เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 142 เธอมาหาผิดคนแล้ว

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 142 เธอมาหาผิดคนแล้ว

“หัวหน้าเฉิน จากที่ท่านพูด เมื่อครู่เราแค่รู้สึกว่ามันเรื่องใหญ่เกินไปสำหรับเด็กคนนึงจะจัดการได้น่ะครับ!” หลี่ฉางชิ่งรีบขอโทษ

“สาวน้อยไม่ต้องกังวลไปนะ ลุงหลี่ช่วยเธอแก้ปัญหาเรื่องไก่ได้แน่นอน แต่ว่าถ้าอยากได้ไก่หนึ่งพันตัวในครั้งเดียวอาจไม่ได้ งั้นแบ่งเป็นสามครั้งดีไหม?”

ซูเสี่ยวเถียนไม่คาดคิดมาก่อนว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายได้ง่าย ๆ แบบนี้ อิงวิธีการเลี้ยงตามหลักวิทยาศาตร์แล้ว ประมาณสี่เดือนก็จะผลิตไข่ได้

เพิ่งจะเดือนเจ็ดตามปฏิทินจันทรคติเอง กว่าจะถึงปีใหม่ก็ออกไข่ทันพอดี ไม่สายเกินไปหรอก

“งั้นพวกเราเตรียมไข่ให้ลุงหลี่อย่างน้อยหมื่นฟองก่อนปีใหม่นะคะ คุณลุงหลี่พอใจไหมคะ?” ซูเสี่ยวเถียนพูดอย่างใจกว้างอีกครั้ง

การเดินทางในวันนี้มีแต่เรื่องที่ไม่คาดคิด เดิมทีคิดว่าถ้าไม่ได้ผลจะกลับบ้านไปฟักไข่เอง ไม่นึกเลยว่าปัญหาใหญ่ในตอนนี้จะคลี่คลายลงแล้ว

พอเห็นเด็กหญิงมีความสุขมาก เฉินจื่ออันก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “รอเสี่ยวเถียนกลับไปก่อน อาเขยจะหาวิธีเอาลูกไก่ไปให้นะ หนูยังอยากได้อะไรอีกไหม?”

หลี่ฉางชิ่งเพิ่งได้ยิน อาเขยหรือ?

นี่คือหลานสาว?

ไม่คิดเลยว่าหัวหน้าเฉินจะชอบหลานสาวขนาดนี้ มองไม่ออกเลยจริง ๆ

“พอใจแล้วล่ะ ๆ สาวน้อย ลุงพอใจมากจริง ๆ แต่ว่าครั้งนี้ลุงจะส่งลูกไก่ไปให้ แต่หลังจากนั้นไข่จากไก่ที่พวกเธอเลี้ยง จะต้องให้ความสำคัญกับโรงงานขนมไข่พวกเราก่อนถึงจะดีนะ”

พวกเขาปรึกษาเรื่องราวต่าง ๆ อย่างมีความสุข

พอเห็นเฉินจื่ออันชอบเสี่ยวเถียนแบบนี้ ภายในใจหลี่ฉางชิ่งคิดสิ่งอื่นอยู่ แต่ไม่กล้าพูดออกมา

เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเชิญเฉินจื่ออันให้พาซูเสี่ยวเถียนไปที่บ้านในฐานะแขกในวันพรุ่งนี้ แต่อีกฝ่ายปฏิเสธ

หลี่ฉางชิ่งยังคงไม่ยอมแพ้ โดยบอกว่าจะพาครอบครัวไปบ้านหัวหน้าเฉินแทน และเพื่อแสดงความยินดีกับหัวหน้าเฉินที่ได้ลูกชาย

ชายหนุ่มคิดจะปฏิเสธ แต่พอนึกได้ว่าซูเสี่ยวเถียนยังต้องรอไก่นับพันจากหลี่ฉางชิ่ง จึงตอบตกลง

ตอนที่ออกจากโรงงานขนมไข่ สองอาหลานมีความสุขมาก

เฉินจื่ออันพูดด้วยรอยยิ้ม “สาวน้อยก็เป็นกังวลกับเขาด้วย หงซินใหญ่ขนาดนี้ ยังต้องให้สาวน้อยแบบหนูกังวลอีกหรือ?”

ซูเสี่ยวเถียนมองไปรอบ ๆ แล้วพูดด้วยเสียงอันเบา “อาเขย รออีกไม่กี่ปีข้างหน้า หนูวางแผนจะสร้างฟาร์มไก่แห่งนี้ให้กับครอบครัวของพวกเราค่ะ”

เฉินจื่ออันผงะ แล้วมองไปรอบ ๆ ตามสัญชาตญาณ หลังจากไม่พบใครก็พูดเสียงต่ำ “ทำไมหนูถึงพูดแบบนี้ล่ะ? มันคือจุดจบของพวกทุนนิยมนะ! ไม่กลัวครอบครัวจะแย่หรือ?”

การตั้งโรงงานในชมชุมไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าครอบครัวทำฟาร์มไก่จะเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร

“อาเขยคะ อีกไม่ปีมันจะเป็นเรื่องที่ดีค่ะ! ไม่ใช่แบบนี้ไปตลอดหรอก” ซูเสี่ยวเถียนพูดอย่างหนักแน่น “พอถึงเวลานั้น พวกเราค่อยดำเนินการสร้างฟาร์มไก่กันค่ะ”

“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ” เฉินจื่ออันมองหลานสาวอย่างจริงจังมากขึ้นน

ต้องมีเหตุผลสิว่า ทำไมจู่ ๆ สาวน้อยถึงพูดสิ่งเหล่านี้ด้วยความมุ่งมั่น เธอไปได้ข่าวอะไรมา?

ได้มาจากฉือเก๋อหรือตู้ถงเหอที่เป็นพ่อบุญธรรมกันแน่?

“คุณปู่ฉือบอกว่า จุดประสงค์ของประเทศคือการทำให้ผู้คนร่ำรวย และไม่ใช่เพื่อทำให้ผู้คนเดือดร้อนค่ะ” ซูเสี่ยวเถียนยิ้ม

“แค่ประโยคเดียวหรือ?” เฉินจื่ออันถามอย่างสงสัย

ประโยคนี้ไม่มีปัญหาหรอก แต่มันจะมีผลในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าหรือ?

“อาเขย อาไม่คิดหรือคะว่าสองปีมานี้แตกต่างจากสองปีก่อนหน้านั้นอย่างไร?”

พอเฉินจื่ออันขบคิด ก็เหมือนจะเป็นอย่างที่ว่าจริง ๆ เรื่องราวหลายอย่างไม่รุนแรงเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว

ดูเหมือนว่าอาเขยก็คืออาเขย เรื่องแบบนี้มองได้ทะลุปรุโปร่งเลย

ซูเสี่ยวเถียนยิ้ม “หนูพูดถูกใช่ไหมอาเขย!”

“ใช่แล้ว เสี่ยวเถียนฉลาดมากเลย แต่พูดแบบนี้กับคนอื่นไม่ได้นะ!” เฉินจื่ออันยังไม่ลืมที่จะเตือนด้วย

ซูเสี่ยวเถียนพยักหน้าอย่างรีบร้อน “หนูบอกแค่อาเขยค่ะ ยังไม่ได้บอกอาใหญ่”

ทำไมเธอถึงบอกเรื่องนี้เฉินจื่ออันน่ะหรือ ก็เพราะว่าชาติก่อนชายผู้นี้เป็นคนมีอนาคตก้าวไกล เธอเชื่อว่าอีกฝ่ายจะต้องสังเกตการณ์ได้ดีมาก

เฉินจื่ออันพยักหน้า

“ที่สองปีมานี้เร่งเร้าให้พวกพี่ ๆ เรียนหนังสือก็เพราะสาเหตุนี้หรือ” เขาถามอีกครั้ง

เด็ก ๆ บ้านซูเรียนหนักมาก แม้แต่คนในตระกูลก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อเรียนรู้วิธีการอ่านหนังสือ

ซูเสี่ยวเถียนเคยเตือนซูหม่านซิ่วด้วยว่า ต้องเรียนสักหน่อยจะได้รู้อะไรบ้าง

ดูเหมือนว่าอาเขยกับฉือเก๋อจะไว้ใจลูกศิษย์คนนี้เหลือเกิน และบอกเธอถึงสถานการณ์ในปัจจุบันไม่น้อยเลย

ถูกต้อง เฉินจื่ออันเชื่อว่าเหตุผลที่ซูเสี่ยวเถียนรู้เรื่องนี้เป็นเพราะเกี่ยวข้องกับฉือเก๋อ

เขาจะรู้ได้ที่ไหนว่าที่เสี่ยงเถียนพูด ฉือเก๋อไม่ได้คาดการณ์ไว้เลย

“อาเขยกลับกันเถอะค่ะ วันนี้น้องเล็กครบเดือนแล้ว คุณย่าจะทำของอร่อย ๆ ให้กิน”

หลังจากเสร็จธุระ สาวน้อยก็ดูไร้เดียงสาและกลายเป็นแมวน้อยจอมตะกละ

เขาสงสัยนักว่าเสี่ยวเถียนคนนั้นที่เพิ่งเห็นเป็นตัวปลอมหรือเปล่า!

“กลับบ้านกัน!”

“อาเขย หนูอยากกลับบ้านแล้ว หนูคิดถึงพวกพี่ ๆ แล้วก็คิดถึงพี่อี้หย่วนด้วย” เสี่ยวเถียนพูดเจื้อยแจ้วขณะกำลังเดิน

เฉินจื่ออันตั้งใจฟัง บนถนนเส้นนี้มีไม่กี่คนที่รู้จักเขา พอเห็นท่าทางอ่อนโยนแบบนั้นก็มีท่าทางเหมือนเจอผี

จากวันนี้เองที่คนในอำเภอรู้ว่าเฉินจื่ออันชอบเด็กผู้หญิงเป็นพิเศษ

ข่าวนี้ดังไปถึงครอบครัวของหลี่ฉางชิ่งอย่างรวดเร็ว

หลี่ฉางชิ่งเห็นลูกชายคนเล็กเล่นเครื่องบินกระดาษในห้องนั่งเล่น พลันรู้สึกว่าพรุ่งนี้ต้องพาไปด้วย

สองอาหลานเดินยังไม่ทันถึงประตูบ้าน ก็ได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญเสียก่อน

“อาเขย เซี่ยงหงคนเมื่อวานนี่”

เฉินจื่ออันขมวดคิ้ว แน่นอนว่าเขาจำได้ว่าเป็นเสียงของเซี่ยงหง

ไม่ใช่ว่าต้องไปอยู่ชนบทหรือไง ทำไมถ่อมาสร้างความวุ่นวานถึงบ้านเขาอีกแล้ว?

ชายหนุ่มขมวดคิ้วและมองไปที่ประตู

เซี่ยงหงนั่งร้องไห้อยู่ที่ประตูบ้าน เช็ดน้ำตาไปด้วย และขอร้องให้หม่านซิ่วปล่อยเธอไว้ด้วย

มีคนมารุมล้อมมองเต็มไปหมด พวกเขาต่างพูดนินทากัน

และประตูบ้านใหญ่บ้านเขาปิดแน่น

ความรู้สึกแรกของเฉินจื่ออันคือสมาชิกในบ้านกลัวเกินกว่าจะออกไปข้างนอก

เขามุ่งไปยังบ้านตัวเองด้วยใบหน้าดำมะทึน เพิ่งเดินผ่านไปก็ได้ยินคนพูดว่าตระกูลเฉินทำเกินไปแล้ว บีบบังคับสาวน้อยคนหนึ่งให้เป็นแบบนี้ ๆ และอีกมากมาย

“เธอคิดว่าฉันบังคับเธอหรือ?” เฉินจื่ออันถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

พอได้ยินน้ำเสียงคุ้นเคย ใบหน้าเซี่ยงหงปรากฏรอยยิ้มทันที จากนั้นก็จางลง สุดท้ายร่องรอยความหวาดกลัวก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“หะ… หัวหน้าเฉิน ฉันผิดไปแล้วค่ะ แค่ครั้งนี้ก็พอค่ะได้ไหม? ฉันไม่อยากโดนเนรเทศไปชนบท ได้โปรด!” เซี่ยงหงขอร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“การที่ให้เธอไปชนบทมันไม่ใช่การตัดสินใจของฉัน เธอไม่รู้สึกว่าตัวเองมาหาผิดคนหรอกหรือ!”

เฉินจื่ออันไม่แม้แต่จะชายตามองเลย พูดจบก็เดินไปที่ประตูบ้าน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท