บทที่ 161 ซูเสี่ยวฉินกลับมา
บทที่ 161 ซูเสี่ยวฉินกลับมา
ทุกคนหันไปมอง ก่อนจะพบกับเด็กสาวคนหนึ่งที่ดูคุ้นเคย
เด็กสาวสวมชุดการ์ดสีน้ำเงิน เป็นสูทตัวเล็กที่ได้รับความนิยมมาก แม้จะเก่าไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าเสื้อผ้าที่ปะต่อกัน ซึ่งเสื้อผ้าพวกนี้คนในชุมชนใส่กันส่วนใหญ่
เด็กสาวบ้านใครกัน การแต่งกายค่อนข้างทันสมัยเลยทีเดียว
แต่ทำไมใบหน้าและหน้าผากถึงมีแต่รอยแผลล่ะ?
“นี่ใครน่ะ?” สมาชิกคนหนึ่งถามถามอย่างสงสัย “ดูคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก แต่เหมือนไม่ใช่คนในชุมชนการผลิตของเราใช่ไหม?”
“เหมือนจะอายุยังไม่ถึงสิบหกนะ”
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่อายุสักหน่อย เธอไม่ใช่คนของชุมชนเราต่างหาก แล้วทำไมถึงคิดมาแย่งตำแหน่งของพวกเราล่ะ?”
“ใช่เลย ไม่ใช่คนของเรา รีบออกไปเลยนะ!”
“ออกไปเลย ๆ ตำแหน่งเล็กน้อยแบบนี้ คะแนนของชุมชนเราไม่พอด้วยซ้ำ”
ตอนที่พูดก็มีคนก้าวไปข้างหน้าคิดจะเตะเด็กสาวออกไปจริง ๆ
มนุษย์ก็แบบนี้แหละ พอมีคนชักนำก็มีคนคล้อยตาม
พอเห็นว่าตนเองจะถูกทุบดี สาวน้อยก็แหกปากตะโกนลั่น “ฉันชื่อซูเสี่ยวฉิน ซูเสี่ยวฉินบ้านรองตระกูลซู!”
พอทุกคนได้มองใก้ล ๆ ถึงจะแตกต่างไปจากซูเสี่ยวฉินในความทรงจำ แต่เธอคือซูเสี่ยวฉินจริง ๆ
“ซูเสี่ยวฉินจริง ๆ หรือ?”
“เหมือนจะใช่นะ!”
“ไม่ใช่ว่าตายไปแล้วหรือ??”
ก่อนหน้านี้มีคนบอกว่าซูเสี่ยวฉินบ้านรองซูอยู่ที่ตัวอำเภอ แต่พวกเขาก็ยังไม่เชื่อ
ทุกคนคิดว่าซูเสี่ยวฉินน่าจะตายอยู่ข้างนอก
เด็กผู้หญิงตัวคนเดียวจะไปใช้ชีวิตอยู่ในตัวอำเภอเพียงลำพังได้อย่างไร? วันเวลาแบบนี้ ไม่มีใครให้ข้าวกินหรอกนะ
แต่ตอนนี้ซูเสี่ยวฉินกลับมาแล้ว
ถึงจะมีรอยแผลบนใบหน้าและหน้าผาก แต่ดูจากเสื้อผ้าแล้วก็ไม่น่าผิด
เด็กคนนี้มีความสามารถจริง ๆ
“เสี่ยวฉิน เธอกลับมาตั้งแต่เมื่อไร?” ถึงซูฉางจิ่วจะไม่ชอบซูเสี่ยวฉิน แต่ก็ยังอยากจะถาม
เรื่องที่ชุมชนเราสูญเสียคนไป ในตอนแรกซูฉางจิ่วใช้ความพยายามไปไม่น้อยเพื่ออธิบายให้ชัดเจน
ไม่มีใครเห็นว่าสายตาที่เขามองอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความรังเกียจเช่นไร
คนอื่นไม่รู้ แต่ซูฉางจิ่วรู้ คนที่รายงานครอบครัวผู้เฒ่าซูคือเด็กคนนี้
เรื่องนี้ทำให้เขาอารมณ์เสียมาตั้งหลายวัน คิดไม่ตกว่าเธอจะเป็นเด็กแบบนี้ได้อย่างไร?
ด้วยความที่ซูฉางจิ่วเป็นคนซื่อสัตย์ แล้วคนที่สามารถรายงานต่อญาติสายเลือดที่ใจดีด้วยขนาดนี้ได้ จินตนาการได้เลยว่าต้องเป็นคยเช่นไร!
และเพื่อป้องกันไม่ให้สมาชิกบ้านซูเสียใจ จึงไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใครสักคน
ซูเสี่ยวฉินเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ความเย่อหยิ่งในดวงตาปิดไม่มิดเลย
“หัวหน้าซู ฉันได้ยินมาชุมชนของเรารับสมัครคนงาน ฉันอยากจะเข้าร่วมการสอบด้วย!”
ซูฉางจิ่วขมวดคิ้วอีกครั้ง
ซูเสี่ยวฉินในตอนนี้ทำให้เขารู้สึกไม่ชอบหล่อนขึ้นมาอีก
“เธออยากสอบคัดเลือกคนงานด้วยหรือ?” ซูฉางจิ่วถาม
“ใช่ ฉันต้องการเข้าร่วมการสอบด้วย” ซูเสี่ยวฉินพูดอย่างหนักแน่น “หัวหน้า ฉันอยู่ที่อำเภอมาปีกว่าแล้ว ได้เปรียบกว่าคนอื่น ๆ แน่นอน”
“แต่อายุของเธอยังไม่ถึงเกณฑ์ แถมยังไม่รู้หนังสือด้วย!” ซูฉางจิ่วพูดโดยไม่คิดให้มาก
“ฉันรู้ ฉันรู้หนังสือ!” ซูเสี่ยวฉินตะโกนอย่างทนไม่ได้
ปีกว่าแล้วที่เธอตรากตรำเรียนหนังสือที่อำเถอ เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งอนาคตที่ดี
ไม่คิดเลยว่า ตั้งแต่ที่เซี่ยงหงโดนเธอหลอกล่อให้เชื่อฟัง ทุกอย่างก็โดนเสี่ยวเถียนทำลายไปจนหมด
ซูเสี่ยวเถียนเป็นเพียงหายนะในชีวิตของเธอ!
ก่อนหน้านี้ ซูเสี่ยวฉินคิดว่าเซี่ยงหงดีต่อเธอไม่มากพอ แต่หลังจากที่อีกฝ่ายจากไป ถึงได้ตระหนักว่าชีวิตตนเองสะดวกสบายเพียงใดภายใต้การคุ้มครองของเซี่ยงหง
นับตั้งแต่ที่สูญเสียที่พักพิงอย่างพี่สาวคนนี้ไป ชีวิตของเธอก็ลำบากมากขึ้น เรียกได้ว่าตกที่นั่งลำบาก
พวกผู้ชายที่น่าขยะแขยงพวกนั้น ต่อให้เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก็ยังใช้มือลูบไล้ร่างกายเธอ
พอคิดถึงเรื่องชวนคลื่นไส้ เธอก็แทบบ้าจนอยากจะแข็งแกร่งขึ้น
แต่ในเมืองตอนนี้มีที่ไหนง่ายกันล่ะ?
ในช่วงเวลาที่แสนวิกฤต ได้ยินว่าพวกหงซินได้รับข้อเสนอตำแหน่งคนงาน เธอรอแทบไม่ไหวที่จะกลับมา
เธอคิดมาตลอดทาง ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เธอจะเป็นคนงานให้ได้
เธอคิดจะปรากฏตัวหน้าหน้าทุกคนและเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้า
โดยเฉพาะซูเสี่ยวเถียน ต้องเหยียบไว้ให้มิด เหยียบให้ตายจมดินไปเลย
พอนึกถึงมันก็มองหาไปรอบ ๆ แต่หาไม่พบ
เธอทำได้เพียงเก็บงำความไม่เต็มใจเอาไว้ แล้วมองซูฉางจิ่วต่อ
“ต่อให้รู้หนังสือ แต่เงื่อนไขไม่ผ่าน” ซูฉางจิ่วกล่าวต่อ
ซูเสี่ยวฉินอายุเพียงสิบสี่หลังปีใหม่ที่แล้ว และการรับสมัครคนงานนั้นอย่างน้อยก็ต้องสิบหก
ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบหกปีถือเป็นแรงงานเด็ก และไม่มีโรงงานใดยินดีรับเด็กเหล่านี้
“หัวหน้า ฉันสิบหกแล้วนะ ฉันสิบหกแล้ว!” ซูเสี่ยวฉินตะโกนอย่างเจ็บปวดใจ
นี่เป็นข้อแก้ตัว ข้อแก้ตัวแล้วอย่างไรล่ะ ตัวเธอไม่รู้หรอกว่าอายุเท่าไร ตราบใดที่หัวหน้าไม่พูดใช่ไหมล่ะ?
ตราบใดที่หัวหน้าพิสูจน์ได้ว่าเธออายุสิบหก ใครจะพูดได้ว่าเธอไม่ได้อายุสิบหกล่ะ
ซูฉางจิ่วพูดไม่ออก เด็กคนนี้ชอบโกหกนัก!
อายุสิบหกที่ไหนกัน ใคร ๆ ก็รู้ว่าเธอเพิ่งจะสิบสี่นี่?
ซูเสี่ยวฉินร้อนรน มองไปรอบ ๆ หาคนช่วยเหลือ จากนั้นก็เห็นคนสองคนจากบ้านรองซู!
“ย่า แม่ บอกหัวหน้าทีว่าฉันอายุสิบหกแล้ว ฉันสิบหกแล้วนะ!” ซูเสี่ยวฉินเหมือนจะพบผู้ช่วยชีวิตแล้ว
หลังจากได้ยินเสี่ยวฉินพูดแบบนั้น หลิวซิ่วอิงก็กลอกตาขบคิด ก่อนจะตัดสินใจขั้นสุดท้ายออกมาทันที
เธอเดินไปแอบพูดกับซูฉางจิ่ว “หัวหน้า เสี่ยวฉินอายุสิบหก ตอนที่เธอเกิดมีหิมะตกหนัก ฉันจำได้ชัดเจนเลย”
ทุกคนไม่คาดคิดว่าจะเป็นแบบนี้
ตอนนั้นที่ท่าทางของสองย่าหลานแปลกไปเล็กน้อย
แค่คนเดียวเอง ใครจะไม่รู้กัน?
ลูกบ้านเราอายุเท่าไร คนอื่นจะไปจำได้ดีกว่าเราได้อย่างไร?
ความสามารถในการหลับหูหลับตาพูดของหลิวซิ่วอิง ช่างไร้ยางอายจริง ๆ
“หลิวซิ่วอิง เธอหยุดไว้ได้ดีเหลือเกินนะ เสี่ยวฉินกับลูกชายคนรองบ้านฉันอายุเท่ากัน แถมแก่กว่าสองเดือนด้วย!” ผู้หญิงคนหนึ่งหัวเราะและพูดประชดประชัน
“ใช่ แม่ของเสี่ยวฉินกับฉันแต่งงานพร้อมกัน ขบคิดมาตั้งนานแล้วก็แต่งงานตอนอายุสิบห้า ถ้าเสี่ยวฉินอายุสิบหกเนี่ย ลูกติดหรือเปล่า?” ผู้หญิงอีกคนพูดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
ทุกคนขบขันกับประโยคที่ว่า แต่ละคนที่หัวเราะต่างก็ขอหลักฐานพิสูจน์ว่าเสี่ยวฉินอายุสิบหก
แต่หลิวซิ่วอิงคือใครล่ะ เพื่อผลประโยชน์แล้วเธอไม่ยอมแพ้หรอก
“พวกแกจะไปรู้อะไร? บ้าไปแล้วสินะ เสี่ยวฉินอายุสิบหกนะ หรือพวกแกกลัวว่าเสี่ยวเถียนจะแย่งโอกาสลูกบ้านแกไปล่ะ?” หลิวซิ่วอิงพูดตรง ๆ
อันที่จริง หลิวซิ่วอิงกระตือรือร้นจะสู้กับคนอื่นก็เกือบจะตบคนอื่นแล้ว
พอเห็นการสอบในครั้งนี้เหมือนจะถูกทำลาย ซูฉางจิ่วอดลูบหน้าผากไม่ได้
แค่เด็กคนนี้ปรากฏตัวก็ไม่มีเรื่องดีแล้ว!
เพื่อให้การสอบดำเนินต่อไป ซูฉางจิ่วทำได้เพียงแค่จัดโต๊ะเพิ่มอีกสองสามตัว
พอซูเสี่ยวฉินกำลังจะสอบ เด็กที่อายุไล่เลี่ยกันก็ไม่ละทิ้งโอกาสด้วย
ซูฉางจิ่วตัดสินใจให้เด็กทุกคนที่อายุเกินสิบสี่ปีเข้าสอบ
เพราะเกิดความโกลาหลจึงทำให้เวลาสอบเลื่อนออกไปมาก และคนที่รอสอบที่โต๊ะใกล้จะตัวแข็งแล้ว
พอซูฉางจิ่วให้เริ่มสอบต่อ ตอนที่ลงมือเขียน ร่างกายของทุกคนสั่นสะท้านเล็กน้อย