เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 145 แข็งแกร่งแค่ไหนจะทำอะไรตระกูลเซี่ยงได้

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 145 แข็งแกร่งแค่ไหนจะทำอะไรตระกูลเซี่ยงได้

แววตาแบบนั้น ซูเสี่ยวเถียนไม่ได้สนใจอยู่แล้ว ที่มุมปากยังมีรอยยิ้มจุดขึ้นอยู่ด้วย

อย่างไรเสียก็เป็นแค่คนแปลกหน้า

ไม่ว่าจากปีไหน ๆ คนเมืองก็ดูถูกคนชนบทอยู่ดี

แต่คนอื่น ๆ ในตระกูลซูรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย

พวกเรามาจากชนบทไม่ใช่เรื่องผิด แล้วถ้าไม่มีคนชนบทแบบนี้ พวกคนหัวสูงในอำเภอจะกินอะไร?

“ไม่มีอะไรที่เล่นด้วยไม่ได้หรอก เด็ก ๆ ก็คนคุ้นเคยกันทั้งนั้น เล่นด้วยกันได้อยู่แล้ว!” หลี่ฉางชิ่งกล่าวพร้อมกับยิ้มแหย

เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้บรรยากาศดีขึ้น แต่ก็ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งคนที่ถ่วงแข้งขาไว้ได้

“ก็แค่เด็กผู้หญิงบ้านนอกคนหนึ่ง เล่นด้วยกันก็ได้นะ แต่จะอยู่ในเมืองได้ทุกวันเลยหรือ? ลูกชายเราควรเล่นแต่กับเด็กในเมืองนะ” น้ำเสียงที่เหนือกว่าของเซี่ยงฮุ่ยทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดมาก

เซี่ยงฮุ่ยดูถูกซูหม่านซิ่วที่เป็นผู้หญิงชนบทและเป็นคนที่เคยแต่งงานมาแล้วด้วย จะต้องยั่วยวนเฉินจื่ออันอยู่แล้ว

การที่เฉินจื่ออันถูกผู้หญิงชนบทยั่วยวนก็พิสูจน์ได้แล้วว่าไม่ใช่คนดีอะไร!

เพราะความคิดพวกนี้ทำให้แววตาของเซี่ยงฮุ่ยที่มองไปซูเสี่ยวเถียนจึงเต็มไปด้วยความดูหมิ่นมากขึ้น

แล้วนังเด็กคนนี้ก็ไม่ใช่คนดี อายุยังน้อยแต่กลับโตมาแบบนี้!

“ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ล่ะ? ยังไม่รีบขอโทษหัวหน้าเฉินอีก? หัวหน้าเฉิน ภรรยาผมไม่ได้ตั้งใจ อย่าถือสาเลยนะครับ” หลี่ฉางชิ่งดุภรรยาเสร็จก็รีบขอโทษเฉินจื่ออัน

เขาเหงื่อออกจนซึมเสื้อผ้าไปตั้งนานแล้ว

แล้วก็รู้มาตลอดด้วยว่าเฉินจื่ออันมีนิสัยอย่างไร

ผู้หญิงโง่คนนี้แหย่ใครไม่แย่ มาแหย่เฉินจื่ออันทำไม?

ที่โรงงานวันนี้ก็เห็นได้เลยว่าเฉินจื่ออันเอ็นดูหลานสาวคนนี้จริง ๆ!

เดิมทีคิดว่าวันมาที่บ้านจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉินจื่ออันได้ ใครจะรู้เล่าว่าจะพังแบบนี้!

“ผู้อำนวยการหลี่ไม่ต้องเกรงใจ” เฉินจื่ออันชำเลืองมองเซี่ยงฮุ่ยและพูดเรียบ ๆ “อย่างไรเสียก็เป็นหุ้นส่วนกันอยู่แล้ว!”

ตอนที่พูด น้ำเสียงเย็นลงเล็กน้อย

เซี่ยงฮุ่ยคนนี้เป็นคนตระกูลเซี่ยง ท่าทางเอาแต่ใจยังไม่เคยเปลี่ยนเลย!

ดูเหมือนว่าตั้งแต่ตระกูลอวี๋ล้มไป ความยโสโอหังของตระกูลเซี่ยงยิ่งกู่ร้องมากขึ้นเรื่อย ๆ!

แม้แต่เขาก็ยังไม่อยู่ในสายตา!

หลี่ฉางชิ่งเข้าใจในทันทีว่าเฉินจื่ออันโกรธแล้ว

และไม่ว่าจะขอโทษมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ไม่สนใจเสียแล้ว

คนอื่น ๆ ในบ้านมองพวกเขาสามคนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความจงเกลียดจงชัง

หลี่ฉางชิ่งมีนิสัยเป็นมิตร ไม่ใช่ทุกคนในอำเภอจะพูดว่ารักเขา แต่อย่างน้อยก็ไม่มีใครใช้สายตามองเขาด้วยความรังเกียจเช่นนี้เลย

ภายใต้ความอึดอัด เขาพาภรรยากับลูกเดินออกไป

แค่ทะเลาะกันแบบนี้ก็ไม่น่ายินดีแล้ว ยิ่งไม่ออกไปจะรอให้หัวหน้าเฉินมาไล่หรือ?

“ผู้อำนวยการหลี่ เดี๋ยวก่อน!”

คนโดนเรียกสะดุ้งเฮือก ไม่รู้ว่าทำไมหัวหน้าเฉินถึงเรียก

แต่ก็ยังหันกลับไปหาอยู่ดี

“เอาของพวกนี้กลับไปด้วยสิ!” เฉินจื่ออันพูดแล้วหยิบถุงตาข่ายขนาดใหญ่สองใบที่หลี่ฉางชิ่งเอามาวางไว้บนโต๊ะหินในสวน

เขารีบปฏิเสธและคืนของขวัญทั้งหมดทันที นี่กะไม่ไว้หน้าแล้วจริง ๆ สินะ

“หัวหน้าเฉิน นี่เป็นของสำหรับหลานชายนะ ได้พบกันครั้งแรกจะไม่มีของมารับขวัญได้อย่างไร ท่านรับไว้เถอะ!”

แต่อารมณ์ของเฉินจื่ออันเป็นแบบนี้เสมอ และไม่สนใจหน้าตาเลย

“ผู้อำนวยการหลี่ ไม่มีปัญหาที่เราจะเป็นหุ้นส่วนกัน แต่ของพวกนี้ต่อให้เราอยู่ในชนบทก็ไม่ขาดเหลือหรอกนะ!” ตอนเฉินจื่ออันพูดเช่นนี้ก็เหลือบมองไปที่เซี่ยงฮุ่ยด้วย

ส่วนหลี่ฉางชิ่งที่ได้ยินว่าชนบทไม่กี่คำก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าว

ไม่รู้ว่าภูมิหลังของเฉินจื่ออันเป็นอย่างไร แต่การที่ออกมาปรากฏตัวแบบนี้ได้ต้องไม่สันโดษเดี่ยวอยู่แล้ว

“หัวหน้าเฉิน…” หลี่ฉางชิงคิดจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ถูกเฉินจื่ออันขัดจังหวะ

“เอากลับไป!” สามคำที่แสนเย็นเยือก

หลี่ฉางชิ่งทำได้แค่รับมันมาแล้วจากไป

เซี่ยงฮุ่ยปวดใจกับของขวัญมากมายพวกนี้

เธอใช้เงินกับตั๋วไปไม่น้อยเลย และมอบให้เฉินจื่ออันไปอย่างเสียเปล่า ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็โมโห

ไม่เอาก็ดี รอกลับก่อนค่อยเอาไปให้คนที่บ้านพ่อแม่แล้วกัน

พอออกมาก็เลี้ยวเข้ามุมหนึ่ง เมื่อมองไม่เห็นประตูบ้านหลังที่ออกมาเมื่อครู่ หลี่ฉางชิ่งก็ตวาดใส่ภรรยาเลย

“เซี่ยงฮุ่ย เธอจะเอาหน้าไว้ให้ใครดู?”

“ที่มาเป็นแขกเดิมทีก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการสานสัมพันธ์กับหัวหน้าเฉิน แต่เธอกลับทำมันพัง”

“ญาติหัวหน้าเฉินมีอะไรให้เธอดูถูกหรือ? คิดว่าตัวเองเป็นใคร”

หลี่ฉางชิ่งมองใบหน้าที่ร้ายกาจของเซี่ยงฮุ่ย และรู้สึกขยะแขยงมากขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อก่อนก็เคยคิดว่าเธอดี แต่สองปีมานี้ทำไมชักทนขึ้นไม่ได้เรื่อย ๆเลย?

เธอเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไร?

ตั้งแต่ตระกูลอวี๋ล่มสลายเมื่อสองปีที่แล้วหรือ?

ใช่แล้ว ตระกูลอวี๋ที่เหนือกว่าตระกูลเซี่ยงมาตลอดล่มสลายแล้ว และสถานะของตระกูลเซี่ยงก็เพิ่งขึ้นนับจากนั้น

ตอนนั้นเองที่เข้าใจว่าทำไมภรรยาถึงเปลี่ยนไป

เพราะรู้สึกว่าไม่มีตระกูลอวี๋อีกแล้ว ก็ไม่มีใครมากดตระกูลเซี่ยงได้

โง่เง่า บนโลกใบนี้มีใครไม่ถูกกดขี่บ้างล่ะ?

แม้แต่ตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองหลวงก็ยังโดนจัดการได้ นับประสาอะไรกับตระกูลเซี่ยง!

แน่นอนว่าคำตอบของเซี่ยงฮุ่ยได้ยืนยันความคิดของเขา

“ไม่ว่าหัวหน้าเฉินจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม แต่จะทำอะไรตระกูลเซี่ยงเราได้หรือ?”

น้ำเสียงของเธอดูหยิ่งยโสมาก ตอนพูดก็เสยผม เชิดคาง ทำท่าทำทางเหยียดหยาม!

“ตระกูลเซี่ยง? เธอคิดว่าตระกูลเซี่ยงแข็งแกร่งขนาดไหนหรือ?” หลี่ฉางชิ่งเริ่มมีน้ำโห

“ไม่แข็งแกร่งหรือ? แม่แต่เลขาตู้กับผู้ดูแลฉียังต้องยกให้ตระกูลเซี่ยงก่อนเลย นับประสาอะไรกะอีแค่หัวหน้ากองกำลังทหารตัวกระจ้อย!”

เซี่ยงฮุ่ยรู้สึกหงุดหงิดมากที่สามีเป็นคนประเภทช่วยคนอื่นแต่กดตัวเองเอาไว้

ตระกูลเซี่ยงมันทำไม? ตอนนี้ไม่เป็นสองรองใครในอำเภอแล้ว ใครจะไม่อยากประจบสอพลอล่ะ?

สายสัมพันธ์อันซับซ้อนของตระกูลเซี่ยง ไม่มีตระกูลไหนในอำเภอเทียบได้เลย

“นังโง่ ได้คิดไหมว่าตระกูลอวี๋ล่มสลายอย่างไร?” หลี่ฉางชิ่งเตือนด้วยความโกรธ “เธอวางแผนจะฝังพวกเราทุกคนไปด้วยเพราะความไม่รู้เรื่องรู้ราวของตัวเองหรือไง?”

“ตระกูลอวี๋ไม่ได้ล่มสลายเพราะพวกเขาทำให้คนเบื้องบนขุ่นเคืองหรือไง?” เซี่ยงฮุ่ยพูดอย่างไม่เห็นด้วย “ฉันรู้ว่าควรทำอะไร แค่ไม่ทำให้เบื้องบนไม่ขุ่นเคืองก็พอแล้ว!”

“พวกเบื้องบน? พวกเบื้องบนเนี่ยนะ!” หลี่ฉางชิ่งหัวเราะด้วยความโกรธ

“ฉันอดทนกับเฉินจื่ออันมานานแล้ว เขาจะเอาแต่ใจเกินไปแล้ว”

“เขาเป็นใคร ไม่จำเป็นต้องให้เธอตัดสิน!” หลี่ฉางชิงบีบมือตัวเองแน่นเพราะกลัวว่าจะเผลอลงไม้ลงมือ

“ถ้าฉันพูดแล้วจะทำไม? เซี่ยงหงที่แสนดีขนาดนั้นของบ้านเรามีอะไรไม่คู่ควรกับเขา?”

“เซี่ยงหงที่เอาแต่ทำเรื่องสุ่มสี่สุ่มห้าทั้งวันมันมีดีอะไรนักหนา?” หลี่ชางชิ่งพูดด้วยความขยะแขยง

เพราะเซี่ยงหงชีวิตดีไง วันทั้งวันเอาแต่ไปหาเรื่องตระกูลตงบ้าง หาตระกูลซีบ้างไม่ใช่หรือ สองปีมานี้มีกี่คนแล้วที่ซวยเพราะเด็กคนนั้น

เป็นเขาก็ไม่อยากได้ผู้หญิงแบบนั้นหรอก!

“เธอคอยให้ความช่วยเหลือคนอื่นอย่างขยันขันแข็ง แล้วก็คิดบวกด้วย จะไปทำเรื่องสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร? สหายหลี่ฉางชิ่ง ความคิดคุณมันมีปัญหาแล้วนะ!”

“เซี่ยงฮุ่ย ถ้าคิดจะไปเรียนกับเซี่ยงหงก็ไสหัวกลับบ้านไปเลย ตระกูลหลี่ของพวกเราไม่ต้องการอะไรแบบนี้!”

ถึงเซี่ยงฮุ่ยจะสับสนแต่ก็รู้ว่าสามีไม่สามารถสูญเสียไปด้วยได้จึงตกใจมาก

และมันทำให้เธอรู้ว่าที่คิดมันผิดแต่ไม่ยอมรับ จึงได้แต่พึมพำ “เขายอมแต่งงานกับคนที่เคยแต่งงานมาแล้วนะ นี่ไม่ได้ตบหน้าตระกูลเซี่ยงอยู่หรือไง?”

“ต่อให้เขาตบหน้าบ้านคุณ พวกพี่ชายน้องชายเครือญาติคุณทั้งหลายก็ไม่กล้าต่อกรกับเขาหรอกนะ” หลี่ฉางชิ่งเจาะก้อนจินตนาการของเซี่ยงฮุ่ยจนทะลุ

ถึงเธอจะไม่ฉลาด แต่พอสามีพูดแบบนี้ก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท