว ตัวผมสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็กเลยติดตามหัวหน้าผู้อาวุโสท่านหนึ่งไปตลอดตอนเป็นทหาร ภูมิหลังครอบครัวไม่ได้กระทำสิ่งใดผิด และการแต่งงานของบ้านเราก็ไม่ใช่ไม่คู่ควร”
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผมชอบซิ่วเอ๋อร์คนนี้ และปวดใจกับชีวิตอันขมขื่นของเธอ จึงคิดว่าหลังจากนี้ไป ผมจะดูแลเธอให้ดีและให้เธอมีชีวิตที่มั่นคง”
“แต่พวกเธอยังเด็ก ไม่รู้ถึงความสำคัญหรอก รอแต่งไปก่อนหลังจากนั้นจะเสียใจก็สายเกินไปแล้ว!” คุณย่าซูพูดขณะปาดน้ำตา
ซูหม่านซิ่วเคยหย่ามาครั้งหนึ่งแล้ว และถ้าหย่าอีกก็คงไม่มีทางมีชีวิตอยู่ได้จริง ๆ
สังคมนี้เป็นปฏิปักษ์ต่อผู้หญิงอย่างล้ำลึก คุณย่าซูเข้าใจดี
“ปีนี้ผมอายุสามสิบสี่ ส่วนซิ่วเอ๋อร์อายุยี่สิบเก้าพวกเราไม่เด็กแล้วนะครับคุณป้า ผมขบคิดในสิ่งที่คุณพูดมาแล้วครับ”
คุณปู่คุณย่าซูนิ่งเงียบ ไม่รู้ว่าควรเชื่อเฉินจื่ออันหรือไม่
สุดท้าย พวกเขาก็ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น
ตอนนั้นเองที่คนในครอบครับกลับมา แล้วเห็นฉากดังกล่าวทันที
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนในตระกูลซูตกตะลึงอยู่ที่ลานบ้าน ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
เฉินจื่ออันมาที่นี่เพื่อสู่ของั้นหรือ?
ผู้นำใหญ่อยากแต่งงานกัซูหม่านซิ่ว หญิงสาวที่เคยหย่าร้างมาก่อนแล้วและมีลูกไม่ได้?
เป็นไปไม่ได้หรอก!
ที่สำคัญกว่านั้นคือ ไม่ใช่แค่คนบ้านซูที่กลับมา แต่ยังมีคนอื่นที่กลับมาพร้อมกันอีกด้วย
ในจำนวนนี้มีซูฉางจิ่ว นักบัญชีหลี่ และครูสองคนของโรงเรียนรวมอยู่ด้วย นักบัญชีหลี่เป็นเจ้าหน้าที่ เลยต้องตามหัวหน้ามาด้วย
แต่การมาของครูสองคนนั้นด้วยค่อนข้างน่าแปลกนิดหน่อย
อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งสี่ก็ได้ยินสิ่งที่เฉินจื่ออันพูดทั้งหมด ในตอนนั้นไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ไม่อาจทำได้
ซางชุนหลานหน้าซีดเผือด เธอมาบ้านซูเพื่อให้คุณย่าซูช่วยถามเรื่องของเฉินจื่ออัน
เพียงเพราะเธอตกหลุมรักเฉินจื่ออัน จึงว่าหวังว่าตนเองจะมีโอกาสสักครั้ง
แต่เมื่อย่างกรายพ้นธรณีประตูมา กลับได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด แล้วใบหน้างามก็แดงขึ้นทันที
เฉินจื่ออันไม่มีภรรยา แต่เขาชอบซูหม่านซิ่ว
ครูหญิงมองไปยังผู้หญิงคนนั้น และไม่รู้ว่าหัวใจของตนเองรู้สึกอย่างไร
ซูหม่านซิ่วเป็นผู้หญิงที่เคยหย่ามาก่อนแล้วมีลูกไม่ได้ งั้นทำไมชายที่โดดเด่นอย่างเฉินจื่ออันถึงตกหลุมรักได้ล่ะ?
หรือเพราะว่าเธอสวยงั้นหรือ
*[1] เวลาชายหญิงแต่งงาน ฝ่ายชายจะมอบของให้ฝ่ายหญิง มีเนื้อซี่โครง สุรา ยาสูบ และรากบัว